ตอนที่ 407 จัดการมัน !
ณ แคว้นฮวง พระราชวังที่สูงตระหง่านถูกสร้างจนเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พระราชวังที่หรูหราแห่งนี้ ใช้เวลาสร้างราว 1 ปี อีกทั้งยังได้นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดของประเทศมาใช้อีกด้วย และนี่คือพระราชวังของแคว้นฮวง….พระราชวังป๋ายจินฮ่าน
เมื่อสิบวันก่อน กงเซินจ่างได้ส่งที่ปรึกษาเจี่ยเกาเต๋อไปยังพระราชวังป๋ายจินฮ่าน และได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิท่าป๋าเฟิงของแคว้นฮวง
แคว้นฮวงส่งกองกำลังทหารจำนวน 20,000 นาย โดยมีท่านนายพลท่าป๋าฉง นายพลใหญ่ของแคว้นฮวงเป็นผู้บัญชาการ เขามุ่งหน้าไปยังภูเขาผิงหลิง เพื่อช่วยเหลือกงเซินจ่าง เข้าปราบปรามกับกองทัพทหารทางเหนือของราชวงศ์หยู
ตอนนี้กองกำลังทหารได้เดินทางมาถึงเชิงเขาเป่ยซานแล้ว พวกเขาละทิ้งม้าและเดินเท้าเข้าไปในเทือกเขาอันกว้างใหญ่แห่งนี้
ขณะเดียวกันกองพลที่สามที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของหวังเสี่ยวจ้วง ก็กำลังเคลื่อนพลจากทางตะวันออกของภูเขาผิงหลิงอ้อมเข้าไปยังเนินเขาจืออู่ในภูเขาเป่ยซาน
เป้าหมายของกองพลสามคือการไล่ตัดกำลังพลกงเซินจ่าง เพื่อป้องกันมิให้กงเซินจ่างหลุดรอดไปถึงเขตประเทศรกร้าง
ที่นี่ฝนได้เทลงมาราวกับฟ้าจะถล่มทั้งวันทั้งคืน
กองพลที่สามวิ่งฝ่าสายฝนเข้าไปในภูเขา ไม่นานหน่วยสอดแนมก็ได้รีบวิ่งกลับออกมาเพื่อรายงานข่าว
“รายงานท่านผู้บัญชาการกองพล ไหล่เขาทางด้านขวามีกระโจมชั่วคราวตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก คาดว่ามีทหารราว 20,000 นาย ทหารเหล่านั้นมิใช่กองกำลังของกงเซินจ่าง แต่ดูจากเครื่องแต่งกายแล้ว เป็นทหารของแคว้นฮวงขอรับนายท่าน ! ”
หวังเสี่ยวจ้วงรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งนัก ชาวฮวงเยี่ยงนั้นหรือ ?
แล้วเหตุใดชาวฮวงถึงมาอยู่ที่นี่กัน ?
ทหารชาวฮวง 20,000 นายเยี่ยงนั้นหรือ นี้มันลาภก้อนใหญ่เลยนี่ แววตาของหวังเสี่ยวจ้วงแปรเปลี่ยนเป็นความโลภทันที
“การป้องกันแน่นหนาเพียงใด ? ”
“มิมีการป้องกัน มีเพียงหน่วยสอดแนมสองสามนายคอยสอดส่องเท่านั้น ในกระโจมมีเสียงการพนันและดื่มสุราดังออกมาขอรับ”
หวังเสี่ยวจ้วงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วเรียกผู้บังคับบัญชากองพันทั้งสามของเขามา
“จากที่ข้าได้ไตร่ตรองดูแล้ว ทหารของแคว้นฮวงเหล่านี้มาที่นี่เพื่อช่วยเหลือทัพของกงเซินจ่างอย่างแน่นอน หากว่าพวกเราทำตามแผนที่วางไว้ มิให้พวกมันไปถึงเทือกเขาจืออู่ได้ ก็เท่ากับว่าพวกเราทำภารกิจที่ไป๋ยู่เหลียนมอบหมายให้สำเร็จ แต่หากคิดอีกที เมื่อถึงเวลาที่พวกเราเปิดการโจมตีกงเซินจ่าง ทหารของแคว้นฮวงเหล่านี้ก็จะโจมตีพวกเราจากทางด้านหลังแทน… ถ้าเป็นเยี่ยงนั้นคาดว่าคงจะยุ่งยากมากยิ่งขึ้นเป็นแน่”
“ดังนั้นที่ข้าหมายถึงก็คือใช้ประโยชน์จากคืนที่ฝนตกเช่นนี้ จัดการทหารของแคว้นฮวง 20,000 นายเหล่านั้นเสีย พวกเจ้าคิดว่าเยี่ยงไร จะใช้แผนเดิมหรือจะเปลี่ยน พวกเจ้าเสนอมาเถิด ข้ายอมรับฟัง ! ”
เย๋หม่าจากกองพันหนึ่งยกมือขึ้นทันที “จัดการมันเลย มิมีอันใดต้องคิดแล้ว ! ”
จ้าวอี้โป จากกองพันสองยกมือขึ้นด้วย “ใช่ ฆ่าพวกมันเสียให้สิ้น อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว ! ”
ถูฟูจากกองพันสามค่อย ๆ ยกมือขึ้นช้า ๆ “พวกท่านมิจำเป็นต้องถามความคิดเห็นของข้า เยี่ยงไรเสียข้าก็เห็นด้วยอยู่แล้ว”
หวังเสี่ยวจ้วงจ้องมองไปยังถูฟู เขาใช้มือสัมผัสเม็ดฝนบนใบหน้า และเริ่มเตรียมการอย่างระมัดระวัง
“อย่าได้ประมาทข้าศึกเป็นอันขาด เนื่องจากทหารที่แคว้นฮวงส่งมานั้น ล้วนเป็นผู้ที่มีฝีมือระดับสูง คืนนี้มีฝนตกหนัก ถือโอกาสนี้ลองปืนพกของพวกเราเสีย กองพันที่หนึ่งล้อมจากทิศตะวันตก กองพันที่สองอ้อมไปทางทิศตะวันออก ส่วนกองพันที่สาม ถูฟู ให้ทหารของท่านแยกกันไปซุ่มโจมตี จำไว้ว่ายิงได้เมื่อจำเป็น และข้าก็มิอยากให้ทหารของพวกเราต้องมาตายตกที่นี่ ! ”
“รับทราบ… ! ”
ผู้บังคับบัญชากองพันทั้งสามตะโกนเรียกรวมพล เพื่อจัดแจงแผนการรบ ทหารกองกำลังพิเศษ 1,000 นายเตรียมพร้อมในการปฏิบัติภารกิจที่ผู้บังคับบัญชากองพันมอบหมาย จากนั้นก็วิ่งหายไปกลางสายฝน
ท่าป๋าฉงกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ท่ามกลางเหล่าทหารในค่าย
นายพลของเขาหลายคนก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน และเริ่มพากันบ่น
“ที่แห่งนี้ถนนสักเส้นก็ยังมิมี มีแต่ป่าทึบที่เต็มไปด้วยขวากหนาม พวกเราล้วนแต่เป็นทหารม้าที่เก่งกาจบนทุ่งหญ้า แต่พวกเจ้าดูสิตอนนี้พวกเรามิต่างกับหนูบนภูเขาเลยนี่ ข้าว่านะ พวกเราปล่อยให้กงเซินจ่างโจมตีไปสักพักก่อน แล้วพวกเราค่อยตามไปทีหลัง”
“ท่านนายพล แล้วพวกเราจะได้อะไรจากการช่วยเหลือกงเซินจ่างเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“หุบปากประเดี๋ยวนี้ ! ” ท่าป๋าฉงตะคอกเสียงดัง ภายในกระโจมจึงเงียบเสียงลงทันใด
“นี่คือแผนการของราชครู พวกเจ้ามีหน้าที่เพียงแค่ทำตามเท่านั้น จำเอาไว้ว่าพวกเราเป็นกองทหารม้าดำผู้เกรียงไกรแห่งแคว้นฮวง หลังจากที่พวกเราไปรวมพลกับกงเซินจ่างที่ภูเขาเป่ยซานเพื่อเข้าต่อสู้กับเผิงเฉิงอู่ เวลานี้แหละพวกเราจะต้องแสดงพลังของกองทหารม้าดำออกมา ! ”
เขาลุกขึ้นยืนมองนายพลที่กำลังนั่งอยู่แล้วเอ่ยว่า “กองทหารม้าดำเมื่ออยู่บนหลังม้ามิมีผู้ใดเทียบเคียงได้ และบัดนี้ข้าต้องการให้เผิงเฉิงอู่รู้ว่า ถึงแม้กองทหารม้าดำจะลงจากหลังม้าก็มิมีผู้ใดสามารถเทียบเคียงได้เช่นกัน ! ”
“ถ้าหากชนะการรบในครานี้ ด่านภูเขาเยี่ยนก็จะมิมีอีกต่อไป ! แคว้นฮวงเมื่อเดินทางลงใต้ ก็จะมิมีอุปสรรคใดกั้นอีก เช่นนั้นเจ้าเข้าใจในการรบครานี้แล้วหรือยัง ?
“อย่าเพิ่งชะล่าใจไป ถ้าเพียงแค่นี้ยังรบแพ้… ข้าจะหั่นพวกเจ้าทีละคน ! ”
ในขณะที่ท่าป๋าฉงกำลังให้โอวาทแก่เหล่านายพลทั้งสามกองพันอยู่นั้น ถูฟูได้ลอบนำทหารกองพันที่สามเคลื่อนย้ายเข้าไปในกระโจมใหญ่ของกองทัพฮวง
ถูฟูให้สัญญานมือสองสามครา เพื่อลอบสังหาร เชือดคอ บุก !
