ตอนที่ 431 ร่วมมือ
อัจฉริยะมากมายในตอนนี้ขมวดคิ้วขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่ว่าพวกเขากลับมิได้กล่าวอันใดออกมา อีกทั้งมิได้มีการเตรียมการพร้อมที่จะลงมือออกมา เห็นได้ชัด ทุกผู้คนต่างก็ต้องการที่จะมองสภาพการณ์ในตอนนี้อย่างชัดเจน
“น่าสนใจดีนิ การเซ่นสังเวย ” เยี่ยจงหันกายไปอย่างช้าๆ จ้องมองไปยังเหล่าราชาปีศาจ แต่กลับรู้สึกว่าเหมือนกับเป็นความคิดที่หาญกล้าจนเกินไป “หากว่าเป็นการใช้เลือดจากเหล่าราชาปีศาจนี้เพื่อเปิดขึ้นมา คงจะสามารถที่จะเข้าไปใกล้ยังแท่นบูชา?”
“น่าสนใจ รุ่นเยาว์ที่มาจากทางด้านนอกนี้ก็ช่างน่าสนใจเสียจริง ถึงกลับหาญกล้าที่นำโลหิตของพวกเรามาเพื่อเซ่นสังเวย ” คำพูดของเยี่ยจงถึงแม้จะมิได้มีความพิเศษอันใดมากนัก ดังนั้น ในช่วงเวลาที่ได้ยินเขากล่าวออกมาเช่นนี้ ราชาปีศาจเหล่านี้ต่างก็ทึ่งกันขึ้นมาอย่างช้าๆ จากนั้น มนุษย์ผิวสีเขียวนั้นก็ได้หัวเราฮิฮะออกมาอย่างเย็นชา ราวกับเหมือนว่าได้ยินเรื่องที่น่าสนใจอันใดมาก็มิปาน
“กล่าววาจาไร้สาระมากมายไปทำไมกัน เพียงแค่รุ่นเยาว์ที่มาจากด้านนอกเพียงแค่คนเดียว ยังถึงกับคิดที่จะฝืนเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิตให้ได้หรืออย่างไรกัน? พวกเราลงมือพร้อมกัน ฆ่าสังหารเขาไปก็พอแล้ว ” ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่กล่าวออกมาอย่างเย็นชา เขานั้นมีความหวาดกลัวต่อเยี่ยจงอยู่หลายส่วน ตอนนี้ราวกับว่าการลงมือของอัจฉริยะคนอื่นๆ นั้นไม่มีความหมายอันใด ดังนั้นเขาจึงมีความหวังต่อโอกาสเช่นนี้อย่างถึงที่สุด ต่อจากนี้จะได้ฆ่าสังหารเยี่ยจงผู้นี้ที่ซึ่งสามารถสร้างความยุ่งยากขึ้นมา
“เขาสมควรที่จะตายไปตั้งแต่แรกแล้ว ” ม้าเขาเดียวกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าจะมีราชาปีศาจผู้หนึ่งถึงกับถูกผู้เยาว์ผู้นี้ฆ่าสังหารลงไป จนทำให้พวกเขาราชาปีศาจกลุ่มนี้เกิดความอับอายขึ้นมาอย่างใหญ่หลวง
“ลงมือพร้อมกัน ! ” ราชานกกระจอกจูโรเป็นตนแรกที่พุ่งเข้าสังหารเข้ามา มันกางปีกทั้งสองข้างขึ้น จากนั้นก็ได้พวยพุ่งคมดาบออกมา มุ่งหน้าหมุนวนเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงอยู่
ราชามดทองคำตอนนี้ก็ได้ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา บริเวณเหนือศีรษะที่เป็นดั่งคีบขนาดใหญ่ก็ได้เกิดเงาบางๆ ขึ้นมาเป็นสายในพริบตา มุ่งหน้ากวาดเข้าไปยังบริเวณทางด้านหน้า หมายที่จะตัดเอวของเยี่ยจงลง
ราชาปีศาจทั้งสองตนได้ลงมือออกไปในเวลาเดียวกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจัดได้ว่าจัดอยู่ในระดับชนชั้นราชา แต่ว่าการในการต่อสู้ก็ยังคงถือได้ว่ามีความน่าหวาดกลัวจนยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้
เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา บริเวณจุดตันเถียนของพลังปราณสมุทร ก็ได้ทอประกายแสงสีทองสาดส่องลงมาจากฟากฟ้าลงมาจนปะทุประกายแสงจันทราสีทองอร่ามสาดทอประกายคมกล้าขึ้นมา ในขณะนั้นเอง พลังฝีมือของเยี่ยจงก็ได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนก่อเกิดพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งปกคลุมอยู่บนร่างกายของเขา ทำให้เมื่อมองไปที่เขาแล้วประดุจราชาเทพเซียนเยาว์วัยก็มิปาน
“ซวบ——”
หลังจากการสังหารมู่ซูไปก่อนหน้านี้ กระบี่ไม้ตัดดวงดาวก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณใจกลางฝ่ามือ จากนั้นเยี่ยจงก็ได้กวาดกระบี่ออกไป แล้วก็ได้พบเห็นพลังอักขระสีทองปกคลุมขึ้นมาเป็นสาย กวาดแทงกระบี่ออกมาไปอย่างน่าหวาดกลัว ต้านทานการโจมตีอันน่ากลัวของราชานกกระจอกจูโรเอาไว้
“กร๊อบ——”
ในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังหมัดเข้าปะทะ เพื่อเข้าประชันศึกทางด้านของราชามดทองคำ ประกายแสงสีทองบนคมหมัดก็ได้พุ่งเข้าไปยังคีบขนาดใหญ่ของราชามดทองคำอย่างรุนแรงในทันที วินาทีนั้น ก็ได้เกิดเสียงของระเบิดกัมปนาทดังขึ้นมา เสียงจากการปะทะนั้นดังสั่นไหวเสียดไปจนถึงแก้วหู
“ไปตายซะ——”
ราชาปีศาจกลุ่มนี้ก็ได้เกิดอาการสั่นไหวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ชนชั้นรุ่นหลังที่มีพลังฝีมืออีกเพียงแค่ครึ่งก้าวก็ถึงระดับราชันผู้นี้ถึงกับสามารถที่จะต้านทานการโจมตีของราชาปีศาจทั้งสองตนได้ในเวลาเดียวกัน ในขณะนั้นเอง ราชาปีศาจที่หลงเหลือก็ได้ลงมือในเวลาเดียวกัน หมายมั่นที่จะฟาดเยี่ยจงให้ตายลงคามือ
“ชิ——”
เยี่ยจงถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว กวาดกระบี่ออกไปคราหนึ่ง คมกระบี่ทอเป็นประกายต้านทานการโจมตีของราชาปีศาจมากมายเอาไว้ จากนั้นก็ได้กวาดสายตามองเข้าไปยังอัจฉริยะกลุ่มนั้นคราหนึ่งที่ในตอนนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างไร จึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ตามการคาดเดาของข้า ขอเพียงสังหารราชาปีศาจได้ซักหลายตน ย่อมต้องพอที่จะสามารถเข้าไปใกล้ยังแท่นบูชาได้……แน่นอนว่า ถ้ากลับกลายเป็นราชาปีศาจกลุ่มนี้สังหารพวกเราแทนแล้วละก็ ผลลัพธ์ก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน จะลงมือหรือไม่นั้น ก็ล้วนแล้วแต่พวกเจ้า ”
อัจฉริยะมากมายต่างก็ทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงประหลาดอย่างเงียบงัน แต่ว่าพริบตานั้นเอง เหยียนหลิงหลงและองค์หญิงจื่อหวินทั้งสองก็ได้ลงมือออกมาในเวลาเดียวกัน ทั้งสองนางต่างมีความสัมผัสเก่ากับ” ซิง” อยู่แล้ว จึงไม่อาจที่จะเอาแต่มองดูเขาถูกล้อมโจมตีได้
และส่วนอัจฉริยะคนอื่นๆ เพียงแต่ว่าหลังจากที่เกิดการลังเล ต่างก็ทะยานออกไปในเวลาเดียวกัน นั้นก็เพราะว่าไม่ว่าผู้ใดต่างก็ไม่คิดที่จะชักช้าแม้เพียงก้าวเดียว หากว่าในช่วงเวลาที่สามารถเข้าไปใกล้ยังแท่นบูชาแล้วค่อยลงมือ ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นชักช้าจนเกินไปเสียแล้ว
“เจ้าหนู พวกเจ้ามาหาที่ตายเองเลยอย่างงั้นหรือ?”
