เยี่ยนจ้าเกอเหาะอยู่เหนือทะเล ขณะที่เดินทางอยู่ก็พลันรู้สึกผิดปกติ
เขาหยุดยืนกลางอากาศ สายตามองไป รู้สึกได้รางๆ ว่าด้านหน้าคล้ายมีข่ายอาคมป้องกันขวางทางเอาไว้
ชายหนุ่มดีดนิ้วเบาๆ แสงสายหนึ่งพุ่งจากปลายนิ้วไปยังที่ไกลออกไป
ขณะที่แสงกำลังจะหายไปยังเส้นขอบฟ้าที่อยู่ไกลโพ้นนั้นเอง มันก็พลันระเบิดออกกลางอากาศ
หลังจากแสงสลายไป อากาศตรงจุดตัดที่เส้นขอบฟ้าก็เกิดเป็นระลอกคลื่นมากมาย คล้ายกับโยนหินลงไปในน้ำ
มิติสั่นไหวเหมือนกับคลื่นน้ำ ระลอกมากมายกระจายขยายออกไปไกล แม้กระทั่งข้ามศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอไปด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมอง เห็นระลอกคลื่นที่สั่นไหวไม่สลายไปอยู่เนิ่นนาน
‘ข้ามาอยู่ในข่ายอาคมพอดีหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่ชั่วขณะ
วิชาเคลื่อนผ่านที่โลกกระจกพาตนมายังโลกใบนี้ แต่โผล่มายังจุดไหนนั้น มิใช่เรื่องที่กำหนดได้
ต่อให้ใช้เลือดของสวีเฟยนำทาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปรากฏตัวใกล้สวีเฟยได้ และจุดที่เขาจะโผล่ในโลกใบนี้ ถ้าเขตแดนมิติตรงไหนอ่อนแอ หรือว่ามีคนสั่นสะเทือนที่กั้นเขตแดนด้วยวิธีคล้ายๆ กัน ตนก็จะโผล่ตรงนั้นเพราะผลของ ‘การผสานในนอก’
เมื่อมาโผล่ด้านในข่ายอาคมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี
ครั้นเข้าใกล้ขอบข่ายอาคม เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้คร่าวๆ ว่าที่มันมีความแข็งแกร่งยิ่ง คนที่สร้างข่ายอาคมนี้ก็ค่อนข้างแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน
กระจกยังสูงส่งเข้าสู่สภาวะหลับไหล ไม่อาจใช้วิชาเคลื่อนที่ผ่านโลกกระจกได้ในเวลาอันสั้น
ถึงแม้ในใจจะเป็นห่วงสถานการณ์ของเฟิงอวิ๋นเซิงทางด้านโลกแปดพิภพ แต่เขารู้ว่ากังวลไปก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นจึงได้แต่เก็บความคิดนี้ไว้ก่อน
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นยามปกติ เยี่ยนจ้าวเกอที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าคงจะหมุนตัวเข้าไปด้านในของข่ายอาคม ดูว่าที่นี่ซ่อนสิ่งใดไว้
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้อยากจะรู้ว่า โลกที่ตนอยู่นั้นเป็นโลกผืนสมุทรหรือไม่
ถ้าหากเป็นโลกผืนสมุทร สวีเฟยสองศิษย์อาจารย์ตอนนี้เป็นอย่างไร ยังสบายดีหรือไม่?
เมื่อมาถึงขอบส่วนในของข่ายอาคม เยี่ยนจ้าวเกอก็นำหลอดเลือดปีศาจออกมา ขณะเดียวกันก็มองที่กั้นตรงหน้าด้วย
สิ่งนี้เป็นของสิ้นเปลือง จำเป็นต้องสร้างมาเพิ่มตลอดเวลา ของวิเศษที่ใช้ส่วนมากมาจากอัคคีพิภพของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังล้ำค่ามาก
ดีที่การปะทะกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในหลายปีมานี้ ส่วนใหญ่แล้วเขากว่างเฉิงกับเยี่ยนจ้าวเกอได้เปรียบ สินสงครามที่ไปขูดรีดจากอัคคีพิภพมิได้มีจำนวนน้อย
ภาชนะที่ดูเหมือนผลึกเปิดออก แสงสีเลือดที่น่ากลัวมากมายพุ่งขึ้นฟ้องฟ้า ชนใส่ที่กั้นข่ายอาคมที่อยู่เบื้องหน้า
ข่ายอาคมค่อนข้างแข็งแกร่ง แม้ว่าแสงสีเลือดจะกัดกร่อนแต่ก็ไม่ง่ายดายนัก
ม่านแสงที่เหมือนกับคลื่นน้ำถูกย้อมเป็นสีเลือด ดูแล้วสกปรกโสมม ทว่าก็ยังคงไม่พังทลายลง
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เขายื่นนิ้วออกมาจิ้มม่านแสงเบาๆ ที่กั้นข่ายอาคมที่ถูกแสงสีเลือดย้อมให้สกปรก ในที่สุดก็ปรากฏรูขึ้นจุดหนึ่ง จากนั้นก็ขยายออกรอบๆ
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเติมญาณจริงแท้เข้าไปแล้ว ที่กั้นข่ายอาคมก็สลายไปอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดเป็นรูทรงกลมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางสามหมี่
ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอกำลังจะออกไปจากรูนี้ เขาพลันเห็นว่ามีคนเข้ามาใกล้ด้านนอกข่ายอาคม
ผู้มามีทั้งบุรุษและสตรี อายุมากสุดประมาณสี่สิบปี ส่วนอายุน้อยสุดประมาณยี่สิบกว่าปี
พลังฝึกปรือเองก็แตกต่าง มีมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ มหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิต และมีระดับปรมาจารย์
ในตอนแรกพวกเขาต่างคุยกันด้วยความกระตือรือร้น ในจำนวนนี้มีสองสามคนถือธงขนาดเล็กไว้ในมือคนละหนึ่งคัน ท่าทีคล้ายกับคิดจะทำอะไรบางอย่าง
ดวงตาของทุกคนต่างมีความรู้สึกหนึ่งอยู่ ซึ่งก็คือความคาดหวัง
สตรีคนหนึ่งในนี้ถึงแม้จะมีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำ เป็นเพียงจอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ แต่นางมีอารมณ์ดีที่สุด
ในตอนนี้ฟางหมิ่นมีอารมณ์ดียิ่ง นางได้รับโชคโดยบังเอิญ ตอนแรกได้ตำแหน่งของข่ายอาคมนี้มา จากนั้นก็ได้ธงวิญญาณจ้งหยวนที่สามารถทำลายข่ายอาคมได้อีก
ถึงแม้จะยังไม่ทราบว่าในข่ายอาคมเป็นอะไร แต่แค่มองขนาดของข่ายอาคมก็พอจะรู้ ว่าข้างในน่าจะซ่อนของดีเอาไว้
นางอายุยังน้อย มีพลังฝึกหรือค่อนข้างต่ำ แต่มีอาจารย์ลุงกับศิษย์พี่ร่วมสำนักมาช่วยเหลือ มีสถานะพิเศษ ศิษย์ร่วมสำนักคงไม่ถึงกับเอาของของตนไปหมดแน่
ต่อให้ไม่มีโชคมหาศาล อย่างน้อยก็คงไม่กลับมือเปล่า น่าจะมีของวิเศษมากพอแบ่งให้อาจารย์ลุงและเหล่าศิษย์พี่ ทุกคนไม่ต้องเปลืองแรงไปเปล่าๆ
ในตอนแรกที่พวกเขามาถึง ข่ายอาคมที่ฟางหมิ่นเห็นด้านหน้ากลับเปิดเป็นทางสายหนึ่งเอง ในใจนางทั้งตกใจทั้งยินดี
แต่ว่าในตอนที่ร่างของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏขึ้นด้านหน้ารูข่ายอาคม พวกฟางหมิ่นก็รู้สึกงงงัน อยากจะส่งเสียงแต่เหมือนมีอาหารติดคอ
‘มีคนมาก่อนหรือ’ นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวของพวกฟางหมิ่น
เยี่ยนจ้าวเกอคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคน
เขาพิจารณาเล็กน้อย เห็นอีกฝ่ายได้สติกลับมาจากความประหลาดใจในพริบตาแรก ทุกคนมองเขาอย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย เยี่ยนจ้าวเกอก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เขามองที่กั้นข่ายอาคมรอบๆ พลันเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร จึงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่ชั่วขณะ
ทั้งสองฝ่ายยืนโดยมีข่ายอาคมที่คล้ายกับกำแพง แต่ได้เปิดเป็นประตูบานหนึ่งแล้วกั้นเอาไว้ ต่างฝ่ายต่างจ้องกันไปกันมา ไม่มีใครเคลื่อนไหว
ผู้ที่มีพลังฝึกปรือสูงที่สุดในกลุ่มคนตรงหน้า ก็คือบุรุษวัยกลางคนซึ่งเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นที่หก ขั้นกำเนิดญาณระยะท้ายผู้หนึ่ง เขาก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วถามอย่างระมัดระวัง “ข้าหยางฉู่ฟานแห่งเกาะจิตประสาน ไม่ทราบว่าท่านมีคำเรียกหาว่าอะไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เยี่ยนจ้าวเกอก็วางใจลง
เป็นการออกเสียงอย่างเดียวกับสองสามีภรรยาไป๋จิ่งคังแห่งเขาหงส์วิเศษ และไห่เจิ้งเซินแห่งสำนักมังกรโลหิต ที่นี่คือโลกผืนสมุทร วิชาเคลื่อนที่ผ่านโลกกระจกที่ตนใช้ไม่ได้พามาผิดที่
“ข้าชื่อเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นผู้พเนจรจากโพ้นทะเล ขอคารวะทุกท่าน” เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างสบายๆ
ภาษาที่เขาใช้ก็คือภาษาที่แพร่หลายก่อนมหาภัยพิบัติ ภาษาของโลกผืนสมุทรเหมือนกับภาษาโบราณนี้มาก เมื่อใช้ภาษานี้คุยกับพวกเขา โดยพื้นฐานแล้วอีกฝ่ายย่อมเข้าใจความหมาย
ถึงแม้ว่าภาษาของโลกผืนสมุทรจะคล้ายกับภาษาโบราณก่อนมหาภัยพิบัติ แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้สนทนากับไป๋จิ่งคังสองสามีภรรยามากเท่าใด เขาคิดจะเรียนภาษาให้สมบูรณ์ย่อมยากยิ่ง ทว่ายังดีที่เขาใช้ภาษาโบราณก่อนมหาภัยพิบัติได้มากพอ
หยางฉู่ฟางเห็นเยี่ยนจ้าวเกอมีบุคลิกไม่ธรรมดา อีกทั้งยังมีสีหน้าสบายๆ จึงระมัดระวังตัวอยู่ชั่วขณะ
กลับเป็นจอมยุทธ์จากเกาะจิตประสานคนอื่นเช่นพวกฟางหมิ่น ที่มีใบหน้าวิตกกังวลขณะมองเยี่ยนจ้าวเกอ ข่ายอาคมตรงหน้า และโลกด้านในข่ายอาคม
เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้าด้วยรอยยิ้ม “ขอไม่ปิดบัง ข้ามาจากโพ้นทะเล ไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานการณ์ของที่นี่นัก ครั้งนี้มาหาสหายเก่า ที่เข้ามาในข่ายอาคมนี้เป็นความผิดพลาด”
“การได้เจอพวกท่านในตอนที่ติดอยู่ในสถานที่แปลกหน้าเป็นเรื่องน่ายินดี คิดจะถามทางสักหน่อย”
“ไม่ทราบทุกท่านรู้หรือไม่ว่า สำนักเขาหงส์วิเศษไปทางใด”
คนของเกาะจิตประสานกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ครั้นหยางฉู่ฟานกำลังจะตอบ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
บนมหาสมุทรด้านหลังพวกเขา มีปราณสีดำดุร้ายวาดผ่านท้องฟ้า พุ่งมายังข่ายอาคม
ปราณสีดำกลายเป็นคมดาบ ดูดุร้ายเลิศล้ำ จิตสังหารสั่นสะท้าน!