เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 315 ดวงเนตรฟ้าดิน

ตอนที่ 315 ดวงเนตรฟ้าดิน

 

 

” ร้ายกาจมาก เขาถึงกลับสามารถใช้ด้วยทักษะเซียนของเผ่าวิหคทองจนถึงขั้นนี้ได้ ตกตื่นตกใจจริงๆ ”

 

จ้องมองไปยังท่ามกลางสนาม มียอดฝีมือต่างก็ตื่นตกใจ บนใบหน้าปรากฏอาการตื่นตะลึง กล่าวได้ว่า เมื่อครู่พวกเขาก็เป็นเพราะว่าพลังมือเกิดอาการตกใจต่อพลังฝีมือของเยี่ยจง เช่นนั้นในตอนนี้ก็คงจะถูกพลังฝีมือขององค์ชายสิบสามทำให้ตื่นตะลึงขึ้นมา เขาถึงกับสามารถใช้ออกด้วยทักษะเซียนอย่างวิหคทองได้จนถึงระดับนี้ ช่างเกินกว่าคำว่าธรรมดาไปมากแล้ว

 

เห็นได้ชัด องค์ชายสิบสามผู้นี้ไม่เพียงแต่แค่มีพลังมือในระดับที่สูงเช่นนี้ อีกทั้งยังมีดวงตาปราณฟ้า กล่าวได้ว่า เขาในตอนนี้ได้เกินกว่าคำว่าธรรมดาสามัญไปมากแล้ว คนทั่วไปยากที่เปรียบเทียบได้

 

บริเวณอีกทางด้านหนึ่ง เยี่ยจงก็ได้ใช้ทั้งสองมือฟาดออกไป มือซ้ายที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีม่วงก็ได้ปรากฏขึ้นมา บริเวณใจกลางฝ่ามือก็ได้มีพลังกิเลนออกมา เห็นได้ชัดว่าแขนกิเลนได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ใช้ออกมาเพื่อที่จะทำการหยุดยั้งทักษะเซียนวิหคทองที่องค์ชายสิบสามใช้ออกมา และทางด้านบนมือขวาก็ได้ก่อรวมพลังตราผนึกนภาไม่หยุด ใช้ออกมาเพื่อที่จะทำลายพลังคุ้มกายที่ปรากฏบนร่างขององค์ชายสิบสาม

 

“ ตูมตูมตูม ——”

 

ทั้งสองคนเข้าปะทะกันรวดเร็ว ในครั้งนี้ก็ได้ใช้ออกด้วยพลังที่แท้จริงเข้าปะทะกันอีก เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนต่างก็ทราบว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ง่ายที่จะต่อกร ดังนั้นการลงมือทั้งหมดจึงทั้งเผ็ดร้อนและเด็ดขาด ทุกๆการโจมตีหากว่าต้องถูกร่างแล้วละก็ ต่างก็สามารถทำให้อีกฝ่ายเกิดการบาดเจ็บหนักได้

 

“ โครม “

 

บริเวณใจกลางฝ่ามือขององค์ชายสิบสามก็ได้ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นมาเป็นสาย เขาขยับร่างกายคราหนึ่ง ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เอ่ยขึ้นเสียงเย็นเยียบ “ ไม่เลว ถึงกับสามารถใช้ออกด้วยตราผนึกนภาและแขนกิเลนในเวลาเดียวได้ถึงขั้นนี้ เจ้าถือได้ว่าเกินกว่าธรรมดาแล้ว เพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเข้า “

 

“ เจ้าก็ปากแข็งต่อไปเถอะ “ เยี่ยจงเมินเฉย เพิ่มความเร็วของมือทั้งสองข้าง ปะทะเข้าสังหารออกไปไม่หยุด ส่วนลึกในดวงตาเขาที่มีองค์ชายสิบสามที่ยากต่อกรเบื้องหน้าอยู่ ดังนั้นเขาในตอนนี้จึงต้องรีบคว้าโอกาสเอาไว้ ไม่คิดที่จะเกิดความประมาณใดๆขึ้นมาในทันที

 

“ เจ้าคงไม่คิดจริงๆหรอกนะว่า นอกจากจะพึ่งพาพลังของการทำลายเนตรและกลับคืนของปราณฟ้า ก็มิได้มีอย่างอื่นให้ใช้ได้อีกงั้นหรือ ? “ องค์ชายสิบสามกล่าวเสียงเบา น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเองชนิดหนึ่ง

 

“ ซวบ “

 

ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ผายมือทั้งสองออก ถอยกายไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันดวงตาของเขาในครั้งนี้ก็ได้ก่อรวมรังสีหยินหยางกวาดออกมาในเวลาเดียวกัน

 

“ ดวงเนตรฟ้าดิน “

 

แล้วก็มีเสียงที่ดังขึ้นออกมาเบาๆ ทั่วทั้งยอดหอคอยสงครามก็ได้เริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลง ทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้ปรากฏเงามายาขึ้นนับไม่ถ้วน มีจิตวีรชนชงเทียน มีสุนัขฟ้ากลืนจันทร์ มีมังกรแท้แห่งนภา แต่ละชนิดต่างก็มีลักษณะที่ไม่เหมือนกันแม้แต่อย่างเดียว

 

แต่ว่าเหล่าเงามายาเหล่านี้กลับมิได้แปลกปลอมแต่อย่างไร พวกเขาราวกับเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แต่ว่ากลับถูกพลังเทพขององค์ชายสิบสามควบคุมเอาไว้ เงามายาเหล่านี้ในเวลาเดียวกันก็ได้มาจนถึงจุดอย่างเบื้องหน้าสายตาเช่นนี้

 

“ ฆ่า “

 

ร่างกายขององค์ชายสิบสามก็ได้ปรากฏขึ้นท่ามกลางอากาศ เขาย่างเท้าลงบนดวงตะวันลูกหนึ่ง บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรังสีสังหารขึ้นมาอย่างลึกล้ำ วินาทีนี้เขาก็ได้ยกนิ้วขึ้นมา ชี้ออกไปทางด้านบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เบาๆ

 

“ ซูม “

 

เพียงแค่ชั่วเวลาเพียงครึ่งลมหายใจเท่านั้น จิตวีรชน สุนัขฟ้า มังกรแท้ ……..

 

เงามายาเหล่านี้ต่างก็เหมือนดั่งสัมผัสอันใดขึ้นมาได้ก็มิปาน นัยน์ตาก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้นก็ได้ย่างกรายออกไป มุ่งหน้าเข้าสังหารยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่

 

“ มนต์ตราเทพ “

 

เยี่ยจงสีหน้าเปลี่ยนช้าๆ ในตอนนี้เงาร่างก็ยังคงยืนอยู่ท่ามกลางสนามไม่ขยับเคลื่อนไหว เพราะว่าการโจมตีเหล่านี้ได้เข้ามาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ไร้หนทางที่จะถอยหลบไปได้ อีกทั้ง กระบวนท่านี้จะต้องอยู่ในระดับมนต์ตราเซียนอย่างแน่นอน หากว่าไร้หนทางที่จะหยุดยั้งแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องตายลงในทันที

 

“ ตราผนึกนภา “

 

ทันใดนั้นเอง เยี่ยจงก็ได้ผนึกตราปาง(มือ)ทั้งสองมือเอาไว้ มือหนึ่งชี้ไปที่นภา มือหนึ่งชี้ไปที่พสุธา ร่างกายไม่สั่นไหวแต่อย่างไร รังสีความน่ากลัวของตราผนึกฟ้ากลุ่มหนึ่ง ในตอนนี้ก็ได้เกิดขึ้นสุดใจกลางของเขา ดุจดั่งมังกรวายุม้วนตัวก็มิปาน หมุนวนออกไปอย่างบ้าคลั่ง

 

“ โครม “

 

ในเวลาเดียวกันฟ้าดินก็ได้เกิดการสั่นไหว ตราปาง(มือ)สายหนึ่งก็ได้ปรากฏรอยแตกร้าวเก้าชั้นฟ้าก็มิปาน แตกออกอย่างช้าๆ ตราปางดุจดั่งนกฮวางเชวียนทั้งเก้าก็มิปาน มุ่งหน้าสะบัดออกไปท่ามกลางอากาศ

 

“ เพล้งเพล้งเพล้ง “

 

ตราปางขนาดใหญ่ทั้งสองแบ่งเป็นบนล่าง ดุจดั่งฐานศิลาขนาดใหญ่สองก้อนก็มิปาน ปรากฏขึ้นมาในทันที ทั้งยังให้รังสีของตราผนึก เงามายานั้นแบ่งเป็นทั้งซ้ายทั้งขวา คิดที่จะหลบเลี่ยงจากตราปางขนาดใหญ่ทั้งสองนี้ แต่ว่าในที่สุดก็ยังหลบออกไปไม่พ้น แตกสะบั่นไม่หยุด

 

