ตอนที่ 330 อารามเทพฮวงกู่
ทั่วทั้งฟ้าดิน ก็ได้เกิดเสียงแตกระเบิดดังสนั่นออกมา ราวกับว่าในตอนนี้ได้กลับไปยังช่วงยุคโบราณกาลก็มิปาน สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีเก่าแก่ที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งฟ้าดินอยู่ในขณะนี้
ผู้คนทั้งหมดต่างก็อ้าปากตาค้างจ้องมองออกไป แล้วก็ได้พบว่าหอคอยสงครามได้แตกกระจายไม่หยุด แตกสลายหายไปทีละ
“ เจ้า เจ้าที่แท้ต้องการทำอันใดกันแน่ ? “
ต่อให้เป็นนางเซียนชิงหญิงที่ตลอดมานี้อยู่ในอารมณ์เยือกเย็นตลอดมา ในตอนนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลงออกมา
จื่อจุนเทียนหันศีรษะกลับไปมองนางคราหนึ่ง ตอบกลับด้วยความเยียบเย็น “ เจ้าเป็นหญิงสาวของข้า ในข้อนี้ย่อมไม่มีความเปลี่ยนแปลง แต่ว่าเจ้าไม่ต้องรีบร้อน รอจนข้าแย่งชิงมาได้แล้ว ค่อยกลับมาหาเจ้าอีกครั้ง “
“ เจ้าทำลายหอคอยสงครามไปแล้ว เจ้าที่แท้ต้องการที่จะทำอันใดกันแน่ ? “ โหยวเหลียนก็ขมวดคิ้วเช่นเดียวกัน ไม่อาจที่จะทราบถึงความคิดของจื่อจุนเทียนได้ หากว่าเขามีความสนใจต่อสิ่งของที่อยู่ภายในหอคอบสงครามแล้วละก็ ก็ช่วงชิงป้ายกระดูกที่อยู่ในมือของเยี่ยจงก็ได้แล้ว จำเป็นต้องทำเรื่องราวเช่นนี้ออกมาด้วยงั้นหรือ
อีกทั้ง เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเขาได้ใช้โลหิตบริสุทธิ์ของสุดยอดฝีมือทั้งแปดคนเพื่อเซ่นสังเวย เพื่อที่จะลบล้างหอคอยสงครามนั้น อีกทั้งด้วยสีหน้าของจิตแห่งหอคอยสงคราม เห็นได้ชัดว่า เรื่องราวเหล่านี้ก็ได้ถูกนัดเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับความลับอันยิ่งใหญ่ของหอคอยสงคราม เพียงแต่ว่าเขาแท้จริงทราบถึงอะไรกันแน่ นี้ถือได้ว่ายากที่จะคาดเดาได้
“ เจ้าที่แท้เป็นผู้ใดกัน ” เยี่ยจงขมวดคิ้ว ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ราวกับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปทั้งหมดแล้ว เหมือนกับรู้สึกได้ว่าถูกผู้คนหลอกใช้อีกแบบหนึ่ง อีกทั้งความรู้สึกเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนัก
“ ข้า ก็เป็นแค่จื่อจุนเทียนเท่านั้น ” จื่อจุนเทียนสะบัดมือเหม่อมองไปที่เยี่ยจง รอยยิ้มปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้า “ พี่เยี่ยก็อย่าได้เป็นห่วงจนเกินไป เรื่องที่ข้ากระทำในตอนนี้ มิใช่การทำลายหอคอยสงคราม แต่เป็นการเปิดมันขึ้นมาก็เท่านั้น …… พี่เยี่ยนี้ถือเป็นเรื่องที่ยากจะพบพานได้ ในทุกๆพันปีจะสามารถเปิดขึ้นหอคอยสงครามขึ้นมาเชียวนะ ต้องลำบากลำบนที่จะได้รับข่าวสารเหล่านี้ของรังสีธรรมมะ(大道气息)มาได้ เหมือนกับไม่ค่อยคุ้มค่านัก ? วันนี้ที่ข้าเปิดหอคอยสงคราม สามารถที่จะไปนำเอามูลฐานธรรมะ(大道根本) ที่แท้จริงได้ ได้รับวาสนาเปลี่ยนแปลงโชคชะตา นี้ยังถือได้ว่าดียิ่งไปกว่ารังสีธรรมดานับพันนับหมื่นเท่าไปแล้ว ”
