เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 143 ชุมนุมการค้าหวูจี้

ตอนที่ 143 ชุมนุมการค้าหวูจี้

 

 

ความสามารถในการค้าของชุมนุมการค้านั้นมีอยู่อย่างกว้างขวาง ถึงแม้ว่าตำแหน่งจะอยู่ในใจกลางเมืองส่วนในก็ตาม แต่ว่าตึกที่จัดสร้างนั้นก็ถือว่ามีภูมิฐานเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้ที่เหม่อมองต้องตกใจได้ เพียงแค่มองตึกที่จัดงาน ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนทราบได้ อย่างน้อยชุมนุมการค้าหวูจี้ ก็มิใช่ขุมกำลังสามัญธรรมดาจะเทียบเปรียบได้

 

ในตอนนี้ได้มีเงาร่างของคนที่ได้เดินออกมาจากรถเกี้ยว จากนั้นก็ได้แสดงสีหน้าแปลกใจอยู่หลายส่วนพร้อมกับเดินเข้าสู่งานชุมนุมการค้า

 

เยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมายังบริเวณทางเข้าชุมนุมการค้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหล่าผู้คนที่สามารถเข้าสู่ชุมนุมการค้าได้นั้น สมควรที่จะมิใช่กลุ่มคนที่ธรรมดาอย่างแน่นอน และภายในกบลุ่มคนเหล่านี้ เขาก็สามารถพบได้กับกลุ่มคนที่ดูเหมือนคุ้นเคยอยู่ส่วนหนึ่ง— ที่มาจากห้าตระกูลใหญ่ หรือไม่ก็เป็นกลุ่มขุมกำลังต่างๆภายในเมืองเยียจิงที่เคยไปมาหาสู่กับเยี่ยจงน้อยมาก่อน อีกทั้งภายในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งหมด

 

เพียงแต่ว่าเยี่ยจงในตอนนี้กับเยี่ยจงเมื่อก่อนนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นอกเสียจากเยี่ยถงที่เขามีความคุ้นเคยแล้ว นอกจากนั้นเขาก็มิอาจที่จะจดจำได้ ในตอนนี้ได้มีร่างที่สวมชุดสีสดยืนอยู่บริเวณทางเข้าของชุมนุมการค้าที่หากไกลมากนัก เด็กน้อยได้กอดอกไว้อย่างดุดัน ที่แท้ก็เป็นเจ้าขยะแห่งตระกูลเยี่ยที่เล่าขานอย่างมีชื่อเสียงนั้นเอง

 

“ เหว่ย ? นั้นมิใช่ซูเหวินหยูแห่งตระกูลซูหรอกหรือ ? กล่าวกันว่าซูเหวินหยูได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของขุมกำลังสำนักใหญ่นอกจากสามรัฐใหญ่ อีกทั้งเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่มากที่สุดของตระกูลซูในตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาถึงกับมาเพื่ออวยพรวันครบรอบวันสถาปนาด้วยงั้นหรือ ? “

 

ผู้มีพรสวรรค์อย่างถึงที่สุดผู้นี้ เป็นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบปีเดินออกมาจากเดินม้า ใบหน้าที่ดุดันของเขาได้เดินมายังท่ามกลางการชุมนุมค้าขาย แต่ก็สามารถที่จะดึงดูดของสายตาของผู้คนอันนับไม่ถ้วนได้

 

“ ซูเหวินหยู ? “ เกี่ยวกับนามนี้เอง เยี่ยจงก็ราวกับมีความทรงจำอยู่หลายส่วน ราวกับว่าเคยเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงภายในเมืองเยียจิงแห่งนี้

 

“ พลังขอบเขตขั้นก่อฟ้าระดับความสำเร็จน้อย “ หลังจากที่สายตาได้หยุดจ้องมองไปยังคนบนร่าง เยี่ยจงก็มองออกถึงพลังฝีมือของเขา พลังฝีมือเช่นนี้ ช่างน่าหวาดกลัวอย่างมาก นอกจากนั้นอายุเพียงแค่นี้ก็สามารถที่การฝึกฝนจนถึงขั้นนี้ได้ ก็ได้นับหาได้ยากจนผู้คนยังต้องตะลึงได้

 

แล้วก็มีกลุ่มคนขี้ม้ากลุ่มหนึ่งเข้ามา จากนั้นก็พบเห็นม้าที่กำลังลากรถศึกอยู่คันหนึ่งวิ่งเข้ามา ทางด้านบนรถศึก ได้มีคนที่สวมเกราะศึกอยู่หลายคน บนร่างมีกลิ่นคาวเลือดค่อยๆก้าวเดินลงมา ในช่วงที่เดินอยู่นั้น พวกเขาก็ใช้ชุดเกาะที่อยู่ร่างกายชนเข้าหากัน จนเกิดเสียงแหลมดังขึ้นมาเป็นสาย