ท่ามกลางประกายคมกล้าของเนตรที่พร่ามัว ตราปางขนาดใหญ่ทั้งสอง หมื่นสรรพสิ่งก็ได้ถูกผลึกลงไปจำนวนมาก จนหายไปเป็นจำนวนมาก เงามายาทั้งมวลที่ถูกองค์ชายสิบสามอัญเชิญออกมา ตอนนี้ก็ได้หายไปจนหมดสิ้น

 

“ อือ ? “

 

และแล้ว เยี่ยจงในตอนนี้ก็มิได้มีความยินดีมากนัก เพียงแต่ขมวดคิ้วขึ้นช้าๆ ดังนั้น เงามายาทั้งมวลท่ามกลางสนามในตอนนี้ต่างก็ได้หายออกไป ท่ามกลางอากาศก็ได้หลงเหลือไว้แต่เพียงดวงตะวันที่มีแสงสีทองอยู่ ภายในดวงตะวันดุจดั่งร่างของวิหคทอง สาดส่องประกายเทพไม่สูญหาย ทอดลงยังพื้นพสุธา บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก่อเกิดเสียงดัง”ฉึกฉึก”ออกมาขาดสาย เพียงพอที่จะทำให้ทราบได้ว่าดวงตะวันนี้แม้จริงแล้วมีความแข็งแกร่งถึงระดับใด รวมไปทั้งระดับพลังที่รวมอยู่ด้านใน

 

ในตอนนี้ ร่างกายขององค์ชายสิบสามก็ได้นั่งอยู่บนดวงตะวันดวงหนึ่ง เพียงพึ่งพาแค่พลังดวงตะวัน ก็ยับยั้งพลังจากตราปางที่เข้ามาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

 

ยอดฝีมือมากมายที่มองดูอยู่ต่างก็อ้าปากตาค้าง พลังฝีมือของสองสุดยอดรุ่นเยาว์นี้ ก็คนอยู่นอกเหนือความคิดของผู้คน ภายในรุ่นเดียวกัน จะมีใครที่สามารถทำได้เช่นนี้กัน ?

 

“ พลังฝีมือที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก การแสดงออกทั้งหมดของเยี่ยจงได้ถูกถ่ายทอดมาจากพลังของตราปาง อีกทั้งยังมีที่มาอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ว่าแม้แต่ข้าในตอนนี้ก็ยังไม่แน่ชัด ว่าจะใช่หนึ่งในมนต์ตราเทพในตำนานนั้นหรือไม่ และองค์ชายสิบสามก็ไม่อ่อนด้อย เนตรปราณฟ้าของเขาก็ถึงกับถูกจะใช้ออกมาจนถึงขอบเขตของดวงเนตรฟ้าดิน ภายในดวงตาของเขา ก็เหมือนกับดินแดนขนาดเล็ก ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาลของตราผนึกแห่งตราผนึกนภา เขายังถึงกับสามารถต้านทานเอาไว้ได้ เพราะเหมือนกับว่าตัวเขาเองก็ได้เป้นส่วนหนึ่งของฟ้าดินแล้ว “ บนใบหน้าของนางเซียนชิงหญิงก็ได้ปรากฏอาการตื่นตะลึงอย่างลึกล้ำ นั้นก็เพราะว่าความแข็งแกร่งของสองสุดยอดรุ่นเยาว์ ก็เพียงพอที่จะทำให้จิตใจของนางสั่นไหวได้แล้ว

 

“ ผนึกฟ้าประทับดินเพียงหนึ่ง ฟ้าดินที่แสดงแปรเปลี่ยนเพียงหนึ่ง นี้ต่างก็เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่อยู่เพียงแค่ขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าจะสำแดงพลังฝีมือออกมาได้งั้นหรือ “ กุ่ยเมียนผอผอกล่าวเสียงเบา ภายในน้ำเสียงก็ได้มีความไม่อยากที่จะเชื่อรวมอยู่ด้วย

 

“ นับแต่โบราณมา เด็กหนุ่มที่อยู่จุดสูงสุดที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย มีที่ไหนบ้างที่สามารถใช้สายตาการมองที่ปกติด้วยได้ ? พวกเขาทั้งสองคนนี้ยังไม่ทันที่จะเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้า ถ้าหากรอจนพวกเขาก้าวข้ามไปสู่ระดับนั้น เข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตจิตแล้วละก็ เกรงว่าคงจะเป็นดั่งทะยานขึ้นฟ้า แข็งแกร่งยากต้านทาน “ นางเซียนชิงหญิงพยักหน้า มองดูสองสุดยอดเด็กหนุ่มทั้งสองคนอย่างตั้งใจ และนี้ก็คือการประเมินของนาง

 

“ นี้ …….. “ กุ่ยเมียนผอผอไร้คำพูด แม้แต่คุณหนูบ้านตนก็ยังประเมินระดับของทั้งสองคนสูงถึงเพียงนี้ นางยังบอกอันใดนะ ? เกรงว่าต่อให้ลงมือไปในที่แห่งนี้แล้วละก็ นางก็ไม่อาจที่จะลงมือกับทั้งสองคนนี้ได้

 

“ น้องเยี่ยจงนะน้องเยี่ยจง พี่สาวอย่างข้าคิดไปยิ่งมาก็ยิ่งที่จะอยากให้เจ้าหมอบกราบเข้าใต้กระโปรงทับทิม(ซือหลิวชวิน)ข้าเสียจริง “ โหยวเหลียนเหยียบอยู่บนดอกบัวสีดำ รวมทั้งยังกัดฟันขบฝีปาก ดูแล้วงดงามและมีเสน่ห์ ในตอนนี้นางก็ได้ชะม้ายดวงตากลมโตมองไปที่เยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้สาดเป็นประกายปรักลาดออกมา

 

รวมไปถึงยอดฝีมือคนอื่นๆ ต่างก็มิได้เอ่ยปากออกมา ทุกผู้คนต่างก็เบิ่งตาจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า เพราะว่าระดับขอบเขตของสุดยอดรุ่นเยาว์ทั้งสองคนนี้เรียกได้ว่าได้อยู่ในระดับสูงสุดแล้ว หากให้พวกเขากล่าวออกมา ต่างก็เป็นเสียงเดียวกัน เพราะว่าเพียงแค่พลังที่แท้จริงของพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า ยังถึงกับสามารถใช้ออกด้วยพลังทำลายเช่นนี้ได้ ทำให้ยากที่จะเชื่อได้ลง

 

“ ซวบ “

 

ยอดหอคอยสงคราม ทันใดนั้นดวงตะวันลูกนั้นก็ได้ค่อยๆที่จะขยับหมุนขึ้นมา ความจริงที่มันเป็นเพียงสิ่งที่ถูกสร้างมาจากเพลิงสีทอง ในตอนนี้ก็ได้สาดประกายคมกล้าอันน่าหวาดกลัวออกมา มุ่งหน้าสาดออกไปทั่วทั้งสี่ทิศ คิดที่จะทำลายก็มิปาน แน่นอนว่าต้องรวมไปทั้งเยี่ยจงด้วย

 

ดวงตาเยี่ยจงเย็นชาขึ้นมา เคลื่อนไหวรอยตราทั้งสองมือ บริเวณท่ามกลางอากาศก็ได้ถูกฟาดออกไปด้วยตราปางขนาดใหญ่ทั้งสองในเวลาเดียวกัน ปะทะเข้ากับดวงตะวันสีทองไม่หยุดยั้ง

 

ท่ามกลางตราปางทั้งสองสาย ตอนนี้ก็ได้ก่อรวมไว้ด้วยพลังตราประทับอันน่าหวาดกลัว ทุกๆการจู่โจมที่ทอดลง ต่างก็ทำให้ตะวันสีทองเกิดการสั่นไหวไม่หยุด

 

องค์ชายสิบสามที่นั่งอยู่ด้านบนตะวันทองก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างช้าๆ แต่ว่าเขากลับมิได้เคลื่อนไหวอื่นใด ยังคงควบคุมดวงตะวันไม่ขาดสาย

 

 

“ ย๊ะ ——”

 

บริเวณทางด้านฝ่ายตรงข้าม เยี่ยจงก็ได้พลิกทั้งสองมือฟาดออกไป แล้วก็ได้พบว่าตราปางทั้งสองในตอนนี้ก็ได้ทอดลงไปอย่างช้าๆ แล้วก็ได้ยินเสียงดัง”ตูม”ขึ้นมา ดวงตะวันสีทองในตอนนี้ก็ได้แตกออกไม่ขาดสาย ปรากฏรอบแตกร้าวขึ้นมา จนเกิดเสียงดังบรึมขึ้นมาในที่สุด และรอยปางขนาดใหญ่ทั้งสองข้างก็ได้ค่อยๆหายไปในเวลาเดียวกัน

 

“ องค์ชายสิบสาม แพ้แล้ว ? “

 

ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็ตื่นตกใจขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า คงไม่ใช่ตัดสินผลแพ้ชนะกันแล้วหรอกนะ ?

 

“ บรึม “

 

ทันใดนั้นก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งพุ่งทะยานออกไป จนลงมาถึงบนพื้น กระอักโลหิตคำโต

 

“ องค์ชายสิบสามได้รับบาดเจ็บหนัก จะพ่ายแล้ว “ ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็แตกตื่น สถานการณ์ถึงกับเป็นเช่นนี้ เนตรปราณฟ้าก็ยังต้องพ่ายแพ้ ยากที่จะคาดคิดได้

 

“ เคร้ง “

 

ทันใดนั้นเอง องค์ชายสิบสามก็ได้ล้มลงกับพื้นดินอย่างหนักด้วยความอ่อนแรง ใจกลางหว่างคิ้วก็ได้ทอเป็นแสงสีทองออกมา ง้าวไทหยางในตอนนี้ก็ได้พุ่งออกไป มุ่งหน้าเข้าสังหารยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป

 

“ อะไรกัน ? นี้คือสมบัติเซียนประจำรัฐต้ากู่ ง้าวไท่หยาง ? “

 

มีผู้คนไม่น้อยต่างก็เกิดอาการตื่นตกใจ คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสิบสามแท้จริงแล้วจะมีพลังฝีมือขั้นเด็ดขาดได้ถึงเพียงนี้

 

“ เปรี้ยง “

 

เยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้ตัดสินที่จะใช้แขนทั้งประทับออกไปด้านหน้าร่างกาย ตอนนี้พลังของเขาก็ได้ถอยถดลดลงไปเรื่อยๆ แต่คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสิบสามยังถึงกับมีการลงมือเช่นนี้อยู่อีก ได้แต่เพียงสามารถลืมตามองไปยังง้าวไท่หยางพวยพุ่งกวาดเข้ามาด้วยพลังทำลายอันมหาศาล ทอดลงมายังไหล่ทั้งสองข้างของตนเอง

 

“ โครม “

 

ในครั้งนี้ เสียงแตกร้าวก็ได้ดังออกมา ต่อให้เยี่ยจงมีความแข็งแกร่งของกายเนื้อ ตอนนี้ก็ยังต้องลอยกระเด็นออกไป บนแขนทั้งสองข้างก็ได้เกิดโลหิตสายใหญ่ไหลออกมาจากแผล จนเผยให้เห็นถึงกระดูกขาวอย่างชัดเจน

 

“ ฮูมฮูมฮูม “

 

หลังจากการจู่โจมนี้ ง้าวไท่หยางได้กลับไปในทันที การโจมตีชนิดนี้ถือได้ว่าได้เข้ามาทางด้านหลังที่ถือว่าเป็นมุมอับของตนเองเข้าไป ในตอนที่เขายังไม่ทันจะมีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน คมง้าวสายหนึ่งก็ได้เข้ามาบริเวณทางด้านหลังของเขา

 

“ ซูม “

 

เยี่ยจงกระอักโลหิตออกมาคำโต ร่างกายก็ได้ลอยออกไป กระแทกชนเข้ากับพื้นอย่างหนัก

 

“ ตูม “

 

องค์ชายสิบสามเหยียบลงบนพื้นดิน ร่างกายทะยานลอยออกไป ร่างกายเขาในตอนนี้ก็ได้เริ่มที่จะปรากฏเกราะสีทองชุดหนึ่งขึ้น ง้าวไท่หยางก็ได้ลอยกับมาในมือ เขาในตอนนี้ เหมือนกับเป็นเด็กหนุ่มเทพนภาสูงสุดจุติก็มิปาน

 

“ ตูม “

 

มือถือง้าวไท่หยางเอาไว้ องค์ชายสิบสามก็ได้ตวัดกวาดไปทางด้านล่างลงไป ในครั้งนี้ประกายสีทองก็ได้ปกคลุมอยู่ทั่วร่างเยี่ยจง จนหันร่างปะทะออกไป ลอยกระเด็นอย่างรุนแรง กระแทกเข้ากับกรงเป็นตายของหอคอยสงคราม เสียงดังโครม เยี่ยจงหลั่งโลหิตออกมาทั่วกาย น่าอนาถไม่น่ามอง

 

กลุ่มผู้กล้าต่างก็ไร้คำจะกล่าว การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วชนิดนี้ คาดว่าคงจะยากที่จะมีสติกลายมาได้ทัน

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/9 ราคา 550
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690

กลุ่ม8 https://goo.gl/1jPZtn ตอนที่ 691-770 ล่าสุด706 Update 07/07/18

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset