ตอนที่ 177 การลงมือที่โหดเหี้ยม
“ โครม “
เสียงดังของสายฟ้าราวกับภูเขาถล่มลงสู่ทะเลออกไปก็มิปาน ดวงตาของซูจื่อหวินเยือกเย็นขึ้นมา กวาดหอกสายฟ้าบนมือออกไปอีกครั้ง ในครั้งนี้ก็ได้ยินเสียงของอัสนีราวกับกำลังเจ็บปวดขึ้น มารอัสนีนับไม่ถ้วนก็ได้แผ่กระจายออกมาจากหอกนี้ มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง มารอัสนีเหล่านี้มีร่างกายที่ใหญ่โตไม่น้อย บนร่างยังก่อรวมไปด้วยประกายสายฟ้า พลังสูงเสียดฟ้า ทำให้ผู้คนรู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา
ในช่วงเวลาเพียงแค่พริบตาเดียว หอกของซูจื่อหวินก็ได้ถูกใช้ออก จนก่อเกิดเสียงตัดผ่าสายลมของมารอัสนีก็มิปาน
ฉากเบื้องหน้าที่มีความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ได้ทำให้ยอดฝีมือไม่น้อยเริ่มที่จะสูดลมหายใจเข้าออกไปมา นัยน์ตากรอกไปมา ความมั่นใจของพวกเขา หากว่าตนเองรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้แล้วละก็ ภายในสภาพการณ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่จะลงมือสวนกลับเลย เพียงแค่เห็นฉากเบื้องหน้าก็ต้องตื่นตกใจจนขนลุกขนพองขึ้นมา จนสูญเสียพลังในการสวนกลับโดยสิ้นเชิง
เยี่ยจงทอประกายสายตาอย่างเยือกเย็น ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้แปรเปลี่ยนพลังบนมือซ้ายอย่างรวดเร็ว พลังกระบี่ตราประทับได้ทับซ้อนกันขึ้นมาเป็นชั้นๆอยู่บนตัวของกระบี่คงหมิง จากนั้นเขาก็ใช้กระบี่คงหมิงกวาดออกไป ประกายกระบี่ได้กวาดออกไปอีกครั้ง สะเทือนไปทั้งรอบด้าน
ภายใต้กระบี่อันลี้ลับนี้ ก็ได้ตัดผ่ามารอัสนีไปนับไม่ถ้วน จนกลับกลายเป็นสายอัสนีบาตรในทันที ภาพเบื้องหน้าได้ทำให้ผู้คนตื่นตกใจขึ้นมา
“ เช้ง “
ร่างกายของซูจื่อหวินก็ได้หายวาบเข้าไปยังบริเวณร่างของเยี่ยจง หอกอัสนีในมือได้เคลื่อนไหว กลายเป็นเหมือนดั่งกงเล็บของปีศาจอัสนี มุ่งเข้าสังหารไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
เยี่ยจงยื่นกระบี่คงหมิงในมือออกไป คมกระบี่สาดออกมาเป็นสาย ต้านรับทุกการโจมตีที่ซูจื่อหวินโจมตีเข้ามาทุกครา
เสียงติงติงตังตังได้ดังก้องออกมาอีกครั้ง การต่อสู้อันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ในทุกครั้งทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากัน ต่างก็ก่อให้เกิดเสียงดังขึ้นออกมา
หลังจากที่ได้รวบรวมประกายสายฟ้าขึ้นมาร่างกาย พลังฝีมือของซูจื่อหวินในตอนนี้ก็ได้ปะทุขึ้นมาไม่น้อยกว่าหนึ่งขั้น ทุกครั้งที่ได้ตั้งรับการโจมตีของเยี่ยจง ตนเองก็ได้รู้สึกชาไปที่ฝ่ามือ กระบี่คงหมิงราวกับจะหลุดจากมือออกมา
“ ตายซะ “
