เรือยักษ์
ในห้องจัดเลี้ยงของโบสถ์ จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกำลังรับประทานมื้อเย็น
พวกมารล้วนยืนอยู่ในโถง ไม่กล้าส่งเสียงใดๆ
กู่ฉิงซานยืนอยู่ในพวกมารอยู่เงียบๆ ขณะมองหน้าต่างต้นเพลิง
“ภารกิจที่สองเสร็จสิ้น”
“คำอธิบายภารกิจ: ท่านได้รับพลังวิญญาณมากพอแล้ว โหมดอัปเกรดพลังวิญญาณจะทำงานในไม่ช้า”
“หมายเหตุพิเศษ: ท่านได้เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง กลายเป็นตัวตนแข็งแกร่งที่สุดบนเส้นทางนี้ ทำให้บัญญัติผู้นี้รู้สึกภาคภูมิใจนัก”
เมื่อตัวอักษรขนาดเล็กทั้งหมดหายไป การ์ดใบหนึ่งปรากฏขึ้นตรงกลางหน้าต่าง
บนการ์ด กู่ฉิงซานถือดาบในมือทั้งสองข้างขณะลอยอยู่กลางอากาศ
การ์ดเทพระดับมรกต: ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน
ใต้การ์ดเทพใบนี้ แถบสีเข้มปรากฏขึ้น มันดูเหมือนกับพลังวิญญาณ
แถวจำนวนถูกแสดงอยู่ตรงกลางแถบความคืบหน้า: “หนึ่งหมื่นสองพันต่อสองแสน”
แถวตัวอักษรสีโลหิตขนาดเล็กปรากฏขึ้นข้างแถบความคืบหน้าแทนคำอธิบาย
“ด้วยการสั่งสมพลังวิญญาณสองแสนแต้ม ท่านสามารถอัปเกรดการฝึกฝนสู่ขั้นต่อไปได้”
“หมายเหตุ: เพราะอาชีพของท่านคือผู้ฝึกยุทธ ท่านต้องเผชิญกับความยากลำบากในกระบวนการพัฒนา บัญญัติของราชามารไม่สามารถช่วยยกเว้นสิ่งนี้ให้ได้”
“หมายเหตุ: ระดับต่อไปของท่านคือระดับแสวงโลกา ทันทีที่เริ่มพัฒนา ท่านจะเผชิญหน้าทั้งลมและไฟ”
ลมและไฟหรือ
หลังจากอ่านข้อความแจ้งเตือนทั้งหมดแล้ว กู่ฉิงซานวางมือบนถุงเก็บของเพื่อเริ่มตรวจสอบแผ่นหยกฝึกฝน
เซี่ยกูหงทุ่มเททุกอย่างกับแผ่นหยกขนาดใหญ่มากก่อนส่งมอบให้กับกู่ฉิงซาน
ในแผ่นหยกนั่น มันเต็มไปด้วยวิชาที่สามารถฝึกฝนให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบของระดับสามพันโลกได้ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยวิชาดาบทั้งหมดของเซี่ยกูหง แม้กระทั่ง “วิชาดาบสังหารศัตรู” ที่เขาได้มาจากซากปรักหักพังโบราณก็มีอยู่ในนี้
กู่ฉิงซานจงใจหมกมุ่นกับแผ่นหยก ไม่สนใจวิชาดาบทั้งหมดก่อนพบคำอธิบายอย่างละเอียดของ “ระดับแสวงโลกา” ชั้นสูง
ใช่แล้ว ในช่วงเวลาความก้าวหน้านี้ ภัยพิบัติอสนีบาตสวรรค์ได้หายไป
กลับกัน มันคือภัยพิบัติไฟ
ในบรรดาสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ของดิน น้ำ ไฟและลมที่เป็นตัวแทนของชีวิต น้ำคือตัวแทนการเติบโต ไฟคือตัวแทนการสูญพันธุ์และลมคือตัวแทนความตาย
ภัยพิบัติไฟคือสิ่งที่ทุกชีวิตต้องเผชิญ
มีหลายชีวิตที่ไม่ได้รอให้ภัยพิบัติมาเยือนเพราะอายุขัยของพวกเขาสั้น พวกเขาจึงเข้าสู่สภาพ “ลม”: สูญสลายโดยตรง
ครั้งนี้ กู่ฉิงซานต้องเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติดังกล่าว
ครั้งต่อไปที่เขาพัฒนาสู่ระดับวงแหวนนภา ภัยพิบัติที่เขาต้องเผชิญคือการผสมผสานระหว่างน้ำและไฟ
เมื่อพัฒนาจนถึงระดับสามพันโลก ย่อมต้องเผชิญสี่หายนะยิ่งใหญ่จากดิน น้ำ ไฟและลม
นี่คือสี่ภัยพิบัติใหญ่ของลม ไฟ น้ำและดินที่ทุกคนพูดถึงตอนฝึกฝนเสมอ ผู้ฝึกยุทธต้องเอาชนะพวกมันทั้งหมดให้ได้จึงจะสามารถไปถึงระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ในที่สุด
แม้กระทั่งในโลกเก้าร้อยล้านชั้น ผู้ฝึกฝนระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นตัวตนสูงสุด
กู่ฉิงซานมองการเตรียมการทั้งหมดที่ใช้ในการข้ามผ่านภัยพิบัติด้วยความสนใจ
เขาปล่อยวางความคิดชั่วคราวขณะมองกลางหน้าต่างต้นเพลิงแล้วถามว่า “แถบความคืบหน้านี้คือค่าพลังวิญญาณที่ข้าต้องใช้ แต่ข้าจะวิวัฒนาการบัญญัติได้อย่างไรล่ะ”
“ท่านกระตือรือร้นที่จะช่วยวิวัฒนาการบัญญัติหรือ” ต้นเพลิงถาม
“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่ายิ่งระดับของบัญญัติสูงเท่าไหร่ ฟังก์ชันที่มันครอบครองก็จะสูงตามไปด้วย” กู่ฉิงซานกล่าว
ต้นเพลิงเงียบไปสักพักก่อนตอบว่า “ในเมื่อท่านกระตือรือร้นที่จะได้พลังแข็งแกร่งมา ข้าจะเปลี่ยนกลยุทธตามการตัดสินใจนี้ก็แล้วกัน”
“เมื่อท่านเพิ่มระดับแรกเสร็จสิ้นแล้ว ต้นเพลิงจะปล่อยภารกิจวิวัฒนาการให้”
กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนหยุดถาม
ต้องใช้พลังวิญญาณสองแสนแต้มเพื่อพัฒนาสู่ระดับแสวงโลกา ตอนนี้เขาต้องเตรียมแผนสำหรับเรื่องนี้ไว้ด้วย
ตอนนี้ จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งพลันวางช้อนส้อมในมือลง
ในเวลาเดียวกัน เสียงสายลมหวีดหวิวนอกห้องจัดเลี้ยงได้หายไป
เรือยักษ์หยุดลงด้วยความเร็วอันเชื่องช้า
เกิดอะไรขึ้น
กู่ฉิงซานปล่อยจิตเทพแล้วตรวจสอบเรือยักษ์ทั้งลำ ขยายจนไปถึงท้องทะเลหลายร้อยไมล์รอบข้าง
เมื่อจิตเทพของนักพรตอยู่กลางอากาศ ย่อมสามารถตรวจจับสิ่งที่อยู่ไกลออกไปได้หลายจุด
เขาเห็นภูเขาน้ำแข็งสูงตระหง่านปรากฏขึ้นจากใต้น้ำในระยะหลายสิบไมล์ตรงหน้าเรือยักษ์
ภูเขาน้ำแข็งนี้มีขนาดเทียบเท่าเรือยักษ์
ใต้ภูเขาน้ำแข็ง ศีรษะขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นจากน้ำขณะจ้องมองเรือใบยักษ์ของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งด้วยความมุ่งร้าย
สัตว์ประหลาดทะเลโบราณ!
คาดไม่ถึง สัตว์ประหลาดทะเลจะมาหยุดเรือของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งตั้งแต่เริ่มการเดินทาง
“เป็นอีกตัวที่อยากกินมารหรือ อายุยี่สิบล้านปีสินะ ไม่สิ ใครบอกข้าได้บ้างว่ามันมีอายุมากี่หมื่นปี” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งถามด้วยความไม่พอใจ
ตอนนี้ มารตนหนึ่งกล่าวว่า “นายท่าน ข้าเคยเห็นมันมาก่อน”
มารตนอื่นมองมารที่กำลังพูดอยู่
นี่คือมารคล้ายมนุษย์ที่ไม่มีดวงตา ดูเหมือนมันจะทราบอายุสัตว์ประหลาดทะเลได้ผ่านความสามารถพิเศษบางอย่างของตัวเอง
เพราะพละกำลังส่วนตัวของเขาไม่มากพอ ร่างมนุษย์ที่เปลี่ยนนั้นจึงเตี้ย สี่กีบยังปรากฏตรงร่างกายช่วงล่าง
มารตนนั้นรายงานว่า “สัตว์ประหลาดทะเลมีชีวิตมาทั้งสิ้น สามสิบเจ็ดล้านหกแสนเจ็ดหมื่นเก้าพันแปดร้อยหกสิบเอ็ดปี”
ทันทีที่จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาผ่อนคลายเล็กน้อย
“เจ้านี่มีอายุมากกว่าสามสิบล้านปี ไม่คิดจะกลับทะเลลึกเพื่อหลับใหล แต่กลับกล้ามาหยุดเรือของข้า ช่างรนหาที่ตายเสียจริง”
เขาใช้สายตากวาดมองพวกมารหลายตน
พวกมารพลันเข้าใจ
พวกเขาคำนับให้จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง จากนั้นออกจากห้องจัดเลี้ยงไป
ทันทีที่พวกเขาออกจากห้องจัดเลี้ยงไปแล้ว มารหลายตนทะยานขึ้นสู่ท้องนภาก่อนเหาะไปยังภูเขาน้ำแข็งตรงหน้าเรือยักษ์ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งยังคงลิ้มรสอาหารเช้าต่อไป
ผ่านไปสักพัก
ความผันผวนของพลังโกลาหลอันปั่นป่วนมาจากทะเล
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ในห้องจัดเลี้ยง พวกมารเตรียมพร้อมที่จะลงมือ
พวกมันกระตือรือร้นที่จะได้เข้าร่วมการต่อสู้เช่นกัน
หากจะพูดแบบหยาบๆ มันไม่ต่างจากการทรมานที่ต้องยืนอยู่ที่นี่มองนายท่านยินดีกับอาหารหายากหลายร้อยจานเพียงลำพังในขณะที่ตัวเองหิว
มารบางตนเผยความวิตกออกมา ขณะที่บางตนสัมผัสได้ถึงความผันผวนในอากาศขณะตัดสินสถานการณ์การต่อสู้อย่างต่อเนื่อง
พวกมารจำนวนหนึ่งจ้องมองความว่างเปล่า สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง
ดูท่าพวกมันจะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคทั้งมวลได้จนมองเห็นทะเลที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ ทำให้ได้เห็นสถานการณ์การต่อสู้แม้จะอยู่ตรงนี้ก็ตามที
กู่ฉิงซานเข้าใจสิ่งหนึ่งหลังจากสังเกตการณ์เพียงเล็กน้อย
พวกมารไม่มีจิตเทพ
พวกมันไม่เหมือนกับผู้ฝึกฝนที่ต้องฝึกฝนจิตเทพตั้งแต่เริ่มการฝึกฝน
พวกมันส่วนใหญ่วิวัฒนาการโดยอาศัยสัญชาตญาณและมรดก น้อยตนนักที่จะโชคดีจนได้รับความสามารถพิเศษจากกระบวนการนี้
ครั้งนี้การต่อสู้ถูกแยกออกไปไกลกว่าครึ่งเมืองด้วยระยะหลายสิบไมล์ทะเล พวกมารส่วนใหญ่ไม่สามารถสังเกตความเป็นไปของการต่อสู้ได้
กู่ฉิงซานเมินมารเหล่านั้น
เขาปลดปล่อยจิตเทพอีกครั้งขณะกระจายไปทั่วเรือยักษ์อันกว้างขวางก่อนส่งไปยังท้องทะเลอันไกลลิบ
เพียงใช้จิตเทพ การต่อสู้ทั้งหมดและแม้กระทั่งฉากที่อยู่ด้านบนและด้านล่างทะเลก็เห็นได้เด่นชัด
แน่นอนว่ามารเหล่านี้ที่สามารถกลายเป็นลูกน้องของจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งได้จนมีสิทธิ์ยืนอยู่ในห้องจัดเลี้ยง ไม่มีใครด้อยไปกว่ากัน
พวกมันล้วนเป็นมารที่ชื่นชอบการจู่โจม สามารถระเบิดการโจมตีได้เป็นจำนวนมากได้ทันทีที่ออกไป
ไม่ช้า ภูเขาน้ำแข็งถูกทำลายไปหลายส่วน
สัตว์ประหลาดทะเลที่ใช้ชีวิตมานานกว่าสามสิบล้านปีมีเลือดสาดกระเซ็นเพราะการโจมตีของพวกมาร ทำให้ทะเลส่วนหนึ่งถูกย้อมด้วยสีแดง
ขณะมองดู กู่ฉิงซานลอบประหลาดใจ
นี่นับว่าแปลก…
สัตว์ประหลาดเก่าแก่ที่มีชีวิตยาวนานไม่ควรรนหาที่ตายสิ
เขารวบรวมจิตเทพอีกครั้งก่อนเคลื่อนผ่านพวกมารจนตรงไปยังส่วนลึกของท้องทะเล
เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าสัตว์ประหลาดทะเลตัวใหญ่นี้แบกภูเขาน้ำแข็งเอาไว้อย่างระวัง
ทว่า ใต้ผิวท้องทะเลนั้น กู่ฉิงซานหวาดกลัวเมื่อพบว่าร่างยาวของสัตว์ประหลาดทะเลไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดได้เลย
เทียบกันแล้ว ภูเขาน้ำแข็งโอ่อ่าเป็นเพียงหิมะและน้ำแข็งอันน้อยนิดที่อยู่บนยอด
หากเทียบกับร่างกายแล้ว มันดูเหมือนกับงูทะเลตัวใหญ่
งูทะเลที่มีชีวิตมานานกว่าสามสิบล้านปี
ร่างกายของมันช่างน่าสะพรึงกลัวนัก
ไม่สงสัยเลยว่าจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งถึงให้ตรวจสอบอายุขัยในช่วงก่อนหน้านี้ก่อนผ่อนคลายลงหลังจากรู้ผลลัพธ์แล้ว
ดูจากอายุขัยของสัตว์ประหลาดทะเลตัวนี้แล้ว จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งได้ส่งพวกมารมีฝีมือไปบางส่วนเพื่อต่อสู้
กล่าวได้ว่าจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งจะไม่ทำอะไรผิดพลาดเมื่อได้ตัดสินเรียบร้อยแล้ว
ตัดสินจากสถานการณ์การต่อสู้ ผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งคาด
แต่ว่า…
กู่ฉิงซานมองสัตว์ประหลาดทะเล
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความอดทนและความชั่วร้าย
สิ่งมีชีวิตโบราณเช่นนี้ไม่น่าจะโง่แบบนี้สิ
หากลองคิดย้อนดู ถ้ามันโง่จริงๆ แล้วจะมีชีวิตมานานถึงสามสิบล้านปีได้อย่างไร ถ้าอย่างนั้นก็มีได้เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น
เพราะมันแข็งแกร่งเกินไป
ตอนนี้ จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งหยุดกินเช่นกันก่อนคร่ำครวญออกมา “ถูกอัดยับขนาดนี้ยังไม่คิดหนีอีกหรือ คงทำให้มันตายไม่ได้สินะ…ดูเหมือนมันจะมีแผนอะไรบางอย่างหรือไม่ก็คงมีพลังที่มหาศาลนัก นี่ช่างน่าสนใจจริงๆ สัตว์ประหลาดที่มีอายุมาสามสิบล้านปีแต่กล้าวางแผนมาเล่นงานเรือข้าอย่างนั้นหรือ”
สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย
กู่ฉิงซานลอบพยักหน้า เป็นไปตามคาด จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติของสัตว์ประหลาดทะเล
“มารทมิฬ ผู้ตัดสิน จ้าวแห่งความเงียบและก็ราชาวิญญาณมาร พวกเจ้าล้วนเป็นมารเก่งกาจที่มีความสามารถพิเศษ ข้าคงต้องขอให้พวกเจ้าลงมือแล้ว” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งสั่ง
สิ้นคำสั่ง ชายผู้มีเปลวเพลิงสีเทา ชายผู้มีกิโยตินยาวและหญิงสาวผู้ไม่มีปากบนใบหน้ายืนขึ้น
ชายสองคนคุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวว่า “ขอรับ นายท่าน”
หญิงสาวคุกเข่าก่อนคำนับให้จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง
ทั้งสามดูแปลกประหลาดเล็กน้อย แต่รูปร่างที่เปลี่ยนสภาพนั้นล้วนสมบูรณ์ครบถ้วน เว้นแต่หญิงสาวที่ไม่มีปาก
แต่ดูแล้วนางน่าจะมีความลับบางอย่าง
ในฐานะราชาวิญญาณมาร กู่ฉิงซานยืนขึ้นเช่นกันก่อนคำนับเล็กน้อยให้จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่ง
มารสี่ตนที่มีความสามารถพิเศษออกไปพร้อมกัน
นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าจ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งให้ความสำคัญแค่ไหน
“พวกเจ้าไปด้านหน้าพร้อมกันเพื่อสนับสนุน ไม่ว่าสัตว์ประหลาดทะเลจะมีแผนอะไร อย่าไปสนใจ แค่ฆ่ามันก็พอ” จ้าวแห่งการบิดเบือนทุกสรรพสิ่งกล่าว
“ขอรับ”
กู่ฉิงซานเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงพร้อมมารอีกสามตน
ตอนนี้ มารตนอื่นไม่แสดงสีหน้ากระตือรือร้นที่จะต่อสู้อีกต่อไป
พวกเขารู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