เสียงของจื่อจุนเทียนดังขึ้นอย่างมาก ไม่มีความลังเลโดยทั้งสิ้น แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
“ มูลฐานธรรมะที่แท้จริงงั้นหรือ ? “ สุดยอดฝีมือไม่น้อยีหน้าก็ได้เปลี่ยนไป บนใบหน้าก็ได้ปรากฏสีหน้าที่ยากจะเชื่อได้
“ เจ้าที่แท้ก็เพื่อที่ต้องการที่จะช่วงชิงมูลฐานธรรมะจากหอคอยสงครามอย่างงั้นหรือ ? ” มีคนเกิดความตื่นตกใจขึ้นมา
ควรทราบว่า วาสนาเพียงสายเดียวท่ามกลางสมรภูมิฮวงกู่นี้ แท้จริงแล้วก็คือทั้งหมดที่อยู่ภายในหอคอยสงคราม จากข่าวสารที่ยังหลงเหลืออยู่เอาไว้เหล่านี้ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นคำเล่าลือที่สืบต่อกันมา และก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นถนนเพียงสายหนึ่ง คงได้แต่บอกว่า วาสนาเพียงสายเดียวนี้ แม้จะไม่สามารถเปลี่ยนให้เจ้าแข็งแกร่งได้ในทันที แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถชี้ชะตาและเส้นทางสายหนึ่งให้แก่เจ้า
แต่ว่า การกระทำทั้งหมดจื่อจุนเทียนกระทำในครั้งนี้ กลับมิใช่เส้นทางเหล่านี้ และได้มาเพื่อวัตถุสิ่งที่เป็นดั่งบ่งชี้เส้นทางแห่งชะตา ถึงแม้จะไม่มีใครที่ทราบได้ มูลฐานธรรมมะที่แท้เป็นมนุษย์หรือวัตถุกัน แต่ว่า จากในความคาดเดา เกรงว่าคงจะต้องเป็นสิ่งของที่มีค่าเกินกว่าที่จะคาดเดาเอาไว้ได้ อีกทั้ง ในส่วนที่ยุ่งยากที่สุดก็คือ เมื่อสิ่งของนั้นปรากฏออกมา หอคอยสงครามนี้ก็เป็นเหมือนไม่มีประโยชน์อันใด อีกทั้ง ทั่งทั้งสมรภูมิฮวงกู่ในตอนนี้ต่างก็อาจจะหายไปได้ทุกเมื่อ
“ นี้มันบ้าไปแล้ว เขาต้องการที่จะทำลายรากฐานวิทยายุทธ์(武道之基)ดินแดนซีฮวงเรา ” มีสุดยอดฝีมือที่มองได้อย่างลึกซึ้ง ทันใดนั้นสีหน้าก็ได้เปลี่ยนไป หากว่าสูญเสียสมรภูมิฮวงกู่ไปแล้วละก็ มองไปในช่วงระยะเวลาสั่นๆ ดินแดนซีฮวงก็คงไม่มีผลกระทบมากมายนัก แต่ว่าพันปีหลังจากนี้ ดินแดนซีฮวงก็จะยิ่งไม่มีจุดยืนยิ่งกว่าเดิมแล้ว
“ มูลฐานธรรมะ(大道根本) รากฐานวิทยายุทธ์ พวกเจ้าต่างก็ไม่ต้องการอย่างงั้นหรือ ? เข้าไปอีกก้าวก็จะสามารถเย้ยฟ้าท้าดินได้ ถอยไปหนึ่งก้าวกลับต้องแหลกลานนับหมื่นชิ้น พวกเจ้าไม่เอาด้วยงั้นหรือ ? ” จื่อจุนเทียนหัวเราะออกมาเสียงดัง “ พวกเจ้าเหล่าเฒ่าชรา ความจริงก็ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ครอบครองวาสนาเพียงสายเดียวอยู่แล้ว ตอนนี้ข้าก็เหมือนกับให้โอกาสแก่พวกเจ้า ทั้งยังเป็นโอกาสที่ทุกคนทั้งหมดต่างก็สามารถได้รับอย่างยุติธรรม พวกเจ้ายังไม่ยินยอมอีกงั้นหรือ ? “
“ เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ ต้องบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน “ บริเวณที่ห่างไกล ราชาผู้หนึ่งก็ได้สูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ เตรียมตัวที่จะลงมือ เป็นอย่างที่จื่อจุนเทียนกล่าวออกมาก็มิปาน ถึงแม้ว่าเขาจะกระทำเช่นนี้ ผลกระทบก็ยังถือว่าใหญ่หลวง แต่ว่าในตอนนี้สุดยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็มีโอกาสเฉกเช่นเดียวกัน อีกทั้ง ที่บ้าบิ่นที่สุดของเขาก็คือ เรื่องเช่นนี้สมควรที่จะเก็บงำเอาไว้เป็นความลับ จึงจะสามารถได้รับถึงประโยชน์สูงสุด แต่ว่าเขากลับบอกต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ก็คงจะมีแต่เรียกได้ว่าทั้งบ้าทั้งบ้าบิ่นแล้วละ
เยี่ยจงขมวดคิ้ว เขาตั้งใจรวมสมาธิที่จะมองไปยังฉากเบื้องหน้า สีหน้าแปลกใจอย่างถึงที่สุด เขาสามารถสัมผัสได้ว่า ในขณะที่หอคอยสงครามจะทลาย แผ่นป้ายกระดูกของตนเองก่อนหน้านี้ก็ได้สั่นไหวอย่างช้าๆ ปลดปล่อยพลังความเคลื่อนไหวประหลาดชนิดหนึ่งออกมา ราวกับเพื่อที่จะเตือนสติตนเองถึงบางอย่างก็มิปาน
“ ดูเหมือนว่า แผ่นป้ายกระดูกยังไม่เสื่อมสภาพ ” เยี่ยจงพูดกับตัวเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดขึ้นมา ฉากเบื้องหน้าที่นี้ที่มีความเปลี่ยนแปลง อยู่ในขั้นที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่อาจที่จะขัดขวางเอาไว้ได้ ทำได้แต่เพียงเงียบสงบลงยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นเป็นฉากฉากนี้
หอคอยสงครามที่กำลังจะทลายลง ก็ได้เริ่มที่จะเพิ่มความเร็วขึ้น ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของเนื้อกระจก ดุจดั่งเกร็ดน้ำแข็งที่แตกออกมาก็มิปาน ไม่นานนักก็ได้ลอยหายไปท่ามกลางผืนฟ้าผืนดิน
การทลายชนิดนี้ได้กระจายไปทั่ว ไม่นานนัก หอคอยสงครามที่ความจริงแล้วกินอาณาเขตไปนับร้อยลี้ก็ได้หายสาบสูญไป ไม่นานนัก จนเกิดพื้นที่ว่างเปล่าไร้ที่เปรียบที่ลึกยิ่งแห่งหนึ่ง ดุจดั่งหลุมลึกก็มิปานปรากฏขึ้นมาอยู่บริเวณทางด้านหน้าของผู้คนทั้งหมด
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจที่สุดก็คงจะเป็น ความจริงตำแหน่งของหอคอยสงครามอยู่ ในตอนนี้ก็ได้ปรากฏอารามโบราณขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา ราวกับว่าความจริงแล้วมันอยู่ในที่แห่งนี้มาตั้งแต่แรก และในตอนนี้ก็ได้ปรากฏสู่สายตาโลกแล้วก็มิปาน
