ตอนที่ 554 เข้าสู่หลุมศพเซียน
“เอาเถอะ เอาเถอะ อย่าได้หัวเราะอีกแล้ว รีบออกไปกันเถอะ หากว่าชนชั้นมหาราชันสามตนนั้นพบว่าในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกันอยู่แล้วเข้ามา ผลสุดท้ายกลับต้องมาถูกพวกเราเก็บกวาดไปจนเรียบแล้วละก็ พวกเขาก็คงจะต้องเป็นบ้าขึ้นมาแล้ว ”ไต๋ซือหวู่โหวขยับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นำทางเป็นคนแรก จนเข้ามาจนถึงทางลงเป็นสาย
ห้าคนหนึ่งคณะออกไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาที่ได้ถอยออกไปจนถึงยังป่าเขาอีกทางด้านหนึ่ง ทันใดนั้นทางด้านหลังก็ได้บังเกิดเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวขึ้นมาสะท้านไปทั้งฟ้า มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อและมหาราชันปีศาจทุนเทียนไม่ง่ายที่จะจัดการกับมหาราชันมังกรอสรพิษตนนั้นถอยออกไปได้ ผลสุดท้ายกลับต้องมาพบว่าตนเองแม้แต่น้ำล้างเท้าก็ยังไม่มีให้ดื่ม มหาราชันทั้งสองตนจึงเดือดดาลขึ้นมา ราวกับคิดที่จะพลิกฟ้าพลิกดิน
“ทำไมข้าถึงรู้สึกได้ว่าพวกเราช่างแล้งน้ำใจกันจัง ในเมื่อจะทำความดีก็ต้องทำให้ถึงที่สุด กลับหลงเหลือไข่มังกรอสรพิษไว้เพียงแค่ชิ้นเดียวให้แก่พวกเขา จึงทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องมาแย่งชิงกัน อืม คราวหน้าทำเช่นนี้ไม่ได้แล้ว ต้องนำสิ่งของออกมาให้หมด อย่าได้กลายเป็นทำลายผู้คนไป ”เยี่ยจงจ้องมองไปยังอีกทางด้านหนึ่งด้วยสภาพที่เหมือนกล่าวอันใดไม่ออก หลังจากนั้นเองถอนหายใจออกมาแผ่วเบาแล้วกล่าว
หวู่โหวและพวกที่มองไปที่เยี่ยจงต่างก็ทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา เห็นๆ กันอยู่ว่าความเห็นก็เป็นเขาออกมาเอง ตอนนี้ที่ถอนหายใจกลับเป็นเขาอีก หากว่ามหาราชันทั้งสองตนทราบว่าเป็นเช่นนี้แล้วละก็ คาดว่าคงจะต้องกระอักเลือดออกมาอย่างแน่นอน
“เอาเถอะ อย่าได้กล่าวไร้สาระอีกแล้ว นำเอาแผนที่หมื่นมังกรออกมา ดูว่ายังพอที่จะเส้นทางที่จะไปต่อของพื้นที่สุสานเซียนหรือไม่ หากว่าสามารถที่จะครอบครองศพเซียนได้จริงแล้วละก็ ครั้งนี้ก็สุดยอดไปเลย อาจารย์ปู่อย่างข้ามีความรู้สึกว่า พวกเราในครั้งนี้อย่างน้อยก็คงจะไม่ต้องกลับไปมือเปล่ากันแล้ว ”ไต๋ซือหวู่โหวปัดมือไปมาไม่หยุด ทอสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา
เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็ได้สงบเงียบลงมา จากนั้นก็นำเอาแผนที่หมื่นมังกรออกมา
ทั้งห้าก็ได้เดินเข้ามาในเวลาเดียวกัน มองดูเข้าไปอย่างละเอียด แต่ว่าหลังจากที่ดูไปแล้ว ทุกผู้คนต่างก็ไม่อาจกล่าวอันใดออกมาได้ เพราะว่า ด้านบนของแผนที่หมื่นมังกรนี้ขณะนี้ราวกับมีอยู่หลายแห่งที่ได้ทอเป็นประกายขึ้นมา ราวกับว่าเป็นเครื่องหมายสื่อถึงอะไรบางอย่างก็มิปาน
