ตอนที่ 171 ต้องการสิ่งใดกัน
บริเวณด้านบนตึกสูงตระหง่านแห่งหนึ่งของเมืองเยียจิง ก็ได้ปรากฏใบหน้าอันงดงามของนางเซียนชิงหญิง นัยน์ตาอันระยิบระยับของนางจ้องมองไปทางด้านบริเวณบ้านตระกูลซู ดวงตาได้ปรากฏเค้าความตื่นตกใจขึ้นมาอย่างหนาแน่น เห็นได้ชัดว่า ในสิ่งที่นางเห็นในตอนนี้มาตลอด ก็ถือได้ว่ามากเกินกว่าความคาดหมายของนางไปมากยิ่งกว่ามากที่จะคาดเดาได้แล้ว
ผ่านไปเนินนาน นางจึงค่อยถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง กล่าวเสียงแผ่วเบา “ อายุเพียงแค่นี้ กลับสามารถฝึกยันต์ยุทธ์ทั้งสองสายได้ หากว่าสามารถรับบุคคลเช่นนี้มาเข้ากับลัทธิหรูเสวียนข้าได้ละก็ ก็นับได้ว่าเป็นกำลังอันแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่มาให้ได้ น่าเสียดายที่บุคคลเช่นนี้มีทิฐิสูง ไม่อาจที่จะควบคุมได้ “
องชายสามที่ยืนอยู่ไพล่หลังอยู่ทางด้านข้างของนางเซียนชิงหญิง หลังจากที่เงียบงันก็ได้ส่งเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง “ นางเซียนกล่าวหนักเกินไปแล้ว เยี่ยจงเพียงแค่คนเดียว ต่อให้สามารถฝึกพลังยันต์ยุทธ์ควบคู่ทั้งสองสาย จะสามารถเทียบเคียงกับนางเซียนเช่นท่านได้อย่างไร …….. แต่ว่า หากว่านางเซียนต้องการที่จะรับเขาเข้ามาแล้วละก็ ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสไม่ “
“ ความหมายของท่านคือ “ นางเซียนชิงหญิงขมวดคิ้วดำเงาขึ้น หลังจากนั้นก็เอ่ยปากถามเสียงแผ่วเบา
“ ขอเพียงเขาพ่ายแพ้ไปในวันนี้ เช่นนั้นก็นับได้ว่ามีโอกาสแล้ว “ องค์ชายสามยิ้มอย่างเย็นชา “ อีกอย่างเมืองเยียจิงนี้นับได้ว่าเป็นเมืองที่ใหญ่โต การที่จะมีขุมกำลังที่จะปกป้องเข้าจากตระกูลซูและสำนักเสวียนหวินได้ นั้นมีมากมายนับไม่ถ้วน “
“ เขาพ่ายงั้นหรือ ? “ นางเซียนชิงหญิงพยักหน้าไปมา เหม่อมองไปยังบริเวณเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนแปลงเป็นลึกซึ้งขึ้นมาอยู่หลายส่วน
ทางด้านบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง คนทั้งกลุ่มสวมชุดในลักษณะเดียวกัน มีทั้งชายและหญิงที่กระจุกรวมตัวอยู่ด้วยกัน พวกเขาหลบซ่อนร่างกายเอาไว้อยู่ในเงามืดอย่างระมัดระวัง ทอดสายตามองไปบริเวณทางด้านของบ้านตระกูลซู
“ ศิษย์พี่เยี่ยจงท่านนี้ของพวกเรา ความสามารถในการก่อเรื่องกับความสามารถความแข็งแกร่งนี้นับได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกันจริงๆ “ คนผู้นี้กับเยี่ยจงมีสถานะที่เป็นศิษย์สาขานอกของลัทธิแห่งดวงดาวเหว่ยเจินนั้นเอง ใบหน้าที่กำลังถอนหายใจอยู่ในตอนนี้ได้จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า กล่าวเสียงแผ่วเบาออกมา
“ ศิษย์พี่เหว่ยเจิน ศิษย์พี่เยี่ยจงก่อเรื่องใหญ่โตภายในเมืองเยียจิงเช่นนี้ พวกเรายังต้องที่จะส่งข่าวกลับไปยังสาขาในหรือไม่ ? หากว่าศิษย์พี่เยี่ยจงพลาดพลั้งไปแล้วละก็ ทางสาขาในก็จะสามารถมาช่วยได้ทันท่วงที “ ทางด้านหลังของเหว่นเจิน มีศิษย์หญิงนางหนึ่งกล่างถามออกมาเสียงแผ่วเบา
“ ไม่ต้องรีบร้อน เรื่องของตระกูลเยี่ยในครั้งก่อน พวกเจ้ากลับลืมเลือนไปแล้วหรือ ? ศิษย์พี่เยี่ยจงของพวกเราผู้นี้ พลังฝีมือที่อยู่ในสาขาใน เกรงว่าคงจัดได้อยู่ในอันดับหนึ่งในสิงคนแรกเลยก็ว่าได้ เขาคงไม่อาจทาจะพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน ยังไม่ถึงเวลาที่คับขัน ก็อย่าพึ่งส่งเรื่องกลับไปยังสาขาในเลย “ เหว่ยเจินเอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบา “ ศิษย์พี่เยี่ยในตอนนี้ ถือเป็นตัวแทนลัทธิแห่งดวงดาวเราเพื่อมาถวายพระพร เมื่อมีคนของราชวงศ์ออกหน้าให้ย่อมไม่มีผู้ใดทำอะไรเขาได้ “
“ งั้น พวกเราก็ดูกันเช่นนี้งั้นหรือ ? “ มีคนแสดงความคิดเห็น
“ เวลานี้ก็เอาตามนี้ก่อน “ เหว่ยเจินพยักหน้า นัยน์ตาทอประกายลี้ลับ
……
บริเวณที่แห่งนี้ ในตอนนี้ผู้อาวุโสแห่งตระกูลซูจำนวนมากต่างก็จ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง สีหน้าของแต่ละคนต่างก็ปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน ผู้อาวุโสตระกูลซูแทบจะไม่จำเป็นต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่มองดูศพของเหล่าลูกศิษย์ตระกูลซูที่กระจัดกระจายอยู่บน แม้แต่ประตูใหญ่ของตระกูลซูก็ยังถูกผู้คนทำลายลง ยิ่งทำให้ทราบได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
“ เหิมเกริม “
ผู้อาวุธโสของตระกูลได้จ้องไปที่เยี่ยจงด้วยใบหน้าดำคล้ำ จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “ หลายปีมานี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีคนกล้ามาหาเรื่องตระกูลซูเราเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ พวกเราพี่น้องจะลงมือพร้อมกันเอง “
“ ค่ายกล “
ผู้อาวุโสของตระกูลร้องเฮอะด้วยใบหน้าดำคล้ำ วินาทีนั้น ก็พบเห็นผู้อาวุโสตระกูลซูโบกมือคราหนึ่งขึ้นพร้อมกัน วินาทีนั้น ก็ได้พบเห็นยันต์วิญญาณออกมาจากแขนเสื้อของพวกเขา ทันใดนั้นก็ได้จับตัวรวมเข้าด้วยกัน
“ ค่ายกลยันต์วิญญาณ “ เยี่ยจงยิ้มเย็นชา จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างยื่นไปทางด้านหน้าในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้น ค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยวก็ได้เคลื่อนไหวอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาได้ควบคุมด้วยตนเอง พลังกระบี่ได้อัดตัวรวมเข้าด้วยกันในทันที กวาดออกไปราวกับธารสีเงินก็มิปาน ในขณะเดียวกันค่ายกลยันต์วิญญาณยังไม่ทันได้ถูกจัดตั้งได้จนสำเร็จ ยันต์วิญญาณในมือของพวกเขาก็ได้ถูกทำลายลงไปนับไม่ถ้วน
“ เจ้าเด็กน้อยที่มีฝีมือร้ายกาจ “
สีหน้าของผู้อาวุโสตระกูลเปลี่ยนไป เมื่อครู่เขามิได้เห็นเยี่ยจงลงมือ แต่ว่าในตอนนี้เยี่ยจงเพียงใช้แค่กระบวนท่าเดียวก็สามารถทำลายค่ายกลยันต์วิญญาณที่กำลังจัดตั้งอยู่ได้
“ ใช้ศาสตราวุธจัดตำแหน่งชิ้นนั้นซะ “
มีคนตะโกนออกมา จากนั้นก็พบเห็นหนึ่งคนภายในกลุ่มยื่นมือฟาดไปด้วยพลังที่อัดแน่นไปที่บริเวณหน้าอกของตนเอง จากนั้นก็พบกับเศษเลือดเล็กๆพุ่งออกมาจากปาก
เศษเลือดนี้ได้พุ่งออกไปตามแรงลม เพียงช่วงหนึ่งกระพริบตา ก็ได้เปลี่ยนเป็นขนาดใหญ่หยดหนึ่ง อีกทั้งยังทอแสงสีโลหิตออกมาอย่างประหลาด จากนั้นก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าฟาดลงมาก็มิปาน พุ่งเข้าปะทะไปทางด้านของเยี่ยจง
“ ฆ่าเขาซะ “ มีผู้อาวุโสตระกูลซูตะโกนออกมา
จากนั้น เพียงแค่ช่วงเวลาเพียงชั่วครู่เดียว เศษเลือดเหล่าก็ได้ขยับตัวเข้ารวมกันในทันที จากนั้นก็ได้แตกกระจายออกไป กลายเป็นเม็ดเล็กๆ
การใช้ศาสตราวุธจัดตำแหน่งของผู้อาวุโสตระกูลซูทำให้ต้องกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง จิตใจรวมเข้าด้วยกัน บาดเจ็บสาหัสในทันที
“ ซวบ “
ประกายกระบี่ประทุเข้าไปยังรอยร้าวและเกิดเสียงร้องดังขึ้น ปะทะเข้าสู่ศาสตราวุธจัดตำแหน่งที่เป็นส่วนหัวของผู้อาวุโส จนทำให้ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลซูที่หลงเหลืออยู่ต่างก็เปลี่ยนเป็นถอยออกไปอย่างบ้าคลั่ง
จากนั้น เยี่ยจงก็ได้กุมกระบี่คงหมิงไว้แน่น ค่อยๆตัดฝ่าผ่านเข็มโลหิตที่แตกกระจายตัวกันออกมา ร่างกายของเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้ปรากฏบาดแผลขึ้นหลายแห่ง เลือดสดๆไหลรินออกมา แต่ว่าเขาก็ราวกับเหมือนมิได้สัมผัสได้ถึงก็มิปาน อีกทั้งยังจ้องมองอย่างเย็นชาไปทางด้านของผู้อาวุโสตระกูลซูหลายคน กล่าวเสียงเย็นเยียบ “ พวกเจ้าตระกูลซู ไม่ได้เรื่อง “
“ ซวบ “
หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ใช้ออกด้วยมือทั้งสองข้าง วินาทีนั้นก็ได้มียันต์วิญญาณออกมาจากมือของเข้าอย่างสุ่นวายในเวลาเดียวกัน ประทับไปยังทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ทันใดนั้นก็ได้รวมตัวกันจนกลายเป็นค่ายกลอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่ง
“ ฟัน “
เยี่ยจงเปลี่ยนสัญลักษณ์ทั้งสองมืออีกครา พลังกระบี่ขนาดใหญ่ได้กวาดออกไป มุ่งหน้าไปทางด้านตึกโบราณที่มีการประดับประดาอย่างสวยงามจนแตกระเบิดออก แปรเป็นเศษซาก มีผู้คนของตระกูลซูไม่น้อยที่จ้องมองมายังบริเวณนี้ต่างก็แสดงสีหน้าตกใจถอยออกไป หากชักช้าแม้เพียงเล็กน้อยแล้วละก็ คงจะต้องถูกฟาดฟันจนตายทั้งเป็นเป็นแน่
“ ตระกูลซูนี้ ถึงกับถูกทำลายไปกว่าครึ่งด้วยน้ำมือเยี่ยจงแล้ว “
“ ตระกูลซูที่จัดได้ว่าอยู่ในอันดับหนึ่งของห้าตระกูลใหญ่ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กหนุ่มเพียงแค่คนเดียวไล่ฆ่าถึงถิ่นได้ อีกทั้งยังถูกสังหารจนโลหิตไหลเป็นธาร ท้ายที่สุดแม้แต่ตึกหลักของตระกูลก็ยังถูกทำลายลง กลับคิดไม่ถึงเลยจริงๆ “
“ เยี่ยจงผู้นี้แท้จริงแล้วกลับสามารถฝึกยันต์ยุทธ์ทั้งสองสาย อีกทั้งวิชาสายยันต์ที่ฝึกมา เห็นได้ชัดว่ายังแข็งแกร่งกว่าวิชายุทธ์อยู่หลายขุม บวกกับการลงมือของเขาที่สังหารโดยไม่กระพริบตา ในครั้งนี้ตระกูลซูก็ช่างเหยียบไปบนพื้นหนามแล้วจริงๆ “
“ เพียงแต่ว่าสู้มาจนถึงตอนนี้ ยอดฝีมือของสำนักเสวียนหวินก็ยังไม่ออกหน้ามาอีกงั้นหรือ ? ที่แท้คิดจะนั่งดูตระกูลซูถูกฆ่าล้างจริงหรือ ? “
“ หากว่าเป็นเช่นนี้จริง ตระกูลซูก็ชั่งโชคร้ายเสียจริง “
บริเวณด้านนอก ในตอนนี้มีผู้คนไม่น้อยที่กำลังตกใจก็ได้สติกลับคืนมา ความแข็งแกร่งของเยี่ยจงพวกเขาถือได้ว่าเคยพบเจอมาก่อน การที่พบเห็นในตอนนี้เยี่ยจงได้จัดการกับค่ายกลยันต์ตำแหน่งที่แข็งแกร่งอย่างมากเช่นนี้ การที่เขาฆ่าสังหารตระกูลซู พวกเขากลับมิได้รู้สึกตื่นตระหนกมากมายอันใด อีกทั้งยังคงสางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมา แต่ว่าน้ำเสียงเหล่านี้เมื่อได้ยินถึงหูของผู้อาวุโสตระกูลซูที่อยู่ในที่แห่งนี้หลายคน กลับทำให้สีหน้าของพวกเขาแทบจะเป็นบ้า
เป็นเหมือนดั่งการคุกคามอีกแบบ ตระกูลซูอันยิ่งใหญ่ กลับต้องเสียหน้าถึงเพียงนี้ด้วยหรือ ?
แต่ว่า ในตอนที่ได้เผชิญหน้ากับค่ายกลยันต์วิญญาณที่ถูกใช้ออกโดยเยี่ยจง ผู้อาวุโสของตระกูลพวกเขาหลายคนแม้แต่พลังฝีมือที่จะต้านทานก็ยังไม่มี
ค่ายกลยันต์วิญญาณปรากฏขึ้นตรงใจบริเวณใจกลางของเยี่ยจง การใช้ค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยวในครั้งนี้ เขาได้เพิ่มการใช้จิตดังมือ เขาก้าวไปด้านหน้าทีละก้าว ใช้ออกทั้งสองมืออย่างไม่ใส่ใจ จากความเคลื่อนไหวของเขา พลังกระบี่ได้กวาดเข้าดั่งคลื่นของทะเลที่ถาถมเข้ามา จนทำให้ตึกเก่าแก่ที่ตั้งอยู่มีสภาพต่ำเตี้ยเรียบพื้นดิน ฉากเบื้องหน้านี้ ราวกับกำลังตบไปที่ใบหน้าของตระกูลซูนับสิบครั้งก็มิปาน ทำให้พวกเขาแต่ละคนเจ็บปวดใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ เยี่ยจง เจ้าที่แท้ต้องการทำอะไรกันแน่ “ มีคนเอ่ยปากกล่าวออกมาด้วยความเจ็บปวดอยู่หลายส่วน
“ เยี่ยจง เจ้าอย่าได้รังแกผู้อื่นจนเกินไปแล้ว “ ชายชรากล่าวออกมาด้วยใบหน้าขาวซีด
“ ข้าจะเอาอย่างไร ? ข้ารังแกผู้คนเกินไปงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา เขาเหม่อมองไปยังกลุ่มคนของตระกูลซูขนาดใหญ่ที่กระโดดเสือกขึ้นมาจากภายในตึก หัวเราะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง แล้วกล่าวเสียงดุดัน “ ก่อนหน้านี้ พวกเจ้าตระกูลซูเพื่อที่จะเปลี่ยนการหมั่น ได้ส่งคนไปยังเมืองเจียงโจวเพื่อสังหารข้า หากมิใช่ว่าข้าดวงแข็ง ในดินแดนแห่งนี้คงไม่มีคนที่ชื่อว่าเยี่ยจงแล้วละมั่ง ? จากนั้นยังจะส่งคนไปหลอกลวงน้องสาวข้าเยี่ยถง อีกทั้งยังคิดที่จะฆ่าปิดปากอีก ช่างรังแกผู้อื่นจนเกินไป อันง่ายดาย ! ภายในงานเลี้ยงขององค์ชายใหญ่ พวกเจ้ายังคงไม่สำนึก ยังถึงกับคิดคบกับสำนักเสวียนหวินต่อกรกับข้า หลังจากที่ล้มเหลว กลับยังกล้าที่จะใช้คนมากมายมาหาเรื่อง อีกทั้งยังให้คนเหล่านั้นดักรอเก็บข้าระหว่างทางอีก “
“ หากถ้ามิใช่ข้ามีความสามารถเล็กน้อย เกรงว่าในตอนนี้คงต้องเป็นผีไร้ญาติไปแล้ว คงไม่มีโอกาสกลับกลายเช่นวันนี้แล้วกระมั่ง ? ดีมาก พวกเจ้าถามว่าข้าต้องการอันใดงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงแผ่รังสีสังหารอย่างเข้มข้น “ ในวันนี้ข้าจะทำให้ตระกูลซูของพวกเจ้า หาบสาบสูญไป มิอาจที่จะกลับคืนมาใหม่ได้ “
เยี่ยจงเอ่ยปากกล่าว อีกทั้งยังมิได้ปกปิดใดๆ เหล่ายอดฝีมือที่มุงดูอยู่ต่างก็เงียบงัน แต่ละคนต่างก็พยักหน้าเห็นพ้อง ก่อนหน้านี้พวกเข้ายังรู้สึกว่าเยี่ยจงนั้นกระทำเกินเลยจนเกินไป แต่ทว่าเพื่อเห็นแก่หน้า มาจนถึงตอนนี้ จึงค่อยได้ทราบ ที่มาที่ไปของความแค้นระหว่างเยี่ยจงและตระกูลซู ได้ลึกซึ้งจนถึงขั้นนี้แล้ว
ผู้ที่หมายจะสังหารข้า ข้าจะจัดการกาดล้างกลุ่มผู้คนให้ตายทั้งตระกูล ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ จะอยู่อย่างสงบได้อย่างไรกัน ?
“ กดขี่ผู้คนเกินไปแล้ว กดขี่ผู้คนเกินไปแล้ว “ มีผู้อาวุโสตระกูลซูกระโดดขึ้นมา “ เจ้าที่เป็นเพียงแค่ชนชั้นรุ่นหลานของตระกูลเยี่ย พวกเราตระกูลซูต้องการจะฆ่าเจ้าก็ฆ่าเจ้า ต้องการให้เจ้าตายเจ้าก็ต้องตาย เจ้ามีคุณสมบัติอันใดแข็งขืนกัน ? เจ้าก็แค่ลูกหลานของเยี่ยเฟย เจ้าขยะแห่งตระกูลเยี่ย ? เจ้ามีคุณสมบัติอันใด ? “
“ แต่ว่าเจ้าเป็นเพียงแค่ชนชั้นรุ่นหลาน ขยะเพียงผู้หนึ่งถึงกับกล้ามาหาเรื่องกับตระกูลซูเรา ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี “
เยี่ยจงเงียบงัน เผยออกมาเพียงรอยยิ้มสายหนึ่ง เอ่ยเสียงแผ่วเบาออกมา “ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ความจริงข้าก็ยังเห็นใจ หากว่าฆ่าล้างตระกูลซูพวกเจ้าแล้วละก็ จำเป็นต้องกำจัดให้หมดก็คงจะหนักเกินไป จากที่ดูในตอนนี้แล้ว ข้าไม่สมควรมีความเห็นใจแม้แต่น้อยเลย ได้ชื่อว่าแซ่ซู ต้องตายโดนทั้งสิ้น “
หลังจากที่สิ้นเสียง ตราสัญลักษณ์ใจกลางฝ่ามือเปลี่ยนไปอีกครา ทันใดนั้นกระบี่เดือนเสี้ยวก็ได้เคลื่อนไหวอย่างคลุ้มคลั่ง โพยพุ่งพลังกระบี่ขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ ลงมือด้วยกันทั้งหมดทุกคน ใช้ออกด้วยค่ายกลประจำตระกูล ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามก็ต้องฆ่าให้ได้ ไม่เช่นนั้นตระกูลซูเราในวันข้างหน้าจะต้องถูกผู้อื่นกดขี่อย่างไม่เป็นสุขแล้ว “ มีคนของตระกูลซูส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นคนของตระกูลซูก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงขึ้น ในตอนนี้ก็ได้แยกย้ายกันออกไปในตำแหน่งของตนเอง ผู้คนทั้งหมดของตระกูลซูต่างก็ทราบ ในวันนี้พวกเขามิอาจที่จะหลบซ่อนได้แล้ว คงได้แต่เสี่ยงชีวิตกับเยี่ยจงเพียงอย่างเดียว
“ ถ้าอย่างนั้น หากว่าไม่สังหารพวกเจ้าคนของตระกูลซู คืนนี้ข้าก็คงจะนอนไม่หลับแล้วจริงๆ “ เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา พลิกเปลี่ยนสัญลักษณ์ทั้งสองมือ กระบี่เดือนเสี้ยวได้ค่อยๆขยับ พุ่งขึ้นสู่บริเวณท้องนภาขึ้นไป ก่อเกิดพลังอำนาจสายหนึ่งของเด็กหนุ่มที่เปี่ยมพรสวรรค์ชนิดหนึ่ง
.
.
.
.