“เธอบอกว่าอะไรนะ” หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงเต้นแรง มือของเธอจับโทรศัพท์แน่น
“ฉันบอกว่า อันที่จริงคุณหนานกงรู้ว่าพี่เป็นเจียงหน่วนซินมานานแล้วค่ะ เขารู้ว่าพี่จะแก้แค้นครอบครัวของลั่วเฮิ่ง ดังนั้น ฉันอยากจะบอกพี่ว่า คุณหนานกงรักพี่จากใจจริงแน่ๆ ค่ะ”
เหลิ่งรั่วปิงไม่รู้ว่าเธอจบบทสนทนาทางโทรศัพท์กับเวินอี๋ยังไง เธอนั่งเหม่ออยู่บนเตียงนานสองนาน เขารักเธอมากขนาดนี้จริงๆ หรอ ทำไมต้องช่วยเธอแก้แค้น ทั้งยังยอมเสียแลนด์มาร์คเมืองหลง?
เธอนั่งเหม่อแบบนี้ตลอดครึ่งเช้า จนกระทั่งหนานกงเยี่ยกลับมาในตอนเที่ยง เธอก็ยังไม่ลุกจากเตียง
“เป็นอะไรไป ตอนนี้คุณอยากกลายเป็นจอมขี้เกียจหรอ” หนานกงเยี่ยเดินเข้ามาในห้องนอน เขาถอดเสื้อตัวนอกออกแล้ววางไว้บนโซฟา ยิ้มแล้วพูดกับเธอ ตอนนี้เขากลัวเธอจะไปจากเขาตลอดเวลา ดังนั้นตอนเที่ยงเขาจึงกลับมาดูเธอให้เห็นกับตาถึงจะสบายใจ
จู่ๆ เหลิ่งรั่วปิงโยนผ้าห่มทิ้ง เธอวิ่งมากอดหนานกงเยี่ย โอบคอของเขาเอาไว้ พร้อมกับยิ้มร่า “คุณบอกว่าอีกสิบวันก็จะถึงวันเกิดของคุณแล้วใช่ไหมคะ ฉันอยากให้ของขวัญคุณค่ะ”
จู่ๆ เธอเป็นฝ่ายรุกมาหาเขาแบบนี้ ทำให้หนานกงเยี่ยรู้สึกว่าเธอกำลังทำดีกับเขาก่อนที่จะจากไป ถึงแม้ข้างในใจของเขาจะรู้สึกเศร้า แต่เขายังคงยิ้มให้เธอ “ของขวัญอะไรครับ”
“ถ้าบอกก่อนจะมีความหมายอะไรคะ ฉันอยากให้ของขวัญที่คุณอยากได้มาโดยตลอด”
ของเขาที่เขาอยากได้ เธอรู้หรอว่าเขาอยากได้อะไร สิ่งที่เขาอยากได้ที่สุดคือหัวใจของเธอ เธอจะให้เขาได้ไหม สุดท้าย หนานกงเยี่ยทำได้เพียงยิ้มบางๆ แล้วพูดออกมา “ครับ ผมจะรอนะ”
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ หนานกงเยี่ยกลับไปทำงานที่บริษัท เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้นั่งเหม่อลอยอีกแล้ว เธอวิ่งไปที่ห้องทำงานแล้วเริ่มวาดรูป เธออยากจะออกแบบบ้านหนึ่งหลัง บ้านที่เป็นบ้านจริงๆ สำหรับความรู้สึกของเธอกับหนานกงเยี่ย เธออยากจะลองพยายามอีกสักครั้ง
เป็นแบบนี้ติดต่อกันหลายวัน นอกจากกินข้าวกับนอนหลับแล้ว เหลิ่งรั่วปิงเอาแต่นั่งวาดรูปในห้องทำงาน หลังจากที่เธอวาดรูปเสร็จ เธอก็หยิบอุปกรณ์มาทำเป็นโมเดลบ้าน
พ่อบ้านรายงานให้หนานกงเยี่ยฟังทุกวัน เขารู้ว่าเธอเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำงาน แต่เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไร เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้เหลิ่งรั่วปิงล็อคประตูห้องทำงานเอาไว้ เธอไม่ยอมให้ใครเข้าออก มีหลายครั้ง ที่เขาสงสัยอยากจะเข้าไปดู แต่ก็กลัวว่าเธอจะโมโห สุดท้ายเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไป เธอบอกว่าจะให้ของขวัญกับเขา หรือว่าเธอจะออกแบบบ้านให้เขาหนึ่งหลัง
ก่อนจะถึงวันเกิดของหนานกงเยี่ยหนึ่งวัน เหลิ่งรั่วปิงได้ทำโมเดลเสร็จเรียบร้อย โมเดลนี้เธอทำด้วยความตั้งใจ ทำทุกชิ้นส่วนด้วยความประณีต เพราะเธออยากจะให้โมเดลนี้สามารถเก็บเอาไว้ได้ตลอดชีวิต หนานกงเยี่ยเดาถูกแล้ว เธอออกแบบบ้านให้เขาหนึ่งหลัง แต่สิ่งที่สำคัญไม่ใช่บ้าน สิ่งที่สำคัญคือเธอจะเอาหัวใจเก็บเอาไว้ในบ้านแล้วให้เขาพร้อมกัน
เธอใช้ที่อัดเสียงบันทึกสิ่งที่เธออยากจะบอกกับเขาที่สุด เก็บเอาไว้ในโมเดลหลังนี้ จากนั้นก็ปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย เธอนำโมเดลนี้ไปใส่กล่องและผูกด้วยริบบิ้น
วันนี้เป็นวันเกิดของหนานกงเยี่ย อวี้ไป่หันจัดงานวันเกิดให้เขาที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ เหล่าไฮโซและดาราต่างก็มาร่วมงาน
เหลิ่งรั่วปิงตื่นแต่เช้า หลังจากที่เธอกินอาหารเช้าเสร็จก็เริ่มแต่งหน้าแต่งตัวทันที วันนี้เธอสวมชุดเดรสสีฟ้าคราม รวบผมขึ้นสูง แต่งหน้าอ่อนๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยอยู่แล้ว เมื่อแต่งหน้าแต่งตัวแบบนี้ ทำให้เธอดูสวยเหมือนนางฟ้า
หนานกงเยี่ยยืนมองเหลิ่งรั่วปิงอยู่นาน จากนั้นสวมกอดเธอจากด้านหลัง “วันนี้เป็นวันเกิดของผม ทำไมคุณถึงไม่ใส่สีแดงบ้างครับ”
“คุณก็รู้หนิคะ ฉันชอบแต่งตัวเรียบๆ”
“เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเพื่อผมสักครั้งไม่ได้หรอครับ”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม “ใส่ชุดสีแดงยืนอยู่ข้างคุณ เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ อย่าลืมสิคะ ในสายตาของคนอื่น อวี้หลานซีต่างหากที่คุณจะแต่งงานด้วย ทำไมฉันต้องทำร้ายตัวเองด้วย”
นัยน์ตาของหนานกงเยี่ยเย็นยะเยือก ทว่าสีหน้าของเขากลับเรียบเฉย “คุณแคร์สายตาคนอื่นมากขนาดนี้เลยหรอ”
“แคร์หรือไม่แคร์ มันเป็นความจริงหนิคะ”
หนานกงเยี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ผมอยากจะถามคุณอีกครั้งหนึ่ง คุณรักผมไหม” สิ่งที่เขาจะทำในวันนี้ อาจจะทำให้เธอรู้สึกแย่ แต่ถ้าเธอรักเขา เขาไม่จำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้
ในเมื่อเธอตัดสินใจเอาใจของเธอเป็นของขวัญให้เขาแล้ว แน่นอนว่าเธออยากจะรักเขา แต่ตอนนี้เธอยังไม่อยากพูด ถ้าพูดตอนนี้ของขวัญของเธอก็ไม่มีความหมาย “ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรแบบนี้ได้ไหมคะ”
หนานกงเยี่ยเงียบไปหลายวินาที เขาพยักหน้า “ครับ ไปกันเถอะ”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม ถือกล่องของขวัญที่เธอเตรียมให้เขา แล้วเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับหนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยขับรถด้วยตนเอง เพราะว่าก่วนอวี้คอยอยู่ดูแลอวี้หลานซี
“ผมอยากรู้จัง คุณให้ของขวัญอะไรกับผม” หนานกงเยี่ยยิ้มบางๆ เขากำลังเดาว่านี่เป็นของขวัญบอกลาหรือเปล่า
“หลังจากจบงานเลี้ยง คุณแกะของขวัญออกมาดูก็จะรู้ค่ะ”
หนานกงเยี่ยยิ้ม แต่ภายในใจของเขากลับไม่ได้ยิ้ม “ครับ”
เมื่อมาถึงไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ อวี้ไป่หันมาต้อนรับถึงหน้าประตูด้วยตนเอง “ว้าว เจ้าของวันเกิดมากแล้ว รั่วปิง คุณสวยทุกครั้งที่เจอกันเลยนะ”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มบางๆ “ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะคุณชายวอี้”
อวี้ไป่หันยิ้มอย่างมีเลศนัย “รั่วปิง คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะขอยืมตัวหนานกงไปใช้สักพัก”
“ฉันไม่ถือสาค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงยิ้มแล้วมองไปที่หนานกงเยี่ย เธอเดินเข้าไปในงานตามลำพัง
“หนาน ฉันขอถามแกอีกครั้ง แกยืนยันจะทำแบบนี้จริงๆ หรอ”
“…” หนานกงเยี่ยก้มหน้าลงเขาเงียบอยู่พักหนึ่ง “อืม ฉันจะทำ”
อวี้ไป่หันเบะปาก “เดี๋ยวถึงเวลานั้นเหลิ่งรั่วปิงโมโหขึ้นมา แกอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”
สีหน้าของหนานกงเยี่ยนิ่งสงบเหมือนน้ำในแม่น้ำ “ถ้าเธอโมโหฉันจะดีใจมาก” ถ้าเธอโมโห แสดงว่าเธอมีใจให้เขา สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือท่าทีนิ่งเฉยของเธอต่างหาก
“ได้ ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันเป็นคนเตรียมงานเอง” แววตาของอวี้ไป่หันฉายความเศร้า เขากลัวว่าถ้าสุดท้ายหนานกงเยี่ยรู้ว่าเขาแอบทำอะไรลงไป เขาจะโมโหจนต่อยตนเอง แต่เพื่อให้ความกังวลของหนานกงเยี่ยหมดไป เขายืนยันที่จะทำแบบนี้
เหลิ่งรั่วปิงเดินเข้าไปในห้องโถง เธอเลือกนั่งในมุมเงียบสงบ เธอไม่เคยคิดที่จะทำความรู้จักไฮโซพวกนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดที่จะเข้าหาใคร สิ่งเดียวที่เหลิ่งรั่วปิงกำลังคิดก็คืองานในวันนี้อวี้หลานซีจะมาไหม เมื่อก่อนตัวตนของอวี้หลานซีถูกปิดเป็นความลับ เธอไม่เคยไปงานเลี้ยงที่ไหน แต่ตอนนี้เธอเปิดเผยตัวตนของเธอแล้ว เหลิ่งรั่วปิงจึงคิดว่าอวี้หลานซีน่าจะมาร่วมงาน
ไม่ว่ายังไงอวี้หลานซีก็ยังเป็นเสี้ยนหนามของเธอ ถ้าหากหนานกงเยี่ยเลือกที่จะอยู่กับเธอ เขาต้องปฏิเสธอวี้หลานซี เธอรับไม่ได้ที่จะใช้ผู้ชายร่วมกับผู้หญิงคนอื่น
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงของอวี้ไป่หันดังขึ้น “สวัสดีครับทุกคน วันนี้ต้องขอบคุณทุกคนมากที่มาร่วมงานวันเกิดหนานกงเพื่อนรักของผม วันนี้เป็นวันที่พิเศษมาก เพราะอะไรหรอครับ เพราะว่า…”
อวี้ไป่หันหยุดพูด เขาชำเลืองมองมาที่เหลิ่งรั่วปิง สายตาของคนในงานมองมาตามเขา เหลิ่งรั่วปิงไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไร เธอเพียงแค่คลายยิ้มบางๆ แล้วมองไปบนเวที
ด้านล่างเวที ถังเฮ่าและมู่เฉิงซีมองดูเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ พวกเขารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รู้ว่าหลังจากนี้เหลิ่งรั่วปิงจะรู้สึกแย่แค่ไหน เพราะเหตุนี้ มู่เฉิงซีจึงไม่ได้พาเวินอี๋มาร่วมงาน
อวี้ไป่หันพูดอีกครั้ง “เพราะวันนี้ไม่ได้เป็นแค่งานวันเกิด แต่เป็นงานหมั้นด้วยครับ”
“งานหมั้น?” แขกในงานเริ่มกระซิบกระซาบ พูดคุยกันไปต่างๆ นานา อีกทั้งยังมีสายตาบางคู่มองมาที่เหลิ่งรั่วปิงด้วยความสงสัย
ยังไม่รอให้ทุกคนได้ตั้งตัว อีกด้านหนึ่งบนเวที หนานกงเยี่ยค่อยๆ เดินออกมา มีผู้หญิงสวมชุดสไตล์จีนโบราณสีแดงและผ้าคลุมหน้าสีแดงเดินคล้องแขนมาพร้อมกับเขา
พอทุกคนได้เห็นก็เข้าใจทันที หนานกงเยี่ยมีผู้หญิงคนใหม่แล้ว การที่ผู้ชายมีฐานะหาผู้หญิงคนใหม่ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่จะจัดงานแบบนี้ เพราะแบบอื่นๆ ก็มีคนทำเยอะแยะไป การจัดพิธีแบบโบราณนี้ก็เคยมีคนทำมาก่อน
แขกในงานทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เหลิ่งรั่วปิงเองก็เข้าใจ รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของเธอยังค้างเอาไว้แบบนั้น แต่หัวใจของเธอกลับเจ็บปวดมาก มือที่ซ่อนเอาไว้ จิกเล็บเข้าไปในเนื้อ เธอต้องการให้ตนเองเจ็บ เพราะถ้าเธอเจ็บเธอก็จะเข้มแข็งและมีสติ
ดูท่า งานเลี้ยงในวันนี้คงไม่ธรรมดา เป็นทั้งงานวันเกิดและงานหมั้น ทั้งยังเป็นงานเลี้ยงอำลาของเธอด้วย หนานกงเยี่ย ในเมื่อคุณตัดสินใจที่จะทิ้งฉัน ทำไมต้องทำให้ฉันรู้สึกแย่แบบนี้ โชคดี ที่เธอยังไม่ได้ให้หัวใจตนเองกับเขา โชคดีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินไป
หนานกงเยี่ยมองมาที่เหลิ่งรั่วปิง เขาอยากเห็นสีหน้าที่เขาเฝ้ารอ อยากเห็นเธอโมโห เศร้าหรือไม่ก็ประหม่า เพราะทั้งหมดนี้เขาล้วนดีใจ แต่เธอกลับยังคงทำหน้านิ่งไม่ได้ตกใจแต่อย่างใด ทั้งยังคลายยิ้มบางๆ อีกด้วย สายตาของเธอที่มองมา มีความเย้ยหยันปะปนมาด้วย
หัวใจของหนานกงเยี่ยเจ็บปวด เขาอยากจะวิ่งมาฉีกรอยยิ้มของเธอทิ้ง
ทุกสายตามองมาที่เหลิ่งรั่วปิง มีทั้งสายตาสงสาร มีทั้งสายตาเย้ยหยัน อีกทั้งสายตาของคนที่มาดูเรื่องสนุก
ทว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่จำเป็นต้องตอบกลับสายตาใดๆ ที่มองมา เธอยืนขึ้น หลังของเธอเหยียดตรงเสียยิ่งกว่าเส้นตรง เธอสวยมาก มีสง่ามาก ทั้งยังนิ่งสงบมากด้วย ราวกับเป็นนางฟ้า
เหลิ่งรั่วปิงมองไปที่หนานกงเยี่ย เธอก้าวไปหาเขาทีละก้าว พร้อมกับยิ้มร่า “วันนี้เป็นวันที่พิเศษมาก ยินดีกับคุณหนานกงด้วยนะคะ ฉันอยากรู้จัง ผู้หญิงคนใหม่ของคุณหน้าตายังไง รบกวนถอดผ้าคลุมหน้าออกด้วยค่ะ”
หนานกงเยี่ยมองดูเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ เขากัดฟันกรอด “ได้”
พูดจบ เขาก็หันหลังแล้วถอดผ้าคลุมหน้าสีแดงของหญิงสาวที่ยืนข้างๆ
วินาทีที่ผ้าคลุมหน้าถูกเขาเปิดออก สีหน้าของทุกคนดูไม่ตกใจ ต่างก็รู้สึกว่าควรจะเป็นเธอคนนี้อยู่แล้ว แต่หนานกงเยี่ยกลับตกใจจนตัวสั่น เขาหันไปมองอวี้ไป่หัน สายตาโมโหของเขาแทบจะทำให้อวี้ไป่หันกลายเป็นผง
อวี้ไป่หันก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ใช่แล้ว หนานกงเยี่ยขอให้เขาหาผู้หญิงมาลองใจเหลิ่งรั่วปิง เขาหามาแล้ว ผู้หญิงที่เขาหามาคืออวี้หลานซี เขาอยากให้หนานกงเยี่ยตัดใจจากเหลิ่งรั่วปิง หลังจากนี้จะได้ไม่ต้องเศร้าอีก อยากให้เขากลับมาเป็นหนานกงเยี่ยที่เท่ห์เหมือนเดิม
หนานกงเยี่ยดึงสายตากลับมา เขามองไปที่เหลิ่งรั่วปิง จับจ้องไปที่สีหน้าของเธอ หัวใจของเขาเหมือนมีกลองอยู่ด้านใน กลองนั้นตีไม่หยุด ทุกอย่างแทบจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา
ไม่ว่าจะผู้หญิงคนไหนเขาก็ยอมทิ้งเพื่อเหลิ่งรั่วปิง แต่กับอวี้หลานซีเขาควรทำยังไง