“คงจะไม่ใช่กำลังที่จะบอกต่อพวกเรา สถานที่ทุกแห่งต่างก็เป็นสถานที่ในจุดต่อไปหรอกนะ อีกทั้งยังเป็นสิ่งของที่ที่น่าตกใจอีกด้วยงั้นหรือ? ”จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา คำนวณขึ้นมาอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็ได้กลืนน้ำลายลงคอ เพราะเขาพบว่า เมื่อได้คำนวณดูแล้ว ราวกับความคิดเช่นนี้นึกไม่ถึงจะมีถึงกว่าแปดส่วนที่เป็นจริงขึ้นมา
หากว่าสถานที่ในทุกแห่งนั้นต่างก็เป็นสถานที่ต่อไปได้แล้วละก็ แต่การคิดที่จะไปขุดคุ้ยสถานที่ทุกแห่งเช่นนี้ โดยส่วนมากแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
“เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไรดี พวกเราคงไม่อาจที่จะสุ่มสี่สุ่มห้าไปค้นหาได้หรอกนะ ”ไต๋ซือหวู่โหวกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าเรื่องเฉกเช่นนี้เขายังไม่เคยกระทำมาก่อน
นางเซียนชิงหญิงครุ่นคิดหลังจากนั้น หัวเราะแล้วกล่าวออกมา : “ข้าว่า ในครั้งนี้มิสู้ให้ท่านเยี่ยจงตัดสินใจต่อไปละ ข้านั้นมีความเชื่ออย่างลึกล้ำต่อวาสนาของเขาอย่างไม่ลังเลเลยละ ”
ทั้งสามคนที่เหลือก็ได้ต่างก็ได้เปิดเผยความคิดที่เห็นด้วยกับพวกเขาทั้งสองว่าการกระทำเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีขึ้นในเวลาเดียวกัน แล้วก็ได้หัวเราะฮิฮะออกมาเบาๆ
ทางด้านเยี่ยจงก็ได้แต่ส่ายหน้า จากนั้นเขาก็ได้ปีนขึ้นไปยังต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง ทอดสายตามองไปยังทั่วทั้งสี่ด้านขึ้นมา
เขตแดนตั้งต้นผืนนี้อันที่จริงไม่ถือว่าใหญ่มากนัก หากมองในลักษณะเป็นวงกลมก็ไม่เกินกว่าหนึ่งพันลี้ แต่ละบริเวณต่างก็ตั้งไว้ด้วยต้นไม้โบราณเอาไว้ จนสามารถที่จะมองเห็นตลอดทั่วทุกแห่งก็มิปาน
“พวกเราไปทางด้านนั้นเถอะ ”เยี่ยจงงงงันขึ้นมาหลังจากนั้น ชี้ไปยังอีกทางด้านหนึ่ง เส้นทางที่เขาเลือกนั้นถือได้ว่าเป็นใจกลางของเขตแดนสายนี้ หากเป็นไปตามความของเขา ต่อให้เป็นเซียนในตำนาน อย่างน้อยก็คงจะต้องเลือกเฟ้นตำแหน่งเก้าห้า (ตำแหน่งแห่งราชัน) ไว้เพื่อที่จะเป็นสุสานของตนเอง และตำแหน่งเก้าห้านี้ก็เป็นเหมือนกับว่าอยู่ในใจกลางพอดี หรือจะกล่าวก็คือ พื้นที่สุสานเซียน กว่าแปดส่วนสมควรที่จะอยู่ในบริเวณที่เป็นใจกลางที่สุดของเขตแดนสายนี้
เกี่ยวกับความคิดเห็นของเยี่ยจงเช่นนี้ทุกคนต่างก็เห็นด้วย ต่อมา คนทั้งคณะก็ได้ใช้ออกมาด้วยอาภรณ์ยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุอย่างระมัดระวัง มุ่งหน้าเข้าไปยังจุดตั้งต้นที่เป็นเข้าใกล้ใจกลางเขตแดนสายนี้ อีกทั้งยังไม่เปิดเผยร่องรอยออกมาแม้แต่น้อย
หลังจากที่ได้คาดเดาอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ห้าคนหนึ่งคณะก็ได้คลำทางจนมาถึงบริเวณใจกลางของเขตแดนสายนี้ จากนั้น ก็ได้พบเห็นว่าพื้นที่ทั้งสี่ด้านเต็มไปด้วยเทือกเขาโบราณเก่าแก่เอาไว้ ปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านหน้า
“เทือกเขานี้ ราวกับเกิดขึ้นมาเองเช่นนี้ มีลักษณะคล้ายกับเทือกเขาโบราณไท่ฮวาในตำนาน มีลักษณะเป็นเหมือนกำแพงที่สูงชัน แผ่ปกคลุมไปทั้งสี่ด้าน สูงกว่าห้าพันเชียะ มีความหนานับสิบลี้ ”ไต๋ซือหวู่โหวที่มีประสบการณ์พบเจอมามากมาย หลังจากที่พบเห็นเทือกเขานี้ เขาราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็มิปาน หายใจออกมาอย่างรุนแรงด้วยความตกใจ
“เทือกเขานี้ ราวกับมีส่วนที่คลับคล้ายคลับคลากับตราประทับบางอย่างอยู่เป็นส่วนมาก คงจะมิใช่เป็นตราประทับที่เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิฟ้าในตำนานนั้นหรอกนะ? ”จงหลี่ทอสีหน้าแปลกใจ นึกถึงสิ่งที่ประหลาดยิ่งกว่าขึ้นมา
ในตำนาน หลังจากที่รับตำแหน่งของจักรพรรดิฟ้าไปแล้ว ต่างก็จะใช้ออกมาด้วยวิชาจากวิถีแห่งสวรรค์แขนงหนึ่งเพื่อที่จะทำให้ปรากฏจุดรวมของรอยประทับแห่งจักรพรรดิฟ้าขึ้นมา ถึงเหมือนกับเป็นวิชาประจำตัวตามการบรรลุของจักรพรรดิฟ้าตนนั้น หากกล่าวว่าเทือกเขานี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่มีร่องรอยการประทับของจักรพรรดิฟ้าเช่นนั้นแล้วละก็ เช่นนั้นเรื่องราวก็มีส่วนที่ยากจะคาดเดาขึ้นมาได้แล้ว
“แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถที่จะไม่มีความเป็นไปได้หรอกนะ……”หลิงเฟ่ยถอนหายใจออกมา ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาอย่างยิ่ง ที่เหลืออีกสี่คนต่างก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เพราะว่าขณะนี้ พึ่งจะเข้ามาใกล้ยังบริเวณโดยรอบของขุนเขา ก็ได้มีเสียงที่ดูเหมือนมาจากโบราณกาลดังขึ้นมา ราวกับว่ามีคนกำลังสวดมนต์บทคัมภีร์โบราณลอยขึ้นมาอยู่ท่ามกลางอากาศก็มิปาน เสียงเช่นนี้เหมือนกับมาอย่างไร้ร่องรอยไร้วี่แวว แทบจะไม่อาจฟังว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่ ประดุจทอดมาจากสวรรค์ชั้นที่เก้าก็มิปาน แต่ว่ากลับแฝงเอาไว้ด้วยการชี้นำอยู่ชนิดหนึ่ง จนทำให้ไม่อาจที่จะเข้าใจได้ เกิดความรู้สึกหดหู่เป็นอย่างยิ่ง
“สถานที่แห่งนี้ต่อให้มิใช่หลุมศพเซียน อย่างน้อยก็ต้องมีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิฟ้า ”นางเซียนชิงหญิงที่เอ่ยปากขึ้นมา ราวกับแน่ใจขึ้นมาได้เล็กน้อย
“ยังดีที่ชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นยังไม่พบเห็นสถานที่แห่งนี้ พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ พอจะมีวิธีอันใดที่พอจะเปิดทางได้หรือไม่? ”หลิงเฟ่ยเดินเข้ามา เขาเข้าใจได้เป็นอย่างดี หากว่าเป็นสถานที่แห่งนี้ถูกชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนนั้นพบขึ้นมาแล้วละก็ ทางด้านพวกเขานี้ต่อให้มีไต๋ซือหวู่โหวคอยคุมเชิงอยู่ อย่างน้อยก็คงจะมิใช่เรื่องที่น่ารื่นรมย์แต่อย่างไร
“เทือกเขานี้เกรงว่าจะไม่อาจที่จะเข้ายังสถานที่แห่งนี้ไปเช่นนี้ได้ อย่างน้อยก็คงจะต้องหาทางเข้าแล้วละ ”จงหลี่คำนวณชั่วขณะ ทอสีหน้าปั้นยากแล้วที่เอ่ยปากกล่าวขึ้นมา
ไต๋ซือหวู่โหวเองก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย
ต่อมา คนทั้งคณะต่างก็สาดส่องมองไปยังรอบด้านของขุนเขาแห่งนี้ จากนั้นสีหน้าของทั้งห้าคนต่างก็ยิ่งทวีความประหลาดใจมากขึ้น เพราะว่าเทือกเขานี้แท้จริงแล้วกลับถูกรายล้อมเอาไว้ด้วยกำแพงที่สูงชัน ทั่วทั้งสี่ทิศ มีความหนากว่าสิบลี้ ราวกับว่าเป็นเหมือนดั่งเทือกเขาโบราณไท่ฮวาในตำนานยังไงอย่างนั้น
ควรทราบว่า เทือกเขาโบราณไท่ฮวาถือได้ว่าเป็นวัตถุที่อยู่ในเพียงคำเล่าขานเท่านั้น อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับเซียน มิได้มีการคงอยู่ในดินแดนมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าสถานที่แห่งนี้กลับเป็นเหมือนกับที่ถูกเล่าขานกันมาอย่างไงอย่างนั้น ไม่อาจที่จะไม่ทำให้ผู้คนเกิดความคิดที่สอดข้องกันขึ้นมาได้
เมื่อได้หันกลับไปยังบริเวณเริ่มต้นแล้ว ห้าคนหนึ่งคณะต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากนั้น เยี่ยจงก็ได้นำเอาแผนที่หมื่นมังกรออกมา มองดูอย่างละเอียด
“อยู่ทางนั้น——”
แผนที่หมื่นมังกรก็ได้คอยๆ ทอเป็นประกายขึ้น สาดจนกลายเป็นประกายแสงออกมาสายหนึ่ง ชี้ไปยังทางด้านของพื้นที่ที่เป็นเหมือนกับใต้ดินแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงเชิงหน้าผา ตำแหน่งของพื้นที่ที่เป็นใต้ดินนั้น ราวกับเป็นเส้นทางที่ทอดลงไปเป็นทางยาว ก่อนหน้านี้คนมากมายต่างก็พบสถานที่แห่งนี้แล้ว แต่ว่ากลับคิดไม่ถึงว่า นึกไม่ถึงว่าสถานที่แห่งนี้จะมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นทางเข้าของขุนเขาลูกนี้
“เป็นอย่างไรบ้าง? เข้าไปจากทางนี้อย่างงั้นหรือ? ข้ารู้สึกได้ว่าไม่ค่อยเหมาะซักเท่าไหร่เลยนะ! ”จงหลี่ขณะที่ได้มองไปยังถ้ำใต้ดิน ทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“อย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นสถานที่แห่งนี้แล้ว ทว่าที่แห่งนี้มีพลังธาตุหยินที่เข้มข้นจนเกินไป ทางด้านล่างเกรงว่าคงจะไม่ใช่สถานที่เงียบสงบแน่นอน เมื่อเข้าไปแล้วละก็ มีความเป็นไปได้อย่างมากจะมีกับดักสังหารมากมายแน่นอน ”ไต๋ซือหวู่โหวจ้องไปยังทางด้านล่างอยู่สักพัก จึงค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ทว่าเรื่องเมื่อดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ก็ย่อมไม่อาจที่จะถอยกลับไปในเวลาเช่นนี้แน่นอน จากนั้นทุกคนต่างก็สบตากัน อาจจะก้าวเข้าไปยังใต้ดินนี้ มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณที่เป็นส่วนลึกของเส้นทาง
พึ่งจะเดินเข้าไปยังเส้นทางใต้ดินไม่ถึงสิบก้าว สีหน้าของทั้งห้าคนต่างก็เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน เพราะว่า พลังแรงกดดันในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นชนิดที่น่าหวาดกลัว จำกัดพลังปราณเอาไว้ จนทำให้หลายคนแทบจะทรุดลงกับพื้นได้