“ ที่แท้ก็ไม่เลว สถานที่แห่งนี้ก็คืออารามเทพฮวงกู่ ”จื่อจุนเทียนหัวเราะออกมาฮาฮา ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้โบกขึ้น ก็ได้นำพาขุนศึกของเขาพวยพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ คุณหนูโหยวเหลียน มีความสนใจที่จะมาร่วมมือกันอีกครั้งไหม “ เยี่ยจงเหม่อมองไปที่ฉากเบื้องหน้า สีหน้าแปลกประหลาด เขาไม่ได้มีความรีบร้อนแต่อย่างไร อีกทั้งยังส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างช้าๆแล้วกล่าวออกมา
“ มีก็ดีกว่าไม่มี เมื่อครั้งที่แล้วพวกเราอยู่ที่ทะเลมายาโลหิตกลับมิได้รับสิ่งมีค่าที่ยิ่งใหญ่อันใดมา ในครั้งนี้อารามเทพฮวงกู่ในตำนานกลับได้เปิดขึ้น คงไม่อาจที่จะกลับไปมือเปล่าอีกแล้วกระมั่ง ? ”โหยวเหลียนสายประกายตาขึ้นมา หลังจากนั้น นางก็ได้ค่อยๆพยักหน้าตกลง
“ อารามเทพฮวงกู่ กล่าวกันในตำนานถึงกับมีอยู่จริง ” สุดยอดฝีมือไม่น้อยต่างก็ตกใจขึ้นมา รวมไปทั้งสายตาก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นเร่าร้อนขึ้นมา ที่แท้ภายใต้หอคอยสงครามก็คืออารามเทพฮวงกู่ในตำนานนั้นเอง เช่นนั้นพวกเขาก็ย่อมไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้
อารามเทพฮวงกู่ ที่เป็นดั่งตำนานที่เล่าขานกันภายในสมรภูมิฮวงกู่ กล่าวกันว่ามียอดฝีมือนับไม่ถ้วนเมื่อย่างกรายเข้าไปก็มิได้ออกมาจากสถานที่แห่งนี้อีกเลย ยอดฝีมือขั้นสูงสุดต่างก็ได้รับประโยชน์จากสถานที่แห่งนี้ จึงได้ถูกเรียกขานว่าอารามเทพฮวงกู่ เพียงแต่ว่าสมรภูมิฮวงกู่ที่เปิดมานับหลายครั้ง ต่างการไม่มีผู้ใดสามากรถที่จะเสาะหาอารามเทพฮวงกู่พบ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าในตอนนี้กลับเป็น จื่อจุนเทียนทำให้ปรากฏขึ้นมาได้ ทำให้เกิดความตื่นตกใจขึ้นมาได้ไม่น้อย
“ เคลื่อนไหวกันเถอะ ” สุดยอดฝีมือไม่น้อยก็เริ่มที่จะต้านทานความเย้ายวนเอาไว้ไม่อยู่ พวกเขาต่างก็เคลื่อนไหวไปในเวลาเดียวกัน มุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้า ท่ามกลางอารามเทพฮวงกู่ ไม่ว่าจะมีประโยชน์อื่นใดหรือไม่ก็ตาม แต่ว่า อย่างน้อยก็ยังมีการคงอยู่ของหอคอยสงคราม ก็เป็นการบ่งบอกถึงมูลฐานธรรมมะในที่แห่งนี้ ในเมื่อสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีข้อจำกัดต่างๆ วาสนานี้ ผู้คนย่อมต่างๆย่อมไม่อาจที่จะพลาดไปได้
เด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ของแต่ละฝ่ายในตอนนี้ก็ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เพียงแต่ว่าในขณะนี้ กลับไม่มีผู้ใดยินยอมที่จะพลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้ ราวกับว่าต่างฝ่ายต่างก็ใช้พลังฝีมือของฝ่ายตน มุ่งหน้าออกไปในทันที
“ พวกเราก็ไปกันเถอะ ”เยี่ยจงเหม่อมองไปบริเวณฝ่ายตรงข้าม จากนั้นก็ได้พยักหน้าไปทางด้านโหยวเหลียน บนร่างของทั้งสองก็ได้กลายเป็นประกายแสงในทันที แล้วก็ได้มุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านล่าง
เมื่อเดินเข้าไปทางด้านหน้า ตึกโบราณอันเก่าแก่หลังหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาทางด้านหน้าของทั้งสองคน ตึกโบราณนั้นมีขนาดใหญ่ แต่ว่าในด้านของตัวตึกกลับมีรอยร้าวปกคลุมไปทั่ว เห็นได้ชัดว่า เมื่อก่อนหน้านี้ในสถานที่แห่งนี้คงจะต้องเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน จึงได้ทำให้เกิดความเสียหายถึงเพียงนี้
“ ซวบ——”
ร่างกายของทั้งสองคนก็ได้มาจนถึงเบื้องหน้าของอารามโบราณอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้น พลังปราณอันหนาแน่นก็ได้ปกคลุมเข้ามา จนทำให้ทั่วทั้งอารามเทพฮวงกู่เปลี่ยนจนกลายปกคลุมไปด้วยหมอกควันละลาน
เยี่ยจงขมวดคิ้ว จ้องมองไปบริเวณฉากทางด้านหน้า อารามเทพฮวงกู่แห่งนี้กว้างขว้างเป็นอย่างมาก ราวกับมาจนถึงใจกลางสุดขอบของดินแดนแห่งนี้ก็มิปาน บริเวณบนพื้น ก็ได้มีรอยเท้าจมลึกน้อยใหญ่ทำให้เกิดรอยร้าวกระจายไปทั่ว มีรอยร้าวอยู่ส่วนหนึ่งกลับมีรอยเผาไหม้ของเพลิงไฟอันรุนแรงพ่นออกมา แต่ว่าด้านในรอยแตกร้าวนี้กลับปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งอันลี้ลับ เห็นได้ชัด สถานที่แห่งนี้โดยพื้นฐานแล้วคงจะต้องมีกฎเกณฑ์อันแข็งแกร่งบางอย่างคอยควบคุมเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งที่วุ่นวายขึ้น สามารถกล่าวได้ว่าต้องเดินไปอย่างตั้งใจและมีสติ หากไม่ระวังแม้เพียงนิดเดียวแล้วละก็ คงยากที่จะคาดเดาสถานการณ์ต่อไปเอาไว้ได้
จากนั้นเยี่ยจงและโหยวเหลียนได้กวาดสายตามองออกไป ต่างก็ปรากฏได้ว่าไม่อาจที่จะทำอันใดได้ ต่อให้ทั้งสองในตอนนี้จะมีพลังฝีมือการการสังเกต ในสถานที่แห่งนี้ อย่างมากก็มองออกไปได้เพียงระยะร้อยลี้เท่านั้น แต่ว่า อารามเทพฮวงกู่นี้กลับดูมีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าที่คาดคิดเอาไว้ เพียงแค่มองดูสภาพภายนอก แทบจะไม่อาจที่จะช่วยอันใดได้
“ คงได้แต่เพียงเดินไปที่ละแล้วดูไปทีละก้าวแล้วละ “ เยี่ยจงคว้าแผ่นป้ายกระดูกออกมา มองไปคราหนึ่ง คงได้แต่พึ่งพาประสาทสัมผัสอันน้อยนิดแล้วละ แต่ว่ากลับไม่มีสิ่งอื่นใดที่มีความเปลี่ยนแปลง却没有其他的变化
ต่อมาทั้งสองคนก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากความ เพียงแต่เลือกไปยังอีกทางด้านหนึ่งในเวลาเดียวกัน ก้าวออกไปอย่างระมัดระวังอย่างถึงที่สุด
ไม่นานนัก ตำแหน่งของจุดศูนย์กลางของอารามเทพฮวงกู่หลังนี้ ก็ได้ปรากฏขึ้นมาทางด้านหน้า ด้านบนของอาราม ก็ได้มีตัวอักษรขนาดใหญ่สีทองคำทอประกายระยิบระยับจนเปล่งเป็นประกายราวกับมีชีวิต
“ สุสานกระบี่ ”
