พื้นเก้าอี้ตัวนั้นสีน้ำตาลแดง ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร เมื่อนั่งลงไปกลับนุ่มยวบดูสบาย
อวี้ถังใคร่รู้อย่างยิ่ง กลับไม่กล้าถามออกไป
เผยเยี่ยนโบกมือส่งๆ สาวใช้หน้าตาหมดจดทั้งสองคนจึงพากันถอยออกไป
อาหมิงนำของว่างน้ำชามาให้อวี้ถัง
ยามนี้เผยเยี่ยนจึงเอ่ยขึ้น “เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดกัน?”
อวี้ถังรีบละล่ำละลักส่งใบชาในมือให้อาหมิง “หลายวันก่อนข้าไปซูโจวมา ซื้อใบชามาหลายกล่อง ดื่มดูแล้วรสชาติดีไม่น้อย จึงนำมาให้ท่านชิมสองกล่องเช่นกัน”
สกุลเผยมีไร่ชากว้างใหญ่คณานับ
นอกจากทางหลินอัน ในสวนดอกเหมยก็มีเช่นกัน
มุมปากเผยเยี่ยนกระตุกขึ้น
อวี้ถังรู้ว่านางกำลังแกว่งขวานหน้าช่างมีฝีมือ ก็ไม่คิดจะพูดดีใส่ตัว เอ่ยออกไปตามสัตย์จริง “ข้ารู้ว่าสำหรับท่านของพวกนี้ไม่ได้หายาก แต่ข้ามาพบท่านถึงเรือน อย่างไรก็ไม่อาจมามือเปล่าได้ ท่านก็คิดเสียว่าเป็นของฝากจากข้า ให้ข้าสบายใจหน่อยเถิด!”
หลักการอะไรกัน!
เผยเยี่ยนชำเลืองมองนางไปทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไรกับเรื่องใบชาอีก ให้อาหมิงรับไว้ นำไปวางในห้องหนังสือเขาเพื่อใช้รับรองแขก
อวี้ถังลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดว่าเผยเยี่ยนผู้นี้ภายนอกเย็นชาภายในอ่อนโยน ดูเหมือนเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ความจริงก็เป็นคนที่อบอุ่นใจกว้าง
ชั่วขณะนั้นนางก็เปลี่ยนเป็นกระฉับกระเฉงขึ้นมา
เผยเยี่ยนยังชี้ไปที่จานผลไม้บนโต๊ะชา “กินแตงโมหรือสาลี่? ล้วนเป็นผลไม้ที่ส่งมาจากสวนของเช้าตรู่วันนี้”
คำพูดเอ่ยถึงเรื่องธรรมดาทั่วไป
ในใจของอวี้ถังยิ่งผ่อนคลายลงมา นางเอ่ยขอบคุณเผยเยี่ยนด้วยรอยยิ้ม จิ้มสาลี่ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เอ่ยไปพลาง “ได้กินสาลี่เร็วถึงขนาดนี้ เป็นสวนที่อยู่ในหลินอันตรงนั้นรึ?”
“อืม!” เผยเยี่ยนพยักหน้า “ข้าให้คนลองปลูกสาลี่เร็วขึ้นหน่อย คาดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะใช้ได้ ปีหน้าก็คงขายให้พ่อค้าเร่ได้แล้ว”
อวี้ถังจิตใจห่อเหี่ยวไม่น้อย
ไฉนเผยเยี่ยนจึงปลูกพืชปลูกไม้เก่งขนาดนี้?
นางเอ่ย “เช่นนั้นในสวนท่านยังปลูกอะไรอีกบ้าง?”
เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างเอื่อยเฉื่อย “มากมายนับไม่ถ้วน ไม่อาจนึกได้ในเวลาสั้นๆ พวกเขามาถามบางครั้งบางคราว ข้าก็พูดไป หากปลูกติดก็ให้รางวัล ปลูกไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร คิดเสียว่าเป็นประสบการณ์”
นี่ก็คือการหว่านแหจับปลาทีละมากๆ แล้วค่อยเลือกเก็บตัวดีๆ เอาไว้สินะ
อวี้ถังถาม “เช่นนั้นสกุลพวกท่านมีสวนมากมายเท่าใดกัน?”