ราชาปีศาจกลุ่มนี้หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง วินาทีนั้น ราชาปีศาจกลุ่มนี้ปล่อยวางจากการล้อมโจมตีเยี่ยจง และแบ่งออกมาหลายคน มุ่งหน้าเข้าสังหารออกไปทางด้านข้าง ในชั่วพริบตานั้นเอง จนท้ายที่สุดได้กลับกลายเป็นการต่อสู้ที่วุ่นวายปะทุขึ้นมา
อัจฉริยะมากมายต่างก็ลงมือออกมา บริเวณทางด้านที่เยี่ยจงถูกกดดันเอาไว้ก็ได้ลดทอดลงภายในพริบตา เขาตัดสินที่จะถอยหลังไปอีกก้าว จากนั้นก็ได้ทอสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมาอยู่หลายส่วน หากเป็นไปตามความคาดหมายเดิมของเขา เมื่อได้เข้าไปใกล้ยังแท่นบูชาในรัศมีร้อยจัง ในช่วงเวลาที่ได้ก้าวออกไปถึงก้าวที่สี่ ตนเองก็จะต้องกระอักโลหิตถอยออกมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ถึงกับมิได้เป็นเช่นนั้น อีกทั้ง ยังสัมผัสได้ว่าการก้าวออกไปทั้งสองก้าวนี้เรียกได้ว่าแรงกดดันได้ลดทอนลงไปไม่น้อยในพริบตา
ทันใดนั้น เยี่ยจงก็ได้มีความคาดเดาอยู่ชนิดหนึ่ง เขาก็ได้ถอยออกไปอีกก้าว ทอสีหน้าประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม ตอนนี้สภาวะแรงกดดันถึงแม้จะมีอยู่มาก แต่ว่าก็ยังเป็นเพียงแค่สายหนึ่งเท่านั้น มิใช่เป็นสิ่งที่ไม่อาจที่จะทนทานรับเอาไว้ได้ เรียกได้ว่าอยู่ห่างไกลจากแรงกดดันที่ยากจะทนทานรับได้เมื่อครู่นี้
“ที่แท้ เป็นการนับจำนวนผู้คนมากมายที่เข้ามาใกล้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็ต้องทนรับแรงกดดันนี้ไปในเวลาเดียวกันอย่างงั้นหรือ? หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วละก็ ยังถือว่ายังมีโอกาส ” เยี่ยจงสาดประกายดวงตาเจิดจ้า ราวกับคิดที่จะทำการผนึกอะไรบางอย่างก็มิปาน เขาถอยหลังไปอีกสามก้าว ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา
“เจ้าหนู เจ้าไม่อาจที่จะถอยไปได้อีกแล้ว เจ้าทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้จักรพรรดิฟ้าตะวันตกแปดเปื้อน ” ราชานกกระจอกจูโรในขณะนั้นเองราวกับตรวจสอบได้ มันก็ได้ถอยออกมาจากความวุ่นวายจากวงล้อมการต่อสู้ มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง
“ราชาเช่นข้าสัมผัสได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กน้อยเช่นเจ้าถือได้ว่าเป็นความยุ่งยากที่สุด หากว่าไม่เพ่งเล็งเขาเอาไว้เป็นระยะ ไม่แน่ว่าจะกลายเป็นว่าปล่อยให้เขามองดูการต่อสู้ของพยัคฆ์อยู่ด้านหลังเขาไปแล้ว กลายเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างมากมายเพียงผู้เดียว ” ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ก็ได้ถอยออกมาจากวงล้อมการต่อสู้เช่นเดียวกันในทันที เหม่อมองออกไปยังอีกทางด้านหนึ่ง มันมีสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง ไม่อาจที่จะละสายตาไปจากเด็กน้อยเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ไปได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจที่จะวางใจได้
เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่นั้นมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งอย่างน่ากลัว ราชานกกระจอกจูโรก็มีเคล็ดวิชาฝ่ามือสภาวะมรรคไฟ หากว่าปล่อยให้เด็กน้อยทั้งสองนี้ร่วมมือกัน คงจะยุ่งยากอย่างถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันเดิมทีต่างก็ถือได้ว่าเป็นราชาปีศาจทั้งสองตน มีพลังฝีมือความสำเร็จห่างไกลจากตนเอง ทำให้เยี่ยจงไม่อาจที่จะไม่ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ได้
“ท่านซิง ท่านในเมื่อเป็นผู้มีพรสวรรค์อย่างประหลาด เมื่อครู่พี่จินยี่ก็ได้เดินเข้าไปเพียงสามก้าวแต่ว่าก็ยังกระอักโลหิตถอยออกมา ท่านถึงกับสามารถเดินเข้าไปได้ถึงเจ็ดก้าว ไม่ทราบว่าพอจะสามารถบอกถึงความลับเหล่านี้ออกมาได้หรือไม่ เพื่อที่จะได้แบ่งปันต่อทุกผู้คน ! ” ทันใดนั้นหยินหลิงจื่อก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา จากอีกบริเวณทางด้านหนึ่งเพื่อที่จะบีบเข้ามาทางด้านของเยี่ยจง ใบหน้าที่เรียบเนียนยิ่งกว่าสตรีก็ได้ทอ “ความเสน่หา” ของรอยยิ้มออกมา แต่ว่าภายในดวงตานั้นกลับแผ่รังสีสังหารออกมาไม่ขาดสาย
“คงจะมิใช่ว่า เด็กน้อยผู้นี้ก็คิดที่จะท้าทายเขาด้วยการร่วมมือกันกับราชาปีศาจมากมายเหล่านี้หรอกนะ เขาคิดที่จะใช้พวกเราเป็นเครื่องมือเซ่นสังหาร ตนเองกลับยังพยายามที่จะเข้าไปฟังเสียงสวดแห่งสัจธรรมอีกอย่างงั้นหรือ?” บุตรมารอัสนีก็ได้ออกมาจากอีกทางด้านหนึ่ง บนใบหน้าทอประกายรอยยิ้มอันเย็นชาอย่างถึงที่สุด
ในขณะนั้นเอง หยินหลิงจื่อ บุตรมารอัสนีทั้งสองนี้ หากมองเข้ามาจากในอีกมุมมองหนึ่ง ก็เหมือนกับเป็นพวกเดียวกันกับราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ ราชานกกระจอกจูโร เพื่อที่ปิดล้อมทางถอยหนีทั้งหมดของเยี่ยจงเอาไว้
เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง เด็กน้อยทั้งสองคนนี้ฉวยโอกาสลงมือต่อตนเอง คิดที่จะหยิบยืมโอกาสจากการลงมือของราชาปีศาจทั้งสองตน แทงสังหารตนเองให้ตายลง
“เหอะ น่าสนใจดีนิ เดิมทีเจ้ากับเจ้าพวกนี้คนกลุ่มนี้เองก็หวังที่จะสังหารให้ตายอยู่แล้วสินะ ! ” ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่เลียริมฝีปากไปมา เผยรอยยิ้มอันเย็นชาอย่างยิ่ง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยรสชาติแห่งความอดทนเอาไว้อยู่ชนิดหนึ่ง
“ร่วมมือกับเจ้าหนูที่มาจากด้านนอกกลุ่มนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากเลยทีเดียว……ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง ” ราชานกกระจอกจูโรก็ได้ทอสีหน้าเย็นชาออกมาอย่างยิ่ง พลังการต่อสู้ของเยี่ยจงทำให้มันเกิดความหวาดกลัวจนไม่อาจที่จะหยุดนิ่ง ดังนั้นพวกเขาราชาปีศาจทั้งสองตนจึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เพื่อที่จะสังหารเยี่ยจง แต่ว่าตอนนี้ถึงกับมีบุคคลอื่นคิดที่จะลงมือร่วมด้วย พวกเขาย่อมไม่เกรงใจอย่างแน่นอน
“เหอะเหอะ ราชาปีศาจที่เคารพทั้งสองท่าน เรื่องราวหลังจากนี้ของพวกเรา ค่อยว่ากล่าวกันอีกครั้งคราวหลัง แต่ว่าบุคคลผู้นี้แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน กาคงอยู่ของเขา จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายมหาศาล ยังคงสังหารเขาก่อนค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่นเถอะ ” หยินหลิงจื่อยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา ก่อนหน้านี้สำนักหวู่หว่างนั้นของพวกเขาได้พลาดพลั้งครั้งใหญ่ให้แก่” ซิง” ผู้นี้ไป ตอนนี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดี แน่นอนว่าเขาย่อมไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะกล่าวออกมาจากในมุมมองใด ต่างก็ไม่อาจที่จะให้” ซิง” เข้าไปใกล้ยังแท่นบูชาได้สำเร็จ เพื่อฟังเสียงสวดแห่งสัจธรรม ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เช่นนี้หากมองในมุมมองของพวกเขา ก็จะกลายเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
“การร่วมมือกับราชาปีศาจ ตำหนักอัสนีลี้ลับ สำนักหวู่หว่าง พวกเจ้ายอดเยี่ยมมาก ” เยี่ยจงส่งเสียงเย็นเยียบออกมา ฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง คิดไม่ถึงว่าเพียงเพื่อการต่อกรกับตนเอง ทั้งสองคนในเวลานี้ถึงกลับหาญกล้าที่จะลงมือออกมาเช่นนี้ได้ “นี้ถือว่าเป็นพวกเจ้าที่บีบบังคับให้ข้าเปิดการฆ่าสังหารหมู่เองนะ ”
“ก็แค่คนที่ใกล้จะตายเท่านั้น ยังจะกล่าววาจาจะเปิดการเข่นฆ่าสังหารหมู่ได้อีก ความโหดร้ายเช่นนี้ ดูเหมือนว่าถ้าไม่ฆ่าก็คงจะไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นวันข้างหน้าเจ้าคงจะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการสูญสลายของทั่วทั้งสี่ดินแดนครั้งใหญ่แล้ว ! ” หยินหลิงจื่อถอนหายใจออกมา จากนั้นพริบตานั้นเอง เขาก็ร่างกายสั่นเทาขึ้นมา กระนั้นก็ได้หายลับไปจากท่ามกลางพื้นที่ว่างเปล่า
เห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าภายในปากของเขาจะกล่าววาจาออกมาได้อย่างไพเราะ แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้วเขานั้นเกิดความหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบต่อ” ซิง” ผู้นี้ ในช่วงสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดเช่นนี้ เขาถึงกลับใช้ออกมาด้วยสมบัติลับประจำสำนัก เร้นกายหายตัวไป
“ชิ——”
ประกายแสงสีดำสายหนึ่งก็ได้พวยพุ่งเข้ามาจากบริเวณพื้นที่ว่างเปล่า มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณใจกลางหัวใจของเยี่ยจง
จากการตรวจสอบทั้งหมดของเยี่ยจง ก็ได้กวาดมือฟาดกระบี่ไม้ในมือออกไป มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งอีกตำแหน่งหนึ่งเข้าไป จนก่อเกิดคมกระบี่สายหนึ่งพวยพุ่งออกไปภายในพริบตา
“ตูม——”
การโจมตีของทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกัน ร่างกายของหยินหลิงจื่อก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขากลับทวีความเย็นชายิ่งกว่าเดิม มิได้มีท่าที “ทรงเสน่ห์” ดั่งเช่นก่อนหน้านี้ ภายในมือของเขานั้นก็ได้เพิ่มมาด้วยกระจกสีดำชิ้นหนึ่ง ตอนนี้ก็ได้ทอประกายพลังอักขระสาดเป็นประกายไม่หยุด อยู่บริเวณด้านหน้าของกระจก โบยบินไปมาเป็นสาย
“ชิ——”
พริบตานั้นเอง ร่างกายของหยินหลิงจื่อก็ได้หายวับไปจากท่ามกลางสถานที่แห่งนี้
“กระจกนั้นมีความประหลาดบางอย่างอยู่ ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เมื่อครู่กระจกนั้นเมื่อได้เกิดความเคลื่อนไหวบางอย่างขึ้นมาอย่างประหลาดขึ้นมาท่ามกลางพื้นที่ว่างเปล่าขึ้นมาเป็นสาย เห็นได้ชัด กระจกนั้นสมควรที่จะเป็นหนึ่งในสมบัติที่ใช้เพื่อป้องกันในตำนานชิ้นหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่อาจที่จะมีพลังในการทำลายเช่นนี้ได้
“แต่ว่า กระนั้นก็ยังเป็นได้เพียงแค่วัตถุที่แท้จริง ยังเป็นแค่เพียงของลอกเลียนเท่านั้น ” เสียงนั้นดังขึ้นมาเบาๆ เยี่ยจงก็ได้ก้าวออกไปอีกก้าว กระบี่ไม้ภายในมือทันใดนั้นก็ได้ปะทุประกายคมกล้าขึ้นมา ในเวลาเดียวกันร่างกายของตนเองก็ได้ปกคลุมไปด้วยพลังสายหนึ่ง จนพวยพุ่งพลังกระบี่อันน่าหวาดกลัวออกมา
“ฝุบ——”
หลังจากนั้นเอง ดอกไม้โลหิตดอกหนึ่งก็ได้โบยบินขึ้นมา ลอยคว้างอยู่ท่ามกลางอากาศ ร่างกายสายหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมา บริเวณทรวงอกของหยินหลิงจื่อตอนนี้ก็ได้มีรูโลหิตขึ้นมา เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ตอนนี้เขาก็ได้กุมมือไปที่หน้าอก ทอสีหน้าดุร้ายขึ้นมาอย่างยิ่ง เห็นได้ชัด พลังการต่อสู้ของเยี่ยจงเรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว
“พี่หยิน คนผู้นี้ยังไงเสียก็ยังถูกขนานนามว่าสุดยอดอันดับหนึ่งแห่งยุค มีชนชั้นราชันมาตั้งแต่เยาว์วัย ยากที่จะต่อกรด้วยได้ อีกทั้ง ราวกับว่าวิชาลับของเขานั้นจะสามารถเพิ่มระดับพลังฝีมือของเขาได้ภายในพริบตาอีกด้วย ถือได้ว่าน่าประหลาดอย่างถึงที่สุด ยังคงลงมือพร้อมกันเถอะ ” บุตรมารอัสนีย่อมต้องมองออกว่า หากต่อสู้เพียงคนเดียวแล้วละก็ หยินหลิงจื่ออย่างน้อยก็คงจะมิใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยจง พริบตานั้นเอง ในมือของเขาก็ได้ปรากฏหอกอัสนีขึ้นมา กวาดปลายหอกแทงออกไป และหยินหลิงจื่อทั้งสองฆ่าสังหารออกไปเป็นหนึ่งหน้าหนึ่งหลัง เห็นได้ชัด ในมุมมองของบุตรมารอัสนี ” ซิง” เบื้องหน้าสายตาผู้นี้ถือได้ว่าเป็นการคุกคามครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ หากว่าไม่สังหารไปแล้วละก็ ในสถานที่แห่งนี้พวกเขาก็คงจะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว
.
.
.
.