ทหารรบพิเศษกว่าสองร้อยนายเข้าโจมตีกระโจมทีละหลัง สิ่งที่พวกเขาถืออยู่ในมือคือมีดที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษโดยสำนักอาวุธของภูเขาเฟิ่งหลิน
ทหารรบพิเศษที่เหลืออีก 100 นายกระจายตัวอยู่นอกกระโจมเพื่อเฝ้าดูด้านหน้าอย่างระแวดระวัง เพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกออกลาดตระเวน
ในเวลาเดียวกัน กองพันที่หนึ่งและกองพันที่สองได้เดินทางมาจากด้านตะวันตกและตะวันออกในที่สุดก็ได้มาถึงค่ายศัตรู พวกเขาใช้กลยุทธ์เดิม คือต้องชิงฆ่าให้ได้มากที่สุด ก่อนที่พวกศัตรูจะรู้ตัว
ทหารของแคว้นฮวงหลายคนยังมิทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น คอของพวกเขาก็ถูกตัดขาดไปเสียแล้ว แม้แต่เสียงร้องสักนิดก็ยังมิมี
ในสถานที่ที่ห่างไกลเยี่ยงนี้ สภาพอากาศบัดนี้มีพายุรุนแรงยิ่ง มิว่าผู้ใดก็คิดมิถึงว่าจะมีกลุ่มคน 1,000 คนมายังที่แห่งนี้ และยังเปิดฉากการโจมตีอย่างแข็งขันอีกด้วย !
เทพสังหารเหล่านี้ดูราวกับตกลงมาจากสรวงสวรรค์ วิธีการของพวกเขาทั้งเรียบง่ายและตรงไปตรงมา กระโจมหนึ่งหลังสามารถอยู่ได้ 10 คน แต่บัดนี้กลับมีทหารของแคว้นฮวงถึง 30 คนอยู่ในนั้น
ในขณะที่ทหารของแคว้นฮวงกำลังอยู่ในอารามตกตะลึง พวกเขาก็ได้ยิงลูกธนูสวนออกไป แทงทะลุหน้าอกของเหล่าทหารของแคว้นฮวง
เพียงมิกี่อึดใจ สามสิบคนที่อยู่ในกระโจมก็ได้ตกตายไปทั้งหมด
ทหารเหล่านี้ร่วมมือกันดึงลูกธนูที่ยิงใส่ข้าศึกออก แต่ลูกธนูก็ได้แทงทะลุหน้าอกเสียแล้ว
เฉียนห้าวเป็นทหารยศเล็ก ๆ ในกองร้อยที่สอง หมวดที่สองของกองพันที่หนึ่ง และเขายังเป็นสมาชิกของหน่วยฝึกดาบเทวะอีกด้วย
นี่เป็นคราแรกที่เขามีส่วนร่วมในการปฏิบัติการดังกล่าว และยังเป็นการฆ่าคนคราแรกของเขาอีกด้วย
มือข้างซ้ายของเขาถือธนูไม้ ส่วนมือขวากำดาบแน่น เขาตามหลังหัวหน้าหน่วยเยียนกุ๋ยไปอย่างใกล้ชิด พวกเขาบุกเข้าโจมตีผู้บังคับบัญชากองพันทั้งสามของแคว้นฮวง แต่เขากลับมิได้ยิงธนูหรือใช้ดาบแทงศัตรูเลยสักครา
เมื่อเขาออกมาจากกระโจม เยียนกุ๋ยตบไปไหล่ของเขาว่า “เจ้าหนู ตอนที่ฝึกเจ้าทำได้ดีมากนี่ เหตุใดพอถึงเวลาจริงกลับมิได้เรื่องเลยเล่า ? ”
“หัวหน้าหน่วย ข้า…ข้ารู้สึกประหม่านิดหน่อย”
“ประหม่าอันใดกันเล่า เจ้าลืมคำเอ่ยที่ไป๋ยู่เหลียนเคยเอ่ยไปแล้วหรือเยี่ยงไร นี่มิใช่การฆ่าคน นี้คือการฆ่าหมู รีบ ๆ เข้าล่ะ เพียงแค่เจ้าได้ฆ่าคราแรก เจ้าก็จะพบว่าการฆ่าหมูมันง่ายถึงเพียงใด”
“อืม ! ” เฉียนห้าวพยักหน้า เยียนกุ๋ยหยิบบ้องยาสูบอันเก่าของเขาออกมา แต่ภายในบ้องกลับมิมีใบยาสูบอยู่
เขาเพียงแค่อมไว้ในปากเฉย ๆ ในใจพลันคิดไปว่าเจ้าหนูนี้ยังอ่อนหัด ต้องมาเห็นสภาพเลือดเยี่ยงนี้… มิอาเจียนออกมาก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
พวกเขาเข้าไปในค่ายทหาร ขณะที่เยียนกุ๋ยกำลังเยียบเท้าเข้าไปในค่าย ทันใดนั้นทหารของแคว้นฮวงคนหนี่งก็กระโดดขึ้นมา ในมือถือดาบเล่มยาวพร้อมกับกระโจนเข้ามาเพื่อที่จะฆ่าเยียนกุ๋ย