ตอนที่ 437 จะมีอายุวัฒนะหรือไม่
บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาเป็นสาย เยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้เห็นได้ชัดว่าเป็นที่หมายปองของผู้คนมากมาย เพียงแต่ว่า เขาในตอนนี้ก็ได้นั่งลงอยู่ทางด้านบนเบาะไม้สานตัวสุดท้ายที่ได้ตั้งเอาไว้อยู่ทางด้านล่างของแท่นบูชาไปแล้ว ในขณะนี้เอง พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะก็ได้ถูกเขาใช้ขึ้นมาอีกครั้ง
“ตูม——”
พลังปราณสมุทรก็ได้แผ่กระจายออกมา สาดทอประกายแสงจันทร์จากที่สูง อัจฉริยะและราชาปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้ด่าทอขึ้นมาจนต้องหลบหลีกในเวลาเดียวกัน ไม่คิดที่จะเข้าไปยังภายในวงล้อมของพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะที่ปกคลุมอยู่โดยรอบเยี่ยจง
และในเวลาเดียวกันนี้ เยี่ยจงก้าวออกมาอย่างช้าๆ จนกระทั่งได้มาจนถึงทางด้านบนของเบาะไม้สานตัวสุดท้าย จากนั้นเขาก็ได้ค่อยๆ ที่จะนั่งสมาธิลง หลับตาลง
“ต๊อก——”
ในช่วงวินาทีที่เขาได้นั่งสมาธิลงแล้ว เสียงเคาะอันเก่าแก่โบราณก็ได้ดังกระจายขึ้นมาทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน หากมองจากในมุมที่เยี่ยจงอยู่เข้าไป ก็จะสามารถที่จะมองเห็นได้อย่างเลือนราง ทางด้านบนของแท่นบูชา ก็ได้มีแสงอาทิตย์หมื่นสายสาดเทมา ที่ด้านในนั้นก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งที่ยากจะอธิบายออกมาได้กำลังกล่าวคำเทศนาออกมา
ภายในคำสวดเหล่านี้ทั้งหมดทั้งมวลกลับมิได้เอือนเอ่ยขึ้นมาถึงเคล็ดวิชาแต่อย่างไร อีกทั้งยังมิใช่ทั้งทักษะยุทธ์、ทักษะเซียนสิ่งจำพวกนี้ มันกลับกลายเป็นบทพูดที่ลึกซึ้งชนิดหนึ่ง อีกทั้ง นี้กลับมิใช่การเล่าขานถึงเรื่องราวตำนาน เพียงแต่ให้ความเข้าใจและการพิจารณาชนิดหนึ่ง ในระหว่างที่ยังไม่เข้าใจ เยี่ยจงราวกับฟังออกว่าคนผู้นี้ก็คือจักรพรรดิฟ้าแห่งโบราณกาลท่านหนึ่ง เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นคำถามต่างๆ ที่ถูกถามออกมา ก็จะได้รับคำตอบกลับมา
“ขอถามทั่วทั้งดินแดน หนทางแห่งพันหมื่นสาย จะมีอายุวัฒนะ (长生) หรือไม่?”
T/L ความเป็นอมตะ
เยี่ยจงร่างกายสั่นเทาขึ้นมา ลืมตาขึ้นมาอย่างตกใจ จ้องมองเข้าไปยังทางด้านแท่นอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะเมื่อครู่นั้นเอง เขาราวกับพบเห็นกับจักรพรรดิฟ้าตนหนึ่งกำลังยืนมือไพล่หลังอยู่ทางด้านบนของแท่นบูชา เหม่อมองขึ้นไปยังท้องนภาลัย กล่าวถามต่อสวรรคาลัย
“อายุวัฒนะ……” เยี่ยจงไร้ซึ่งคำพูด ทอสีหน้าแปลกประหลาด ความหมายของทั้งสองคำ เรียกได้ว่าอยู่ห่างไกลจากเขาไปมาก นั้นก็เพราะว่าผู้ที่ฝึกปรือวิทยายุทธ์ต่างก็เป็นที่ทราบกันว่า ระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน
จะสามารถอายุยืนไปอีกห้าร้อยปี ระดับราชัน จะสามารถอายุยืนไปอีกพันปี และหากว่าสามารถสำเร็จไปจนถึงระดับมหาราชัน เช่นนั้นก็ไม่เพียงแค่อายุยื่นไปแค่สองพันปีเท่านั้น
จักรพรรดิฟ้า นี้ถือได้ว่าเป็นขอบเขตที่ยากจะคาดคิดขึ้นมาได้ชนิดหนึ่ง ไม่ทราบว่าการที่สามารถมีชีวิตอยู่ไปได้อีกอย่างน้อยพันปี ก็เรียกได้ว่าชีวิตได้เข้าสู่ขั้นที่ยืนยาวยาวนานจนยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว แต่ว่า บุคคลผู้นี้กลับเอื้อนเอ่ยถามต่อสวรรค์ ว่าในดินแดนพันหมื่นสาย จะสามารถมีอายุวัฒนะหรือไม่?
“หรือไม่ก็ วิชาที่ผ่านมาเหล่านี้ต่างก็มีข้อจำกัด เข้าสู่หนทางที่ไม่อาจที่จะไปต่อได้อย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เขาหวนนึกกลับไปเมื่อชาติที่แล้ว เกี่ยวกับสัจธรรมของทุกสิ่งต่างก็ถือได้ว่ามีความแตกต่างกันภายในของแต่ละคน ตอนนี้ก็ได้ตกอยู่ในการครุ่นคิดในอีกชนิดหนึ่ง
“ตื่นเร็ว——”
เสียงของเสี่ยวหลุนก็ได้ดังขึ้นมาภายในห้วงสมองของเยี่ยจงประดุจดั่งมีอสนีบาตฟาดลงมาก็มิปาน
“ขอบเขตของเจ้าในตอนนี้ยังต่ำจนเกินไป ยังไม่จำเป็นที่จะต้องคิดถึงเรื่องราวเหล่านี้ แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะไปคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้น ขอเพียงแค่เจ้าทราบ หนทางของตนเอง ให้ตนเองก้าวเดินไปก็เพียงพอแล้ว ”
เสี่ยวหลุนตอบกลับมา ติดเข้าไปยังบริเวณหว่างคิ้วของเยี่ยจง และจากนั้นก็ได้ส่งเสียงออกมาอย่างรวดเร็ว
“หนทางของตนเอง ” เยี่ยจงบ่นพึมพำ จากนั้นก็ได้ค่อยๆ พยักหน้าไปมา เขาทราบได้แต่แรกแล้วว่านับตั้งแต่ช่วงเวลาของการเข้าสู่ระดับพลังขั้นก่อฟ้าย่อมมีความไม่ธรรมดา เพียงแค่เสียงแห่งสัจธรรมของเสียงสวดแห่งสัจธรรม ในขณะนี้ยังถึงกับพอที่จะทำให้เข้าใจในหนทางของตนเองได้ เพียงแต่น่าเสียดาย เมื่อได้มาถึงตรงนี้ หนทางกลับยังคงไม่ชัดเจน ทว่าเยี่ยจงกลับมิได้รีบร้อน หากกล่าวถึงผู้ที่มาจากโบราณกาล ผู้ที่ไปจนถึงขั้นมหาราชันเท่านั้นจึงจะสามารถครุ่นคิดถึงคำตอบของหนทางที่สมควรจะก้าวเดิน ตอนนี้พลังฝีมือของตนเองยังถือได้ว่าต่ำจนเกินไป แน่นอนว่ายังไม่เหมาะสมพอที่จะครุ่นคิดเรื่องราวเหล่านี้
“เจ้าได้รับอะไรมากัน ” ในขณะนั้น เยี่ยจงก็ได้มีการตอบสนองกลับมา อดไม่ได้ที่จะถามออกไปคำหนึ่ง
“แน่นอนว่าย่อมต้องประโยชน์ที่ดีส่วนหนึ่ง เพียงแต่ว่ามิได้มีประโยชน์ต่อเจ้า ทว่าเจ้าก็ได้รับคัมภีร์โบราณแห่งตำนานจักรพรรดิฟ้าตะวันตกมาแล้วมิใช่หรือ? ยังจะไม่รีบหนีไปอีก?” เสี่ยวหลุนราวกับกำลังกรอกตาขาวขึ้นมา กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
“ที่นี้ไม่มีของดีแล้วอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วก็ได้กวาดสายตาไปอย่างรวดเร็ว ตำนานเล่าขานของสุสานจักรพรรดิฟ้าตะวันตก จะมีแต่เพียงสิ่งของแค่นี้เองอย่างงั้นหรือ?
“ทางด้านหลังแน่นอนว่าย่อมต้องมีสมบัติสูงสุดส่วนหนึ่ง แต่ว่าเห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิฟ้าตะวันตกได้หลงเหลือเอาไว้ให้แก่เหล่าผู้สืบทอด กลับมิใช่ให้แก่เจ้า เจ้าสามารถได้รับสิ่งเหล่านี้มาก็นับได้ว่าไม่เลวแล้ว ” เสี่ยวหลุนถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ในขณะหลังจากที่เกิดความพัวพัน ก็ค่อยได้กล่าวต่อ “แน่นอนว่า ถ้าหากว่าเจ้าสามารถที่จะขนย้ายแท่นนี้ไปได้แล้วละก็ สิ่งของนั้นก็ถือได้ว่าไม่เลว นั้นถือได้ว่าใช้ความสำเร็จแห่งหินสลักสัจธรรมเลยเชียวนะ ย่อมต้องมีประโยชน์ต่อการฝึกปรือเป็นอย่างมากแน่นอน ”
“ความสำเร็จแห่งหินสลักสัจธรรม ” ดวงตาก็ได้เหม่อมองเข้าไปยังแท่นบูชาขนาดใหญ่ เยี่ยจงกลืนน้ำลายลงไปคำหนึ่ง สิ่งของชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของความสำเร็จแห่งหินสลักสัจธรรมงั้นหรือ? ควรทราบว่า สิ่งของอย่างศิลาสัจธรรมนี้ หากกล่าวถึงชนชั้นระดับมหาราชัน ถือได้ว่าเป็นวัตถุที่มีความสำคัญอย่างมาก นั้นก็เพราะว่าเมื่อขั้นของการฝึกปรือ ยังจำเป็นที่จะต้องรู้แจ้งแห่งผลแห่งมรรคะ เพื่อที่จะเป็นการเข้าใจในหนทางของตนเอง และศิลาสัจธรรม ย่อมต้องมีประโยชน์ต่อผลแห่งมรรคะอย่างใหญ่หลวง ตามปกติ มักจะมีขนาดใหญ่เพียงแต่หนึ่งหัวแม่มือปรากฏขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ต่างก็เป็นที่ช่วงชิงของมหาราชันนับไม่ถ้วน ยิ่งมิต้องกล่าวถึงการปรากฏขึ้นมาในตอนนี้ที่มีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้
จากที่คิดเอาไว้ หากว่าสิ่งของชิ้นนี้ปรากฏขึ้นสู่ดินแดนแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องเกิดความเคลื่อนไหวของมหาราชันทั้งสี่ดินแดน เพื่อที่จะเข้ามาช่วงชิงวัตถุชิ้นนี้
“รวม!”
ทว่าในขณะนั้นที่เกิดความพัวพันกันอุตลุด เยี่ยจงก็ได้ก้าวออกไปเบื้องหน้า คว้าจับไปยังแท่นบูชาหมายจะเก็บเอาไว้ขึ้นมา แต่ว่า แท่นบูชานี้กลับให้การสัมผัสที่แปลกประหลาดอยู่ชนิดหนึ่งกระจายออกมา ต้านทานการใช้ออกมาด้วยแหวนจักรวาลของเยี่ยจง จนทำให้ไม่อาจที่จะเก็บเข้าไปได้
และในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นมาภายในห้วงสมองของเยี่ยจง ขณะนั้น ทำให้เข้าพอที่จะสามารถเข้าใจและสัมผัสหนทางของตนเองได้อีกครั้ง
เยี่ยจงแข็งขืนในใจตั้งสติกลับมาจากสภาวะเช่นนี้ แต่ว่าภายในดวงตากลับทอเป็นประกายเพลิงร้อนขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่นี้ เพียงพอที่จะทำให้วัตถุชิ้นนี้กลายเป็นความสำเร็จแห่งหินสลักสัจธรรมได้ ขอเพียงการคาดคิดเท่านั้น ภายใต้บันทึกโบราณในช่วงโบราณกาล หนึ่งในจักรพรรดิฟ้าทั้งห้าของจักรพรรดิฟ้าตะวันตกก็ได้นั่งลงอยู่บนแท่นนี้เพื่อฝึกปรือและรับรู้พลังแห่งสัจธรรม ความรู้สึกชนิดนี้ ก็ทำให้ผู้คนเกิดความตื่นเต้นขึ้นมา หากว่าต้องการที่จะโยกย้ายวัตถุชิ้นนี้ไป เพียงแค่การคิดก็เพียงพอที่จะทำให้ตื่นเต้นได้แล้ว
“ตูม——”
ในครั้งนี้เยี่ยจงก็ได้ยกแท่นบูชาขึ้นมาประดุจการขนย้ายเก้าอี้ขนาดใหญ่ก็มิปาน หันกายหมายจะจากออกไป
ฉากเบื้องหน้า ได้ทำให้ชิงยี่ จินเฉิง จินยี่และอัจฉริยะคนอื่นๆ ที่พึ่งจะถอยไปทางด้านหลังแล้วก็ยังมีราชาปีศาจอื่นๆ แต่ละคนต่างก็อ้าปากตาค้าง
เด็กน้อยเหล่านี้ก็ช่างไม่กล่าวเหตุผลเอาเสียเลย? ถึงกับคิดที่จะโยกย้ายแท่นบูชาจักรพรรดิฟ้าตะวันตกไปอย่างงั้นหรือ? เขาไม่เกรงกลัวว่าบุคคลชุดทองที่ยังคงนั่งสมาธิอยู่บนเบาะไม้สานลงมือฆ่าสังหารอย่างงั้นหรือไร?
“ใช่แล้ว เสี่ยวหลุน เจ้าเด็กน้อยชุดทองผู้นั้น ที่แท้จะเป็นจักรพรรดิฟ้าตะวันตกตามที่เล่าขานกันหรือไม่นั้น หรือว่าจะเป็นจักรพรรดิฟ้าตะวันตกกลับชาติมาเกิดกัน?” เยี่ยจงทางหนึ่งยกแท่นบูชาขึ้นมา อีกทางหนึ่งก็ได้ถามออกไปภายในห้วงความคิดอย่างรวดเร็ว
“ข้าก็ไม่แน่ชัดเหมือนกัน แต่ว่าคนผู้นั้น ราวกับว่าเป็นดั่งทารกแรกเกิดก็มิปาน ลักษณะท่าทางน่าประหลาดอย่างถึงที่สุด หากว่าสามารถที่จะไม่ไปรบกวนแล้วละก็ ยังคงอย่าได้ไปแส่หาเรื่องเป็นดีกว่า ตอนนี้เขาคงสมควรที่จะอยู่ในการรำลึกสัจธรรมอันใด แต่ว่าหากว่าเข้าฟื้นคืนตื่นขึ้นมาแล้วละก็ เกรงว่าผู้คนมากมายทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้จะจากไปมิได้แล้ว ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงเคร่งเครียดที่ยากจะพบเห็นได้ เห็นได้ชัด มันเกิดความหวาดกลัวต่อคนชุดทองอย่างยิ่ง
“ถ้าอย่างนั้นยังกล่าววาจาไร้สาระอันใดกันอีก ไปเร็ว!” เยี่ยจงยกแท่นบูชาก้าวออกไปยาวๆ จนยอดฝีมือมากมายต่างก็อ้าปากตาค้างเมื่อพบเห็นความเคลื่อนไหวอันรวดเร็วนี้
“เจ้า——” ราชากระเรียนเพลิงที่เดิมทีกำลังแย่งชิงสมุดทองสัมฤทธิ์อยู่ก็ได้อ้าปากตาค้าง จากนั้นก็ได้คำรามออกมา “เจ้าหนู! นี้เจ้ากำลังหาที่ตายหรือไง! สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นแท่นบูชาเพื่อเข้าสู่สัจธรรมของท่านบรรพบุรุษในสมัยก่อน เจ้าถึงกับตระเตรียมที่จะขนย้ายมันไป! นี้เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
ราชากระเรียนเพลิงบ้าคลั่งขึ้นมา ในขณะนี้เอง มันปล่อยวางการแย่งชิงสมุดทองสัมฤทธิ์ทันที พริบตานั้นก็ได้กลายสภาพเป็นร่างมนุษย์ มีลักษณะเป็นชายวัยกลางคนสวมเอาไว้ด้วยชุดสีแดงทั่วทั้งร่างกาย ตอนนี้เขาก็ได้ทอสีหน้าโกรธเกรี้ยวขึ้นมา เพียงแค่อ้าปากก็ได้มีกระบี่เพลิงพุ่งออกมา มุ่งหน้าเข้าฟาดฟันไปทางด้านของเยี่ยจง โจมตีเข้าไปอย่างโหดเหี้ยม
และในเวลาเดียวกันนี้ ราชาจูเชวียนทางด้านหลังเป็นต้นต่างก็เงียบงันครุ่นคิดขึ้น จักรพรรดิฟ้าตะวันตกใช้แท่นบูชานี้เพื่อเข้าถึงการบรรลุสัจธรรม แค่คิดเพียงเล็กน้อยก็พอที่จะทราบได้ว่าวัตถุสิ่งนี้มีความไม่ธรรมดาที่ใด ในชั่วพริบตานั้นเอง ราชาปีศาจและอัจฉริยะหลายคนก็ได้ลงมือในเวลาเดียวกัน หมายมั่นคิดจะเข้าแย่งชิงแท่นบูชานี้จนเกิดความวุ่นวายขึ้น
“ถ้าเจ้าต้องการ? งั้นก็ขอมอบให้เจ้า!”
เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา เพิ่มระดับความเร็วของเท้า ราวกับว่าแท่นบูชาภายในมือนั้นสามารถที่จะพุ่งเข้ากระแทกออกไปยังบริเวณทางด้านที่ราชากระเรียนเพลิงทะยานเข้ามา
ราชากระเรียนเพลิงเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาอย่างยิ่ง เกรงว่าการโจมตีของตนเองจะทำให้แท่นบูชานี้เสียหาย เร่งชักกระบวนท่าการโจมตีกลับมาในทันที แต่ว่าเยี่ยจงก็ได้ยกแท่นกระแทกออกไปด้วยระดับความเร็วที่รวดเร็วอย่างยิ่ง มันยังไม่ทันที่จะมีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน ก็ได้ยินเสียง “ติง” ดังขึ้นมา แท่นบูชาก็ได้เข้ากระแทกไปยังบริเวณใบหน้าของมัน จนทำให้เกิดอาการมึนงงขึ้นมา ซวนเซถอยหลังออกไปทั่วทั้งร่าง
“ตูม——”
เยี่ยจงก้าวออกไปทางด้านหน้า แล้วก็ได้อุ้มแท่นบูชาขึ้นมากระแทกเข้าไปอีกครั้ง จนเกิดกระบวนท่าติดต่อกันขึ้นมา
“อา!”
ราชากระเรียนเพลิงในขณะนี้เองก็ได้โกรธจัดขึ้นมา มันคำรามออกมาด้วยเสียงเจ็บปวด ก่อเกิดประกายเพลิงไฟออกมาจากลำคอ เห็นได้ชัดได้บ้าคลั่งไปแล้ว
“ตูม——”
จะกลายเป็นพลังเพลิงไฟพวยพุ่งออกมา แฝงเอาไว้สีแห่งโลหิต มุ่งหน้าหมุนวนเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง
“พลังมรรคเพลิงแห่งชีวิต!?” ราชาจูเชวียนก็ได้เกิดอาการแตกตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ในขณะนี้เองราชากระเรียนเพลิงถึงกับคิดที่จะเปิดศึกแลกชีวิต
พลังมรรคเพลิงแห่งชีวิต กล่าวกันว่าถือได้ว่าเป็นวิชาฝ่ามือแห่งมรรคะไฟของชนชั้นราชา ใช้ออกมาด้วยพลังชีวิตในการสร้างพลังเพลิงผลาญ น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด หากว่าถูกโจมตีเข้า กล่าวกันว่ายังถึงกับสามารถที่จะเผาผลาญจิตวิญญาณได้อย่างสะอาดหมดจด จึงเป็นที่น่าหวาดอย่างยิ่ง
“เล่นไฟกับข้า เจ้าหาที่ตายซะแล้ว!”
เยี่ยจงหันหน้ากลับมา ยิ้มแล้วกล่าวออกมาเสียงเย็นชา เขาพลิกมือขวาแปรเปลี่ยนรอยตราขึ้นมา ในขณะนี้เอง พลังไท่กู่จูเชวียนทั้งสามการเปลี่ยนแปลงก็ได้ถูกเขาใช้ออกมาติดต่อกันทั้งสามระดับ พลังอักขระจูเชวียนทั้งสามสายก็ได้ก่อรวมกันขึ้นมา ปะทุการโจมตีอันน่าหวาดกลัวออกไปทางด้านหน้า มุ่งหน้าปะทะเข้าสังหารออกไป
เสียง “กร๊อบ——” ดังขึ้น ในช่วงเวลานั้นประดุจเกิดเสียงกระดูกแตกหักขึ้นมาก็มิปาน พลังมรรคเพลิงแห่งชีวิตเหล่านั้นก็ได้แตกสลายไปในทันที
ราชากระเรียนเพลิงสั่นเทาอย่างรุนแรงตลอดทั้งร่าง ในขณะนี้เองกระอักโลหิตออกมาคำโต ถอยหลังซวนเซออกไป ทอสีหน้าดุร้ายอย่างถึงที่สุด ในครั้งนี้ เขาก็ได้รับบาดเจ็บจนถึงรากฐาน
“นี้เป็นเจ้าบีบข้าเองนะ!”
เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างมาก ในขณะนี้เอง เขาไม่คิดที่จะปล่อยราชากระเรียนเพลิงไป และก็ได้ยื่นมือเข้าช่วงชิงแท่นบูชาขนาดใหญ่เข้าไป ประดุจดั่งมีท่อนเหล็กขนาดใหญ่ท่อนหนึ่งก็มิปาน มุ่งหน้าเข้าไปบริเวณทางด้านที่ราชากระเรียนเพลิงอยู่อย่างรุนแรง
“ปึก——”
เมื่อได้ใช้ออกไปติดต่อกันหลายสิบครั้ง ราชากระเรียนเพลิงก็ได้ลงมืออย่างรวดเร็ว กระแทกเข้าไปกับพื้นหลายสิบครั้ง ถอยออกไปอีกหลายสิบก้าว แต่ว่าในทุกก้าวที่ถอย เขาก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำโต ร่างกายสั่นเทาขึ้นมาอย่างรุนแรง โหดร้ายอย่างถึงที่สุด
เห็นได้ชัด เห็นได้ชัดว่าแท่นบูชานี้ได้รวมเอาไว้ด้วยพลังแห่งสัจธรรมเอาไว้ ย่อมต้องส่งผลข้างเคียงต่อราชากระเรียนเพลิง จนทำให้มันไร้เรี่ยวแรงที่จะลงมือได้ คงจะมีแต่เพียงผู้ที่อยู่ลักษณะท่าทีเช่นนี้ ในวันข้างหน้า คงจะต้องเกิดวาสนาล้นฟ้าขึ้นอย่างแน่นอน แต่ว่าในตอนนี้ กลับต้องมาทิ้งชีวิตด้วยวิธีเช่นนี้
“ตูม——”
ในครั้งนี้ ทั่วทั้งร่างของเยี่ยจงก็ได้ปะทุประกายแสงคมกล้าสีทองออกมา เขายกแท่นบูชาขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วก็กระแทกเข้าไปเช่นนี้อย่างรุนแรง ฟาดเข้าไปยังบนศีรษะของราชากระเรียนเพลิง ราชากระเรียนเพลิงกรีดร้องออกมาเสียงดัง ยังไม่ทันที่จะหลบ ก็ได้ถูกเยี่ยจงฟาดจนลงไปกองอยู่บนพื้นในทันที กระอักโลหิตออกมาคำโต หายใจรวยริน
“กร๊อบ——”
เยี่ยจงเหยียบลงไปเท้าหนึ่ง เหยียบลงไปบนศีรษะของราชากระเรียนเพลิง วินาทีนั้นศีรษะก็ได้แตกกระจายออก ราชาปีศาจตนนี้ก็ได้ตายลงไปในทันที
ราชาปีศาจและอัจฉริยะมากมายที่เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า แต่ละคนต่างก็มีอาการขนลุกขนพองขึ้นมา ขนาดเป็นถึงราชาปีศาจตนหนึ่ง ถึงกับตายลงไปเช่นนี้เลยอย่างงั้นหรือ?
.
.
.
.