ตอนที่ 120 การต่อสู้เพียงสิบกระบวนท่า
เยี่ยจงได้ก้าวเดินออกไป ก็ได้ทำให้สายตาที่เป็นประกายนับไม่ถ้วนทั้งสนามมองมาที่เขา ขณะนั้นเอง เงาร่างที่ผอมสูงของเขาก็ได้ปกคลุมไปด้วยประกายสีเลือด แต่ว่ากลับแตกต่างจากกลิ่นคาวเลือดที่ปกคลุมไปทั่วนี้
ได้ยินคำพูดของเยี่ยจง พบเห็นความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง จากนั้นยอดฝีมือท่ามกลางสนามก็ได้แตกตื่นขึ้นทันที ต่างก็แสดงสีหน้าที่เหมือนกันออกมาหลายส่วน เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าผู้คนทั้งหมดต่างก็คิดที่จะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเยี่ยจงกลับแสดงเจตนาเช่นนี้ออกมา ก็คือต้องการที่จะวัดความสูงต่ำกับรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉางั้นหรือ ?
เด็กน้อยผู้นี้ที่แท้บ้าไปแล้วหรือ ? ยังคิดว่ามีความสามารถเช่นนี้งั้นหรือ ?
“ เหอะเหอะเหอะเหอะ เยี่ยจง องค์ชายเช่นข้ามองเจ้าไม่ผิดจริงๆ ทว่า เจ้าเป็นเพียงแค่เด็กน้อยที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ด ถึงกับหาญกล้ามาต่อกรเบื้องหน้ากองทัพโลหิตแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเพียงคนเดียวงั้นหรือ ? นอกเสียจากเจ้าจะร้ายกาจอย่างแท้จริงจนมองไม่เห็นกองทัพปีศาจโลหิตของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาของพวกเราอยู่ในสายตา ? ไร้เดียงสา “ เสวี่ยซินตัดรอนการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวแล้วมองไปทางด้านของเยี่ยจง ใบหน้าที่มีแต่รังสีความฆ่าฟัน เยี่ยจงคอยขัดขวางเรื่องของเขานับไม่ถ้วนก็เท่านั้น เมื่อครู่ที่อยู่ในช่วงสุดท้ายยังถึงกับเข้ามาฆ่าฟัน ดังนั้น ต่อให้เยี่ยจงไม่เสนอหน้าออกมา เสวี่ยซินก็เตรียมพร้อมที่จะฆ่าสังหารเขาเป็นอันดับแรก
“ ทว่า เจ้าคิดว่าเจ้าเพียงคนเดียวจะสามารถที่จะพลิกสถานการณ์ได้เช่นนั้นหรือ ? เจ้าอย่าได้หลงลืมไปเด็ดขาด บุคคลที่ยืนอยู่กับเจ้าในตอนนี้เป็นบุคคลใหญ่โตเช่นไร คนเหล่านี้แน่นอนว่าคงจะไม่ลงมือออกหน้าให้แก่เจ้าอย่างแน่นอน อย่างมากก็แค่ในช่วงที่เจ้าดึงรั้งพวกเราอยู่นั้น พวกเขาก็คงเลือกที่จะหลบหนีจากไป “
หลิงเยวี่ยและพวกที่อยู่ด้านหลังก็ได้เงียบงันไร้คำพูด ต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมาแทนคำกล่าว ร่วมทั้งเหลียนคายหยู่และพวกที่เหลือก็ได้จ้องมองไปที่ฉากเบื้องหน้าอย่างจดจ่อ ไม่มีแม้แต่การเคลื่อนไหวใดๆปรากฏออกมา
“ มองไปถึงไหนกัน ? ในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ยังจะมัวมาเหม่อลอยกันอีก จิตใจที่มีแต่ความมุ่งมั่นนั้นหายไปไหนกัน ? พวกเจ้าเหล่านี้ ไม่ไหวเลย “ เสวี่ยซินกล่าววาจาเย้ยหยัน
จากนั้นเขาก็ได้โบกมือไปมา สายตาจับจ้องไปทางด้านเยี่ยจงอีกครั้ง นัยน์ตาปรากฏความความสนุกสนานสายหนึ่งแล้วกล่าวออกมา “ ถ้ากล่าวกันตามเหตุและผลแล้วละก็ ตอนนี้การสังหารเจ้าไปเลย ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด …….. ทว่าเยี่ยจง ในสถานการณ์เช่นนี้เจ้ากลับกล้าที่จะเสนอหน้าออกมาจัดการกับรัฐเสวี่ยหยวนหวัฃเฉาเรา ความกล้าเช่นนี้ นับได้ว่าน่ายกย่องยิ่งนัก ดังนั้น ข้าสามารถให้โอกาสแก่เจ้าหนึ่งครั้ง แต่ละคนมีโอกาสที่ไม่เหมือนกัน “
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เสวี่ยซินก็ได้ก้าวเดินออกมา ทันใดนั้นก็ได้ยื่นนิ้วมือชี้ไปทางด้านเยี่ยจงแล้วทำท่ากว้าเบาๆ รอยยิ้มบนใบหน้าหลงเหลือแต่เพียงความเยียบเย็น
“ เสี่ยวเยี่ยจง(เยี่ยจงน้อย) เจ้ามิใช่ต้องการที่จะสังหารข้าหรอกหรือ ? ตอนนี้ข้าให้โอกาสแก่เจ้าครั้งหนึ่ง ขอเพียงแค่เจ้าสามารถรับข้าได้สิบกระบวนท่า เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสหนึ่งครั้ง ให้คนของพวกเจ้าลัทธิแห่งดวงดาวมีโอกาสหลบหนีไปได้ ดีหรือไม่ ? “
เสวี่ยสือเงียบงันไร้คำพูด นัยน์ตาทอเป็นประกายเล็กน้อย แต่ว่าหลังจากที่ครุ่นคิดใคร่ครวญก็มิได้ออกมาห้ามแต่อย่างไร ถึงแม้ว่าเสวี่ยสือจะเคยประมือกับเยี่ยจงมาก่อนก็ตาม กับพลังฝีมือของเขาก็นับได้ว่าเข้าใจอยู่หลายส่วน ดังนั้นจึงไม่ได้เป็นห่วงมากมายนัก
เยี่ยจงจ้องเขม็งไปที่เสวี่ยซิน ทันใดนั้นใบหน้าก็ได้ปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น
“ มิใช่ต้องการที่จะสังหารข้าหรือ ยังมัวรอช้าอยู่ทำไม ? จะลงมือก็รีบลงมือ ทำตัวชักช้าเหมือนกับเหล่าแม่นางไม่เหมือนชายชาติผู้กล้า “
“ แซ๊ด “
คำพูดที่เยี่ยจงกล่าวออกมา ท่ามกลางสนามในเวลานี้ก็ได้ปะทุไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาเสียงหนึ่ง มีผู้คนไม่น้อยต่างก็มองไปที่เยี่ยจงอย่างแปลกประหลาด ทันใดนั้นเขาก็ได้ยื่นมือออกมาตบไปที่ศีรษะ ราวกับมีความหมายแฝงอันใด
ถึงแม้จะกล่าวเช่นนั้น ตอนนี้เมื่อได้มองการแสดงออกของรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา แน่นอนว่าเป็นเหมือนดั่งผู้ที่อยู่เหนือกว่าก็มิปาน ทว่าถ้าต้องการที่จะให้เหล่ายอดฝีมือมากมายเหล่านี้ทิ้งร่างไว้แล้วละก็ เกรงว่ากองทัพปีศาจโลหิตที่อยู่ภายในนี้ก็คงจะมิอาจที่จะทำได้แล้ว
แต่ว่า หากว่ามาหนึ่งสังหารหนึ่งก็แล้วไป เชือดไก่ให้ลิงดูแล้วละก็ ไม่แน่ว่าเรื่องราวมากมายก็คงต้องเปลี่ยนเป็นง่ายดายขึ้นมาก และตอนนี้ เยี่ยจงที่เป็นเหมือนดั่งหนามตำตา ก็ได้กลายเป็นเหมือนดั่งการจำคู่กับเสวี่ยซินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ?
“ เยี่ยจง ใช้ฝ่ามือตบเสวี่ยซินให้ตายคามือไปเลย ต่อให้เป็นรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาอันใด ? มิใช่เป็นการต่อสู้ของคนหมู่มากหรือ ? “
“ ก็แค่รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉา คิดหรือว่าตนเองจะเป็นดั่งเจ้าของสถานที่เหล่านี้ได้กัน ? วันนี้ถ้าหากไม่อาจที่จะสามารถเก็บพวกเราได้หมดแล้วละก็ พวกเจ้าก็รอวันที่ข้าจะกลับมาลงทัณฑ์พิฆาตก็แล้วกัน ? “
“ แต่ว่า คาดว่าเยี่ยจงนั้นมิใช่คู่มือของเสวี่ยซินได้งั้นหรือ ? เด็กน้อยต่างก็ทราบดีอยู่แล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับอะไร เสวี่ยซินผู้นี้น่าจะไม่โง่เขลาหรอกนะ ? “
“ เจ้าทราบอันใดกัน ? การสังหารผู้คน ก็คือผู้ที่จะไปตัดศีรษะนั้นแหลาะ ตอนนี้นอกจากเยี่ยจง ยังมีผู้ใดกัน ? “
เสียงกระซิบดังขึ้นเรื่อยๆ ที่ดังออกมาจากในสนามตอนนี้ เหล่ายอดฝีมือในตอนนี้ก็ได้วิพากษ์วิจารณ์ อีกทั้งนัยน์ตาของสาดเป็นประกายไม่หยุดยั้ง พยายามเสาะหาโอกาสในการหนี
เป็นอย่างที่เสวี่ยซินกล่าวออกมาทั้งสิ้น ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ยอดฝีมือเหล่านี้แทบจะไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง สถานการณ์เบื้องหน้าสายตานี้ รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาถือว่าแข็งแกร่งที่สุด สามารถหลบหนีไปได้แล้วละก็ ถือได้ว่าดีที่สุดแล้ว
แล้วหลิงเยวี่ยและพวกต่างก็สบตากันคราหนึ่ง หลังจากที่ลังเลกับแผนการแต่ก็มิได้มีความเห็นเป็นอื่นแต่อย่างไร เท่าที่พวกเขาเข้าใจในตัวเยี่ยจง ก็พอที่จะทราบว่าเยี่ยจงไม่ใช่คนที่จะทำอะไรอย่างประมาทแน่นอน อีกทั้งเขายังกล้าที่จะท้าดวลกับเสวี่ยซิน แน่นอนว่าตนเองต้องมีแผนการบางอย่างอยู่
แต่ว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้สามารถสังหารเสวี่ยซินลงได้แล้วจะอย่างไร ?
สถานการณ์ในตอนนี้ ราวกับว่าไร้หนทางที่จะแก้ไขได้แล้ว
“ เหอะเหอะ …….. “
ท่ามกลางแสงกระซิบและการมองไปที่ท้องฟ้าอันแปลกประหลาด ใบหน้าของเสวี่ยซินก็ได้ปรากฏรอยยิ้มเยียบเย็นขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็จ้องเยี่ยจงเขม็ง แต่กลับไม่มีความโกรธาใดๆ เพียงแต่หัวเราะเสียงหนึ่ง เพียงแต่ว่าในเสียงหัวเราะนั้นกลับเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจอย่างไร้ที่เปรียบ จนทำให้ผูกคนขนลุกขนพอง
“ เมื่อช่วงต้นปี ข้าเองก็เคยถูกหลอกลวง ไปอยู่ไม่น้อยเลย ……… แต่ว่าเด็กน้อยอย่างเจ้ากลับขัดขวางแผนการในการทำเรื่องดีๆขององค์ชายเช่นข้าไว้ไม่น้อย หากว่าไม่ฆ่าเจ้ากับมือ คงยากที่จะสมานแผลภายในใจได้ “
จากนั้นก็หัวเราะออกมา เสวี่ยซินเอ่ยปากกล่าวอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเอง ก็ได้เห็นว่าเขาเริ่มที่จะก้าวเดินออกไป ร่างกายก็ได้กลายเป็นดั่งเงาโลหิตหายวาบไปทันใด
เห็นได้ชัดว่า วิชาลมปราณยุทธ์ที่เสวี่ยซินฝึกปรือมานั้นมีความแปลกอย่างที่สุด ถึงกลับสามารถที่จะทำให้ในช่วงที่เข้ายังอยู่ในระดับขั้นที่เก้า กลับสามารถมีความเร็วได้ถึงในระดับเช่นนี้ได้
“ ศิษย์น้องเยี่ยจง ระวัง “
ในช่วงเวลาที่เสวี่ยซินกำลังลงมือ หลิงเยวี่ย ซูหยี่และพวกต่างก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย กล่าวเตือนออกมาอย่างรีบร้อน
เยี่ยจงที่ยืนอยู่บริเวณท่ามกลางสนาม สีหน้าของเขาในตอนนี้ก็มิได้เปลี่ยนแปลงมากมายนัก เพียงแต่ว่าทันทีที่เขาหรี่สายตาลงมอง ร่างกายก็ได้เลื่อนออกไปเกือบครึ่งก้าว
“ เชอะ “
เสียงลมพัดผ่านเขาเงาโลหิตผ่านใบหูไป การโจมตีด้วยฝ่ามือเลือดสายหนึ่งถูกใช้ออกราวสายฟ้าฟาดก็มิปาน เข้าฟันช่วงศีรษะของเยี่ยจงออกไปโดยตรง
“ ชิร์ “
ฝ่ามือตัดผ่านอากาศไป ร่างกายของเสวี่ยซินค่อยปรากฏให้เห็น แต่ว่าเขาก็ยังคงยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วลงมืออีกครา ฝ่ามือราวกับดาบได้ตัดไปยังบริเวณคอหอยของเยี่ยจงเข้าไป
“ บรึม “
จากนั้นฝ่ามือนั้นก็ได้ปรากฏอยู่ที่บริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจงขึ้นในทันที ภายในฝ่ามือของเยี่ยจงเสือกออกมาทันใดนั้น บริเวณท่ามกลางฝ่ามือ กระบี่ตราประทับก็ได้ปรากฏออกมาเป็นสาย ประจวบกับกลายเป็นการป้องกันอันแปลกประหลาดชนิดหนึ่ง จนกระทั่งต้านรับพลังฝ่ามือของเสวี่ยซินไว้ได้
“ จิ๊ก จิ๊ก จิ๊ก “
เสียงของความคมเสียดสีกันดังขึ้นมา พลังฝ่ามือของทั้งสองคนที่ได้เข้าปะทะกัน ก็ได้เกิดการระเบิดราวกับดอกไม้ไฟออกมา
ใบหน้าของเยี่ยจงเหมือนกันเยือกเย็นขึ้นหลายส่วน หลังจากที่เสวี่ยซินผู้นี้ได้ลงมืออย่างบ้าบิ่นไปแล้ว ด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวอย่างมาก ต่อให้เป็นเขาในเวลานี้ก็รู้สึกได้ว่ายากที่จะต่อต้านได้หลายส่วน
“ เปรี้ยง “
ทันใดนั้นต่อมา กำลังภายในกระบี่หกสุสานก็ได้ไหลเวียนขึ้นมา เลือดลมเดือดขึ้นมาทันที เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกด้วยหมัดซ้ายทันที
“ เชอะ “
ความแหลมคมที่มากมายชนิดหนึ่งได้อัดรวมกันเข้าไปยังบริเวณหมัดของเยี่ยจง และถูกใช้ออกไปอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เสวี่ยซินต้องปวดไปทั้งร่างกาย
“ วิชาลมปราณอันพิศดาลยิ่งนัก “
นัยน์ตาของเสวี่ยซินจ้องเขม็งเข้ามา ราวกับมองออกว่าเยี่ยจงในตอนนี้ได้ใช้ออกมาด้วยพลังลมปราณทั้งหมดออกมาแล้วต่อมาเขาก็หัวเราะอย่างเย็นชาภายในใจ เงาร่างโลหิตลู่ไปตามสายลม สองมือประสาดประสานราวสายฟ้า ท่ามกลางฝ่ามือ เลือดลมที่อดแน่นจนกลายเป็นเหมือนดั่งดาบขนาดใหญ่ด้ามหนึ่ง แล้วก็ได้ฟันไปยังบริเวณศีรษะของเยี่ยจงอย่างรุนแรง
การลงมือของเสวี่ยซินในครั้งนี้นับได้ว่าโหดเหี้ยมอย่างมาก และการต่อกรก่อนหน้ากับกายทิพของยอดฝีมือขอบเขตเซียนก่อนหน้าถือได้ว่าแตกต่างกันโดยทั้งสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าเขาในเวลานี้ได้เก็บซ่อนบางอย่างไว้ และตอนนี้เขาก็ได้เอามาใช้เพื่อเข่นฆ่าเยี่ยจง ดูบ้าคลั่งอยู่หลายส่วน
เยี่ยจงสาดประกายนัยน์ตาเยือกเย็น ประสบการณ์ของเขานับได้ว่าโชกโชนอย่างมาก มองเพียงคราเดียวก็มองออก ต่อให้เป็นพลังของตนเองในตอนนี้ ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะรับมือกระบวนท่านี้เอาไว้ได้ ต่อมาเขาก็เดินไปก้าวหนึ่ง มือขวาใช้ออกด้วยกระบี่ ไปอย่างช้าๆ
และทุกครั้งที่ใช้ออก ก็เหมือนกันมีรังสีกระบี่สาดออกมา การทิ่มแทงเหล่านี้เป็นเหมือนดั่งประกายที่ไม่มีวันสิ้นสุดคล้ายกับการปะทุของลมฝนพายุคลั่งก็มิปาน ทันทีที่ได้ปะทะเข้ากับดาบใหญ่เข้าด้วยกัน ก็ได้บังเกิดเสียงติงติงตังตังขึ้นมาเป็นสาย
“ เช้ง เช้ง เช้ง “
เสียงแทงที่ได้ปะทุขึ้นมาดังขึ้น มือขวาของเสวี่ยซินสั่นเทาคราหนึ่ง ก็ได้ถูกเยี่ยจงใช้ออกด้วยความคมของกระบี่นับไม่ถ้วนแทงเข้ามา เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาทันใดนั้นเอง ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ถอยออกไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ เยี่ยจง ถ้าหากเจ้ามีความสามารถเช่นนี้แล้วละก็ เช่นนั้นภายในสิบกระบวนท่า เกรงว่าจะยากเกินไปแล้ว “ เมื่อพบว่าเยี่ยจงถูกกดดันจนถอยไป เสวี่ยซินก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาคราหนึ่ง กล่าวเย้ยหยันออกมา
“ อาจจะไม่ต้องใช้ถึงสิบกระบวนท่าหรอก ? “
เยี่ยจงใบหน้าสงบนิ่ง ทันใดนั้นเอง เขาก็ตบไปที่สองมือคราหนึ่ง ตราประทับในมือราวกับได้เปลี่ยนไปปานสายฟ้าแลบออกมา ระหว่างที่เขาได้เปลี่ยนตราประทับในมือ ทั่วทั้งผืนฟ้าใหญ่โตสายหนึ่ง ก็ได้ค่อยๆปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณที่ร่างกายของเขาอยู่ และบริเวณท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ราวกับมังกรโบราณย่างกลายออกมาเป็นสาย ทางด้านหลังของเงาร่างมังกร ดาวตกสีแดงเพลิงก็ได้ลอยมาอย่างรวดเร็วเสียงดังหวือ การปะทะของทั้งสองได้พุ่งเข้าหากันในทันที
“ ไป “
บริเวณที่ใช้ออกด้วยพลังดัชนีเพลิงดาราคล้อย เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกด้วยพลังดัชนีชี้ไปทางด้านเสวี่ยซินที่กำลังเข้าไปยังบริเวณอาราม วินาทีนั้น ท่ามกลางผืนนภาที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้ถูกใช้ออกของด้วยดาวตกสีแดงเพลิง พร้อมทั้งคล้ายกับเงาร่างของมังกรโบราณ มุ่งเข้าไปยังบริเวณที่เสวี่ยซินอยู่โดยตรง
แสงที่สาดส่องออกมาจากดาวตกเพลิง รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย็นบนใบหน้าของเสวี่ยซินก็ได้ปรากฏความตกลึงลานขึ้น ทันใดนั้นเองท่ามกลางดวงตาที่มองไปก็ปรากฏความยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น เห็นได้ชัดว่าภายในกระบวนท่านี้ของเยี่ยจง เขาถึงจะสัมผัสได้ถึงพลังคุกคามอันแข็งแกร่งของเยี่ยจง
“ หนึ่งในสามทักษะยุทธ์แห่งลัทธิแห่งดวงดาว เป็นความสามารถที่ดี “
เสวี่ยซินหัวเราะเย็นชา ดาบใหญ่โลหิตในมือก็ได้ถูกยกขึ้นมาทันที เลือดอันร้อนแรงเป็นสายที่ปกคลุมทั่ว หลังจากระหว่างนั้นเขาก็ได้ฟันออกไป ราวกับความรุนแรงสายหนึ่ง
“ ถี่ “
ประกายดาบโลหิตที่ถูกใช้ฟาดฟันดังออกไป เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้ เสวี่ยซินก็ได้ใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์ชนิดที่เรียกได้ว่าน่าเกรงกลัวอย่างที่สุดเช่นเดียวกัน
.
.
.
.