“นึกไม่ออกในช่วงสั้นๆ เช่นกัน” เผยเยี่ยนเอ่ย “ต้องดูสมุดบัญชี”
คาดว่าไม่อาจบอกกับนางที่เป็นคนนอกเสียมากกว่า
อวี้ถังไม่ได้ซักไซ้ต่อ ชี้ไปที่สาลี่ในจานแก้วด้วยรอยยิ้ม “สาลี่นี้หวานอย่างยิ่ง นึกไม่ถึงว่าจะยังหวานติดลิ้น”
เผยเยี่ยนผงกศีรษะ “น่าเสียดายที่เนื้อร่วนไปหน่อย คาดว่าคงขายไม่ได้ราคาเท่าไร ยังต้องให้พวกเขาหาวิธีต่อไป”
ยามนี้อวี้ถังจึงอดไม่ไหว “เหตุใดท่านจึงรู้เรื่องพวกนี้กัน?”
เผยเยี่ยนมองนางแวบหนึ่งอย่างไม่เข้าใจ “อ่านตำราสิ ไม่ว่าอะไรก็มีในตำราทั้งนั้น”
ความคิดชั่วร้ายในใจอวี้ถังทำงานทันที คิดว่าหากตำรามีทุกอย่าง ไฉนมีเพียงเผยเยี่ยนที่ปลูกเป็นคนเดียวเล่า?
นางเอ่ย “เช่นนั้นตำราที่ท่านอ่านคงไม่เหมือนกับคนอื่นกระมัง?”
เผยเยี่ยนกลับเลิกคิ้วอย่างดูแคลน “คงเป็นเพราะบัณฑิตพวกนั้นลำพองตนว่าเป็นผู้สูงส่ง ไม่ยินดีจะเรียนรู้เรื่องเรือกสวนไร่นาเช่นนี้มากกว่า”
บิดาของนางกลับเต็มใจเรียนรู้ แต่ไม่ว่าจะเรียนอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ปลูกต้นไม้ใบหญ้าล้วนตายสิ้น ไม่เหมือนกับมารดานางที่ยังพอใช้ได้
อวี้ถังไม่เชื่อ “ตำราปลูกพืชผลไม้ไม่ได้มีมูลค่าราคา ให้คนอื่นยืมดูได้หรือไม่?”
เผยเยี่ยนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยากอ่านรึ?”
อวี้ถังพยักหน้าระรัว เอ่ยอย่างกระดากอาย “สกุลข้าก็ไม่ใช่ว่ามีที่ทางภูเขาหรอกรึ?”
เผยเยี่ยนไม่ได้ใส่ใจนัก เอ่ยว่า “เจ้ากำลังปรับปรุงพื้นที่ผืนนั้นอยู่รึ? แต่เจ้าก็นับว่าเป็นคนหัวรั้นอยู่บ้าง ปกติคนเช่นนี้ก็มักประสบความสำเร็จ เจ้าค่อยๆ ปรับปรุงไปแล้วกัน ข้าจะให้คนเก็บตำรามาให้เจ้า เจ้าเอาไปอ่านดูก่อน มีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามพ่อของเจ้าไม่ก็ถามพวกชาวไร่ชาวนาที่เช่าสวนพวกเจ้า”
“ถามท่านพ่อของข้า?” อวี้ถังคาดว่าบิดาของนางก็คงไม่รู้เรื่องเช่นกัน
เผยเยี่ยนมองแวบเดียวก็รู้ทันทีว่านางกำลังคิดอะไร เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พ่อของเจ้าอาจจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับทำไร่ทำนา แต่เขารู้หนังสือ! หากพบส่วนที่อ่านไม่เข้าใจ เจ้าก็ถามพ่อเจ้าว่าหมายความว่าอย่างไร จากนั้นก็ค่อยไปถามพวกชาวไร่ชาวสวนที่ปลูกพืชผลให้พวกเจ้า ปกติคนพวกนั้นก็ชำนาญเรื่องเพาะปลูกอยู่แล้ว”
หรือเผยเยี่ยนก็จัดการกับไร่สวนอย่างนี้เช่นกัน?
แค่จากในตำราก็รู้แล้วว่าต้องเพาะปลูกอย่างไร? ช่างแปลกประหลาดเสียจริง! ไม่ใช่ว่าทุกคนเรียนรู้จากคนสวนในเรือนจึงปลูกต้นไม้เป็นอย่างนั้นหรอกรึ? หรือเพราะเขาเป็นประเภทที่ไม่เหมือนคนอื่น ดังนั้นจึงมีความสามารถในการเพาะปลูกเป็นพิเศษ?