“ ทำไมถึงยังเป็นสุสานกระบี่ ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้ว ก้าวเข้าไปยังภายในของอารามใหญ่ วินาทีนั้นก็ไร้สุ่มเสียงใดๆ ท่ามกลางบริเวณอารามใหญ่ในตอนนี้ ก็ได้มีเศษซากของสรรพวุธแต่ละชนิดกองรวมไว้ด้วยกัน ดุจดั่งเป็นดั่งสุสานขนาดใหญ่ก็มิปาน เห็นได้ชัดว่า ท่ามกลางอาวุธมากมายเหล่านี้ต่างก็ปกคลุมไปด้วยรอยแตกร้าวเสียหายไปอย่างมาก สูญสิ้นพลังไปโดยทั้งสิ้น แต่ว่า อีกทั้งยังมีอยู่ส่วนหนึ่งที่ปกคลุมไว้ด้วยประกายแสงเทพอย่างเย็นเยียบอยู่
และสิ่งสุดท้ายที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากที่สุดก็คือ ภายในสุสานกระบี่นี้ที่บริเวณหัวมุมหนึ่ง ก็ได้มีหอกยาวที่เปี่ยมไปด้วยพลังความคมกล้าดั่งอัสนีบาตปรากฏอยู่ หอกยาวมีลักษณะเก่าแก่ไร้ที่เปี่ยม ทั้งยังก่อรวมไว้ด้วยพลังเทพอันมหาศาล เป็นดั่งเปลวเพลิงที่มิได้มอดไหม้
“ นี้มิใช่หอกฮวงเทียน(ฟ้าดับสูญ)ในตำนานนั้นหรอกหรือ ” โหยวเหลียนทอประกายตาเปลี่ยนไป ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏความตื่นตกใจขึ้นมา หากว่านางคาดเดาไม่ผิดจริงแล้วละก็ นี่ย่อมต้องเป็นศาสตราวุธของยอดฝีมือสูงสุดในตำนานที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งน้ำแข็งผู้นั้นแล้วละก็ เช่นนั้นก็เรียกได้ว่าเกินกว่าที่จะคาดเดาเอาไว้ได้แล้ว แท้จริงแล้วถึงกับมีวัตถุในระดับอยู่ด้วย
“ เอาไปได้งั้นหรือ ? ” เยี่ยจงกลับมิได้มีความสนใจต่อหอกฮวงเทียนในตำนานแต่อย่างไร เพียงแต่ขมวดคิ้วอย่างช้าๆ วัตถุสิ่งนี้แข็งแกร่งอย่างมาก สมควรเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องคิดมากมาย แต่ว่าคิดที่จะนำไปด้วย เกรงว่าคงจะยากเย็นอย่างถึงที่สุด
อีกทั้ง เยี่ยจงยังราวกับสัมผัสได้ชนิดหนึ่ง หอกฮวงเทียนเล่มนี้ ราวกับเป็นเหมือนสิ่งที่พบเจอที่อยู่ท่ามกลางภายในของสำนักมายาโลหิต ทั้งยังมีคล้ายคลึงหอกยาวของชายชราผู้นั้นถึงเจ็ดแปดส่วน รวมไปถึงกลิ่นอายด้วย หากกล่าวว่าทั้งสองคนนี้มิได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกันแล้วละก็ เขาก็คงจะไม่
ในขณะนี้ เยี่ยจงและโหยวเหลียนทั้งสองคนก็ได้สบตามองกัน ก้าวไปทางด้านหน้าในเวลาเดียวกัน เตรียมพร้อมที่จะลงมือ สิ่งของเช่นนี้ ย่อมมิอาจที่จะตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้
.
.
.
.
กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/9 ราคา 550
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610
กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690
กลุ่ม9 https://goo.gl/1jPZtn ตอนที่ 691-770 ล่าสุด730
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/