 

“ คนผู้นี้ใครอีกละ ? “

 

คนที่กล้าที่จะสวมชุดเกราะภายในเมืองเยียจิง โดยส่วนมากมักจะมีฐานะที่ไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด อาจจะเป็นเพราะว่าคนกลุ่มนี้พึ่งจะปรากฏตัวออกมา จึงทำให้มีผู้คนไม่น้อยที่เกิดความกลัว

 

“ ผู้นี้ก็คือบุตรชายของเจ้าตำหนักโรงฝึกจ้านหวัง จ้านหวังน้อย “

 

ในช่วงเวลานี้กลุ่มทหารศึกก็ได้ค่อยๆถอยชุดเกราะที่อยู่บนตัวของเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าที่บ่งบอกถึงความกล้าหาญ ใบหน้าของเขามีความหยิ่งผยองชนิดหนึ่ง ทำให้ผู้คนราวกับได้รับแรงกดดันชนิดที่เป็นเหมือนภูเขาสูงทะเลกว้างใหญ่ก็มิปาน

 

“ จ้านหวังน้อย บุตรชายของเจ้าตำหนักโรงฝึกจ้านหวัง ถึงแม้จะมีเพียงอายุยี่สิบปี แต่ว่าหลายปีมานี้พวกเรารัฐต้าโจวหวังเฉาเขากลับได้ชัยจากการรบนับไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าหลายปีมานี้ เขาอยู่แต่จากด่านนอกคอยสั่งการการทหาร แล้วกลับมาได้อย่างไรกัน ? “

 

มีคนวิพากษ์วิจารณ์เสียงเบาๆ เมื่อพบว่าจ้านหวังน้อยปรากฏตัว ต่างก็ประหลาดใจอย่างถึงที่สุด

 

“ แน่นอนว่าต้องมาอวยพรครบรอบวันสถาปนาแล้ว ครบรอบวันสถาปนาของต้าโจวเรา ทั้งสามรัฐใหญ่ ร่วมทั้งนอกจากสามรัฐอีกด้วย ต่างก็มีขุมกำลังนับไม่ถ้วนมาอวยพร เขาปรากฏตัวมีอันใดที่น่าแปลกกัน ? “ มีคนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

 

เยี่ยจงยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง ทันใดนั้นก็จ้องมองไปยังจ้านหวังน้อย แล้วก็พยักหน้าลงน้อยๆ คนผู้นี้และเขามีข้อที่เหมือนกันก็คือ เดินในเส้นทางขั้นก่อฟ้าอีกเส้นทางหนึ่ง พลังกล้ามเนื้อน่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด หากว่าต้องลงมือ คงจะเป็นคู่แข็งที่น่ากลัว

 

ต่อจากนี้ ยังมีบุคคลไม่น้องที่รีบวิ่งไปยังที่แห่งนั้น ตระกูลใหญ่ทั้งห้า ขุมกำลังต่างๆก็ได้เริ่มที่จะปรากฏตัวออกมาให้เห็นเรื่อยๆ และเยี่ยจงที่ยังคงยืนอยู่จุดเดิม เมื่อได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากทั้งสี่ด้าน เกี่ยวกับบุคคลที่ถูกเอ่ยนามมาเหล่านี้โดยส่วนมากก็เริ่มที่จะเข้าใจได้แล้ว

 

หลังจากที่ได้ผ่านเลยไปเช่นนี้แล้ว กลุ่มผู้คนทางด้านหน้าที่พบเห็นก็เริ่มเบาบางลง เยี่ยจงจึงหันกายเดินเข้าสู่ภายในชุมนุมการค้าหวูจี้

 

ภายในชุมนุมการค้าหวูจี้ได้มีการตกแต่งที่เลิศหรูโบราณและอลังการ พื้นที่แต่ละบริเวณก็ได้แผ่กระจายความเก่าแก่ชนิดหนึ่งออกมา ราวกับทำให้ผู้คนทราบได้อย่างชัดเจนว่า สถานที่แห่งนี้มีความเป็นมาที่ไม่น้อยเลยก็มิปาน

 

และบริเวณทางเข้าของชุมนุมการค้าหวูจี้ กลับมิได้เป็นเหมือนดั่งชุมนุมการค้าโดยปกติธรรมดาก็มิปาน มีคนคอยรับส่งดูแล และก็คอยเปิดประตู ให้แก่ผู้ใดก็สามารถเข้าไปได้

 

หลังจากที่ได้เดินเข้าไปทางเข้าไปยังห้องโถงใหญ่แล้ว จึงได้มีบริกรสาวของชุมนุมการค้ามาคอยรอรับ มีบางคนที่ได้นำบัตรเชิญสีทองคำออกมา ก็ได้ถึงเชิญขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นห้องชุดสำหรับแขกผู้มีเกียรติ ส่วนกลุ่มคนที่มิได้มีบัตรเชิญเหล่านั้น ก็ได้แต่รออยู่ทางบริเวณของชั้นหนึ่งเท่านั้น นั่งรวมกับผู้คนจำนวนมากด้วยกัน

 

หลังจากที่เยี่ยจงได้ใช้สายตากวาดมองไปยังบริเวณที่นั่งของชั้นหนึ่งรอบหนึ่ง ก็ได้ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา เขาในตอนนี้เริ่มที่จะเสียใจขึ้นมาหลายส่วน ที่มิได้นำเอาบัตรเชิญของลัทธิแห่งดวงดาวมาด้วย นั้นก็เพราะว่าเขาไม่ต้องการที่จะเข้าไปอยู่ยังชั้นที่หนึ่งนั้นเอง

 

ทว่าเยี่ยจงก็ได้สังเกตได้อย่างรวดเร็วว่า มีผู้คนไม่น้อยที่ถึงแม้จะไม่มีบัตรเชิญ แต่ว่าก็ยังขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นห้องชุดสำหรับแขกผู้มีเกียรติ

 

หลังที่จะครุ่นคิดแล้ว เยี่ยจงก็ได้เดินขึ้นไปยังชั้นสอง ในระหว่างที่เดินอยู่ก็พบกับห้องชุดห้องหนึ่ง เยี่ยจงก็เตรียมที่จะเปิดประตู

 

“ เหลาแห่งนี้ เจ้ามิสามารถที่จะเข้าไปยังห้องชุดของแขกผู้มีเกียรติได้นะ “ ในช่วงเวลาที่เยี่ยจงกำลังจะเปิดประตูนั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังเบาๆขึ้นมาทางด้านข้างอย่างกะทันหัน

 

“ มีปัญหางั้นหรือ ? “ เยี่ยจงจ้องมองไปยังเขาอย่างดุดัน

 

“ กล่าวโดยส่วนมากแล้ว ขอเพียงเป็นผู้ที่มือเติบก็สามารถที่เข้าไปใช้ห้องชุดได้แล้ว ต่อให้เวลานี้ต้องการห้องชุดนี้ เช่นนั้นราคาก็คงเป็นที่น่าตกใจอยู่บ้าง …….. “ เยี่ยจงในตอนนี้ที่มีลักษณะอายุสิบห้าสิบหกปี ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนผู้ที่สามารถใช้จ่ายได้ ดังนั้น บริกรผู้นั้นได้ยืนขวางอยู่ที่หน้าประตูห้องชุดในตอนนี้ แล้วก็กล่าวอธิบายออกมา

 

บริกรเหล่านี้นับได้ว่าเป็นคนที่ใช้ได้เลย ถึงแม้พวกเขาจะรู้สึกว่าเยี่ยจงไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไปได้ก็ตาม แต่ว่าก็ใช้วิธีการที่ดีที่สุดเพื่อที่จะรักษาหน้าของเยี่ยจงเอาไว้

 

“ ที่นี้มีคนต้องการอยู่หรือไม่ ? ถ้าหากเป็นไม่มีแล้วละก็ ข้าขอจองไว้ก่อน “ ในขณะที่เยี่ยจงกำลังจะเปิดประตูนั้นเอง ก็ได้มีชายหนุ่มเดินเข้ามา เขาไม่ได้มองเยี่ยจงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย และเพียงชี้ไปทางห้องชุดด้านหน้าของเขาแล้วเอ่ยปากกล่าวออกมา

 

ชายหนุ่มสวมชุดฝึกยุทธ์สีเงิน เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้มากมั่งมี และทั้งบริเวณทางด้านหลังของเขายังมีชายหญิงอยู่กลุ่มหนึ่ง แต่ละคนได้แสดงท่าทีโอหัสออกมาหลายส่วน เพียงแค่ดูลักษณะของพวกเขาแล้ว ก็ไม่ยากที่จะเดาว่าพวกเขาเป็นบุคคลที่พอมีฐานะอยู่ส่วนหนึ่งแห่งเมืองเยียจิงนี้

 

“ คุณชายน้อย “ บริกรเมื่อพบผู้ที่มา ก็ได้โค้งกายคับนับแล้วเอ่ยปากกล่าวออกมา ในตอนนี้ฐานะของกลุ่มคนเหล่านี้ต่างก็ไม่นับว่าธรรมดา ต่อให้เขาไม่ทราบที่มาที่ไปของพวกเขาได้อย่างชัดเจนก็ตาม แต่ว่าเมื่อฟังจะคำพูดสมควรที่จะเป็นเหล่าลูกหลานของขุนนางในรัฐต้าโจวแห่งนี้

 

“ ขอประทานโทษด้วย ที่แห่งนี้ข้าต้องการเอาไว้แล้ว “ เยี่ยจงคร้านที่จะกล่าววาจาไร้สาระกับกลุ่มคนเหล่านี้ จึงได้ดันประตูเดินเข้าไปยังท่ามกลางห้องพักชุดแห่งนี้

 

“ เจ้า ? “ คุณชายน้อยเกิดอาการงุนงงเล็กน้อย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรภายในเมืองเยียจิงแห่งนี้ ผู้คนโดยส่วนมากต่างก็เห็นแห่งหน้าเขาอยู่หลายส่วน แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าในวันนี้ภายในการชุมนุมการค้าต้องการห้องชุดห้องหนึ่ง ตนเองถึงกับต้องแย่งชิงกับผู้อื่นเช่นนี้งั้นหรือ ?

 

“ ห้องนี้ ตอนนี้ได้ถูกคุณชายน้อยเหมาไปหมดแล้ว “ บริกรเดินขึ้นมาด้วยใบหน้าร้อนรน รั้งเยี่ยจงเอาไว้บริเวณทางด้านหน้า

 

“ เป็นผู้ใดที่เข้ามาก่อความวุ่นวาย ช่างไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ห้องชุดอันเลิศหรูเช่นนี้เจ้ามีปัญญาจ่ายไหวงั้นหรือ ? “

 

“ ถ้าหากไม่มีหนึ่งพันหินวิญญาณขั้นสูง แม้แต่ประตูเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าไป ไร้เดียงสาจริงๆ “

 

หลังจากที่เงียบงัน ท่ามกลางกลุ่มคนทางด้านหลังของคุณชายน้อยผู้นี้ ก็ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมาเป็นสาย บนใบหน้าของแต่ละคนปรากฏความสนุกสนาน หนึ่งพันหินวิญญาณขั้นสูงแลกกับห้องพักชุดหนึ่ง เรื่องราวเช่นนี้หากมิใช่ผู้มั่งมีหรือนายน้อยใหญ่แล้วละก็ ว่าขนหน้าแข้งต้องร่วงแน่นอน เห็นได้ชัดว่าเหล่าคุณชายน้อยเหล่านี้ยังไงเสียก็ไม่ข้องใจกับหินวิญญาณขั้นสูงเพียงแค่หนึ่งพันชิ้นเท่านั้น

 

เยี่ยจงแอบถอนหายใจภายในใจคราหนึ่ง หินวิญญาณถึงแม้ว่าจะเป็นของมีมูลค่า ในตัวของเขานั้นก็ยังมีหินวิญญาณอยู่ไม่มากมายนัก แต่ว่าในครั้งนี้เขาได้มาอวยพรราชวงศ์ในฐานะตัวแทนของลัทธิแห่งดวงดาว ของเช่นนี้มีหรือที่จะมีน้อยได้กัน ?

 

“ หนึ่งพันหินวิญญาณขั้นสูงงั้นหรือ ? ได้ “ หลังจากที่เยี่ยจงถอดแหวนจักรวาลชิ้นหนึ่งที่อยู่บนนิ้วของเขาให้แก่บริกร เขาก็ได้เดินเข้าไปยังห้องชุด ปิดประตูเสียงดังปัง

 

เขาเป็นตัวของตัวเองเช่นนี้ เขามิได้แม้แต่จะชายตามองเหล่าลูกขุนนางเหล่านี้เลย เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ไม่แม้แต่จะอยู่ในสายตาเลย

 

หลังจากที่บริกรแน่นิ่งไป ก็ค่อยตรวจสอบแหวนจักรวาลที่พึ่งได้มาอย่างรวดเร็ว ด้านในมีหินวิญญาณขั้นสูงหนึ่งพันชิ้นพอดี ในครั้งนี้เขาถึงกับแน่นิ่งอย่างที่สุดอย่างแท้จริง

 

หนึ่งพันหินวิญญาณขั้นสูงแน่นอนว่ามิใช่ตัวเลขที่ต่ำ เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเช่นเขาถึงกับใช้จ่ายหินวิญญาณขนาดนี้ยังสบายใจได้ เห็นได้ชัดว่าฐานะทางตระกูลหรือเบื้องหลังของเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

 

คุณชายน้อยผู้นั้นและพวกเมื่อได้มองไปยังฉากเบื้องหน้า หลังจากได้ลังเลชั่วครู่ พวกเขาไม่แม้จะเดินหน้าต่อไป เพียงแต่ไปยังห้องชุดอื่นอีกห้องหนึ่งไป ภายในชั่วชีวิตของพวกเขาเหล่านี้นับตั้งแต่ออกมาจากตระกูลก็นับว่าเผชิญเรื่องราวมามากมาย วันครบรอบการก่อตั้งราชวงศ์ก็ใกล้เข้ามาแล้ว เกิดการรวมตัวของยอดฝีมือแต่ละฝ่ายมากมาย ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจที่จะไปมีเรื่องมีราวกับกลุ่มคนเหล่านี้จะดีกว่า

 

และในครั้งนี้เยี่ยจงก็ได้ให้ความรู้สึกที่อันตรายอย่างถึงที่สุดชนิดหนึ่งแก่พวกเขา คนเหล่านี้ไม่ใช่โง่เง่าแต่อย่างไร อีกทั้งยังไม่ต้องการเพียงเพราะแค่ห้องชุดเพียงห้องเดียว ก็ได้สร้างปัญหากับบุคคลใหญ่โตที่ไม่รู้ที่มาที่ไป สิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดอย่างที่สุดก็ว่าได้

 

ภายในห้องชุดถูกตกแต่งมิได้เลิศหรูมากมากนัก แต่ว่าก็ให้ความแปลกประหลาดใจชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้ไม้ที่จะมาจากต้นสนม่วง ยังมีเหล่าสิ่งของที่ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะ ต่างก็ถือว่าน่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง

 

และท่ามกลางสิ่งที่ถูกจัดวางอยู่ภายในจานหยกเหล่านั้น ถึงกับเป็นผลไม้วิญญาณที่มีไอวิญญาณอย่างเข้มข้น และเหล่ากลิ่นที่หอมหวนที่ออกมาจากน้ำชา นับได้ว่าให้บรรยากาศที่ไม่เลวเลย ทำให้ผู้คนมีสติแจ่มใส แน่นอนว่าของเหล่านี้ก็นับได้ว่าไม่ธรรมดา

 

กล่าวอย่างง่ายดาย หนึ่งพันหินวิญญาณนี้แลกเปลี่ยนกับการบริการเช่นนี้ แน่นอนว่าถือได้ว่าทำให้ผู้คนรู้สึกคุ้มค่า

 

หลังจากที่เยี่ยจงได้ดื่มชาลงไปอึกหนึ่งแล้ว ก็ได้มองเข้าไปยังภายในของห้องชุดนี้ ทางด้านนั้นได้มีหน้าต่างที่อยู่ติดกับผนังห้องอยู่อันหนึ่ง แขวนไว้ด้วยลูกประคำ สามารถที่จะมองเห็นกลุ่มคนที่กำลังค้าขายที่อยู่บริเวณด้านล่างที่เป็นห้องโถงของชุมนุมการค้าได้ง่ายอีกด้วย แต่ว่าคนอื่นๆแน่นอนว่าจะมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ภายในของห้องชุดเหล่านี้

 

อีกทั้งในตำแหน่งเช่นนี้ ก็ถือได้ว่าเหมาะสมจนเยี่ยจงรู้สึกพึ่งพอใจเป็นอย่างยิ่ง ต่อมาเขาก็ได้นั่งลงอย่างเงียบเชียบ รอคอยอย่างจดจ่อ

 

เวลาได้ค่อยๆไหลผ่านไปอย่างช้าๆ บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องที่เยี่ยจงไปมอบหินวิญญาณก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงทำให้ไม่มีผู้ใดเข้ามารบกวนเขาแต่อย่างไร

 

ไม่นานนัก ประมาณครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ห้องโถงของชุมนุมการค้าก็ได้มีเสียงดังขึ้นมาสายหนึ่งอย่างกะทันหัน และจากนั้นก็ได้พบกับ หญิงสาวที่มีรูปร่างอันทรงเสน่ห์ผู้หนึ่งในตอนนี้ สวมผ้าคลุมหน้าอันเบาบางเอาไว้ ก็ได้ค่อยๆก้าวเดินออกมายังบริเวณแท่นชุมนุมด้านบน และในขณะนั้นเอง ผู้คนไม่น้อยต่างก็อยู่ภายในความสงบในทันที

 

ชุมนุมการค้าหวูจี้ ณ ตอนนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset