ตอนที่ 148 ท่านอ๋อง นางเซียน
ในตอนนี้องค์ชายสามก็ได้จ้องมองไปยังเยี่ยจง ท่ามกลางดวงตาได้ทอความเคลื่อนไหวไปมา หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้หัวเราะฮาฮาแล้วกล่าว “ ท่านผู้นี้ ไม่ทราบว่าจะสามารถขายให้ได้หรือไม่ หากว่าสามารถแล้วละก็ ผู้น้อยยินยอมที่ซื้อในราคานับสิบเท่าให้ “
“ ความจริงแล้วก็ได้อยู่ “ เยี่ยจงเอ่ยปากกล่าวยังดุดัน “ แต่ว่าตอนนี้ข้ากลับไม่ต้องการที่จะขาย หากว่าองค์ชายสามมีความสนใจอย่างแท้จริงแล้วละก็ ก็คงต้องลงมือแย่งชิงแล้ว ท่านเมื่อครู่มิใช่เตรียมที่จะกระทำเช่นนั้นหรอกหรือ ? “
เยี่ยจงมิได้มีความรู้สึกที่ดีต่อองค์ชายสามผู้นี้ อีกฝ่ายมิเพียงแต่คิดที่จะทำลายกฎของชุมนุมการค้า ยังคิดที่จะบังคับแข็งขืนตนเอง ให้ส่งมอบสิ่งของแก่เขาอย่างว่าง่าย กล่าวตามตรงเยี่ยจงมีความสนใจต่อวัตถุชิ้นนี้เป็นอย่างมาก หรือต่อให้ไม่มีความเสนาะสนใจ ตามลักษณะนิสัยของเยี่ยจงก็ไม่ส่งมอบวัตถุชิ้นนี้ให้อยู่ดี
ดวงตาองค์ชายสามขยับวูบ ทันใดนั้น เขาก็ได้ก้าวออกไปหนึ่งก้าว วินาทีนั้น ก็ได้แผ่พุ่งพลังลมปราณอันน่าหวาดหวั่นให้เคลื่อนไหวออกมาจากภายในร่างกาย ในตอนที่ได้ก้าวเดินออกไปนั้นเอง ก็ทราบได้ว่าเป็นพลังปราณของยอดฝีมือที่อยู่ในพลังขั้นก่อฟ้าแล้ว เมื่อเทียบกับเยี่ยจงที่เป็นเพียงยอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดทั้งเก้าขั้นนับได้แข็งแกร่งกว่ามาก ในตอนนี้พลังกดดันได้กดทับลงไป ยอดฝีมือมากมายที่อยู่ในห้องโถงชั้นที่หนึ่งก็ได้แปรเปลี่ยนสีหน้าถอยออกไปในทันที
พลังแรงกดดันได้แผ่ออกมาเป็นสาย จนท้ายที่สุดก็ได้พุ่งเข้ากดดันยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
แต่ว่าสีหน้าของเยี่ยจงก็มิได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างไร อีกทั้งยังไม่พบเห็นความหวาดกลัวใดๆบนร่างกายของเขา
“ ตูม “
ห้องพักที่เยี่ยจงอยู่ได้กลับกลายเป็นปุ๋ยผงไปในทันทีทันใด แต่ว่าเยี่ยจงก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่เส้นขน เขาได้ขยับร่างกายลงไปยังพื้นที่ด้านล่างอย่างช้าๆ สีหน้าไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก
หญิงสาวชุดขาวที่ยืนอยู่ทางด้านหลังขององค์ชายสามก็ได้ยืนมือออกไปในทันที ขัดขวางความเคลื่อนไหวต่อมาขององค์ชายสามเอาไว้ นางขยับเคลื่อนไหวโดยไม่ใส่ใจ บนร่างขององค์ชายสามที่กำลังแผ่พุ่งพลังปราณออกไปอยู่นั้น ก็ได้สูญสลายหายไปในทันที
“ ท่านผู้นี้ เมื่อครู่ถือว่าข้าไร้มารยาทเอง แต่ว่าวัตถุชิ้นนี้มีประโยชน์ต่อข้ามากนัก หากว่าท่านสามารถที่จะขายต่อให้ข้า แน่นอนว่าจะไม่ลืมเลือนพระคุณในครั้งนี้ “ หญิงสาวชุดขาวส่งเสียงออกมา ดูมีเสน่ห์ไร้ที่เปรียบ ราวกับเสียงของนางเซียนก็มิปาน ทำให้ความเคลื่อนไหวของผู้คนหยุดนิ่งลง
แต่ว่า เสียงของคำพูดที่ดังขึ้นมานี้ได้ทำให้ทุกผู้คนคล้อยตามไปได้ แต่กับเยี่ยจงนั้นแทบจะไม่มีผลใดๆเลย
เยี่ยจงไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับไปมองหญิงสาวชุดขาว อีกทั้งตนเองยังเดินไปยังแท่นชุมนุมการค้า ภายใต้สายตามากมายที่มองมาในตอนที่เก็บทรราชทมิฬไป ก็ได้เก็บกลับไปยังแหวนจักรวาลในนิ้วมือของตนเองอย่างไม่ใส่ใจ ทันใดนั้นเขาก็ได้ถอดแล้วยื่นแหวนจักรวาลอีกวงมอบให้แก่หงส์เหลียน
ในตอนนี้หงส์เหลียนได้มีการตอบสนองกลับมา ก็ได้รีบตรวจสอบอยู่รอบหนึ่ง หลังจากที่แน่ใจแล้วว่ามีจำนวนหินวิญญาณครบแล้ว ก็ได้โบกมืออย่างเร่งร้อนคราหนึ่ง ต่อมาก็ได้มีคนส่งมอบม้วนคัมภีร์เสมือนเซียนที่เยี่ยจงชนะการประมูลก่อนหน้าส่งขึ้นมา
มือหนึ่งคว้าจับไปยังม้วนคัมภีร์ จากนั้นก็ได้เก็บเข้าไปยังแหวนจักรวาล เยี่ยจงจึงได้หันกายกลับไปมององค์ชายสามคราหนึ่ง กล่าวเสียงดังกังวาน “ องค์ชายสาม ผู้น้อยจะจดจำวันนี้เอาไว้ วันหน้าจะกลับมาสนองให้ “
กล่าวจบ เยี่ยจงก็ได้หันกายจากไปในทันที
นับตั้งแต่ต้นจนจบ เขาก็มิได้มองไปยังหญิงสาวชุดขาวแม้เพียงคราเดียว นี้เป็นดั่งเช่นการดูถูกชนิดที่ไม่ต้องการแม้แต่จะมองหรือฟัง หญิงสาวชุดขาวที่องค์ชายสามผู้นี้ให้ความสำคัญอย่างถึงที่สุด กล่าวได้ว่าเยี่ยจงกลับไม่เห็นมีอันใดน่าสนใจแม้แต่น้อย
“ ดูแคลนผู้คนเกินไปแล้ว “
องค์ชายสามหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที เขาสามารถที่จะให้ตนเองอับอายได้ แต่แน่นอนว่าไม่อาจที่จะเห็นนางเซียนในฝันรับความอับอายได้
ทันใดนั้นเอง ก็ได้ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ทันทีที่ร่างกายปะทุออกไป พลังหมัดก็ได้พุ่งเข้าปะทะไปยังบริเวณด้านหลังของเยี่ยจง
วินาทีนั้นก็ได้รวบรวมพลังลมปราณขึ้น พลังเงาหมัดอันน่าหวาดหวั่นสายหนึ่งได้รวมตัวกัน ภายในพลังของหมัดนี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดขั้นที่เจ็ด ก็คงจะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัต
“ ที่ดูแคลนผู้คนเกินไปก็คือท่าน “
เยี่ยจงหันกายไปในทันที ใช้ออกด้วยมือขวา บริเวณใจกลางฝ่ามือได้รวบรวมพลังกระบี่ตราประทับขึ้น พลังกระบี่ตราประทับซ้อนทับจนถึงชั้นที่เจ็ด จากนั้นก็ได้ฟาดฝ่ามือออกไปคราหนึ่ง
“ บรึม “
หมัดฝ่ามือทันทีที่เข้าหากัน พลังลมปราณอันน่าหวาดหวั่นสองสายก็ได้เข้าปะทะกันต่อ สายลมได้แผ่วนออกมาเป็นสาย
“ ตูม “
ร่างขององค์ชายสามตื่นตระหนกในทันที ร่างกายได้เหยียบลึกจมพื้นดินแล้วถอยออกไปราวสิบเมตรจึงได้ค่อยหยุดร่างลงได้ ภายในดวงตาได้ปรากฏความยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น และในบริเวณที่เผชิฐหน้ากัน ร่างกายของเยี่ยจงไม่แม้แต่จะสั่นไหว และมิได้ถอยออกไปแม้เพียงครึ่งก้าว
“ เป็นไปได้อย่างไรกัน ? “
เสียงตื่นตกใจได้ดังขึ้นมาในทันทีกระจายไปทั่วทั้งห้องโถง ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็ตกใจเมื่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ในช่วงเวลานี้ต่างก็กล่าวอันใดไม่ออกอยู่หลายส่วน ถึงแม้ว่าองค์ชายสามจะมิได้ลงมือโดยใช้พลังทั้งหมด แต่ว่ากระบวนท่านี้ของเขาเป็นที่แน่นอนว่ายอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดปกติธรรมดาต้องรับไว้ไม่ได้อย่างแน่นอน จากที่ดูมา เด็กน้อยผู้นี้ไม่เพียงแต่จะต้านกระบวนท่าไว้ได้ อีกทั้งยังทำให้องค์ชายสามถึงกับพลาดท่าอยู่ส่วนหนึ่ง
เด็กน้อยผู้นี้ที่แม้มีที่มาที่ไปอย่างไรกัน ?
ในช่วงเวลาเดียวกันองค์ชายสามก็ได้ตื่นตกใจอย่างหยุดไม่อยู่ ภายในดวงตาของเยี่ยจงได้แผ่พุ่งรังสีความฆ่าฟันออกไป องค์ชายสามผู้นี้นับได้ว่าดูแคลนผู้คนจนเกินไปแล้ว
ทันใดนั้นต่อมา เยี่ยจงก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวเลือดลม พลังอันน่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุดได้ออกมาจากตัวเขาทีละขั้น พุ่งออกไปทางด้านหน้า
“ อะไรกัน คนผู้นี้ถึงกับเตรียมพร้อมที่จะลงมือต่อองค์ชายสามเชียวหรือ ? “
มียอดฝีมือไม่น้อยที่หน้าเปลี่ยนสี เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงถึงกับมีความกล้าเช่นนี้ ไม่เพียงแต่สามารถที่จะทำให้องค์ชายสามพลาดท่าไปหนึ่งครา ยังถึงกับเตรียมพร้อมที่จะลงมือต่ออีกด้วย
และยอดฝีมือที่อยู่ภายในห้องพักเหล่านั้นแต่ละคนก็ได้ทอประกายสายตาขึ้นมาทันที พวกเขาและคนเบื้องล่างนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นแทบจะมองออกไปทั้งหมดเพียงคราเดียว ในตอนนี้นัยน์ตาของเยี่ยจงได้มีความต้องการฆ่าฟัน เขาได้เตรียมพร้อมลงมือในที่แห่งนี้แน่นอน อีกทั้งยังจะลงมือสังหารองค์ชายสามผู้นี้อีกด้วย
องค์ชายสามก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังการฆ่าฟันบนร่างเยี่ยจง เขาส่งเสียงเย็นชาคำหนึ่ง ก้าวออกไปหนึ่งก้าวเช่นเดียวกัน เห็นได้ชัด ถึงสถานะของเขาจะถือได้ว่าน่าตกใจ แต่ก็ไม่สามารถที่จะถอนออกไปในตอนนี้
“ เหอะ —— เหล่าซาน (อันดับสาม) ตามกฎของชุมนุมการค้า ถึงแม้จะเป็นกฎของชุมนุมการค้าก็ตาม แต่เมื่อไร้กฎก็ไม่สามารถควบคุมได้ เจ้าดูแคลนผู้อื่นในที่แห่งนี้ อีกทั้งยังทำให้ข้าเสียหน้า แท้จริงแล้วกลับไม่เหมาะที่จะมีสถานะของราชวงศ์เช่นเดียวกับข้าเลย หากข้าเป็นเจ้า ตอนนี้ก็คงจะขอขมาแล้วถอยออกไป แต่มิใช่มาทำขายหน้าเช่นนี้ต่อไป
ทันทีที่ราวกับมีบรรยากาศที่เป็นเหมือนดั่งมีกระบี่พาดอยู่บนคอ ในช่วงกะทันหัน เสียงของบุคคลลึกลับผู้นั้นเมื่อครู่ก็ได้ดังขึ้นมา จากนั้นก็พบว่าในห้องพักห้องหนึ่งของแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสอง ลูกประคำก็ได้ขยับเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน จากนั้นร่างกายของชายหนุ่มสวมชุดเลิศหรูผู้นี้ก็ได้ยืนอยู่ที่แห่งนั้น อมยิ้มจ้องมองไปบริเวณกลางห้องโถง
“ องค์ชายใหญ่ ? บุคคลลึกลับเมื่อครู่ที่แท้ก็เป็นองค์ชายใหญ่ของท่านอ๋องในตอนนี้งั้นหรือ ? “ วินาทีนั้นก็มีคนภายในห้องโถงหลุดเสียงออกมา
และในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปยังบริเวณฝั่งตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว จากนั้นรูม่านตาก็ได้ขยายขึ้นเล็กน้อย พลังฝีมือขององค์ชายใหญ่ผู้นี้ ตนเองถึงกับไม่สามารถที่จะมองออกได้เชียวหรือ ?
“ เหอะ น้องชายท่านนี้ ในครั้งนี้น้องสามตระกูลข้าได้ทำเกินเลยไป แทนความในใจอันเล็กน้อย ถือว่าเป็นการชดเชย เรื่องราวในวันนี้ก็ขอให้ผ่านเลยไปเถอะ ดีหรือไม่ ? “ องค์ชายใหญ่ผู้นั้นในตอนนี้ก็ได้หลังจากที่ได้มองไปทางเยี่ยจงอย่างลึกซึ้งคราหนึ่ง ก็ได้ดีดนิ้วออกไปอย่างไม่ใส่ใจ แหวนจักรวาลวงหนึ่งได้มุ่งหน้าไปดีดตัวออกไปยังจุดที่เขาอยู่
เยี่ยจงส่งเสียงเย็นชาคำหนึ่ง ใช้มือซ้ายคว้าออก ก็ได้สลายพลังที่ความเคลื่อนไหวที่มาพร้อมกับแหวนจักรวาลวงนี้ และจากนั้นก็ได้กวาดสายตาไปคราหนึ่ง เหม่อมองไปยังด้านในที่มีหินวิญญาณขั้นสูงกว่าหนึ่งล้านชิ้น เยี่ยจงยิ้มไปมา หันกายเดินจากไป
“ ข้ายังมิเคยกล่าวมาก่อนว่า เรื่องราวระหว่างพวกเราจะสุดสิ้นลงเช่นนี้นะ ต้องการที่จะไปก็ทิ้งสิ่งของเอาไว้ “ องค์ชายสามเมื่อเห็นว่าเยี่ยจงคิดที่จะจากไป ต่อมาก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาคำหนึ่ง ก้าวออกไปทางด้านหน้า
“ เชอะ
เยี่ยจงส่งเสียงดังเชอะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง หันศีรษะกลับไปมององค์ชายสามคราหนึ่ง ตอบกลับเสียงเย็นเยียบ “ องค์ชายสาม ท่านคิดว่าข้าไม่กล้าที่จะสังหารท่านในวันนี้ที่นี้ใช่หรือไม่ ? “
“ ฮาฮาฮา ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าเจ้ามีความกล้าอันใดถึงกับสามารถสังหารองค์ชายเช่นข้าได้ หากว่าเจ้ากล้าที่จะแตะต้ององค์ชายเช่นข้าแม้เพียงเส้นขน องค์ชายเช่นข้าให้สัญญาว่า ตระกูลของเจ้าทั้งหมดทุกคนจะต้องตายโดยไร้ที่กลบฝัง “ องค์ชายสามตอบกลับหัวเราะเสียงเยียบเย็น
“ งั้นหรือ ? เช่นนั้นข้าก็คงต้องสนองจริงๆแล้วสินะ “ เยี่ยจงยิ้มออกมาอย่างเย็นชา เกี่ยวกับตระกูลเยี่ยแห่งห้าตระกูลใหญ่ เขาไม่แม้จะเก็บไว้ในใจเลย
“ เจ้า —— ”
องค์ชายสามโกรธาขึ้นมา ก็คิดที่จะลงมือทันที
“ ช่างเถอะ ——” หญิงสาวชุดขาวกล่าวเสียงแผ่วเบาในทันที ดวงตาของนางได้มองไปทางด้านของเยี่ยจงไม่ชัดเจนอยู่หลายส่วน กล่าวเสียงแผ่วเบา “ สุภาพบุรุษไม่แก่งแย่งกันจะดีกว่า ในครั้งนี้เป็นพวกเราที่มาช้ากันเอง ขอท่านอย่าได้เอาความ “
“ เรื่องในตอนนี้ก็ให้จบแต่เพียงนี้เถอะ อย่าได้รื้อฟื้นกันอีก “
หลังจากที่เงียบงัน ใบหน้าที่โกรธจัดขององค์ชายสามก็ได้คลายลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ได้พยักหน้าหลายครา หลังจากที่ได้จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจงคราหนึ่งแล้ว จึงค่อยได้ถอยลงมา
“ เหอะ น่าสนใจดีนิ “ เยี่ยจงเงยหน้าขึ้นมององค์ชายใหญ่ที่ตอนนี้กำลังยืนกอดอกอยู่คราหนึ่ง บนใบหน้าปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มสายหนึ่ง “ องค์ชายใหญ่ ราชวงศ์ของพวกท่านน่าสนใจยิ่ง คำพูดของพี่ใหญ่อย่างท่านผู้อื่นกลับไม่คิดจะฟัง แต่กับคำพูดของหญิงสาวผู้หนึ่งที่ไม่ทราบความเป็นมา กลับเชื่อฟังอย่างว่าง่าย …….. ข้าคิดว่า ภายภาคหน้าหากมีการนองเลือดภายในแล้วละก็ แน่นอนว่าข้าน้อยจะต้องยืนอยู่ทั้งฝ่ายขององค์ชายใหญ่ ถ้าหากตำแหน่งอองตกไปอยู่ในมือของคนเหล่านี้ รัฐต้าโจวหวังเฉาเกรงว่าคงได้ถึงกาลอวสานแล้ว “
“ ชิร์ “
หลังจากที่ได้สิ้นเสียงของเยี่ยจง บริเวณภายในของห้องโถงก็ได้เกิดเสียงตื่นตระหนกขึ้นมานับไม่ถ้วน ต่อให้เป็นเรายอดฝีมือที่อยู่ในห้องพักแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสอง ในตาของแต่ละคนก็ได้ทอประกายขึ้นมาอย่างฉับพลัน ส่วนเหล่าขุมกำลังที่พอจะมีความสำเร็จอยู่บ้าง ในตอนนี้ต่างก็ได้ส่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้กลับไปยังเบื้องบนอย่างรวดเร็ว
ควรทราบว่า คำพูดนี้ของเยี่ยจงจะจี้แทงใจ แต่ว่า ที่กล่าวมานั้นก็มิใช่อย่างที่เป็นอยู่ คำพูดของเขา เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดที่กล้าจะเห็นด้วย
ทันใดนั้นสีหน้าขององค์ชายสามก็ได้เปลี่ยนไปในทันที ต่อให้คิดที่จะลงมือ แต่ว่าหญิงสาวชุดขาวนางนี้กลับส่ายศีรษะไปมา หยุดยั้งความเคลื่อนไหวเอาไว้ ในตอนนี้เยี่ยจงเป็นเหมือนดั่งบ่งบอกกดดันให้เขาลงมือ หากว่าลงมือภายในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเกิดอันใดขึ้น เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดที่จะสามารถยอมรับเยี่ยจงได้
นัยน์ตาขององค์ชายใหญ่ได้ทอประกายวาบคราหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ได้ยิ้มออกมาแล้วกล่าว “ ท่านผู้นี้ก็ช่างกล่าวล้อเล่นแล้ว ทุกวันนี้ท่านอ๋องยังคงแข็งแรงอายุยื่น จะมีการเกิดความวุ่นวายได้อย่างไรกัน ? ยิ่งไปกว่านั้น นางเซียนท่านนี้ก็เป็นที่ชื่นชอบขององค์ชายเช่นข้าเช่นกัน เหล่าซานถูกเพลิงแห่งความโกรธครอบงำ ในฐานะพี่ใหญ่ก็ต้องไกล่เกลี่ยปัญหาอยู่ดี ยังคงหวังว่าท่านอย่าได้ถือสา “
“ ใช่แล้ว ท่านไม่คล้ายกับเป็นชาวเมืองเยียจิงเลย เจ็ดวันหลังจากนี้ ที่ตำหนักของข้าได้มีการจัดงานเลี้ยงขึ้น เมื่อถึงเวลาขอเชิญพี่ท่านเข้าร่วมด้วย ผู้น้อยมีการมอบของขวัญให้แก่แขกผู้มีเกียรติอีกด้วย
ได้ยินคำพูดเช่นนี้ ยอดฝีมือไม่น้อยภายในห้องโถงต่างก็มองด้วยสายตาโง่งม แน่นอนว่าพวกเขาต้องทราบเรื่องการจัดงานเลี้ยงขององค์ชายใหญ่ เพียงแต่ว่าบุคคลโดยทั่วไปแทบจะไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมงานเลย คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยที่ไม่ทราบถึงที่มาที่ไปผู้นี้ ถึงกับได้รับคำเชิญจากองค์ชายใหญ่ในครั้งแรกที่ได้พบกัน
หลังจากที่เยี่ยจงได้ครุ่นคิดใคร่ครวญ ก็ได้พยักหน้าอยู่หลายครา ภารกิจที่แท้จริงในครั้งนี้ของเขาก็คือมาอวยพรวันครบรอบก่อตั้งราชวงศ์ มีอยู่บางเรื่องที่สมควรจะต้องทำความเข้าใจก่อน อีกทั้งตอนนี้เหยียดตรงยังต้องรีบตรวจสอบ การอวยพรแก่ราชวงศ์ในครั้งนี้ แสดงว่าเรื่องราวคงจะมิได้ง่ายดายเช่นนั้น
.
.
.
.