“พลังแรงกดดันวิถีเซียน และพลังแรงกดดันชนิดนั้นที่อยู่ภายในใจกลางตำหนักสวรรค์เก้าชั้นราวกับเป็นชนิดเดียวกัน อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งที่มากกว่าด้วย! ”เยี่ยจงกัดฟัน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เมื่อวันก่อนภายในท่ามกลางตำหนักสวรรค์เก้าชั้น เขาก็ได้ถูกพลังแรงกดดันวิถีเซียนนี้ปกคลุมอยู่นาน จึงมีความคุ้นเคยกับบรรยากาศเช่นนี้เป็นอย่างดี
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะค้นหาจุดหมายพบแล้ว หากว่ามีศพเซียนอยู่จริงแล้วละก็ แน่นอนว่าสุสานย่อมต้องเป็นอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้แน่ ดูเหมือนว่าขุนเขาทั้งสี่ด้านนี้จะเกิดขึ้นมาเองอีกด้วย หลุมศพเซียนจะว่าไปก็ช่างสมคำเล่าลือจริงๆ! ”ไต๋ซือหวู่โหวกล่าวตัดบท ทอสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาอย่างยิ่ง เพราะว่าลำบากลำบนมาจนถึงใจกลางสุสานชั้นที่สองนี้ ขณะนี้ในที่สุดก็ทราบส่วนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งขึ้นมาแล้ว
“คิดไม่ถึงพวกเราจะมาถึงยังสถานที่แห่งนี้เป็นกลุ่มแรก ในครั้งนี้ไม่แน่ว่าชนชั้นมหาราชันกลุ่มนั้นต่างก็คงจะต้องดื่มน้ำล้างเท้าของพวกเราจริงแล้ว! ”จงหลี่ทอสีหน้าเกิดความตื่นเต้นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด สั่นเทาไปทั่วทั้งร่างกาย
เยี่ยจงจ้องเขม็งไปที่เขา : “บรรพจารย์เจ้ามหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจา ก็อยู่ด้านนอก ”
เมื่อได้ยินนามเช่นนี้ สีหน้าของจงหลี่ก็ดำคล้ำขึ้นมาภายในพริบตา สงบเสงี่ยมไม่กล้าที่จะเอ่ยปากขึ้นมา
“ระวังกันหน่อยเถอะ สถานที่แห่งนี้มิใช่สถานที่ที่สมควรที่จะมากล่าววาจาล้อเล่นหรอกนะ ที่แห่งนี้แม้แต่พลังปราณของอาจารย์ปู่อย่างข้าก็ยังถูกจำกัดเอาไว้ภายใน เกรงว่าท้ายที่สุดยังมิสู้เสี่ยวเยี่ยจื่อเจ้าได้เลย ”ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างยิ่ง ตนที่ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือกลุ่มที่มีความแข็งแกร่งที่สุดภายในสี่ดินแดน กลับต้องมีถูกจำกัดพลังเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้โดยที่ไม่อาจที่จะแม้แต่ใช้ออกมาด้วยพลังลมปราณได้เลยแม้แต่น้อย เพียงแค่นี้ก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้ถึงความไม่ธรรมดาของสถานที่แห่งนี้ได้แล้ว
เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ เดินอยู่บริเวณทางด้านหน้าสุด สถานที่แห่งนี้ที่ไม่อยากต้อนรับที่สุดก็คงจะเป็นเขาแล้ว เขาที่มีพลังกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็ก จึงมีกายเนื้อที่ห่างชั้นจากเหล่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์โดยสิ้นเชิง ขณะนี้ก็ได้ค่อยๆ ที่จะก้าวออกไป ต่อให้พลังลมปราณถูกจำกัดเอาไว้จนไม่อาจที่จะใช้ออกมาได้ เขาก็ไม่ถือว่าส่งผลอะไรมากมายนัก
คนทั้งคณะก็ได้แต่เดินติดตามไปเช่นนี้อย่างช้าๆ มุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของเส้นทาง ใจกลางของเส้นทางทั้งหมดแห่งนี้ก็ได้ปกคลุมไปด้วยก้อนศิลาที่มีสีสันแตกต่างกันไป ทอเป็นประกายขึ้นมาอยู่เล็กน้อย จนทำให้ตลอดเส้นทางสายนี้ปกคลุมไปด้วยประกายแสงที่สว่างไสวดั่งแสงแห่งเทวะขึ้นมาก็มิปาน
ในทุกๆ การย่างก้าว บริเวณส่วนลึกต่างก็วกกลับไปวกกลับมา มีบางเวลาที่ราวกับได้ยินเสียงของเซียน มีบางเวลาก็ประดุจได้ยินเสียงของมารร้าย ทำให้เกิดความรู้สึกที่ประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
และในระหว่างที่ได้เข้าไปยังส่วนลึกของเส้นทางไม่หยุด ก็ได้เกิดพลังแรงกดดันวิถีเซียนชนิดที่น่าหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุดขึ้นมาอย่างหนาแน่นขึ้น จนในท้ายที่สุด ราวกับว่ามีคนที่ไม่อาจที่จะทนบรรยากาศเช่นนี้ได้แล้ว
ที่แข็งแกร่งอย่างไต๋ซือหวู่โหว ที่ถือได้ว่าเป็นเพียงคนในจำพวกที่ไม่ปกติธรรมดาที่สุดภายในสถานที่แห่งนี้ในขณะนี้ก็มิปาน ก็ยังเกิดความรู้สึกที่แย่ชนิดหนึ่งเมื่อได้เผชิญกับพลังปราณเทวะเช่นนี้
ทว่า คนทั้งคณะกลับไม่ได้หันหลังกลับแต่อย่างไร เพราะว่าตลอดจนหมดจนสิ้นนี้ก็เป็นเครื่องบ่งบอกได้แล้วว่า สถานที่แห่งนี้สมควรที่จะต้องเป็นสุสานที่มีเซียนที่แท้จริงอยู่ภายในบริเวณส่วนลึกแล้ว
หลังจากที่ได้เดินไปอีกในระยะทางหนึ่ง ประกายห้าแสงทั้งสิบจากก้อนศิลานับไม่ถ้วนก็ได้เลือนรางจนหายวับไป จนทำให้ถ้ำสุสานแห่งนี้กลายเป็นมืดสนิทขึ้นมาเป็นสาย มุ่งหน้าเข้าไปบริเวณส่วนลึกเข้าไปเรื่อยๆ และในขณะนั้นเอง ก็จะราวกับได้ยินเสียงของผีสางร้องโหยหวนออกมา เสียงเหล่านั้นได้ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง ประดุจดั่งสถานที่แห่งนี้ทอดไปยังเส้นทางแดนสนธยาก็มิปาน
“สถานที่แห่งนี้ ที่แท้เป็นหลุมศพเซียนหรือว่าสุสานมารกัน ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าไม่อาจทำอันใดได้เช่นนั้นกัน? ”หลิงเฟ่ยเกิดอาการหดหู่ขึ้นมาอย่างถึงที่สุด จ้องมองไปยังทางซ้ายขวาของเส้นทาง
“อย่าได้สนใจสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว เดินไปตามเส้นทางสายนี้เถอะ ”แผนที่เก้ามังกรในมือของเยี่ยจงก็ได้ทอเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย สาดทอเส้นทางสายหนึ่งออกมาอย่างชัดเจน คนทั้งคณะขณะนี้ก็มิได้ให้ความสนใจต่อสภาพของเส้นทางอีกต่อไป เพียงแต่หันไปเดินตามเส้นทางที่ภายในแผนที่เก้ามังกรได้ชี้นำออกมา
ในระหว่างที่ได้เข้าไปใกล้เรื่อยๆ เช่นนี้ ก็ค่อยๆ ที่จะพบว่า คนทั้งคณะในทุกๆ ฝีก้าว ต่างก็ได้ทิ้งร่องรอยจมลึกลงไปยังผิวดิน ทุกผู้คนต่างก็ประดุจกำลังแบกขุนเขาลูกหนึ่งเดินขึ้นหน้าออกไปก็มิปาน
“หากเดินลงไปเช่นนี้ต่อไปแล้วละก็ นอกเสียจากเสี่ยวเยี่ยจงแล้ว เกรงว่ากายเนื้อของพวกเราต่างก็ไม่อาจที่จะทานรับได้ไหวแล้ว ”ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
.
.
.
.