เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 130 วิชาพลังลมปราณฮุ้ยหยวนเสวี่ยเยา

ตอนที่ 130 วิชาพลังลมปราณฮุ้ยหยวนเสวี่ยเยา

 

 

“ ตูม “

 

เสียงสว่างจากเลือดเนื้อของเสวี่ยเสวียนนั้นแผ่ออกมาภายนอกอย่างบ้าคลั่งออกมาราวกับกำลังกระหายเลือด และเลือดเนื้อที่ส่องเป็นประกายกระจายในเวลานี้ ทันใดนั้นร่างกายของเสวี่ยเสวียนก็เริ่มค่อยๆที่จะพองขึ้นมา กล้ามเนื้อของเขามีการขยับไม่หยุดนิ่ง ราวกับมีอสรพิษเลื่อยไปมาทั่วทั้งร่างก็มิปาน

 

“ คว้าง คว้าง “

 

ราวกับกล้ามเนื้อจะถูกฉีกออกก็มิปาน จากหนึ่งเพิ่มเป็นสองจัง ราวกับมีปีกค้างคาวงอกขึ้นมาก็มิปาน จากนั้นร่างกายของเสวี่ยเสวียนก็ได้ถอยออกไปทางด้านหลัง ในทุกครั้งที่ได้เคลื่อนไหว ใบหน้าของเสวี่ยเสวียนก็ได้ปรากฏความเจ็บปวดออกมาสายหนึ่ง

 

ช่วงเวลาเพียงแค่สั้นสั้นเพียงลัดนิ้วมือเดียว ร่างกายของเสวี่ยเสวียนก็ได้ ใหญ่โตขึ้นกว่าเดิมราวสองเท่าได้ เหมือนดั่งคนที่ตัวเล็กกลับกลายใหญ่โตขึ้นมาได้ก็มิปาน และในตอนนี้ก็ได้ปรากฏลวดลายสีโลหิตตามตัวทั่วทั้งร่างกายของเขา ดวงตาได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง สองมือปรากฏกรงเล็บงอกเงย ก้อนเนื้อที่เป็นเหมือนดั่งปีกบนหลังขยับเคลื่อนไหวไม่หยุด ราวกับเป็นเหมือนดั่งปีศาจโลหิตตนหนึ่งที่แท้จริงก็มิปาน

 

“ หวนคืนสู่ร่างปีศาจโลหิต “

 

เมื่อได้เห็นฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงก็ต้องเลียริมฝีปากไปมา เสวี่ยเสวียนผู้นี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่กลับฝึกฝนวิชาฮุ้ยหยวนเสวี่ยเยา (วิชาปีศาจโลหิตฮุ้ยหยวน) ก็สามารถที่จะทำให้เขากลายร่างกลายเป็นปีศาจโลหิตได้

 

ควรทราบว่า ปีศาจโลหิตกลุ่มนี้ไม่สนว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว หรือว่าด้านพลังและการฟื้นฟู ก็ถือได้ว่าเหนือกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่หลายเท่าตัว อีกทั้งยังบวกกับพวกฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่แปดของเสวี่ยเสวียน การฝืนตนเองให้มีร่างกายเลือดเนื้อที่กลายเป็นดั่งปีศาจโลหิต ได้ก่อให้เกิดการระเบิดความพลังออกมา อย่างที่ยากจะคาดเดาเอาไว้ได้

 

“ ยุ่งยากขึ้นมานิดหน่อยแล้ว “

 

ในขณะนี้ สีหน้าของเยี่ยจงก็ไปเปลี่ยนเป็นปั้นยากอยู่หลายส่วน

 

“ เปรี้ยง “

 

ราวกับสามารถตรวจสอบได้ถึงความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ใบเสวี่ยเสวียนในตอนนี้ก็มิอาจที่จะเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ก็ได้หัวเราะออกมาอย่างดุร้าย จากนั้นเขาก็ได้ก้าวออกมาหนึ่งก้าว ร่างกายในตอนนี้ก็ราวกับได้หายไปในที่แห่งนั้นในทันที เหมือนกับเป็นเพียงความเคลื่อนไหวธรรมดาก็มิปาน

 

เยี่ยจงหรี่นัยน์ตามองดูร่างกายที่หายไปในทันทีของเสวี่ยเสวียน แล้วก็ได้กดดวงตามองไป เขาทราบว่า ความเร็วของฝ่ายตรงข้ามได้ก้าวข้ามการที่ตนเองจะสามารถใช้สายตามองดูเอาไว้ได้แล้ว

 

เพียงแต่ว่า ในเวลาเดียวกันกับที่ร่างของเสวี่ยเสวียนหายตัวไป กระบี่ในมือของเยี่ยจงก็ได้สั่นคราหนึ่ง จากนั้นก็กวาดออกไปทางด้านซ้ายมือของตนเองที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่า

 

“ เช้ง “

 

บริเวณที่เยี่ยจงกวาดกระบี่ออกไปก็มีปฏิกิริยาขึ้น กรงเล็บโลหิตสายหนึ่งก็ได้เข้ามาอย่างช้าๆ ราวกับความเคลื่อนไหวที่ทำให้มีความรู้สึกที่กำลังตัดผ่านสายลมอยู่ กรงเล็บสายนี้ได้คว้าจับไปบนตัวของกระบี่คงหมิง จากนั้นก็ได้มีพลังอันมหาศาลไหลลงสู่ตัวกระบี่คงหมิงอย่างน่ากลัว ทำให้ตัวกระบี่อดไม่ได้ที่จะต้องสั่นไหวไปมา

 

หากมิใช่กระบี่คงหมิงเป็นศาสตราวุธระดับสูงแล้วละก็ เกรงว่าภายในกระบวนท่านี้ คงต้องถูกเสวี่ยเสวียนฉีกกระชากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

“ ฉ่า “

 

ร่างกายเยี่ยจงสั่นเทาคราหนึ่ง แล้วก็ได้สะบัดกระบี่คงหมิงกลับมาเอาดุดัน จากนั้นร่างกายก็ได้เหินออกไป มือขวาก็ได้เกิดการสั่นไปมาเล็กน้อยคราหนึ่ง

 

เมื่อครู่ที่ได้ประลองพลังกันนั้นเอง เยี่ยจงก็สามารถสัมผัสได้ถึง พลังของเสวี่ยเสวียนอย่างน้อยๆก็เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ เขาในตอนนี้ สมควรที่จะมีความสามารถเทียบเท่ากับพลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดในระดับซานกวานเทียนทง ตี้ทง(รอบรู้พสุธา) และในพลังในการต่อสู้ที่มีอยู่ในขั้นนี้ แม้แต่เยี่ยจงก็สามารถที่สัมผัสได้

 

“ เสวี่ยโจวยิ้น “ (เครื่องหมายโลหิต)

 

กรงเล็บได้สะบัดใส่เยี่ยจง บนใบหน้าของเสวี่ยเสวียนก็ได้ปรากฏความดุร้ายอย่างถึงที่สุด และจากนั้นก็พบว่าทั้งสองมือของเขาได้เปลี่ยนสัญลักษณ์ไปมา จนท้ายที่สุดสัญลักษณ์โลหิตก็ได้หยุดลง มุ่งเข้าสังหารบริเวณที่เยี่ยจงยืนอยู่

 

“ เช้ง เช้ง เช้ง “

 

บริเวณที่เกิดสัญลักษณ์โลหิต ไอพลังฟ้าดินก็ได้เกิดความแปรปรวนนับไม่ถ้วน ราวกับสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวได้ สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้เคร่งเครียดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“ ซวบ “

 

ระหว่างนั้นเยี่ยจงก็ได้ชี้นิ้วออกไป และบริเวณทางด้านหลังก็ได้ปรากฏเงาร่างมังกรโบราณออกมาสายหนึ่ง เงาร่างมังกรขยับมือเท้าขึ้นไปด้านหน้า หนวดเคราที่ยาวราวกับแส้ทอแสงสีแดงส่ายไปมา ท้ายที่สุดก็ได้พลิกไปที่สัญลักษณ์โลหิตอันน่าหวาดกลัวนี้

 

“ เคร่ง “

“咚——”

แรงระเบิดอันดุเดือดของพลังอันมหาศาลได้เคลื่อนไหวออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในครั้งนี้เยี่ยจงก็ได้นิ่งลงชั่วขณะ บริเวณริมฝีปากได้มีโลหิตไหลออกมาเป็นทาง ทว่าเขาก็มิได้ถอยออกไปแต่อย่างไร และร่างกายก็ได้ขยับคราหนึ่ง ก็ได้หยุดลงอยู่บริเวณส่วนหัวของร่างเงาของมังกรโบราณ นั่งสมาธิลงอย่างรวดเร็ว

 

“ เสวี่ยเสวียน อย่าได้คิดว่าพวกเจ้ามีวิชาลมปราณประจำรัฐแห่งเสวี่ยหยวนหวังเฉา วิชาลมปราณของลัทธิแห่งดวงดาวของเรา ก็มิได้ง่ายดายอย่างที่เจ้าคาดคิดเอาไว้หรอกนะ “

 

หลังจากที่สิ้นเสียง มือทั้งสองข้างของเยี่ยจงก็ได้สับเปลี่ยนสัญลักษณ์อย่างบ้าคลั่ง วินาทีนั้น พลังกำลังภายในของวิชากระบี่หกสุสานก็ได้ถูกเยี่ยจงกระตุ้นขึ้นมา พลังอันมหาศาลน่าหวาดกลัวเหล่านี้ ในตอนนี้ก็ได้อัดแน่นรวมตัวกันขึ้นมา อีกทั้งการเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ก็ได้ตบลงไปยังบริเวณคิ้วของเงาร่างมังกรโบราณ

 

“ ดัชนีเพลิงดาราคล้อย เก้าร่างหล่อหลอม “

 

“ ตูม ตูม ตูม “

 

ในระหว่างนั้นเยี่ยจงก็ได้ส่งเสียงดังเฮ้อออกมา ท่ามกลางอากาศของทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ราวกับได้ยินเสียงของดาวตกปะทุขึ้นมาดังเป็นสาย จากนั้นท่ามกลางอากาศก็ได้พบว่า มีดาวตกเงาร่างมังกรโบราณออกมาแปดสายปรากฏในเวลาเดียวกัน

 

“ โฮก “

 

ขณะนั้นเอง เงาร่างมังกรโบราณที่ความจริงเหมือนดั่งตายไปแล้วก็ได้ฟื้นคืนขึ้นมาราวกับมีชีวิตจิตใจก็มิปาน เงาร่างมังกรเก้าหัวก็ได้เงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล ราวกับว่าเวลาและบรรยากาศในขณะนี้ได้อยู่ในช่วงโบราณกาล พลังที่เปี่ยมล้นได้อยู่ในตัวของมังกรทั้งเก้าตัวแล้ว

 

เงาร่างมังกรโบราณในตอนนี้ ราวกับเป็นเหมือนดั่งมาจากช่วงเวลาโบราณกาลก็มิปาน ร่างกายของพวกมันเหมือนดั่งมีพลังและเลือดเนื้อไหลเวียนอยู่ ก็ได้เริ่มที่จะเดือดขึ้นมา

 

กระบวนท่านี้ เรียกได้ว่าเป็นกระบวนท่าสังหารของดัชนีเพลิงดาราคล้อยอย่างที่จริงก็ว่าได้ ถึงแม้เยี่ยจงจะทราบอยู่แต่แรกแล้วว่ากระบวนท่านี้เป็นอย่างไร แต่ว่าในช่วงเวลาปกติที่ใช้ออกก็ไม่อาจที่จะใช้ออกจนมีพลังในระดับนี้ได้ และในตอนนี้ เขาก็เข้าใจแล้วว่า ตนเองไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด ดังนั้นในช่วงของการต่อสู้แห่งความเป็นความตายของตนเอง หากว่าเขายังรั้งพลังเอาไว้แล้วละก็ เช่นนั้นก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างแท้จริง

 

“ ฮูม ฮูม ฮูม “

 

เงาร่างมังกรเก้าเศียรได้ลอยล่องอยู่บริเวณบนท้องฟ้า จมูกอันใหญ่โตก็ได้เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ วินาทีนั้นก็ได้เกิดสายลมหวนขึ้นท่ามกลางบนท้องนภาเป็นสาย

 

บริเวณไม่ไกลมากนัก ยอดฝีมือแห่งรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาทั้งสองคนที่ได้ถอยออก ในตอนนี้ดวงตาก็ได้ทอประกายเคร่งเครียดมองไปยังการต่อสู้ในครั้งนี้

 

เกี่ยวกับเยี่ยจงที่เป็นเพียงแค่ยอดฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่หก ถึงกับสามารถที่จะต่อกรกับบุคคลเยี่ยงเสวี่ยเสวียนได้ถึงระดับนี้ ภายในจิตใจของพวกเขาก็ตื่นตะลึงลานอย่างไร้ที่เปรียบ มีเพียงแค่พวกเขาที่เป็นชาวรัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเท่านั้นที่เข้าใจได้ ว่าวิชาลมปราณฮุ้ยหยวนเสวี่ยเหยาที่แท้นั้นมีความน่าหวาดกลัวในระดับใด

 

แต่ก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่ได้ใช้วิชาลมปราณฮุ้ยหยวนเสวี่ยเหยาแล้ว เสวี่ยเสวียนก็มิอาจที่จะมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าได้

 

“ เด็กน้อยผู้นี้ ตายยากตายเย็นเสียจริง เจ้าพวกเด็กน้อยของลัทธิแห่งดวงดาว “ ยอดฝีมือคนหนึ่งได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไปมา พกพาความหวาดกลัวแล้วกล่าวออกมา

 

“ แต่ว่าไม่ว่าเขาจะมีไม้ตายมากแค่ไหน นายน้อยใหญ่ก็ยังสามารถที่จะดึงร่างปีศาจโลหิตฮุ้ยหยวนออกมาได้ เช่นนั้นก็นับได้ว่าสมควรที่จะเป็นจุดสิ้นสุดแล้ว “ ชายอีกคนที่อยู่ด้านข้างก็ได้กัดฟันไปมา เอ่ยปากกล่าวเสียงเยียบเย็น

 

คำพูดเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะมีความมั่นใจอยู่หลายส่วนก็ตาม แต่ว่าพวกเขาต่างก็เข้าใจกันดี ว่าวิชาลมปราณฮุ้ยหยวนเสวี่ยเย้านั้นมีความแข็งแกร่งถึงระดับใด รัฐเสวี่ยหยวนหวังเฉาเมื่อครั้งก่อน หลังจากที่เสวี่ยเสวียนฝึกฝนวิชานี้ได้สำเร็จแล้ว ก็ได้เข่นฆ่ายอดฝีมือน้อยใหญ่ที่มีพลังอยู่ในขั้นก่อฟ้าที่ไม่ชอบหน้าอยู่หลายรายแล้ว เพียงแค่ข้อนี้ ก็ทราบได้ถึงความแข็งแกร่งของกระบวนท่านี้แล้ว

 

และเบื้องหน้าสายตา ความแข็งแกร่งของเยี่ยจงก็เรียกได้ว่าเกินกว่าที่พวกเขาจะคาดเดาเอาไว้ได้ แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็มิอาจที่จะพึ่งพาความแข็งแกร่งที่ฝืนสร้างขึ้นมาเช่นนี้ได้ ในสายตาของพวกเขา เยี่ยจงในตอนนี้ต่อให้แข็งแกร่งได้มากกว่านี้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเสวี่ยเสวียน ก็เหมือนกับว่าได้ตายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

……

 

ท่ามกลางสถานการณ์ในตอนนี้ ในตอนนี้หลังจากร่างกายของเสวี่ยเสวียนก็ได้ค่อยๆสยายปีก นัยน์ตาที่เขามองไปบริเวณทางด้านหน้ามีแต่ความเยือกเย็น ทั่วทั้งท้องฟ้าได้เต็มไปด้วยบรรยากาศกระหายเลือดถูกแผ่ออกมาจากภายในร่างกาย ทำให้มองเห็นเขาเป็นเหมือนดั่งปีศาจโลหิตที่แท้จริงก็มิปาน

 

และในตอนนี้ เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆก้าวไปยืนอยู่บริเวณส่วนหัวของเงาร่างมังกรโบราณก่อนหน้านี้ เพียงแต่ว่าในทันทีที่ได้ยืนขึ้นไป ร่างกายของเขาก็ได้ขยับไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสีขาวซีด เห็นได้ชัดว่า กระบวนท่าต่อจากนี้เป็นต้นไป น่าจะเป็นการใช้พลังลมปราณอันมหาศาลทั้งหมดแล้ว

 

แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ตาม ดวงตาทั้งสองของเขาก็ราวกับคมดาบจ้องมองไปทางด้านของเสวี่ยเสวียน บริเวณส่วนลึกของดวงตาเป็นเหมือนดั่งการรังสีสังหารก็มิปาน

 

เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ขั้นนี้แล้ว ทั้งสองฝ่ายก็มิได้มีคำกล่าวอธิบายใดๆอีกต่อไป เรื่องราวที่พวกเขาต้องทำมีเพียงแค่อย่างเดียว นั้นก็ได้การสังหารฝ่ายตรงข้ามให้จงได้

 

“ ตูม “

 

ดวงตาทั้งสองคู่ได้สบตากันในทันใด มิได้มีวาจาไร้สาระ อีกทั้งภายในจิตใจของเสวี่ยเสวียนก็อดที่จะเก็บความต้องการที่จะฆ่าฟันเอาไว้ไม่อยู่ ร่างกายที่ส่องสว่างเต็มไปด้วยโลหิตได้ปรากฏขึ้นอยู่บริเวณศีรษะของเยี่ยจง

 

ทันใดนั้นต่อมา มือทั้งสองข้างก็ได้เพิ่มสัญลักษณ์ขึ้น โลหิตที่ทอแสงสว่างราวกับทะเลสาบสายยาวที่เชี่ยวกรานก็มิปาน

 

“ วิชาลมปราณฮุ้ยหยวนเสวี่ยเยา ทะเลโลหิตแห่งความตาย “

 

ซวบ ซวบ ซวบ

 

แสงประกายโลหิตนับไม่ถ้วนเปรียบเสมือนดั่งถูกวาดออกคล้ายท้องทะเลก็มิปาน เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ใบหน้าของเสวี่ยเสวียนก็แสดงความโหดร้ายไร้ที่เปรียบออกมา เขาเข้าใจได้อย่างเต็มสิบส่วนว่าหลังจากที่ใช้กระบวนท่านี้ไปแล้วจะมีผลตอบสนองเช่นไร เกรงว่าในวินาทีนั้นเอง เด็กน้อยผู้นี้ก็จะแปรเปลี่ยนกลับกลายสายโลหิตสายหนึ่ง

 

“ ไป “

 

และจากที่เหม่อมองไปยังแสงที่ทออกมาเป็นสีโลหิต สีหน้าของเยี่ยจงก็มิได้เปลี่ยนไปมากมายนัก เพียงแต่ยกมือขวาขึ้นมา จากนั้นก็ชี้ออกไปทางด้านเสวี่ยเสวียนที่อยู่ท่ามกลางท้องนภาสูงขึ้นไป

 

“ ปัง ปัง ปัง “

 

ตามความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง รวมทั้งเงาร่างมังกรโบราณที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าตัวนี้ เงาร่างมังกรโบราณทั้งเก้าก็ได้พุ่งออกไปเสียงดังหวือในเวลาเดียวกัน ทั่วทั้งท้องนภาใต้ผืนดินก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงของพลังขึ้นมา ตัดผ่าอากาศเข้าไปอย่างดุดัน

 

เพียงแต่ว่าภายในลมหายใจเดียวนี้ โลหิตที่ทอเป็นประกายและเงาร่างมังกรเก้าเศียรก็ได้พุ่งเข้าชนท่ามกลางอากาศ

 

“ ฮูม “

 

ในขณะนั้นเอง ทั่วทั้งท้องทะเลทรายก็ได้เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมา พายุทรายอันมหึมาขนาดใหญ่นับหมื่นจังได้โหมเข้ามาก็มิปาน ทันใดนั้นบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านก็ได้สาดกระจายออกไป การปะทะอันรุนแรงเช่นนี้นับได้ว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ยากที่จะเชื่อได้ชนิดหนึ่ง จนคลื่นทรายเหล่านี้ได้แผ่ออกไปทั่วทั้งบริเวณ จนกลับกลายเป็นพื้นที่ราบผืนหนึ่ง

 

“ เปรี้ยง “

 

ร่างกายของเยี่ยจงในตอนนี้ได้สั่นไหวขึ้นมาคราหนึ่ง ทันใดนั้นเองก็ได้ถอยหลังออกไปอย่างหนักแน่นราวกับหินผาก้อนหนึ่งก็มิปาน หลังจากที่ได้ลงสู่พื้นดิน เท้าของเขาก็ได้ก้าวถอยออกไปจนทิ้งล่องรอยนับร้อยเมตรเป็นหลุมลึกแตกแยกออกมา ร่างกายของเขาจึงค่อยหยุดลงเอาไว้ได้

 

“ บรึม “

 

ทันทีที่ร่างกายได้หยุดลง เยี่ยจงก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง เพียงแต่ว่า ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ได้ดีดตัวกลับออกไปคราหนึ่งในทันที ฝ่ามือที่อยู่แนบชิดร่างกายได้กวาดออกไปคราหนึ่ง

 

“ ซูม “

 

คมหมัดสีโลหิตสายหนึ่งก็ได้พุ่งตัวออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว พุ่งเขามาอย่างดุดันบริเวณหน้าอกของเยี่ยจง ในครั้งนี้ เงาร่างทั้งสองสายก็ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน กระอักโลหิตคำโตออกมา ถอยหลังออกไปเสียงดังแถดๆๆนับสิบก้าว…

.

.

.

.

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset