เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 518 คำสอนแห่งเซียนตกมาอยู่ในมืออย่างง่ายดาย

ตอนที่ 518 คำสอนแห่งเซียนตกมาอยู่ในมืออย่างง่ายดาย

 

 

“ทว่า ภายในแผ่นสลักหยกนี้มิได้มีการบอกอันใดที่มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นโลงศพหยกนั้นเลย คงจะมิใช่มีแผ่นสลักหยกนี้เหลือทิ้งไว้กับศพที่ของผู้อาวุโสผู้นั้นหรอกนะ?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา จากนั้นก็ได้กวาดแกว่งแผ่นสลักหยกในมือไปมา ในเวลาเดียวกันก็ได้เหม่อมองไปยังบริเวณทางด้านนอกของตำหนักสวรรค์

 

ขณะนี้ โลงศพหยกนั้นก็ยังคงลอยอยู่ท่ามกลางอากาศอย่างไม่หยุดนิ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่มีพลังบรรยากาศที่เล็ดลอดออกมา แต่ว่าท่ามกลางตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้ากลับไม่มีผู้ใดหาญกล้าพอที่จะเดินเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว

 

“ตูม——”

 

ในระหว่างที่เยี่ยจงกำลังขมวดคิ้วขึ้นมา จากบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่ตั้งอยู่ที่บริเวณศาลากระดูก ทันใดนั้นก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

เพียงแต่ว่าในวินาทีนั้นเอง ก็ได้พบเห็นกับการแตกกระจายของศาลากระดูกนั้น ในจุดส่วนด้านบนสุดของโครงกระดูกที่เป็นกะโหลกอยู่นั้นก็ได้มีประกายเพลิงแห่งมารร้ายลุกชั้นขึ้นมาภายในช่องที่เป็นดวงตาทั้งคู่อยู่

 

นางเซียนชิงหญิงเองก็ได้ค่อยๆ ที่จะเดินออกมา นางนั้นถือได้ว่ามีลักษณะที่ลื่นไหลมาตามสายลมอย่างงดงาม ประทับอยู่บริเวณใจกลางของสถานที่แห่งนี้แล้วก็ได้มีพลังสภาวะความรู้สึกที่คล้ายเซียนชนิดหนึ่งปรากฏขึ้นมา

 

ในขณะนั้นเอง ก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวที่สั่นไหวขึ้นมาตลอดทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้ากลับมา เหม่อมองเข้าไปยังอีกทางด้านหนึ่ง

 

“ช่างเป็นเครื่องมือต้องห้ามที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง นี้คงจะต้องเป็นหนึ่งในพลังที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ของแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นอย่างแน่นอน ถึงกลับสามารถที่จะต้านอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุนั้นเอาไว้ได้!” เสี่ยวหลุนเองก็ราวกับกลืนน้ำลายลงคอ มันเมื่อครู่มิทันจะได้สังเกตทางด้านนั้น ขณะนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมามิได้

 

เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ควรทราบว่า อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุถือได้ว่ามีอยู่ในแบบที่พอจะนับได้ เกี่ยวกับขุมกำลังเหล่านี้ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นไพ่ตายชนิดหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างหนึ่ง

 

ขณะนี้ ศาลากระดูกหลังนี้ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนไปยุ่งเกี่ยว แต่ว่ามันเองก็ราวกับมีพลังแห่งชีวิตขึ้นมา นี้ถือได้ว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุได้อย่างชัดเจน แต่กลับคิดไม่ถึงว่า กลับถูกพลังฝีมือของชิงหญิงจัดการเอาไว้ได้ ด้วยการลงมือที่เปี่ยมไปด้วยความทุ่มเทเช่นนี้ เรียกได้ว่าเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนอ้าปากตาค้างได้

 

“ทุกท่านไม่ต้องตกใจไป ศาลานี้ถึงแม้ว่าจะมีกลิ่นอายของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุอยู่ แต่ว่าเมื่อครู่มันได้ถูกพลังดั้งเดิมจากการร่วมมือของทุกท่านกดดันเอาอยู่ ดังนั้นข้าชิงหญิงจึงได้หยิบยืมสภาวะเช่นนี้ทำลายออกไปได้ ” นางเซียนชิงหญิงทำตัวดุจเดิม อดที่จะหัวเราะแล้วกล่าวออกมามิได้ นางมารได้หลงลืมว่าเมื่อครู่นั้นมิได้มีการลงมือของยอดฝีมือทั้งสี่ก็มิปาน เพียงแต่กล่าวออกไปว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุได้สูญเสียพลังไปถึงครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่แรกแล้ว

 

เมื่อได้ยินได้ฟังคำพูดเช่นนี้ ยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันและชนชั้นราชันไม่น้อยที่อยู่ทางด้านหลังต่างก็ได้แต่เพียงยิ้มแห้งๆ ออกมา ไม่กล้าที่จะกล่าวอันใดออกมา

 

อีกทั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ต่างก็ได้ถูกผนึกเอาไว้อยู่ท่ามกลางอากาศนับตั้งแต่แรกแล้ว ขณะนี้จึงมิได้มีผู้ใดเอ่ยปากขึ้นมา ต่างก็ครุ่นคิดแล้วเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า

 

“ท่านเยี่ยจง คิดไม่ถึงว่าพวกเราจะได้พบเจอกันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ ข้อตกลงระหว่างเราท่านก็มีมากมายนับไม่ถ้วน ขอเพียงท่านยินยอมปล่อยวาง แล้วมานั่งอยู่ในตำแหน่งของบุตรศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเรา ยังไงเสียก็เหลือเอาไว้ให้ท่านตลอดไป ” ชิงหญิงจดจ้องไปยังท่ามกลางความวุ่นวายที่อยู่ภายในสถานที่แห่งนี้อยู่รอบหนึ่ง มิได้มีอารมณ์โกรธขึ้นมาแม้แต่น้อยมองเข้าไปยังทางด้านบนร่างกายของเยี่ยจง แล้วก็ได้หัวเราะออกมาด้วยอารมณ์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์

 

“กล่าวตามความสัตย์ ข้าย่อมมีเกิดความวางใจต่อนางเซียนชิงหญิงท่านอย่างถึงที่สุด แต่ว่าข้าตอนนี้กลับไม่ไว้ใจตัวเองนี้ เจ้าว่า ในตัวของข้านั้นมีคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ มีคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันอยู่ อีกทั้งตอนนี้ยังได้เพิ่มเติมขึ้นมาด้วยหลักคำสอนแห่งเซียนที่กุมความลับของการสำเร็จสู่การเป็นเซียนเพิ่มขึ้นมาอีกเล่มหนึ่ง สิ่งของเฉกเช่นนี้ ย่อมต้องทำให้ชนชั้นระดับมหาราชันเกิดความเคลื่อนไหวแน่นอน หากว่าข้ายินยอมที่จะเข้าร่วมกับแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์เจ้า แม้แต่กระดูกชิ้นสุดท้ายก็ยังยากที่จะรักษาเอาไว้ได้มิใช่หรือ?” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาเบาๆ จากนั้นก็ได้โยนแผ่นสลักหยกในมือไปมา ทอสีหน้าสงบนิ่ง ราวกับว่าสิ่งที่กล่าวออกมาทั้งหมดทั้งมวลนั้นมิได้มีความเกี่ยวข้องกับตนเองก็มิปาน

 

ชิงหญิงก็ได้มองเข้าไปที่แผ่นสลักหยกในมือขอเยี่ยจงด้วยความลึกล้ำคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้เปิดเผยอารมณ์ที่ยากจะสงบลงได้ออกมา นางราวกับว่ากำลังอยู่ในความนึกคิดอะไรอยู่กก็มิปาน ถึงกับมิได้กล่าวอันใดออกมาในระยะเวลาหนึ่ง

 

“เป็นไรไป นางเซียนชิงหญิงไม่มีอันใดจะชี้แนะอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงคว้าจับไปที่แผ่นสลักหยก จากนั้นก็ได้เอ่ยวาจาออกมา

 

“หากว่าท่านเยี่ยจงท่านยินยอมที่จะช่วยคัดลอกสำเนาจากหลักคำสอนแห่งเซียนให้แก่แดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์เราชุดหนึ่งแล้วละก็ เช่นนั้นแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์เราจะช่วยออกหน้าให้ คุ้มครองท่านสามครั้งครา ” ชิงหญิงหลังจากที่ได้ครุ่นคิดขึ้นมา ก็ได้เริ่มต้นที่จะกล่าวออกมาด้วยข้อตกลงที่น่าตกใจขึ้นมา ควรทราบว่า การคุ้มครองเยี่ยจงถึงสามครั้ง ก็เป็นเหมือนกับว่าตกเป็นศัตรูกับทั่วทั้งใต้หล้า และก็มีแต่เพียงแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นถึงแดนลี้ลับสูงสุดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จึงจะสามารถเสนอข้อตกลงที่สูงถึงเพียงนี้ขึ้นมาได้

 

“ขอข้าคิดดูก่อนสักครู่ได้หรือไม่?” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาเบาๆ

 

“เจ้ายังต้องครุ่นคิดอีกอย่างงั้นหรือ ภายนอกดินแดนในขณะนี้ได้มีการคุมเชิงของชนชั้นมหาราชันถึงสิบแปดคนอยู่ อีกทั้ง นี้ยังมีเป็นเพียงสิ่งที่พวกเราพบเจอก่อนหน้านั้นเท่านั้น ขณะนี้ได้ถูกปิดกั้นจากภายนอก ไม่แน่ว่าเมื่อต้องออกไปในขณะนี้ คงจะต้องมียอดฝีมือชนชั้นมหาราชันเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนก็เป็นได้ ” ชิงหญิงพยักหน้าตอบรับ “นอกเสียจากแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ข้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดพอที่จะสามาถคุ้มครองเจ้าได้อีกแล้ว เจ้าหากว่าคิดที่จะจากออกไปอย่างปลอดภัยแล้วละก็ นอกเสียจากการร่วมมือจึงถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ ”

 

“ดูเหมือนว่า ข้ายังคงต้องใคร่ครวญให้ดีจริงๆ อีกสักหน่อยแล้ว ” เยี่ยจงก็ได้เผยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้งขึ้นมา ทอสีหน้าประหลาดออกมา

 

เมื่อได้พบเห็นฉากเบื้องหน้า ผู้คนทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป หากว่าเยี่ยจงร่วมมือกับแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์จริง หลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้แล้วละก็ ผู้ใดจะทราบได้ว่าในการพบกันในครั้งต่อไป เขาจะมีความแข็งแกร่งมากถึงเพียงใดกัน?

 

อีกทั้ง ยังคงมีชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ถึงห้าคนอยู่ในมือของเขา หากว่าปล่อยให้เขาหลบหนีไปได้จริงแล้วละก็ ดินแดนซีฮวงคงจะต้องเกิดความวุ่นวายไปค่อนดินแดนอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“บรึม——”

 

ในขณะนั้นเอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็แตกตื่นขึ้นมาต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ตำแหน่งที่เยี่ยจงอยู่ที่ตั้งเอาไว้ด้วยเตาหลอมโบราณที่อยู่ด้านบนของแท่นสีทองในขณะนั้นเองก็ได้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมา จากนั้นปากเตาหลอมโบราณก็ได้ถูกเปิดออกมา เงาร่างทั้งห้าสายก็ได้รวมตัวกันขึ้นมา มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกมาบริเวณทางด้านนอก

 

“ซวบ——”

 

กล่าวกันตั้งแต่เริ่ม ร่างกายของสือซิ่งที่เรียกได้ว่าอยู่ในขั้นที่เหมือนกันยากที่จะคาดคิดขึ้นมาได้ ในระหว่างนั้นราวกับว่าเยี่ยจงเองก็ยังมีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน เขาก็ได้ยื่นมือกวาดออกไป จนพุ่งเข้ามาเพื่อที่จะแย่งชิงแผ่นสลักหยกในมือของเยี่ยจ

 

จากนั้น เงาร่างทั้งห้าสายก็ได้ปกคลุมเต็มไปด้วยประกายแสงอันคมกล้า จากนั้นก็ได้ถอยกายออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“ฮาฮาฮา——”

 

แล้วก็ได้มีเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งอย่างไร้ที่เปรียบออกมาในขณะนี้ เสียงของสือซิ่งนั้นได้เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองและบ้าคลั่งขึ้นมา

 

“เยี่ยจง ต่อให้เจ้าใช้ฝีมือนับพันหมื่น แต่กลับคิดที่จะผนึกชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เอาไว้อย่างงั้นเลยหรือ เจ้าช่างเป็นตัวโง่งมที่เอาแต่เพ้อฝันเสียจริง! ในครั้งนี้ ข้าจะให้เจ้าจากออกไปอย่างมิได้รับอันใด!”

 

“พวกเจ้าทั้งห้าได้ร่วมมือกัน ถึงกับไม่เสียดายที่จะใช้เครื่องมือต้องห้ามพร้อมกันถึงครั้งหนึ่งเชียวงั้นหรือ?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมา ถึงแม้ว่าในครั้งนี้จะมีกลิ่นอายที่แปลกประหลาดอยู่หลายส่วน แต่ว่าเขาเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าท้ายที่สุดแล้วหลังจากที่เด็กน้อยทั้งห้าได้ร่วมมือกัน ถึงกับสามารถที่จะใช้ออกมาด้วยเครื่องมือต้องห้ามเพื่อที่จะปลดปล่อยสู่ความเป็นอิสระ

 

สภาวะรับรู้ความอันตรายอย่างหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาภายในห้วงสมองของเยี่ยจง ถึงแม้ว่าในสายตาของเขาจะเหมือนกับว่ากำลังกุมสถานการณ์ทั้งหมดเอาไว้อยู่ แต่ว่าพลังฝีมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ก็เรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมาย มิใช่สิ่งที่บุคคลโดยทั่วไปจะสามารถคาดคิดเอาไว้ได้

 

“ซวบ——”

 

เตาหลอมโบราณก็ได้หมุนคราหนึ่ง แล้วก็ได้กลับเข้าไปยังภายในแหวนจักรวาลบนนิ้วของเยี่ยจง เสี่ยวหลุนก็ได้กลับคืนติดเข้าไปที่หูของเยี่ยจง แล้วก็ส่งเสียงกล่าวออกมา: “ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นห่วงจนเกินไป พวกเขาขณะนี้เมื่อได้ฝืนใช้เครื่องมือต้องห้ามออกมา ขอเพียงไม่เกินครึ่งชั่วยาม เครื่องมือต้องห้ามก็ย่อมต้องถูกทำลายไปอย่างแน่นอน ”

 

เยี่ยจงทอสีหน้าดำคล้ำ ยังดีที่เมื่อครู่นี้เสี่ยวหลุนได้กลืนกินสมบัติเซียนในมือของเด็กน้อยทั้งห้านี้เอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ หากปล่อยให้พวกเขาออกมา คงจะต้องเกิดเรื่องยุ่งยากที่ทลายได้แม้แต่ฟ้าดินขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

 

“จะใช้เครื่องมือต้องห้ามถึงครั้งหนึ่งแล้วจะอย่างไร? คำสอนแห่งเซียนก็ได้ตกมาอยู่ในมือขององค์ชายอย่างข้าแล้ว เยี่ยจง เจ้ายอดมาก เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ข้าจะต้องกลับมาคิดบัญชีกับเจ้าอีกแน่นอน ” สือซิ่งหัวเราะขึ้นมาด้วยความเย็นเยียบ เห็นได้ชัดว่าเกิดความคิดที่จะจากออกไปอย่างถึงที่สุด

 

“สือซิ่ง เจ้าช่วงชิงคำสอนแห่งเซียนไปจากข้า เจ้าไม่เกรงกลัวว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ จะกลายเป็นปรปักษ์แล้วลงมือต่อเจ้าอย่างงั้นหรือ? เจ้าคิดว่าจะสามารถจัดการได้สำเร็จอย่างงั้นจริงหรือ?” เยี่ยจงก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ขณะนี้ก็ได้กล่าวออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่ว่าภายในจิตใจกลับยังคงหัวเราะออกมาเสียงดังอยู่

 

“ขณะนี้องค์ชายอย่างข้ามิได้มีความเสนาะสนใจที่จะกล่าววาจาไร้สาระกับเจ้าแล้ว เมื่อพบเจ้าครั้งหน้า จะต้องฆ่าเจ้าให้จงได้ !” สือซิ่งปล่อยวาจาดุร้ายออกมาคำหนึ่ง จากนั้นก็ได้ใช้ออกมาด้วยเครื่องมือต้องห้าม เพื่อที่จะหลุดรอดออกไปจากประกายสีทองที่มาจากแท่นเซียนที่ปล่อยสภาวะแรงกดดันปกคลุมอยู่โดยรอบ จากนั้นเขาก็ได้เปิดเผยเงาร่างขึ้นมาอีกครั้ง ขณะนี้ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงสวมไว้ด้วยชุดที่เลิศหรูเอาไว้อยู่ก็ตาม แต่ว่ากลับยังคงมีรอยดำติดเอาไว้อยู่ บนใบหน้าคล้ายดั่งกับว่าดูแผดเผาจนดำก็มิปาน สามารถที่จะคาดคิดได้ว่าเมื่อครู่นี้ได้ถูกเยี่ยจงจัดการจนตกอยู่ในสภาพเช่นไร

 

“ซวบ——”

 

ทางด้านอีกสี่คนขณะนี้ก็ได้ถอยไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็ได้กลับเข้าไปยังท่ามกลางขุมกำลังกลุ่มตนเอง เห็นได้ชัดว่า ในเวลาเช่นนี้เหมือนกับว่าพวกเขานั้นไม่มีหน้าที่จะไปพบผู้คนก็มิปาน

 

“บุตรศักดิ์สิทธิ์อัสนีลี้ลับ บุตรเทพชิงหวิน สตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าซือ สตรีศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจ ครั้งนี้พวกเจ้าสามารถที่จะต้านเอาไว้ได้ อย่างน้อยก็คงจะสลายพลังจากเครื่องมือต้องห้ามได้เพียงแค่ครั้งเดียวแล้วกระมั่ง? หลังจากที่ได้จ่ายค่าตอบแทนออกมาอย่างมากมายถึงเพียงนี้ กลับมีแต่เพียงแค่สือซิ่งเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ไป พวกเขาก็ช่างใจกว้างกันเสียจริง!” เยี่ยจงสาดประกายดวงตาอันเย็นเยียบจ้องมองไปยังบริเวณทางด้านหน้า กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

 

“นี้เป็นเรื่องภายในของพวกข้า ยังไม่ถึงคราวที่จะให้ท่านเยี่ยจงมาเป็นห่วง ท่านยังคงเป็นห่วงตนเองดีกว่า!” สตรีศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจก็ได้ส่งเสียงสดใสดังขึ้นมา ประดุจดั่งอยู่ความเย็นเยือกก็มิปาน

 

เยี่ยจงยังคงทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมา แต่ก็ได้หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายในจิตใจก็ได้ หากวมองจากความข้อนี้แล้วละก็ ในช่วงสภาวะสุดท้ายอย่างเรื่องที่ตนเองถูกแย่งชิงคำสอนแห่งเซียนไปนั้น กลับมิใช่เรื่องที่คนเพียงห้าคนจะมาหารือกันได้ ขณะนี้คำสอนแห่งเซียนก็ได้ตกไปอยู่ในมือของสือซิ่งแล้ว สามารถที่จะคาดเดาได้ว่า ทางด้านอีกทั้งสี่ฝ่ายก็คงจะไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน บวกกับวัตถุสิ่งนี้ยังถึงกับเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อสภาวะแห่งการสังหารเอาไว้อยู่ จึงเป็นเหมือนกับคำสอนแห่งมารดั่งที่เสี่ยวหลุนกล่าวออกมา……

 

เรื่องราวเช่นนี้เมื่อได้ถูกปะติดปะต่อขึ้นมา เยี่ยจงเองก็ยังไม่อาจที่จะทำความเข้าใจขึ้นมาได้ หากว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นถูกเปิดโปงขึ้นมาแล้วละก็ สือซิ่งนี้คงจะต้องกลายเป็นว่าถูกตนเองหลอกลวงแค่ไหนกัน

 

“อยู่เดี๋ยวหากว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง พวกเราก็คงจะต้องหลบหนีออกไปตามเส้นทางเป็นอันดับแรก ” เยี่ยจงส่งเสียงดังขึ้นมาภายในจิตใจ “ทว่าข้าก็ยังหวังที่จะดูต่อไปอยู่อีก ”

 

“อีกสักครู่หากออกไปไม่ได้จะกลายเป็นเรื่องใหญ่แทนนะ ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้นั้นคาดว่าคงจะไปไม่ถึงจุดสิ้นสุดได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว คนผู้นี้เป็นถึงตำนานที่ยังไม่เคยกล่าวขานในโลกหล้ามาก่อน เมื่อครู่เขามิใช่บอกหรือว่า ยังมีความหวังที่จะมีคนที่สามารถที่จะได้รับการสืบทอดวิชาของเขามิใช่หรือ?” เสี่ยวหลุนกล่าว

 

“ที่แท้ อีกส่วนหนึ่งของสภาวะแห่งการสังหารนี้แต่เดิม คงจะ เมื่อมองสถานที่ได้สงบลงแล้ว อาจจะสามารถที่จะได้รับแผ่นภาพที่ไต๋ซือหวูโหวต้องการด้วยก็เป็นได้ พวกเราตอนนี้คงจะได้แต่มองดูสถาการณ์ต่อไปเท่านั้น ดูว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา สุสานเซียนนี้ถือได้ว่าเป็นที่น่าประหลาดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังอยู่นอกเหนือการคาดเดาทั้งหมดทั้งมวล

 

“ข้ารู้สึกว่า ขณะนี้แผ่นสลักหยกนั้นเมื่อได้ถูกนำออกไปจากแท่นสีทอง จะต้องเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมามากมายอย่างแน่นอน ” เสี่ยวหลุนกล่าวพึมพำออกมา

 

หลังจากที่เยี่ยจงได้ครุ่นคิดใคร่ครวญดูแล้ว ก็ได้พยักหน้าเบาๆ เขานั้นไม่ว่าจะดูอย่างไรก็คงจะไม่ออกมาจากแท่นสีทองนั้นอย่างแน่นอน และการยืนอยู่ในสภาวะแรงกดดันที่ปกคลุมอยู่จึงทำให้ทั้งหมดไม่กล้าที่จะเขามา เพียงแต่จ้องมองเข้าไปยังอย่างชาไปทางด้านของสือซิ่ง

 

กระนั้น ผู้คนมากมายต่างก็เข้าใจ ขณะนี้เยี่ยจงหากว่าออกไปจากสภาวะแรงกดดันของแท่นเซียน เช่นนั้นเขาจะต้องตกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน ดังนั้น ด้วยสภาวะของเขาในขณะนี้ถือได้ว่ามีความสมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง จึงมิได้ตกกลายเป็นที่ดึงดูดของผู้คน

 

“องค์ชายหก เจ้าคิดที่จะไปเช่นนี้เลยอย่างงั้นหรือ?” บริเวณอีกทางด้านหนึ่ง นางเซียนชิงหญิงก็ได้ค่อยๆ ก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆ กึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มกล่าวออกมา

 

เมื่อพบว่าชิงหญิงได้เดินออกมา สือซิ่งขณะนี้ก็ได้ทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมาอยู่เต็มใบหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วขึ้นมา มิได้กล่าวอันใด

 

“ไม่ทราบว่านางเซียนมีคำชี้แนะอันใด ” สือซิ่งในที่สุดก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมา กระนั้นแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถือได้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างยิ่งใหญ่ ต่อให้เขาที่เป็นถึงผู้สืบทอดจากหนึ่งในเก้ารัฐใหญ่แห่งกู่กวอ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขุมกำลังเช่นนี้ ก็ไม่อาจที่จะผ่อนคลายได้แม้เพียงครึ่งครา

 

“ชี้แนะนั้นมิกล้า เพียงแต่ว่าข้านั้นมีความเสนาะสนใจต่อคำสอนแห่งเซียนเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าองค์ชายหกจะสามารถหยิบยืมให้ชมดูสักคราได้หรือไม่?” นางเซียนชิงหญิงเผยรอยยิ้มอย่างมีเสน่ห์ขึ้นมา ราวกับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็มิปาน

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset