ตอนที่ 161 ตบหน้าอย่างรุนแรง
ช่วงเวลาการต่อสู้ของเยี่ยจงและองค์ชายสามไม่นับว่ายาวนานนัก อีกทั้งยังถูกชิงหญิงดูดเข้าสู่ภายในของสมบัติห้วงกาลเวลา การต่อสู้ในครั้งนี้ของทั้งสองคน ย่อมไม่มีผู้ใดทราบได้
เพียงแต่ว่า ดูจากการต่อสู้ของทั้งสองคน ยิ่งทำให้ทราบได้ว่าทั้งสองฝ่ายราวกับยังไม่อาจพิสูจน์ผลแพ้ชนะได้
ดังนั้น ก็มีผู้คนไม่น้อยในตอนนี้ที่เหม่อมองไปทางด้านของเยี่ยจงแต่กลับต้องเกิดความตกใจขึ้นมาอย่างไม่แน่นอนได้ ความจริงแล้วสถานะของเยี่ยจงก็เพียงพอที่จะทำให้ดึงดูดความสนใจได้ บวกกับในตอนนี้เขาและองค์ชายสามได้เผชิญหน้าซึ่งกัน ยิ่งทำให้ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น
แต่ว่าเยี่ยจงกลับมิได้กล่าวอธิบายอันใดมากมายกับผู้คนเหล่านี้หรือว่ามีความสนใจที่จะกล่าววาจาไร้สาระด้วย กระทั่งแม้แต่นางเซียนชิงหญิงก็คร้านที่จะมองดูแม้เพียงหางตา และก็มิได้เข้าไปร่วมกับกลุ่มกับคนอื่น แต่กลับไปปรากฏตัวอยู่อีกทางด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ไม่อาจไม่กล่าวได้ว่า วังชั้นนอกของราชวังแน่นอนว่าย่อมใหญ่โต ถึงแม้เมื่อครู่เขาและองค์ชายสามจะสามารถดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย ผู้คนส่วนหนึ่งก็ต้องทราบถึงสถานะภาพของเขาแล้ว แต่ว่าหลังจากที่ได้ไปปรากฏตัวที่สถานที่อื่นแล้ว เขาก็เป็นเหมือนดังหนุ่มน้อยปกติธรรมดาภายในเมืองเยียจิงก็มิปาน กลับไม่สามารถดึงดูดความสนใจใดๆได้
ในตอนนี้งานเลี้ยงยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น เยี่ยจงก็มิได้รีบร้อนที่จะไปทำเรื่องราวใด เพียงแต่พุ่งผ่านกลุ่มผู้คนมากมาย สัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์อยู่หลายส่วนในตอนนี้
“ เป็นเจ้า ? “
สาวน้อยผู้หนึ่งได้เดินสวนด้านข้างของเยี่ยจง และจากนั้นเขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นก็ได้ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ เยี่ยจง สถานะภาพอันไม่ธรรมดาของเจ้าข้าก็ทราบแล้ว แต่ว่าเมื่อวันก่อนเจ้าได้รับคัมภีร์ยุทธ์เสมือนเซียนนั้นช่างน่าสนใจ หากว่าเจ้ายินยอมที่จะให้หยิบยืม ข้าจะให้เจ้าสิ่งสมนาคุณกับเจ้าอย่างเท่าที่ต้องการ “
ผู้ที่เอ่ยปากมิใช่ใครอื่นนอกจากเหร่ยทิงเหอ ไม่ทราบที่นางได้มายังพื้นที่เขตนี้ตั้งแต่เมื่อไร
เยี่ยจงกวาดตามองไปทั่วทั้งสี่ทิศ ค่อยทราบว่าตนเองได้เดินมาจนถึงพื้นที่บริเวณทอแสงสว่างแห่งนี้โดยที่ไม่รู้ตัว โดยส่วนมากแล้วจะเป็นจุดรวมตัวกันของกลุ่มสาวน้อยของแต่ละตระกูล
หลังจากนั้นก็ได้จ้องมองไปยังร่างเหร่ยทิงเหออีกครั้ง เยี่ยจงก็ได้ส่ายศีรษะไปมาแล้วกล่าว “ คุณหนูใหญ่เหร่ย ต้องขออภัยด้วย คัมภีร์ยุทธ์เสมือนเซียนนี้ข้าเองก็มีความสนใจเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะส่งมอบออกมาได้ “
“ งั้นหรือ ? ถ้างั้นก็ช่างเถอะ “ หลังจากที่เหร่ยทิงเหอลังเลชั่วครู่ ก็ได้ตอบด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างกะทันหัน “ ทรราชทมิฬที่เจ้าได้เอาไปนั้นที่แท้คืออะไรกัน เพราะเหตุใดแม้แต่นางเซียนชิงหญิงก็ยังมีความเสนาะสนใจต่อมันด้วย ? จนถึงขั้นองค์ชายสามมาลงมือหาเรื่องถึงสามครั้งสามครา ? “
“ อันนี้งั้นหรือ นอกเสียจากเจ้าจะช่วยข้าไปสอบถามจากนางเองแล้วละ ? “ เยี่ยจงหัวเราะเบาๆ แน่นอนว่าเขาต้องไม่อธิบายเกี่ยวกับร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณที่มีพลังสูงเทียบฟ้าให้
เมื่อพบว่าเยี่ยจงเป็นเช่นนี้ เหร่ยทิงเหอก็ได้แต่ส่ายศีรษะไปมาอย่างช่วยไม่ได้ ตามปกติแล้วนางเป็นถึงคุณหนูใหญ่ผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเหร่ย ไม่มีผู้ใดกล้าต่อปากต่อคำ แต่กับคนเช่นเยี่ยจงที่ไม่เหลือบแลแม้แต่สถานะภาพของนางเลยแม้แต่น้อย ยังคงถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่นางพบเจอ
“ ใช่แล้ว ข้าได้ยินข่าวลือมา อีกทั้งอารมณ์ยังดีอยู่ สามารถบอกต่อเจ้าได้ “ เหร่ยทิงเหอเผยให้เห็นอารมณ์อันแปลกประหลาดออกมาเล็กน้อย เอ่ยปากกล่าวออกมาอย่างมีเลศนัย
เยี่ยจงกวาดตามองดูเหร่ยทิงเหอคราหนึ่ง ในขณะที่คิดจะหันหายจากไป เขาได้เห็นการกระทำอันลี้ลับของเหร่ยทิงเหอ แต่ว่าเขากลับไม่มีความสนใจมากนัก
“ เหว่ยเหว่ยเหว่ย เจ้าอย่าพึ่งรีบไปสิ เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าด้วยนะ “ เมื่อเหร่ยทิงเหอพบว่าเยี่ยจงเป็นเช่นนี้ จากนั้นก็ได้กัดไปที่ริมฝีปากอันงดงามสีชาด แล้วก็ได้ปิดบังเส้นทางของเขาเอาไว้ กล่าวมาอย่างรวดเร็ว “ ตระกูลซูแห่งห้าตระกูลใหญ่ เมื่อไม่นานมานี้ได้สานสัมพันธ์กับขุมกำลังอ้นแข็งแกร่งที่มิได้อยู่ภายในสามรัฐใหญ่นี้ อีกทั้งในตอนนี้พวกเขายังได้จ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อย กล่าวกันว่าสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองเยียจิงซูเหวินชิงจะต้องแต่งกับนายน้อยแห่งขุมกำลังนั้น มีอยู่หลายคนที่ต่างก็ไม่เข้าใจ เพราะเหตุใดตระกูลซูถึงต้องทำเช่นนี้อย่างกะทันหันด้วย จากที่ดูในตอนนี้แล้วละก็ การมาของพวกเขาคงจะมาเพราะเจ้าละมั่ง ? “
หลังจากที่เงียบงัน จิตใจของเยี่ยจงก็สั่นไหวคราหนึ่ง เมื่อคิดถึงการกระทำของซูเหวินชิงก่อนหน้านี้ ก็เริ่มที่จะเข้าใจขี้นมาหลายส่วนแล้ว
“ แต่ว่า เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้างอันหรือ? “ เยี่ยจงถามกลับไป
“ จะไม่เกี่ยวกับเจ้าได้อย่างไรกัน เมื่อครั้งก่อนที่เจ้าอยู่ที่เมืองเจียงโจวกระทำเรื่องร้อยก้าวไร้พ่าย ความจริงก็ได้ถูกส่งมายังเมืองเยียจิงตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าไม่มีผู้ใดเชื่อก็เท่านั้น และเมื่อได้ดูความสำเร็จของเจ้าในวันนี้ ก็ทราบได้ว่าเรื่องเมื่อครั้งก่อนดูเล็กน้อยไปเลย …….. ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ ในตอนนี้เจ้าและซูเหวินชิงยังมีหลักฐานการหมั่นหมายอยู่ ในข้อนี้ไม่ว่าผู้ใดก็เปลี่ยนแปลงมิได้ เจ้าผู้นั้นที่มาจากนอกเหนือทั้งสามรัฐใหญ่ยังต้องการที่จะทำการสู่ขอกับตระกูลซูอีก ก็จะเป็นที่จะต้องให้เจ้าถอนหมั่น เจ้าว่า เรื่องราวในคราวนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าได้อย่างไรกัน ? “ เหร่ยทิงเหอตอบกลับเสียงแผ่วเบา
“ ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเจ้า ยังไม่กับถึงขั้นที่จะทำให้เจ้ามาบอกกล่าวเรื่องที่เป็นความลับเช่นนี้ต่อข้าเลยมิใช่หรือ ? “ หลังจากที่เยี่ยจงครุ่นคิด ก็กล่าวออกไปเสียงดัง
“ แน่นอนว่าเราท่านย่อมไม่มีความสัมพันธ์อันใด “ เหร่ยทิงเหอกล่าวตอบ “ เพียงแต่ว่า ขุมกำลังที่จะมาสู่ขอกับตระกูลซูนั้น ประจวบเหมาะมีความแค้นกับอาจารย์ของสำนักข้าก็เท่านั้น สามารถสร้างความวุ่นวายให้แก่พวกเขาได้หลายส่วน ข้าย่อมต้องยินดี “
“ ใช่แล้ว ขุมกำลังนั้นมีชื่อเรียกขานว่าสำนักเสวียนหวิน “
“ สำนักเสวียนหวิน ? “ เยี่ยจงขมวดคิ้ว แล้วก็กล่าวตอบในทันที “ ขอบคุณ “
“ หากว่าเจ้าต้องการที่จะขอบคุณข้าจริงๆแล้วละก็ ก็มอบทักษะยุทธ์เสมือนเซียนม้วนนั้นมาให้แก่ข้ายังจะดีกว่า “ เหร่ยทิงเหอหัวเราะและกล่าวอย่างมีเสห่น์
“ นี้ยังคงมิอาจที่จะทำได้แล้ว “
เยี่ยจงหยักไหล่ไปมา จากนั้นก็ได้เตรียมตัวที่จะหันกายจากไป มุ่งหน้าไปอีกบริเวณด้านหนึ่ง
“ พี่ใหญ่ เป็นคนผู้นี้ ท่านขุนน้อยผิงติ่งได้ตายภายใต้น้ำมือเขาผู้นี้ พี่ใหญ่ท่านต้องช่วยให้ความเป็นธรรมแก่พวกข้าด้วย “
ในข่วงเวลาที่เยี่ยจงกำลังเตรียมที่จะจากนั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังออกมาอย่างอาฆาตแค้นขึ้นมากะทันหัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นสี่ท่านขุนน้อยที่ถูกเขาแย่งชิงรถม้าไปนั้นเอง ในตอนนี้ เหล่าเด็กน้อยเหล่านั้นที่ได้คุกเข่าตบปากตนเองต่อหน้าเยี่ยจงก่อนหน้านี้ก็ได้ปรากฏขึ้นมาหมดทุกคน และบริเวณทางด้านหลังของพวกเขา ก็ได้มีชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าแพรผู้หนึ่ง จ้องมองไปที่เยี่ยจงด้วยสีหน้าสนุกสนาน
“ เป็นเขาที่ฆ่าท่านขุนน้อยผิงติ่งงั้นหรือ ? “ ชายหนุ่มเสื้อแพรเงยหน้าขึ้น หลังจากนั้นก็จ้องมองไปที่เยี่ยจง เขาเอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบาอย่างกะทันหัน
“ เด็กน้อยที่ถูกข้าตบตายคามือเพียงฝ่ามือเดียวในระหว่างทาง ก็คือขุนนางน้อยกระไรนั้นหรือ ? “ หลังจากนั้นเยี่ยจงก็พยายามใช้ความคิด จึงคิดขึ้นได้ถึงเรื่องราวเกิดขึ้นระหว่างทางเมื่อครู่ เขากลับหลงลืมเรื่องนี้ไปอย่างแท้จริง นั้นก็เพราะว่าเรื่องนี้แทบจะเป็นไม่ได้แม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อยเลย ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บเอามาคิดแต่อย่างไร
หลังจากที่เงียบงัน ชายที่สวมผ้าแพรผู้นั้นกผู้นั้นก็ได้ก้าวเดินออกมา แม้แต่เหร่ยทิงเหอที่ยังมิได้จากไปก็ยังต้องงงันครู่หนึ่ง เหม่อมองไปทางด้านเยี่ยจงด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ
เด็กน้อยผู้นี้ก็ชั่งเหลือเกินจนเกินไป หลังจากที่ได้ตบที่ได้ฟาดท่านขุนน้อยแห่งรัฐต้าโจวหวังเฉาไปคนหนึ่งแล้ว ยังถึงกับหลงลืมเรื่องราวเช่นนี้ไปได้อีกงั้นหรือ ?
นี้ก็ช่างเป็นระดับการดูแคลนที่เกินเลยไปแล้ว
“ เจ้า —— “ ท่านขุนน้อยทั่วสี่ด้านต่างอ้าปากค้าง ชี้นิ้วไปทางด้านเยี่ยจงแต่กลับพูดอันใดไม่ออก ใบหน้าของพวกเขาบวมดั่งสุกร จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจงอย่างโกรธแค้นแสนสาหัส
“ ช่างเถอะ “ชายเสื้อแพรเอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน หลังจากที่เขาจ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงด้วยสายตาเย็นชาก็ได้ยิ้มออกมา “ ในเมื่อเจ้ามีความหาญกล้าลงมือต่อท่านขุนน้อยเช่นนี้ บ่งบอกได้ว่าเบื้องหลังของเจ้าก็ไม่ธรรมดา ความจริงแล้วข้าก็ไม่ต้องการที่จะมีเรื่องมีราวกับชายเช่นเจ้า …….. เพียงแต่ว่า ถึงแม้ว่าท่านขุนน้อยผิงติ่งจะเป็นแค่ขยะ แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดของเครือญาติกับข้า ดังนั้น เกรงว่าในวันนี้เจ้าต้องชดใช้ให้กับข้าแล้วละ
“ เจ้าต้องการให้ข้าชดใช้อันใดหรือ ? “ เยี่ยจงเอ่ยปากอย่างสงบ ราวกับไม่เห็นชายเสื้อแพรอยู่ในสายตา
“ ผู้น้อยขุนนางฝ่ายบู้ผ้าแพร พี่ท่านคงเคยได้ยินมาบ้างแล้วกระมั่ง ? “ ชายเสื้อแพรหัวเราะเย็นชาคำหนึ่ง หลังจากที่เผยสถานะ และทางด้านหลังของเขาก็ตามมาด้วยคนกลุ่มหนึ่ง แล้วแต่ละคนก็ได้เขย่งเท้าขึ้นสูงมองมาในทันที
“ ขุนนางเสื้อแพร ? “ เยี่ยจงขมวดคิ้ว มองดูเหร่ยทิงเหอที่อยู่ด้านข้างคราหนึ่ง “ ผู้มาใหญ่มากหรือเปล่า ? “
เหร่ยทิงเหอถึงกับทรุดลง เกือบจะล้มลงไปกองอยู่กับพื้นเลยทีเดียว นางกัดฟันเสียงดัง หลังจากนั้นก็ได้กล่าวออกไปเสียงแผ่วเบา “ ขุนนางเสื้อแพรของรัฐต้าโจวหวังเฉาทั้งหมดถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือผู้หนึ่ง มีฐานะที่พิเศษเอาการ ขุนนางเสื้อแพรผู้นี้ยังเป็นพระญาติ อีกทั้งถือได้ว่าเป็นกองกำลังหลักของเมืองเยียจิง “
“ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี้เอง ที่แท้ก็เป็นเจ้าขยะชิ้นใหญ่นี้เอง “ เยี่ยจงไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจ จากนั้นเขาก็พลิกมือนำหินวิญญาณออกมาส่วนหนึ่ง กล่าวเสียงดังกังวาน “ สิ่งของเหล่านี้ถือว่าเป็นค่าทำศพให้แก่บนของเจ้าเด็กน้อยนั้นก็แล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจไป “
พอกล่าวจบ เยี่ยจงก็ได้หันกายเดินจากไป ไม่มีความสนใจที่จะกล่าวคำพูดไร้สาระแม้แต่น้อย
ชายเสื้อแพรใบหน้าเย็นเยียบคราหนึ่ง เขาทราบว่าผู้ที่หาญกล้าที่จะสังหารขุนนางน้อยผู้หนึ่ง ย่อมต้องมีพลังอำนาจที่ร้ายกาจอยู่ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะถึงกลับกล้าที่จะไม่มองตนเองอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
“ ตูม “
ทันใดนั้นต่อมา ชายเสื้อแพรก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง แล้งก็พุ่งร่างกายออกไปในทันที ยิ้มและกล่าวเสียงเย็นชา “ ในเมื่อเจ้ามีความเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าก็จะสั่งสอนให้เองว่าการชดเชยเป็นอย่างไร “
“ ฉาด “
เยี่ยจงพลิกมือคราหนึ่ง ก็ได้เข้าใกล้ร่างของชายเสื้อแพรในตอนที่เขายังไม่ทันจะได้ลงมือในทันที ฝ่ามือนี้ถึงแม้จะใช้ออกช้าแต่บรรลุถึงก่อนจากนั้นก็ตบเข้าไปยังใบหน้า จากนั้นเยี่ยจงก็ได้จับชายเสื้อแพรที่กำลังจะสวนกลับสะบัดมือเข้าไปอีกราวสิบฝ่ามือ ถูกตบตีจนงงงวย ขาเข่าอ่อนเรี่ยวแรงล้มลงบนพื้น อีกทั้งยังไม่มีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน ความจริงที่เขามาก็เพื่อการกู้หน้า แต่ว่าเหตุการณ์ในตอนนี้กลับตาลปัตรจนหมดสิ้น
หลังตากที่ตบตีจนพอใจแล้ว เยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปยังขุนนางสี่ทิศน้อยเหล่านี้ด้วยใบหน้าดุดัน แต่ก็มิได้เอ่ยอันใด คนเหล่านี้เคยถูกเยี่ยจงสั่งสอนมาแล้วคราหนึ่ง ต่อมาพวกเขาก็ถึงกับไขข้ออ่อน ล้มคุกเข่าลงอยู่ด้านบนพื้นดิน แต่ละคนเร่งรีบตบเข้าไปยังใบหูของตน
หลังจากที่ช่วงเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วน้ำเดือด เยี่ยจงก็ได้กล่าวออกมาด้วยเสียงดุดัน “ พอได้แล้ว พวกเจ้ายังไงเสียก็ยังเป็นถึงลูกขุนนางเชื้อพระวงศ์ มีหรือที่หัวเข่าจะอ่อนถึงเพียงนี้ ? ทั้งยังตบหูตนเองอีก บางคนที่ไม่ทราบเรื่องราวยังคิดว่าข้ารังแกพวกเจ้าอีกด้วย “
หลังจากที่เงียบงัน ขุนนางน้อยเหล่านี้ก็ได้ร้องห่มร้องไห้ออกมา ตอนนี้เจ้ามิใช่กำลังรังแกผู้อื่นอยู่หรอกหรือ ?
“ ถ้างั้น …….. พวกเรา ก็ไปได้แล้วงั้นหรือ ? “ ขุนนางน้อยสี่ทิศต่างก็มีใบหน้าที่บวมเป่งราวกับหัวสุกร เอ่ยปากกล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง
“ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ข้าบอกกับเจ้าว่าสามารถจากไปได้กัน ? “ เยี่ยจงกวาดตามองพวกเขาคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้มองชายเสื้อแพรสลับกัน แล้วกล่าวเสียงดังขึ้น “ มา พวกเจ้าแต่ละคนตบไปที่เขาคนละหนึ่งร้อยที หากผู้ใดกล้าผ่อนเรี่ยวแรง ข้าจะส่งไปให้เจ้าหาโชคร้ายนั้นเอง “
กลังตากที่เงียบงัน ขุนนางน้อยสี่ทิศต่างก็เข่าอ่อนลงในเวลาเดียวกัน เกือบที่จะทรุดคุกเข่าลงไปในทันที เยี่ยจงไม่ง่ายที่จะต่อกร แต่ถ้าหากหาญกล้าบังอาจไปตบเข้าไปที่ใบหูของชายเสื้อแพรแล้ว เกรงว่าวันข้างหน้า ……..
“ ข้าผู้นี้ มิได้มีความอดทนมากนักหรอกนะ “ เยี่ยจงกล่าวเสียงดัง
หลังจากที่เงียบงัน ร่างกายของคนเหล่านี้ก็ได้สั่นเทาขึ้นมา หลังจากที่ได้กัดฟันอยู่คร่ำหนึ่ง ต่างก็ได้คืบคลานไปยังด้านหน้าของชายเสื้อแพร ปีนป่ายคว้าไปที่คอเสื้อแล้วตบเข้าไปเสียงดังฉาด
“ พี่ใหญ่ ข้าขอโทษ “
“ ฉาด “
“ พี่ใหญ่ ข้าขอโทษ “
“ ฉาด “
ฝ่ามือแต่ละคนเสียงดังสนั่น พร้อมๆกับส่งเสียงร้องขอโทศจอโพยดังไปทั่วทั้งรอบบริเวณ ทำให้บริเวณทั้งสี่ทิศแปดด้าน มีการเกาะกลุ่มรวมตัวกันนับไม่ถ้วนเข้ามองดู และในช่วงเวลาที่ได้เห็นฉากเบื้องหน้านี้ มีผู้คนไม่น้อยที่เกิดความงงงัน ภายในดวงตาทอเป็นประกายยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น
พระญาติขุนนางเสื้อแพร เขาถึงกับถูกเด็กน้อยเหล่านี้ตบจนอื้อไปถึงใบหู ?
ผู้คนทั้งหมดต่างก็คิดว่าตนเองใกล้เป็นบ้ากันแล้ว
.
.
.
.