ตอนที่ 031 พลังฝีมือของม่อฝานหลง
บรรยากาศของทั่วทั้งสี่ด้านแปดทิศ ต่างอยู่ในภาวะตะลึงลาน มีอาการเหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมองไปยังฉากที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า ใบหน้าของแต่ละคนต่างก็อยู่ในอาการแข็งทื่อ ราวกับกำลังเห็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อก็มิปาน
หากไม่รวมม่อฝานหลงเข้าไปด้วยแล้ว ยอดฝีมือทั้งหมดของตระกูลม่อแต่ละคนต่างก็แสดงสีหน้าน่าเบื่อ ราวกับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมาก่อน
จะมีผู้ใดคาดคิดกัน ว่าเยี่ยจงจะเป็นคนเริ่มเล่นทีเผลอก่อน ความจริงม่อฝานหลงตอนแรกที่ตั้งใจไว้ก็คือจะลงมืออยากเฉียบขาดเป็นอย่างที่สุด แม้ม่อฝานหลงจะคาดเดาไม่ออกว่าเขาจะลงมือ การลงมือของเยี่ยจงนั้นจัดได้ว่าดุดันได้ถึงขนาดนี้ ? อีกทั้งยังรวดเร็วได้ถึงขนาดนี้ ?
“ ดูเหมือน ข้าจะดูถูกคุณชายตระกูลม่อเช่นท่านไปแล้วหลายส่วน “ เยี่ยจงก้าวถอยหลังไปตั้งหลักประมาณสิบก้าว เขาหรี่ตามองไปทางม่อฝานหลงที่อยู่ทางเบื้องหน้าที่กำลังตะลึงลาน จากนั้นก็ยิ้มแล้วกล่าวออกมา เพียงแต่ว่ารอยยิ้มในครั้งนี้แฝงไว้ด้วยความเยียบเย็นเหลือคณา
นับตั้งแต่เริ่ม เยี่ยจงก็มองออกว่าม่อฝานหลงผู้นี้มีเจตนาที่จะสังหารตนเอง ถึงแม้จะไม่ทราบว่าคนผู้นี้เพราะเหตุใดถึงต้องการที่จะสังหารตน แต่ว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการที่จะสังหารตนเองแล้ว เยี่ยจงก็คงมิอาจนั่งเฉยโดยที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้
“ เจ้า —— ช่างบังอาจ !!!”
ม่อฝานหลงตอบสนองกลับมา ในวินาทีนั้นเอง ใบหน้าอันหล่อเหลาก็ได้แปรเปลี่ยนปกคลุมไปด้วยความอาฆาต จากนั้นก็ค่อยๆบดกระดูกในมือทั้งสองข้างจนแตกกระจายเป็นปุ๋ยผง ภายในดวงตาทอประกายรังสีฆ่าฟันอย่างไม่ลดละ จ้องมองไปทางด้านเยี่ยจง ขบเคี้ยวเคี่ยวฟันราวกับจะกลิ่นกินเยี่ยจงลงไปทั้งตัว
เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่ายังไงเขาก็คงนึกไม่ถึงว่า คนที่อ่อนแอกว่าอย่างเยี่ยจงจะสามารถทำเหมือนว่าเขาเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือได้
“ ยอดเยี่ยม ! เห็นแก่ชื่อของสำนักแห่งดวงดาวนี้ ข้าความจริงตระเตรียมที่จะไว้ชีวิตของเจ้าไว้ ในเมื่อเจ้าอยากรนหาที่ตายเอง ถ้าเช่นนั้นก็อย่าได้โทษว่าข้าเลย ข้าจะตัดเส้นเอ็นมือและเท้าของเจ้า จากนั้นก็ค่อยๆบดขยี้กระดูกของเจ้าทีละชิ้น “ ม่อฝานหลงยื่นมือซ้ายไปบีบนวดบริเวณไหล่เล็กน้อย เพื่อที่จะหยุดเลือดที่กำลังไหล สายตาจ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็เงียบขรึมไม่เอ่ยอันใดต่อ ทว่าในตอนที่เขาเงียบขรึมนั้นเองกลับทำให้บรรยากาศในตอนนี้ยิ่งทวีความน่าหวาดหวั่นเพิ่มขึ้น เป็นตัวบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่า เจตนาฆ่าฟันของเขานั้นได้ปะทุขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งแล้ว
“ ลงมือ “
เพียงชั่วขณะ ม่อฝานหลงก็ร้องเฮอะคำหนึ่ง จากนั้นก็พบว่าทางด้านหลังมีคนยอดฝีมือจำนวนมากของตระกูลม่อต่างก็เหินออกไปราวกับรังผึ้งแตกออกมาอย่างรวดเร็ว ในมือพวกเขาถือว่าได้ดาบยาวคมกริ่ม จากนั้นก็เริ่มร่ายรำเพลงดาบส่องประกายดาบพุ่งไปทางด้านที่เยี่ยจงอยู่
นัยน์ตาของเยี่ยจงปกคลุมไปด้วยประกายเยาะเย้ย พลิกมือขวาคราหนึ่ง กระบี่เงินยาวมรกตก็ได้ปรากฏบนมือขวา กระบี่สั่นไหวบนมือไปมา บนด้ามกระบี่มีสัญลักษณ์ลี้ลับบางอย่าง พุ่งเข้าหากลุ่มคนที่ถือดาบสาดประกายอยู่เสียงดังวุ่นวาย
“ เช่ง เช่ง เช่ง——”
ดาบกระบี่เข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ดาบของคนกลุ่มนั้นต่างแตกสลายไปตามๆกัน แม้กระทั่งดาบยาวก็ยังขาดสะบั้น เหล่ายอดฝีมือของคนตระกูลม่อความจริงแล้วมิได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย อย่างมากก็มีพลังฝึกปรือแค่ขั้นก่อเกิดขั้นที่สามเท่านั้น อีกทั้งพลังฝีมือระดับนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยจงแล้ว ก็เหมือนดั่งสุนัข(พิทบูล)ไล่กัดไก่วัด ยังไงก็คงไม่น่าดูเท่าใด
เพียงกระบี่เดียวก็สามารถจัดการเหล่ายอดฝีมือตระกูลม่อถอยไปได้หลายคน เยี่ยจงจ้องมองไปอย่างเย็นชาไปทางแผ่นหลังของเหล่ายอดฝีมือที่กำลังถอย แต่ก็มิได้ตามติดไปสังหารแต่อย่างไร จากนั้นสายตาก็หยุดลงบนใบหน้าที่สงบนิ่งของม่อฝานหลง บนร่างของม่อฝานหลงตอนนี้ให้บรรยากาศชนิดหนึ่งที่ดูน่าหวาดกลัวสุดขีดออกมาจากตัวของเขา บ่งบอกให้ทราบได้ว่า กับบุคคลประเภทนี้ แน่นอนว่ะเป็นอะไรที่ยากที่จะต่อกร หากว่าเขาได้ระเบิดโทสะออกมาแล้วละก็ คงเป็นอะไรที่ส่งผลคุกคามต่อตนเองอย่างมากมาย และตอนนี้เขาก็ทำได้เพียงอยู่ในความสงบ แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็ให้ความรู้สึกบางอย่าง ว่าหากเขาระเบิดโทสะออกมาแล้วละก็ การลงมือคงจะน่าสะพรึงกลัวไม่น้อย
ในตอนนี้ เยี่ยจงทราบดีว่าพลังฝีมือของตนเองนั้นมิใช่คู่ต่อสู้ที่จะสามารถต่อกรกับม่อฝานหลงที่มีพลังฝีมือถึงขั้นก่อเกิดขั้นที่หกได้ เมื่อครู่ที่ตนเองได้เปรียบก็เพียงเล็กน้อย แต่ทว่าในเวลาเดียวกันก็ดูเหมือน ม่อฝานหลงผู้นี้คงจะเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็นแน่ หากว่าตนเองต้องการที่จะหาวิธีใดเพื่อที่จะเอาลัดเอาเปรียบแล้วละก็ เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนสาหัดอย่างมากมาย
รอบด้านทั่วทั้งสี่ทิศ เหล่ายอดฝีมือแห่งตระกูลม่อที่พบเห็นเพียงกระบวนท่าเดียวของเยี่ยจงต่างก็ถอนหลบไปตามๆกัน สายตาของแต่ละคนต่างก็ปกคลุมไปด้วยความเลื่อมใส ฝีมืออย่างเยี่ยจงในตอนนี้ เกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถคาดคำนวณไว้ได้แล้ว ทำให้พวกเขาเข้าใจได้อย่างกระจ่างว่า เหตุใดจึงอาจหาญมาต่อกรก็งูเจ้าถิ่นอย่างม่อฝานหลง อย่างน้อยเยี่ยจงก็ยังมีพลังต่อสู้ในการเผชิญหน้าได้
“ ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่จะถอยกันแล้วสินะ “
หลังจากที่สบตากับม่อฝานหลงแล้ว ในส่วนลึกของจิตใจเยี่ยจงนั้นมีความคิดที่อยากจะถอยอยู่ อีกทั้งในตอนนี้ยังอยู่ในส่วนหนึ่งของอารามก่อฟ้า หากว่าต้องปะทะกับม่อฝานหลงแล้วละก็ ตนเองคงจะเสียเปรียบอยู่ไม่น้อย จากนั้น ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการตามหาก้านไม้วิญญาณม่วงให้พบ แต่มิใช่ทำอย่างอื่น ขอเพียงแค่สามารถครอบครองก้านไม้วิญญาณม่วงแล้วละก็ ก็จะสามารถเพิ่มพูนขีดพลังฝีมือให้เพิ่มขึ้นจนถึงระดับขั้นก่อเกิดขั้นที่สี่ แม้แต่ม่อฝานหลงก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ด้วย จึงมิมีสาเหตุที่ตนเองต้องเข้าปะทะด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง บรรดาผู้คนรอบบริเวณทั้งสี่ด้านต่างก็จ้องกันตาเป็นมัน หากว่าตนได้รับบาดเจ็บซักเล็กน้อยในที่แห่งนี้แล้วละก็ คงยากที่จะคาดเดาเหตุการณ์ที่จะตามมาได้ อีกทั้งหากก้านไม้วิญญาณม่วงตกไปอยู่ในมือผู้อื่นแล้วละก็ เกรงว่าคงมีปัญหาใหญ่มากมายตามมา
“ เจ้าคงมิใช่คิดหลบหนีหรอกนะ ? “
ในขณะที่เยี่ยจงกำลังขมวดคิ้วใคร่ครวญอยู่ ม่อฝานหลงก็ได้หัวเราะเสียงเย็นเยียบ หลังจากนั้น นัยน์ตาของเขาก็ประทุรังสีการฆ่าฟันออกมาอยากช้าๆแต่ทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆออกมา ทันใดนั้นก็พบว่ามีบางอย่างปรากฏบนฝ่ามือของเขา บนฝ่ามือนั้นถือไว้ด้วยปืนกระดูกสีขาวสนิทด้ามหนึ่ง มิคาดฝันว่าสิ่งนี้จะมาอยู่ในมือของเขาได้ อีกทั้งในตัวปืนกระดูกด้ามนี้ ยังอัดแน่นเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันธาตุหยินอย่างเข้มข้น ราวกับว่ามันจะสามารถระเบิดความบ้าคลั่งได้ตลอดเวลา
“ เป็นศาสตราวุธระดับล่างหรือ ? “
เมื่อเยี่ยจงเห็นปืนกระดูกด้ามนี้ ในใจก็ได้เต้นระรัวอย่างรุนแรง ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นปั้นยากอยู่หลายส่วน ความจริงม่อฝานหลงก็มิใช่จะต่อกรได้โดยง่ายแล้ว หากยิ่งเพิ่มปืนกระดูกที่เป็นศาสตราวุธระดับล่างเข้าไปด้วยแล้วละก็ เป็นที่แน่นอนว่าตนเองคงในสถานะการณ์ที่ยากลำบากแล้ว
ในเวลาต่อมา เยี่ยจงเริ่มที่จะเคลื่อนไหวก่อน เพียงชั่วขณะก็พุ่งไปถอยไปบริเวณด้านหลัง
ม่อฝานหลงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา ร่างกายขยับราวกับคาดการณ์ไว้แล้ว ปืนกระดูกบนมือขวา ในตอนนี้มีเสียงบางอย่างดังออกมาดังวี้ ราวกับกำลังตัดผ่านอากาศได้ก็มิปาน
เพียงชั่วเวลาที่ใช้กระบวนท่า ม่อฝานหลงขยับร่างกายอย่างประหลาดไล่ตามสังหารเยี่ยจงที่กำลังหันหลังอยู่ จากนั้นก็พบว่ามือขวาของเขาขยับคราหนึ่ง ปืนกระดูกบนมือก็ยิงกระสุนออกไปวาดเป็นเส้นโค้งออกมา มุ่งตรงเข้าไปทางบริเวณด้านหลังของเยี่ยจง
“ ปืนล็อคคอหอย “
ความรู้สึกที่สามารถทำให้ผู้คนขนลุกจนถึงเยื่อกระดูก ทำให้หัวใจเยี่ยจงแทบจะหยุดเต้นชั่วขณะหนึ่ง หรืออีกความหมายหนึ่ง วิชากำลังภายในกระบี่หกสุสานของเยี่ยจงก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา จากนั้นเขาก็พลิกมือขวาคราหนึ่ง กำลังภายในโจวเทียนทงเริ่มที่จะเคลื่อนไหว ฝ่ามืออันดุดันพุ่งออกไปยังเบื้องหน้า
“ ตัง——”
พลังฝ่ามือของเยี่ยจงใช้ออกทีหลังแต่บรรลุถึงก่อน แทบจะใช้พลังทั้งหมดออกไป อีกทั้งเยี่ยจงยังต้องพึ่งพาประสบการณ์การต่อสู้ของตนเองเข้าช่วย หลังจากที่ฝ่ามือนี้มุ่งบรรลุไปที่ตัวลำปืนของม่อฝานหลง ถึงแม้ในด้านพลังจะอ่อนแอกว่าเพียงเล็กน้อย
ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม รังสีฆ่าฟันที่คลุมไว้ด้วยพลังหยินก็เข้าปะทะไปที่ร่างของเยี่ยจงในทันที แทบจะทำให้เลือดลมภายในทรวงอกของเขาแปรปรวน จนเกือบอดทนไม่ไหวที่จะพ่นเลือดออกมา
“ อะไรกัน ? “
กระบวนท่านี้ของม่อฝานหลงยังไม่ถึงตัว ในดวงตาปกคลุมไว้ด้วยอาการตกใจอย่างบอกไม่ถูก เขามองออกอยู่แล้วว่าพลังฝีมือของเยี่ยจงอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่สาม ตามที่เขามองออก การยิงเมื่อครู่ของตนเอง ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีกำลังภายในอยู่ในขั้นก่อเกิดขั้นที่ห้าก็ไม่น่าที่จะต้านรับไว้ได้ แต่ทว่า เยี่ยจงยังใช้แค่ฝ่ามือเดียวเข้าปะทะต้านรับการยิงของตนเองไว้ได้?
“ ปิดทางหนีของเจ้าเด็กน้อยนี้เอาไว้ นายน้อยอย่างข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเจ้าเด็กน้อยนี้มีความสามารถอะไรอีก ! “ ม่อฝานหลงหัวเราะออกมาอย่างเยียบเย็น ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นทอประกายดุดันอย่างลึกซึ้งเย็นชา ในเมื่อเยี่ยจงยิ่งแข็งแกร่ง ม่อฝานหลงก็ยิ่งอยากจะสังหารมากขึ้น ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ บุคคลเช่นนี้หากเติบโตขึ้นต่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นความยุ่งยากน่ารำคาญอันยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า
เสียงร้องเฮอะดังออกมา มือขวาของม่อฝานหลงเคลื่อนไหวอีกครา ในขณะเดียวกันปืนกระดูกในมือก็ราวกับระเบิดออกมาราวกับฟ้าฝนพายุโหมกระหน่ำ การโจมตีที่น่าหวาดหวั่นนี้ ครอบคลุมทั่วอาณาบริเวณมุ่งสู่จุดที่ร่างของเยี่ยจงปักหลักไว้อยู่ การโจมตีที่น่าหวาดหวั่นเช่นนั้น ทำให้อากาศโดยรอบค่อยๆเปลี่ยนแปลงและเกิดเสียงดังปิงปังออกมา
หลังจากที่พบเห็นอาการราวกับบ้าคลั่งอยู่หลายส่วนของม่อฝานหลง เยี่ยจงก็เริ่มที่จะขยับเคลื่อนไหว กระบี่ยาวในมือถูกฟาดฟันออกมา ลดระยะห่างจากม่อฝานหลงออกมาเล็กน้อย เพียงแต่ว่า ต่อมาจากนั้น มือขวาของเยี่ยจงก็เริ่มค่อยๆที่จะสั่นเทา กระบี่ยาวมรกตก็ได้แตกหักโดยทันที เป็นที่ชัดเจนว่า เศษเหล็กธรรมดาชิ้นนี้ไม่สามารถที่จะต้านรับการโจมตีที่น่าหวาดกลัวของศาสตราวุธในมือม่อฝานหลงได้เลย
“ ถือว่าเจ้าร้ายกาจ ช่างร้ายกาจ ซะเหลือเกิน ทว่าต่อให้เจ้าจะร้ายกาจสักแค่ไหน ข้าก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ “ มือของม่อฝานหลงเคลื่อนไหวรวดเร็วเป็นทวียิ่งขึ้น แต่ว่าอาการตกตะลึงและรังสีสังหารของส่งต่ออกมาอย่างต่อเนื่อง การตอบสนองและการลงมือของเยี่ยจงทั้งหมดทั้งมวลนั้นช่างเหนือความคาดหมายออกไป ทุกคราที่เขายิงกระสุนออกไปก็ยังถูกเยี่ยจงต้านรับไว้ได้ มันทำให้เขารู้สึกรำคาญจนหัวแทบจะระเบิด อีกทั้งกระบี่ยาวในมือเยี่ยจงก็ยังขาดสะบั้น หากกล่าวโดนทั่วไปแล้วละก็ต้องถือว่าเป็นโอกาสที่ดีเลยทีเดียว
“ ต๊ง “
การเคลื่อนไหวของม่อฝานหลงเริ่มที่จะกระชั้นชิดมากขึ้น ปืนกระดูกในมือหมุนควงรอบหนึ่ง ราวกับผีเสื้อที่กำลังโบกสะบัดปีก พร้อมมุ่งตรงไปยังจุดที่เยี่ยจงอยู่ ชั่ววินาทีนั้นเอง เสียงดังหวือตัดผ่านลมก็ได้ออกมาจากปืนกระดูก สาดส่องประกายออกมา
“ ปัง “
เยี่ยจงในตอนนี้ไม่มีทท่าที่จะหลบหนีแต่อย่างไร เขาทราบดีอยู่แล้วว่า ต่อให้เขาตัดสินใจที่จะหลบหนีต่อไป แต่ในระหว่างการหลบหนีพร้อมกับลงมือไปด้วยแล้วละก็ เกรงว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็คงหลบหนีไม่พ้นอยู่ดี
ดังนั้น ในตอนนี้เยี่ยจงก็ได้เคลื่อนไหวอีกครา มือขวาเริ่มที่จะออกกระบวนท่าอีกครั้ง เร่งเร้าพลังลมปราณกระบี่ออกมา
“ ติ้ง “
การโจมตีของทั้งสองในครั้งนี้ต่างลงมืออย่างรุนแรงออกมาโดยพร้อมกัน แต่ว่าร่างของเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้สั่นเทาไปมา จนในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะต้านรับกระบวนท่านี้ทั้งหมดของม่อฝานหลงได้ ร่างกายของเขาสั่นเทา เพียงพริบตาก็พุ่งทะยานไปทางด้านหลัง มุ่งหน้าตรงไปทางแท่นหิน โดดลงไปทางด้านทะเลสาบน้ำแข็ง
เพียงแต่ว่า ในขณะที่กำลังร่วงหล่นลงสู่ทะเลสาบน้ำแข็งนั้นเอง เยี่ยจงความจริงที่มีสีหน้าเย็นชาก็เริ่มที่จะเกิดอาการออกมา ในเวลาต่อมา ร่างกายของเขาราวกับได้รับบาดเจ็บหนักก็มิปาน ส่งเสียงร้องอย่างทรมานคำหนึ่ง ร่วงหล่นลงสู่ใจกลางทะเลสาบน้ำแข็ง
“ ตายแล้วหรือ ? รวดเร็วเช่นนี้ ? “ ม่อฝานหลงมองอย่างฉงนไปยังฉากเบื้องหน้า การจัดการกับเยี่ยจงที่ยากเย็นเมื่อครู่ เขานั้นรับรู้ได้เป็นอย่างดี แต่ว่าในขณะนั้น แต่กระนั้นเจ้าหนูนั้นก็ยังถูกเขากำจัดทิ้งไปได้จริงๆแล้วหรือ ?
.
.
.
.
PS。ขออภัยเป็นอย่างยิ่งนะครับที่หายหน้าหายตาไปหลายสัปห์ดา เนื่องจากติดธุระจริงๆ แต่จะพยายามแปลออกมาเรื่อยๆนะครับ
รักผู้อ่านและที่ติดตามทุกคนนะครับ ไม่หนีหายไปดื้อๆแน่นอนครับ