ช่วงเวลานั้นเอง ซูจื่อหวินก็ได้กู่ร้องอย่างเยือกเย็นขึ้นมา นัยน์ตาได้ทอประกายสายฟ้าออกมา ราวกับกำลังแสดงความแข็งแกร่งของเทพอัสนีก็มิปาน ประกายอัสนีได้กู่ร้องพุ่งเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
บริเวณใต้เท้าของเยี่ยจงก็ได้ปรากฏประกายสายฟ้าขึ้นมา แล้วถอยหลบไปอย่างรวดเร็ว หลบหลีกกระบวนท่าสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เกราะแขนโลหิตบนแขนของเขาก็ได้ถูกทำลายลง จนปรากฏบาดแผลสีดำขึ้น
“ เยี่ยจง เจ้าดูให้ดี “
ซูจื่อหวินตะโกนก้องออกมาราวกับให้เยี่ยจงหลบเลี่ยงออกไป ทันทีที่เยี่ยจงได้ถอยออกไป หอกยาวในมือของเขาก็ได้ถูกชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า วินาทีนั้น ก็ได้เกิดไอน้ำรวมตัวจนกลายเป็นเมฆฝนจนเกิดอัสนีบาตทอดลงมา อีกทั้งประกายของมันเองก็ยังมีลักษณะสีทองประกาย มุ่งหน้าทอดไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่
เยี่ยจงส่งเสียงดังเฮอะอย่างเย็นชาคำหนึ่ง มือซ้ายได้สะบัดขึ้นเหนือศีรษะเล็กน้อย เตาทองคำสายหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมา ราวกับว่ากำลังเตรียมการป้องกันอยู่ก็มิปาน แล้วก็ได้รับมือกับประกายแสงสายฟ้าเข้าเต็มๆ ในช่วงเวลาเดียวกันก็ได้ขยับร่างกาย ปรากฏขึ้นทางด้านบริเวณทางด้านหลังของซูจื่อหวิน จากนั้นก็ได้กวาดเท้าออกไป กวาดเข้าไปทางด้านบริเวณศีษระของซูจื่อหวิน
ซูจื่อหวินได้ถอยออกไปในทันที เพียงแต่ว่าการเคลื่อนไหวของเขาถึงแม้จะรวดเร็ว แต่ก็ยังเชื่องช้าอยู่เล็กน้อย ได้แต่เพียงจ้องมองไปบริเวณเท้าของเยี่ยจงที่ได้ทอดลงมายังบริเวณหัวไหล่
เสียงตึงดังขึ้นมา กระดูกหัวไหล่ของซูจื่อหวินได้แตกร้าวขึ้น ถอยร่างไปอย่างรวดเร็ว ในด้านขอบเขตของเขานับได้ว่าเหนือกว่าเยี่ยจง แต่ว่าในด้านของพลัง ต่อให้เขามีสมบัติประจำตระกูลซูทั้งหมดครอบคลุมไปทั่วร่างในตอนนี้ ก็ยังมิอาจที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเยี่ยจงได้
“ ท่านอาซู ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ไหวแล้วนะ “
เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชา กล่าวออกมาด้วยสีหน้าสงบ แต่ว่าภายในใจกับสั่นคลอน การลงเท้าเมื่อครู่นี้ของตนเองนั้นมิได้มีการยั้งมือไว้ไมตรีเลย คิดไม่ถึงว่าจะทำได้เพียงแค่ทำให้ซูจื่อหวินถอยร่างออกไปเท่านั้น
สีหน้าของซูจื่อหวินปั้นยากขึ้น ความจริงเขากำลังคิดหาโอกาสที่จะเอาชีวิตของเยี่ยจง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนั้นเยี่ยจงยังสามารถสวนกลับมาได้ จนทำให้เขาเริ่มที่จะหวาดกลัวขึ้นมา
หลังจากที่ขบฟันไปมาแล้ว ซูจื่อหวินก็ได้ชี้หอกยาวขึ้นสู่ท้องฟ้า ประกายสายฟ้าบนร่างก็ได้ตัดฝ่าสายลมเข้ามาอีกครั้ง ประกายสายฟ้าเหล่านี้เกิดความเปลี่ยนแปลงไม่หยุดยั้ง ปรากฏมังกรอัสนี พยัคฆ์อัสนี เงาร่างของมารอัสนีขึ้น เงาร่างมายาเหล่านี้ได้ปรากฏขึ้นมานับไม่ถ้วนอยู่บริเวณด้านข้างของร่างกายเขา ไหลเวียนไม่หยุดยั้ง ราวกับว่าซูจื่อหวินในตอนนี้เป็นเหมือนดั่งเทพอัสนีอย่างแท้จริงก็มิปาน
เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา มองดูไปที่พลังอำนาจที่น่าตกใจของซูจื่อหวิน เขากลับมิได้มีสมบัติที่น่าตื่นตกใจอันใดนัก เพียงแต่ใช้กระบี่คงหมิงในมือพุ่งออกไป จากการเคลื่อนไหวของเขา ก็ได้รวบรวมพลังกระบี่ตราประทับซ้อนทับกันขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้ง
จากกันฝึกปรือที่ลึกล้ำ เยี่ยจงก็พบว่ากระบี่ตราประทับนี้มีความสามารถที่ไม่ธรรมดาการฝึกปรือพลังกระบี่ตราประทับไม่ถือว่ามีความยากเย็นแต่อย่างไร อีกทั้งยังอยู่ในระดับที่ไม่สูง และการใช้ออกด้วยพลังกระบี่ตราประทับ ในด้านพลังก็ถือได้ว่าธรรมดาอย่างมาก แต่ว่า ทุกครั้งที่ได้ทับซ้อนกระบี่ตราประทับนี้ ในด้านพลังของกระบี่ตราประทับก็ได้พลิกขึ้นไปเป็นเท่าตัวเรื่อยๆ หากว่าสามารถซ้อนทับขึ้นไปมากยิ่งขึ้น พลังอำนาจก็ยังเพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่าตัว
พลังอันน่ากลัวอย่างมหาศาลชนิดนี้ หากว่าซ้อนทับไปเรื่อยๆ แม้แต่เยี่ยจงเองก็ไม่ทราบว่าพลังกระบี่ตราประทับของตนเองจะรวมพลังจนถึงท้ายที่สุดได้ถึงระดับใด
พลังกระบี่ตราประทับได้ซ้อนทับขึ้นจนถึงชั้นที่สิบสองก็ได้ปรากฏขึ้น หลังจากที่เยี่ยจงได้ใช้ด้วยพลังของร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณแล้ว ความสามารถทั้งหมดก็ได้เพิ่มสูงขึ้น เพียงแต่ว่าในตอนนี้เขายังได้ใช้ออกด้วยค่ายกลกระบี่เดือนเสี้ยวคลุมร่างไว้อีก ดังนั้นจึงทำให้ปรากฏพลังกระบี่ตราประทับออกมาเช่นนี้ได้ เมื่อถึงตอนท้าย พลังกระบี่ตราประทับก็ได้ถูกซ้อนทับขึ้นมาจนถึงระดับที่สิบห้าเต็มๆ
ในตอนนี้ พลังกระบี่ตราประทับก็ได้ถูกซ้อนทับขึ้นไปจนถึงระดับที่สิบห้า เยี่ยจงก็ได้ยื่นกระบี่นี้ขึ้นมา นับตั้งแต่ครั้งแรกก็ถือได้ว่าเป็นพลังอำนาจที่มีความน่ากลัวอย่างถึงที่สุดชนิดหนึ่ง ในตอนที่กระบี่นี้ได้ถูกฟาดฟันออกไป เหมือนดั่งสามารถตัดผ่าออกหมื่นสรรพสิ่ง เกิดการแตกร้าวขึ้นนับไม่ถ้วนก็มิปาน
ซูจื่อหวินอยู่ไม่ห่างจากเยี่ยจงนัก ในตอนแรกเขาก็ตรวจพบได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของเยี่ยจง จนอดมิได้ที่จะแสดงสีหน้าเย็นชาขึ้นมา พลังฝีมือของเด็กน้อยผู้นี้ที่แท้อยู่ในระดับใดกันแน่ เพราะเหตุใดพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ถึงได้ดูเหมือนกับเทพสังหารกลับชาติมาเกิดก็มิปาน ?
“ ก่อรวมมารหมื่นอัสนี “
ท้ายที่สุด ซูจื่อหวินก็เป็นฝ่ายที่อดทนไว้ไม่ไหว เขากวาดหอกในมือออกไป วินาทีนั้นเอง พลังปราณก็ได้แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นสายฟ้าวนเวียนอย่างวุ่นวาย ทันใดนั้นในเวลาเดียวกันก็ได้พุ่งเข้าสังหาร น่าหวาดหวั่นอย่างไร้ที่เปรียบ
“ ฟาดฟัน “
เยี่ยจงมิได้กล่าวอันใดมากความ เพียงแต่กู่ร้องดังยาวนาน แล้วก็ใช้ออกด้วยกระบี่สังหาร เปลี่ยนเป็นจิตกระบี่นับไม่ถ้วน
“ ตูม “
พลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวทั้งสองสายได้เข้าปะทะกัน วินาทีนั้นเอง ความน่าหวาดกลัวก็ได้แผ่กระจายออกมา จนก่อเกิดแรงระเบิดขึ้นมาจนแตกร้าวท่ามกลางอากาศ
“ โครม “
เวลายังไม่ผ่านพ้นแม้หนึ่งถ้วยน้ำชาเดือด การโจมตีของซูจื่อหวินก็ได้แตกกระจายออก ร่างกายของเขาได้สั่นเทา หอกสายฟ้าได้หลุดออกจากมือ ตลอดทั้งร่างกายได้กระเด็นออกไป กระอักโลหิตคำโต เลือดเนื้อโลหิตกระจาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างยิ่ง
เยี่ยจงขยับร่างกายอีกครั้ง ก็ได้มาถึงยังด้านข้างของหอกสายฟ้าเล่มนี้ แล้วก็ใช้มือคว้าเข้าไปที่สมบัติประจำตระกูลซูเล่มนี้คราหนึ่ง ในเวลาเดียวกันเป็นครั้งแรกที่พลังลมปราณของกระบี่หกสุสานได้หล่อหลอมพลังของหอกสายฟ้านี้
“ บรึม “
หอกสายฟ้าได้ถูกเยี่ยจงใช้โอกาสหล่อหลอมไป ร่างกายของซูจื่อหวินที่กำลังสั่นเทา ก็ได้กระอักโลหิตออกมาอีกคำ เขาล้มลุกคืบคลานขึ้นมา จ้องเขม็งไปทางด้านเยี่ยจง สีหน้าปั้นยากอย่างถึงที่สุด
“ ท่านอาซู ของชิ้นนี้ก็ไม่ไหวเอาซะเลย ก็เป็นเพียงแค่สมบัติเสมือนเซียนเท่านั้น “ เยี่ยจงยื่นมือซ้ายคว้าจับไปที่หอกสายฟ้า ยิ้มแล้วเอ่ยปากกล่าวไปทางด้านของซูจื่อหวิน
ยอดฝีมือทั่วทั้งสี่ด้านต่างก็สูดลมหายใจเข้าออกไปมา แล้วก็กรอกนัยน์ตาไปมา เยี่ยจงผู้นี้ก็ช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน กระทั่งในระหว่างต่อสู้ ยังสามารถแย่งชิงหอกสายฟ้าของซูจื่อหวินไปได้ อีกทั้งยังหล่อหลอมไปในทันทีต่อหน้าต่อตา
“ อย่าได้ดูถูกผู้คนเกินไปแล้ว “
ซูจื่อหวินได้สูญเสียดวงตาที่สงบนิ่งไป เขาคำรามก้องคำหนึ่ง นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ประกายสายฟ้าบนร่างแตกกระจาย พุ่งเข้าหมายสังหารโดยใช้ทั้งร่างกาย
ในช่วงเวลานั้นเอง ซูจื่อหวินก็ได้บ้าคลั่งขึ้นมา ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลซู เขาไม่เพียงแต่ถูกผู้เยาว์เพียงคนหนึ่งอย่างเยี่ยจงดูแคลน อีกทั้งยังถูกแย่งชิงสมบัติประจำตระกูลไป จนทำให้เขาคลั่งขึ้นมา
เยี่ยจงหัวเราะเย็นชา มือหนึ่งกุมไปที่หอกมือหนึ่งกุมไปที่กระบี่ ประกายกระบี่คมหอกได้ก่อตัวขึ้นในเวลาเดียวกัน จนเข้าชนกับร่างกายจองซูจื่อหวิน
“ ตูม “
ร่างกายของซูจื่อหวินได้สั่นเทาขึ้นอย่างรุนแรง ภายใต้การสังหารของอาวุธที่มีพลังปราณทั้งสองชิ้น ร่างกายของเขาก็ได้กระเด็นออกไปในทันที ร่วงหล่นอยู่บนพื้นดิน
“ โครม “
ร่างกายของเยี่ยจงได้ตามลงมา ใช้ฝ่าเท้าข้างหนึ่งเหยียบไปที่บริเวณหน้าอกของซูจื่อหวิน ทำให้เกราะศึกบนร่างกายของเขาเกิดรอยแตกร้าว ที่เป็นสิ่งที่มีพลังป้องกันที่น่าตกใจ แต่ว่าเมื่ออยู่ภายใต้พลังของเยี่ยจงนี้แล้ว ก็เหมือนเป็นดั่งสิ่งที่ไม่มีประโยชน์อันใด
ซูจื่อหวินร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แข็งขืนฝืนใจที่จะตะเกียกตะกายขึ้นมา แต่ว่าเมื่อถูกเยี่ยจงใช้ฝ่าเท้าเหยียบเข้าไปอีกครา ในครั้งนี้ก็แทบจะทำให้ร่างกายของซูจื่อหวินยุบลงเข้าไปบนพื้นดิน กระดูกหน้าอกเกิดการแตกหักขึ้น สูญเสียเรี่ยวแรงที่จะใช้พลังออกไป
“ โครม โครม “
กระบวนท่าของเยี่ยจงนี้ มิได้มีการยั้งมือเลยแม้แต่น้อย สองเท้ายังคงเหยียบย้ำลงไปไม่หยุด ทันใดนั้นก็ได้ทำให้เส้นลมปราณของซูจื่อหวินแตกซ่านนับไม่ถ้วน
ซูจื่อหวินกระอักโลหิตคำโต เขาหัวเราะฮาๆออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ เยี่ยมมาก เยี่ยจงเจ้ายอดเยี่ยมมาก วันนี้ข้าซูจื่อหวินขอยอมรับ แต่ว่าท่านบรรพบุรุษต้องไม่ปล่อยปละละเว้นเจ้าไปอย่างแน่นอน เยี่ยจง เจ้าโชคร้ายแล้ว “
“ กึง “
เยี่ยจงกวาดออกด้วยหอกในมือซ้าย จนทำให้ศีรษะของซูจื่อหวินลอยกระเด็นไปแตกแยกออกไปหลายส่วน กล่าวด้วยเสียงเยียบเย็น “ ฝันเฟื้อง “
“ ซู …….. ซูจื่อหวินตายแล้วงั้นหรือ ? “
ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนที่มุงดูอยู่โดยรอบก็ค่อยมีปฏิกิริยากลับมา เยี่ยจงถึงกลับฆ่าซูจื่อหวินไปเช่นนี้เลยงั้นหรือ ?
ควรทราบว่า คนผู้นี้เป็นถึงยอดฝีมือรุ่นที่หนึ่งของตระกูลซู เป็นถึงชนชั้นแนวหน้าของตระกูลซู แต่ว่าบุคคลเช่นนี้ ถึงกับถูกเยี่ยจงเพียงแค่คนเดียวฆ่าสังหารไปงั้นหรือ ?
ถีงแม้เยี่ยจงจะได้ฆ่าสังหารผู้คนของตระกูลซูไปมากมายแล้วก็ตาม จนทำให้บ้านตระกูลซูเป็นดั่งแดนมิสันญี แต่ว่า ตระกูลซูนั้นยังมิได้ตจบสิ้นก็ตามที แต่ว่าหลังจากที่ถูกเขาได้สังหารซูจื่อหวินไปแล้ว ตระกูลซูกลับกลายเป็นสูญสิ้นอย่างแท้จริง
ตระกูลซู จบสิ้นแล้ว
มียอดฝีมือไม่น้อยที่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ในเวลาเดียวกันก็ได้จ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดเกรง พลังของเด็กหนุ่มผู้นี้ ถึงกับสามารถฆ่าสังหารผู้คนทั้งตระกูลได้ พลังฝีมือเช่นนี้ น่าหวาดกลัวจนถึงขั้นที่ผู้คนยังยากที่จะเชื่อได้
ภายใต้ผู้คนไม่น้อยที่ได้เคยมีเรื่องกับเยี่ยจงที่งานเลี้ยงขององค์ชายใหญ่ต่างก็จดจ้องไปทางด้านของเด็กหนุ่ม ในตอนนี้ต่างก็มีเหงื่ออันเย็นเยียบหลั่งไหลออกมาจนแห้ง พวกเขาเริ่มที่จะคาดคำนวณอย่างรวดเร็ว ต่างก็กำลังตัดสินใจที่จะจัดการของขวัญชิ้นใหญ่อย่างไรดี เยี่ยจงจึงจะลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้นไปได้
ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ทั่วทั้งผืนฟ้าคงจะเกิดเทพสังหารแห่งประวัติศาสตร์ขึ้นแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจนอนอย่างสงบ
บริเวณที่แห่งนี้ เยี่ยจงก็ได้ตัดสินใจถีบไปที่ศพของซูจื่อหวิน ราวกับว่าตนเองมิได้สังหารบุคคลอันเลื่องชื่อของตระกูลซู แต่ทำตระกูลซูเป็นเพียงสุนัขแมวก็มิปาน
จากนั้นเขาก็ได้ค่อยๆก้าวเดินไปอีก มุ่งหน้าไปทางด้านตึกใหญ่สีเงินของตระกูลซู
เมื่อได้เหม่อมองการเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ดวงตาของยอดฝีมือไม่น้อยก็เริ่มที่จะหดเล็กลง เยี่ยจงผู้นี้ถึงกับยังไม่หยุดยั้งการฆ่าสังหารอีกหรือ ?
ไม่นานนัก เยี่ยจงก็เดินเข้าไปยังบริเวณตึกใหญ่สีเงินทางด้านหน้า หลังจากที่เขาได้ก้าวเข้าไป วินาทีนั้นเอง ภายในตึกใหญ่ก็ได้มีสายตาอาฆาตนับสิบสายทอดมองไปยังร่างของเยี่ยจง คนเหล่านี้ต่างก็เป็นลูกหลานที่แท้จริงของตระกูลซูนั้นเอง เป็นสายโลหิตที่แท้จริงของตระกูลซู รวมไปทั้งใบหน้าอันเย็นเยียบของซูชิง
.
.
.
.