หลินเช่อรีบดื่มน้ำผลไม้อึกใหญ่ ถึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมาก
เธอเงยหน้าขึ้น มองเจ้าของร้าน “กุ้งมังกรของคุณก็เผ็ดเกินไปหน่อย”
เจ้าของร้านตกใจ เป็นทุกข์อยู่ในใจ แต่เขาไม่พูด
ก็คุณผู้หญิงอยากได้ชาที่สุด เผ็ดที่สุดเองนี่นา ตอนนี้ทำไมมาโทษว่าเขาทำเผ็ดเกินไปล่ะ
ตอนแรกเขาแทบไม่กล้าใส่เครื่องปรุง มองดูพวกเขาแล้วก็ยิ่งกลัวว่ามันจะไม่เผ็ดไม่ชา จึงใส่ลงไปเยอะกว่าเดิมนิดหน่อย…
เจ้าของร้านบอก “งั้นเดี๋ยวผมทำให้ใหม่ก็ได้ครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” หลินเช่อบอก “ขออะไรเปรี้ยวๆ สักจานก็พอแล้วค่ะ”
เจ้าของร้านรีบไปทำให้
ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะคุยง่ายแบบนี้
หลินเช่อสูดลมหายใจลึกแล้วบอก “คุณไม่กินเหรอคะ”
“ไม่ล่ะ”
หลินเช่อบอก “อันนี้นานๆ กินทีมันอร่อยมากเลยนะคะ คุณไม่ลองคงน่าเสียดายแย่”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเธอกินเสร็จแล้วฉันค่อยกิน” กู้จิ้งเจ๋อบอก
“ฉันกินหมดแล้ว คุณจะกินอะไรล่ะคะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองริมฝีปากของเธออย่างมีเลศนัย “ฉันแค่ชิมก็พอ แค่มีรสชาติ ก็พอแล้ว”
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของกู้จิ้งเจ๋อ หลินเช่อยู่ปากบอก “ไปเลยนะ ไม่เอาหรอก”
กู้จิ้งเจ๋อบอก “อะไร ฉันบอกว่าชิมเครื่องที่เหลืออยู่ในถ้วยก็พอแล้ว”
“…”
แววตาของกู้จิ้งเจ๋อสว่างวาบ “ทำไม เธอคิดว่าฉันหมายถึงตรงไหนล่ะ”
“…”
กู้จิ้งเจ๋อบอก “ก็จริง วันนี้โดนคนรบกวน ไม่ได้ทำอะไรที่ควรทำกับเธอที่โรงแรม…พอดีตอนนี้มีเวลา งั้นฉันก็…”
เขาก้มหน้าลงมา ห่างเพียงโต๊ะ จูบเขาๆ ลงบนริมฝีปากของเธอ
จากจูบธรรมดา ค่อยๆ ล้ำลึกมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอเลาะเล็มชิมริมฝีปากที่อวบอิ่มของเขา รับรู้ได้ถึงความร้อนระอุในตัวเขา หัวใจพลันรู้สึกถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังตอบสนองให้ความร่วมมือกับเขาเป็นอย่างดี ค่อยๆ ลิ้มชิมรสชาติของเขา
กู้จิ้งเจ๋อเปรียบเสมือนยาเย็นที่คอยปลอบโยนเธอ หนามที่คอยทิ่มตำในหัวใจของเธอ ค่อยๆ สลายหายไปทีละนิด
หลินเช่อคิด บางทีเธออาจจะทำไม่ถูกเอง ไม่เคยคิด ว่าจะมีคนชื่นชมกู้จิ้งเจ๋อขนาดนี้
และช่วงหลายวันมานี้ หยางหลิงซินก็วนเวียนอยู่รอบตัวกู้จิ้งเจ๋อ มองดูชีวิตของเธอและกู้จิ้งเจ๋อ คงจะทนไม่ได้
จึงได้ทำเรื่องบ้าขนาดนี้