อวี้ถังขบคิดอยู่ในใจ ก่อนจะได้ยินเผยเยี่ยนเรียกอาหมิงเข้ามา ให้อาหมิงไปหยิบพวกตำรา บันทึกทำสวน สารานุกรมกสิกรรม อุปกรณ์เพาะปลูก ร้อยเรื่องห้องหนังสือ…พูดชื่อตำราประมาณเจ็ดแปดชื่อ “นำไปห่อให้คุณหนูอวี้ด้วย”
อาหมิงมองอวี้ถังอย่างสงสัย อาจจะคิดไม่ตกว่าเหตุใดอวี้ถังจึงยืมตำราจากเผยเยี่ยน
อวี้ถังใบหน้าร้อนผ่าวอยู่บ้าง แต่นางอยากกระจ่างใจจริงๆ ว่าเหตุใดชาติก่อนเผยเยี่ยนจึงปลูกต้นซาจี๋ที่พื้นที่ของสกุลพวกเขาได้ ท้ายที่สุดยังทำเป็นผลไม้เชื่อม ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ นางจึงทำเป็นไม่เห็นไป ทั้งเห็นว่ายามนี้เผยเยี่ยนเป็นกันเองกับนาง บรรยากาศกำลังดี นางจึงบอกถึงจุดประสงค์ที่มาอย่างใจกล้า “ท่านได้ยินข่าวหรือไม่? สกุลหลี่ที่อยู่ทางใต้ หมายถึงนายท่านหลี่ที่เป็นข้าหลวงในรื่อเจ้า ได้ยินว่านายท่านหลี่รั้งตัวอยู่ในเมืองหลวง รับตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าสำนักทงจิ้ง?”
เผยเยี่ยนมองนาง “เจ้ามาก็เพราะเรื่องนี้?”
อวี้ถังกระแอมไอสองครั้ง แก้ต่างอย่างไม่เป็นตัวเอง “ไฉนท่านจึงพูดเช่นนี้? ข้าก็เพียงสงสัยเท่านั้นหรอก? อีกอย่าง เมืองหลินอันแห่งนี้ ยังมีใครที่สันทัดเรื่องข่าวสารกว่าท่านอีก? สกุลหลี่และสกุลกู้ถอนหมั้นกัน ทั้งยังเลื่อนตำแหน่ง ข้าไม่คิดมากได้หรือ?”
เผยเยี่ยนมองพินิจอวี้ถังตั้งแต่หัวจรดเท้า
เดิมทีเขาอยากบอกให้นางรู้ว่าเขาดูแคลนท่าทีดีใจที่คนอื่นเป็นเดือดร้อนเช่นนี้ของนาง แต่เมื่อกวาดสายตามองดูแล้ว เห็นดวงตากลมโตของนางวาบวาวด้วยความดีใจ แก้มที่ขึ้นสีลูกท้อเพราะความตื่นเต้น ทั้งสีหน้าเจ้าเล่ห์ที่เผยออกมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกคล้ายใจเต้นตึกตักขึ้นมา หายใจติดขัดอยู่บ้าง
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
เผยเยี่ยนคิดจะยกมือสัมผัสหน้าอกของตัวเอง แต่ยามที่มือเพิ่งขยับ กฎระเบียบและคำสั่งสอนที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกตั้งแต่เด็กก็ยับยั้งไม่ให้เขากระทำการไม่เหมาะสมเช่นนี้ เขาหักนิ้วตัวเอง กำเป็นหมัดอย่างรู้แล้วรู้รอดไป ความเคลือบแคลงในใจกลับเพิ่มมากขึ้น
เหตุใดคนอย่างคุณหนูอวี้จึงทำให้เขาใจสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหันได้?
เพราะเขาไม่คอยมีโอกาสคลุกคลีกับเด็กสาว? เพราะแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีเด็กผู้หญิงไม่สงวนกิริยาต่อหน้าเขาเช่นนี้? หรือเพราะวันนี้เขาว่างงาน จึงมีใจ มีเวลาพาลหาเรื่องคุณหนูอวี้? หรือเพราะว่าคุณหนูอวี้ที่เผยท่าทีเช่นนี้งดงามขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด?