ขนาดตัวหลินเช่อเอง ตอนแรกคิดว่าจะห้ามใจตัวเองได้ สุดท้ายก็ห้ามใจเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
อยู่ใกล้กู้จิ้งเจ๋อขนาดนี้ ยิ่งจะห้ามใจไม่อยู่ ความงามของเขา ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในใจ
เมื่อได้ทานกุ้งมังกรผัดหมาล่าแล้ว อารมณ์หลินเช่อก็ดีขึ้นไม่น้อย เมื่อเดินออกมาพร้อมกับกู้จิ้งเจ๋อ เธอพบว่าในร้านไม่เหลือใครแล้ว เจ้าของร้านยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางนอบน้อม
กู้จิ้งเจ๋อสั่งคนไปจ่ายเงิน ไม่รับเงินทอน
“กุ้งมังกรผัดหมาล่ารสชาติไม่เลวเลยนะ” เขาบอก หันมามองหลินเช่ออย่างมีเลศนัย
หลินเช่อถลึงตาใส่เขา จากนั้นเดินหนีแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
นอกจากปากของเธอแล้ว เขาไม่ได้ทานอะไรเลยสักนิด
แน่นอนว่าเจ้าของร้านนั้นไม่เข้าใจ แต่เมื่อมองเห็นเงินปึกนั้น ก็รีบขอบคุณทันที
“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ…”
เมื่อเห็นว่ากู้จิ้งเจ๋อและหลินเช่อออกไปแล้ว เจ้าของร้านจึงยืนนับเงินอยู่ตรงนั้น
หนึ่งหมื่นหยวน ไม่ขาดไม่เกิน
ดูเหมือนคืนนี้จะไม่เสียเวลาเปล่า
หลังจากหลินเช่อออกไปแล้ว ขึ้นมาบนรถ “คุณจ่ายเงินให้เถ้าแก่เยอะไปหรือเปล่าคะ”
กู้จิ้งเจ๋อบอก “ฉันคิดว่า…กุ้งมังกรมื้อนี้คุ้มค่ากับเงินดีนะ”
“ที่ไหนกันล่ะ”
เขาจ้องมองริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ “รสชาติอร่อยดี…ถึงแม้จะกินไม่อิ่ม”
“ไปไกลๆ เลยนะ”
หลินเช่อไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก
กู้จิ้งเจ๋อยิ้ม สั่งให้คนขับออกรถ
แต่ว่า เขาคิดว่ามันคุ้มค่าจริงๆ
สามารถพาหลินเช่อออกจากความเสียใจได้ ดังนั้นเงินแค่นี้ก็คุ้มค่า
——
วันต่อมา หลินเช่อเล่าเรื่องนี้ให้อวี๋หมินหมิ่นฟัง
อวี๋หมินหมิ่นกลับไม่พูดอะไร
บางทีเธออาจจะยังเด็ก ห้ามใจตัวเองไม่ได้ บางทีคนที่ดูต่ำต้อยก็ยังมีความทะเยอทะยานในแบบของตัวเอง ไม่อยากเป็นที่ถูกช่วยเหลือ หรือบางที…เธออาจไม่ใช่คนที่จะเข้ากับเราได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เฮ้อ ชีวิตก็แบบนี้แหละ เข้ากันได้ก็อยู่ด้วยกัน เข้ากันไม่ได้ก็ต้องแยกทาง ไม่มีอะไรมากมาย”
“นั่นสิ…” หลินเช่อเองก็ถอนหายใจออกมา
อวี๋หมินหมิ่นกลับไปบ้านหลินเช่อพร้อมกัน เพื่อเลือกชุดให้หลินเช่อ
หลินเช่อไม่รู้ว่าเสื้อผ้าของเธอเยอะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เยอะจนตกใจตอนที่สาวใช้เข็นชุดเดรสมาไว้ตรงหน้า
“ทำไมมีชุดเยอะขนาดนี้ล่ะ” หลินเช่อเอ่ยออกมา
สาวใช้บอก “พ่อบ้านมักจะซื้อมาเรื่อยๆ ทุกฤดูกาลอยู่แล้วค่ะ คุณลองดูก่อนนะคะ ถ้ายังไม่ได้ค่อยให้พ่อบ้านไปเลือกมาให้ใหม่”
“ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้อง นี่ก็เยอะมากพอแล้ว เธอบอกพ่อบ้านไม่ต้องซื้อมาเยอะแบบนี้แล้ว…”
“คุณผู้หญิง คุณประหยัดมากเลยนะคะ ไม่เคยสวมชุดพวกนี้มาก่อนเลย ความจริง เงินที่คุณผู้ชายให้แต่ละครั้งก็ใช้ไม่เคยหมดเลยสักครั้ง ยังเหลืออีกเยอะเลยค่ะ ถ้าคุณมีเวลาก็ลองไปเดินช็อปปิ้งบ้างก็ดีนะคะ”
หลินเช่อบอก “ช่างเถอะ ฉันไม่ได้ขาดอะไรสักหน่อย พวกคุณซื้อให้ฉันครบทุกอย่างแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้ออะไรเพิ่มอีก อีกอย่างตอนนี้ยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปเดินซื้อของหรอก”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “จริงๆ เลย รวยขนาดนี้แล้ว ยังจะประหยัดอะไรอีก”
หลินเช่อบอก “ไม่ใช่เงินฉันหามาเองซะหน่อย”
“สามีเธอหา ก็ไม่ใช่เงินเธอเหมือนกันเหรอ”
“เอาล่ะ แต่ว่าเงินฉันเอง ฉันก็ต้องประหยัดอยู่แล้ว ใช้มากไปก็ปวดใจ ไม่ได้เหรอ”
“โอเค โอเค…”
อวี๋หมินหมิ่นเลือกชุดให้เธอลอง “ไปครั้งนี้เราก็ไม่ได้คาดหวัง ว่าเราต้องได้รางวัลตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปร่วมงานหรอก ดังนั้น การเดินพรมแดงเราต้องเตรียมตัวให้ดี เพื่อไม่ให้ขายหน้า”
“โอเค…แต่ว่าฉันเคยทำให้เธอขายหน้าด้วยเหรอ”
“ไม่มีหรอก…แต่ก็ยังไม่เคยเจิดจรัส”
“…” หลินเช่อพูดไม่ออก “มีผู้จัดการแบบเธอนี่นะ อย่างน้อยฉันก็เคยขึ้นหน้าหนึ่งก็แล้วกัน”
“ใช่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เรื่องวุ่นวายก็ไม่ใช่น้อย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า พวกเราจากการบีบบังคับ จนการฉีกสัญญา มันช่าง…พลิกผัน ยังดีที่ทุกครั้งต่างก็เอาชนะมาได้ ตอนนี้เธอถือได้ว่าเป็นดาราแถวหน้ามาครึ่งหนึ่งแล้ว”
“เกลียด”
“ถ้าครั้งนี้เธอสามารถคว้ารางวัลทองคำมาได้ เธอก็จะขึ้นมาอยู่อันดับต้นๆ ได้โดยสมบูรณ์ แต่ฉันก็ไม่กล้าหวังอะไรมากหรอก ยังไงก็ไม่ได้มีเพียงชื่อเสียง ความสามารถ หรืออิทธิพลใดๆ ยังต้องมีอะไรอีกหลายอย่างที่มีผลต่อการตัดสิน ดังนั้น เราอย่าไปคาดหวังอะไรมากเลย”
“ฉันรู้ เธอไม่ต้องมาทิ่มเข็มใส่ฉันก่อนจะได้ไหม แค่ได้เข้ารอบทุกคนก็ตกใจแล้ว ฉันไม่กล้าหวังว่าจะได้รางวัลหรอก”
หลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่นเลือกชุดอยู่แบบนั้น เมื่อเลือกเสร็จแล้ว อวี๋หมินหมิ่นก็กลับทำเนียบหลิวลี่ทันที