เผยเยี่ยนมองพินิจนางอีกครั้ง
อวี้ถังลอบเบะปากในใจ
เผยสยากวงผู้นี้ เป็นเหมือนบัณฑิตคนอื่นไม่ผิดเพี้ยน ปฏิบัติตามหลักคำสอน ‘สิ่งที่ไม่งามก็อย่ามอง สิ่งที่ผิดจริยาอย่าได้พูด’ แม้ในใจจะอยากรู้อยากเห็นเท่าใด ก็ไม่อาจติฉินนินทาผู้อื่นส่งเดชได้ ทั้งยังต้องห้ามปรามผู้อื่นเช่นกัน
ในสายตาผู้อื่น นี่คงเป็นลักษณะของสุภาพบุรุษ ประพฤติชอบทั้งกิริยาวาจา แต่ในความคิดของนาง กลับจำเจน่าเบื่อหน่าย ดูเหมือนแสร้งทำเป็นซื่อ
ก็ไม่รู้ว่าภรรยาของคนพวกนี้ทนใช้ชีวิตแบบนั้นได้อย่างไรกัน
ยังดีที่บิดาของนางไม่ใช่คนอย่างนั้น รู้จักช่วยมารดานางปลูกดอกไม้ใบหญ้า ทั้งยังพูดเรื่องสนุกยิบย่อยในเรือนกับมารดาอย่างสบายๆ
แต่เผยเยี่ยนมองพินิจแล้ว กลับจำต้องยอมรับว่า ท่าทีเช่นนี้ของคุณหนูอวี้มีเสน่ห์เหลือล้น
แต่ปกติคุณหนูอวี้ก็งดงามอยู่แล้ว เหตุใดวันนี้เขาจึงรู้สึกว่าพิเศษกว่าวันอื่นเล่า?
เผยเยี่ยนครุ่นคิด ก่อนจะเห็นคุณหนูอวี้ที่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเขา ค่อยๆ เม้มริมฝีปากแย้มยิ้มขึ้นมา
น่ารักสดใสเป็นอย่างยิ่ง
แตกต่างจากท่าทีเคร่งขรึมจริงจังที่ชอบเผยยามที่อยู่เบื้องหน้าเขาโดยสิ้นเชิง
คล้ายกับว่า ก่อนหน้านี้นางต้องพยายามทำตัวเป็นคุณหนูในห้องหับ จู่ๆ ก็ถอดเปลือกนอกของกุลสตรี จึงเผยท่าทีความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง เผลอเป็นตัวของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง
เหมือนกับกระดาษแผ่นหนึ่ง เมื่อมีความรู้สึกเป็นของตัวเอง ก็จะมีความพิเศษของตัวเอง เปลี่ยนเป็นโดดเด่นแตกต่างจากคนอื่นขึ้นมา
คนเช่นนี้จะไม่ทำให้คนอื่นประทับใจได้อย่างไร?
เผยเยี่ยนพลันกระจ่างใจ
กลับไม่ได้ตระหนักถึงว่า คุณหนูอวี้ผู้นี้ได้เปลี่ยนแปลงเป็นคนที่มีชีวิตชีวาสดใสในภาพจำของเขา ไม่ได้เป็นเพียงคุณหนูที่มีความกล้าและรอบรู้ในสกุลบัณฑิตอีกต่อไปแล้ว
ความผ่อนปรนที่เขามีต่อนางก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น
“เจ้าไม่ได้อยากรู้หรือว่าการฟ้องร้องครั้งนั้นของเจ้ามีผลอย่างไร?” เผยเยี่ยนมองผ่านความใคร่นินทาของอวี้ถังไปทันที เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เจ้าทำสำเร็จแล้ว!”
“จิรงรึ?” ความดีใจของอวี้ถังพรั่งพรูขึ้นมา นางแทบจะกระโดดโผลง แต่นางก็รู้ว่ายังไม่ใช่เวลา แววตาที่ระยิบระยับพร่างพราวนั้นมองมาที่เผยเยี่ยน “เกี่ยวข้องกับฟ้องร้องของข้าจริงๆ อย่างนั้นรึ? คาดไม่ถึงว่าสกุลกู้จะให้ความสำคัญกับคุณหนูกู้เพียงนี้ รู้ว่าหลี่ตวนไม่ใช่คนดีอะไร ก็ช่วยให้คุณหนูกู้ถอนหมั้นไป ถึงกระทั่งเพื่อชื่อเสียงของคุณหนูกู้ ยังเสียแรงมากมายช่วยหาตำแหน่งดีๆ ให้นายท่านหลี่ เช่นนี้ข้าก็นับว่าทำเรื่องดีกระมัง…”
นางนั้นมองสกุลหลี่อย่างทะลุปรุโปร่ง
สกุลกู้ถอนหมั้น สำหรับหลี่ตวนเป็นเรื่องที่อัปยศอดสู
แม้ว่าสกุลหลี่จะสานสัมพันธ์กับสกุลกู้ต่อ แต่ในใจก็มีรอยร้าว ย่อมไร้ทางที่จะจริงใจเหมือนในชาติก่อน ส่วนสกุลกู้ ในเมื่อถอนหมั้นแล้ว ย่อมมองไม่เห็นหัวของสกุลหลี่อีก ครั้งนี้ให้ตำแหน่งสกุลหลี่เป็นการแลกเปลี่ยน คงมิอาจมีครั้งหน้าได้อีกแล้ว
ภายหลังนางอยากจัดการกับสกุลหลี่ ก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายแล้ว!
เผยเยี่ยนเห็นนางเผยท่าทีดีอกดีใจ ยังคิดไปว่านางคงรู้สึกว่าเรื่องที่ตนเองทำนั้นถูกต้อง
เขากระตุกมุมปาก เอ่ยอย่างเชื่องช้า “เจ้ามีอะไรให้ดีใจขนาดนั้นเชียว? สกุลกู้เพียงดูแคลนที่หลี่ตวนไร้ความสามารถเท่านั้น เกี่ยวข้องอะไรที่หลี่ตวนจะนิสัยดีไม่ดี?”
อวี้ถังเบิกตาโต
หรือไม่ใช่เพราะว่าหลี่ตวนทำเรื่องผิด?
ดวงตาของนางเผยความรู้สึกตกใจ ไม่เข้าใจ สับสน และสงสัยอย่างชัดเจน
อารมณ์ร้อยแปดพันเก้าปรากฏอยู่บนใบหน้า ก็ไม่รู้จักปิดบังผู้อื่นเสียบ้าง!
มิน่าเล่าจึงเอาแต่เผยพิรุธต่อเบื้องหน้าเขา
เผยเยี่ยนนินทาในใจ
สนใจต่อความสงสัยเล็กๆ นั้นเป็นอย่างยิ่ง
เขารู้ว่าเขาควรให้นางกลืนความสงสัยเล็กๆ นั้นกลับลงไป ทั้งยังต้องขอโทษแก่เขาด้วย
ด้วยเหตุนี้เผยเยี่ยนจึงเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย “เชื่อมสัมพันธ์ทั้งสองสกุลเป็นเรื่องดี เดิมทีก็เพื่อเอื้อเฟื้อผลประโยชน์แก่กัน สกุลกู้ต้องการคนในแวดวงขุนนางคอยให้ความช่วยเหลือกู้เจาหยางคนหนึ่ง สกุลหลี่ก็ต้องการเส้นสายข้าราชการของสกุลกู้ แต่ก่อนหน้านั้นหลี่ตวนต้องเป็นคนที่พึ่งพาได้ แต่เจ้าดูหลี่ตวนทำเรื่องพวกนั้น? กระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเจ้ายังสู้ไม่ได้ ลูกเขยไร้ประโยชน์ แรงหักคอไก่ยังไม่มีเช่นนี้ จะเอามาทำอะไร? งานมงคลครั้งนี้ย่อมล้มเลิกไป ไม่เกี่ยวข้องกับสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวแม้แต่น้อย ประเด็นอยู่ที่ว่าหลี่ตวนไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่มีความสามารถเอง”
เป็นอย่างนั้นจริงๆ รึ?
แต่ชาติก่อน กู้ฉ่างดีต่อกู้ซีจริงๆ
นางไม่ค่อยเชื่อว่าระหว่างกู้ฉ่างและกู้ซี ผลประโยชน์จะสำคัญกว่าความเป็นพี่น้องได้
อวี้ถังเอ่ยอย่างอ่อนแรง “เช่นนั้น เรื่องถอนหมั้น คงจะเป็นคุณชายใหญ่กู้ออกหน้ากระมัง?”