ฮวงอี๋ฮวนกำลังยุแยงให้ผู้อื่นทำร้ายนางงั้นหรือ? ซูหวานหว่านมองอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยหน่าย ก็แค่ยุยงมิใช่หรือ? ใครหน้าไหนจะกล้าลงมือจริง ๆ!
…แต่เดี๋ยวก็คงจะได้เห็นว่าใครแน่กว่ากัน!!!
ซูหวานหว่านถอนหายใจ เด็กสาวมองป้าหวังที่กำลังโกรธ “ท่านป้า เมื่อครู่ลุงสวี่ก็ได้พูดออกมาแล้ว ‘อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขจะนำพาความโชคดีมาให้’ ข้าไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางจะจงใจสร้างความบาดหมางระหว่างเราขึ้นมาทำไม ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด?”
หลังจากที่ซูหวานหว่านพูดจบหญิงชราเริ่มตระหนักได้ สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นเพราะฮวงอี๋ฮวน หญิงอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมอย่างตนจะทำตัวเหมือนหญิงต่ำต้อยในหมู่บ้านได้อย่างไร
“ฮวงอี๋ฮวน!!” ป้าหวังกัดฟันจ้องเขม็งไปยังนางด้วยสีหน้าของความโกรธเกรี้ยว
“ท่านป้า…ข้าพูดผิดตรงไหนงั้นหรือเจ้าคะ? ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นความผิดของซูหวานหว่าน นางยังทำเช่นนี้กับท่านอีก ช่างน่ารังเกียจเสียจริง…”
ฮวงอี๋ฮวนไม่ทันได้กล่าวจบ เสียงฝ่ามือกระทบกับอะไรบางอย่างก็ดังขึ้น
เพี๊ยะ!
ฝ่ามืออันหนักอึ้งของป้าหวังได้ฟาดเข้าที่ใบหน้าอีกข้างของฮวงอี๋ฮวน
“เจ้าทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร! เจ้าก็แค่ผู้หญิงต่ำต้อย ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายของเจ้าจะไปหอพนันทุกวัน ยามชนะเดิมพันก็จะนำเงินเหล่านั้นเข้าเมืองไปเริงร่ากับหญิงสาว ยามเสียเดิมพันก็กลับบ้านลงมือทุบตีเจ้า ช่างตกต่ำ ต่ำต้อย ไร้ค่าที่สุด!” ใบหน้าของฮวงอี๋ฮวนราวถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ดอกบัวขาวบริสุทธิ์ไม่อาจเสแสร้งได้อีกต่อไป ถ้อยคำโหดร้ายพรั่งพรูดั่งสายน้ำไหล
เพี๊ยะ!
ป้าหวังที่ยังอยู่ในอารมณ์โทสะตบใบหน้าของฮวงอี๋ฮวนอีกครั้ง สีหน้าของหญิงวัยกลางคนอึมครึม เรื่องภายในบ้านของนางผู้คนในหมู่บ้านต่างรู้กันทั่ว ทว่าไม่เคยมีใครพูดออกมาต่อหน้าเช่นนี้มาก่อน!
“ท่านป้านั่งลงก่อนเถิดเจ้าค่ะ อย่านำตัวเข้าไปยุ่งกับคนพรรค์นั้นเลย นางกับท่านน้าของนางนิสัยก็ไม่ต่างกัน” ซูหวานหว่านมองหน้าทั้งสอง ความจริงแล้วซูหวานหว่านยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นใบหน้าอันซีดเผือดและบวมเป่งของอีกฝ่าย ดูจากสภาพของฮวงอี๋ฮวนแล้ว…ก็น่าสงสารอยู่หรอก
เห็นแก่สภาพที่น่าสงสารของฮวงอี๋ฮวน นางจะหยุดการสุมไฟเพียงแค่นี้ดีหรือไม่? ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำกับซูหวานหว่านคนก่อนมันไม่สามารถอภัยให้ได้ง่าย ๆ ทำมาขนาดนี้แล้ว เรื่องอะไรที่จะมาหยุดเอาตอนนี้ล่ะ?
ความรู้สึกขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจของซูหวานหว่านตอนนี้เป็นความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง นางแสร้งแกล้งทำเป็น ‘คนดี’ และบอกว่า “ท่านป้าใจเย็น ๆ ก่อนอย่าเพิ่งโมโหเลยเจ้าค่ะ ท่านไม่อาจทราบว่าแต่ก่อนนั้นนางนินทาอะไรเกี่ยวกับท่านไว้บ้าง ข้าได้ยินนางบอกว่าผู้หญิงอย่างท่านไม่สมควรที่จะมีลูกด้วยซ้ำ ไม่เพียงแค่นั้นนะเจ้าคะ ยังพูดอีกว่าพวกเด็ก ๆ ที่เกิดมาก็คงจะเป็นเป็นม้าเป็นวัวคอยรับใช้ให้ผู้อื่น”
ความโกรธของป้าหวังเพิ่มมากขึ้นหลังจากได้ยินซูหวานหว่านพูด นางไม่สนในคำพูดเตือนใจของลุงสวี่อีกต่อไป “ฮวงอี๋ฮวน! เจ้ามันหน้าไม่อาย เจ้าไม่ได้มองดูครอบครัวตัวเองบ้างหรือ ไม่กลัวว่าตระกูลของเจ้าจะเสียหน้าหรืออย่างไร! เจ้ารู้ไหมว่าวันนี้เจ้าทำอะไรลงไป!”
ใบหน้าของฮวงอี๋ฮวนซีดเผือด ผู้คนรอบข้างพากันมุงดูเหตุการณ์ ซุบซิบนินทาอย่างสนอกสนใจ สลับกับจ้องมองไปที่ฮวงอี๋ฮวนอย่างสมเพช
ทว่ากลับเป็นหลี่ฉือโทวรู้สึกอับอายแทนทั้งคู่ จึงได้ตะโกนออกไปด้วยหวังทุกอย่างจะสงบขึ้น “เอ้า! ด่ากันเข้าไป ด่ากันเข้าไป! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้อยู่ที่ใด อยากให้คนอื่นมองว่าหมู่บ้านของเรามีแต่คนไร้มารยาทหรือ!!”
สิ้นเสียงของหลี่ฉือโทว ทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
ผู้ร่วมเดินทางคนหนึ่งที่นั่งฟังอยู่ครู่ใหญ่เริ่มอดไม่ไหว เห็นฮวงอี๋อวนอายุเพียงเท่านี้ จึงอยากเอ่ยถามบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ด้วยเขารู้สึกว่านางน่ารังเกียจยิ่ง!
ทว่าทางด้านฮวงอี๋ฮวน นางคิดว่าคนผู้นั้นแอบสนใจความสวยของตน จึงยกมือจัดดอกไม้บนหัวทำท่าราวกับว่าตนเองสวยมาก “เจ้ามองอะไร! ไม่เคยเห็นหญิงงามหรืออย่างไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ ข้าไม่ใช่คนอย่างที่เจ้าคิดนะ!”
“ฮึ” ซูหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะขำออกมาเมื่อได้เห็นสภาพในตอนนี้ของฮวงอี๋ฮวน หากใครมาเห็นเข้าแล้วตกหลุมรักนางในตอนนี้ นั่นคงเป็นรักแท้แล้วล่ะ!
“เจ้าขำอะไร! ใครอนุญาตให้เจ้าขำ! นังผู้หญิงน่ารังเกียจ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!” ฮวงอี๋ฮวนโวยวาย น้ำเสียงและกิริยาของนางทำให้ท่าทีของทุกคนเปลี่ยนไป ความหยิ่งยโสของเด็กสาวส่งผลให้พวกเขาเริ่มไม่ชอบหน้าของนางมากขึ้น ส่วนฮวงอี๋ฮวนที่ได้ยินเสียงดุด่าว่ากล่าวเกี่ยวกับตนก็ไม่สามารถรับความจริงที่เกิดขึ้นได้
เรื่องที่เกิดทั้งหมดเกือบจะเป็นเรื่องจริง การนินทาของคนเหล่านั้นมีมากมายหลายรูปแบบ บ้างก็ใส่ไฟจนทำให้ข่าวลือแพร่ออกไปแบบผิด ๆ บ้างก็ว่าฮวงอี๋ฮวนเป็นเด็กสาวที่ชอบให้ท่าผู้ชาย ไม่เว้นแม้แต่ชายคนหนึ่งบนเกวียนวัว จนทำให้หญิงสาวผู้หนึ่งโกรธและเข้าไปทุบตีฮวงอี๋ฮวน
คำซุบซิบนินทาเกี่ยวกับนางแพร่สะพัดออกไปดั่งไฟลามทุ่ง จนฮวงอี๋ฮวนเริ่มทนไม่ไหวหลุดสะอื้น ‘ฮึก’ ออกมา เด็กสาวทนกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ไหวอีกต่อไปและเริ่มร้องไห้ออกมา
ซูหวานหว่านอดไม่ได้ที่จะหลุดขำกับภาพตรงหน้า จึงพยายามก้มหน้าเพื่อกลั้นขำไว้
ส่วนสีหน้าของป้าหลี่เริ่มดีขึ้น จึงแอบนำมือไปจับชายเสื้อของลุงสวี่อย่างเงียบ ๆ
หลี่ฉือโทวฟังไม่ไหว เขาหันหลังเตรียมบังคับเกวียนเพื่อมุ่งหน้ากลับหมู่บ้าน ทว่าซูหวานหว่านยังคงรู้สึกค้างคาใจ เท่านี้มันเพียงพอแล้วหรือ? เด็กสาวนั่งขบคิดและบ่นพึมพำเบา ๆ กับตัวเองอยู่คนเดียว ทำให้เกวียนวัวที่แล่นมาความเร็วคงที่จู่ ๆ ก็เสียหลักวิ่งเข้าไปในฝูงชนจนเกือบชนชาวบ้าน แต่หลี่ฉือโทวก็สามารถควบคุมมันได้ทัน อีกทั้งยังไม่สงสัยอะไรและบังคับวัวต่อ “กลับหมู่บ้าน! ไปเจ้าวัว เร็วหน่อย!”
ครู่เดียวเกวียนวัวก็กลับมาวิ่งบนถนนมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้าน แม่เจิ้นสังเกตเห็นลูกสาวของตนเอามือปิดปากบ่นพึมพำทำตัวแปลก ๆ อยู่คนเดียว จึงหันไปดึงมือของนางออก เผยให้เห็นถึงรอยแผลที่มุมปากของเด็กสาวอย่างชัดเจน
“ท่านแม่…ข้าแค่กัดปากตัวเองน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” นางพูดออกมาทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความกังวล เด็กสาวกลัวว่ามารดาของตนจะสังเกตเห็นถึงพิรุธบางอย่าง
“ระวังอย่าไปกัดโดนมันอีกละกัน” หลังจากที่แม่เจิ้นพูดจบ นางก็หันมองออกไปยังทิวทัศน์ข้างนอก แววตาของผู้เป็นแม่บ่งบอกได้ถึงความสงสัยที่ยังคงไม่คลายหาย
ตลอดทางเสียงโวยวายของของฮวงอี๋ฮวนเงียบลงเหลือเพียงแต่เสียงสะอื้นไห้ น้ำตาของนางไหลออกมาเงียบ ๆ ครั้นเกวียนวัววิ่งมาถึงทางเข้าหน้าหมู่บ้าน เด็กสาวจึงรีบกระโดดลงจากเกวียน และไม่ลืมที่จะสบถทิ้งท้าย “ซูหวานหว่านฝากไว้ก่อนเถอะ!!”
“หากเจ้ากล้าก็มาสิ!!” ซูหวานหว่านและป้าหวังตอบกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองคนหันมาส่งสบตากันอย่างพอใจกับคำพูดที่ได้ตอบกลับฮวงอี๋ฮวนไป
“ฮึ้ย!! รอข้าก่อนเถอะ!!” พูดจบนางก็วิ่งเข้าบ้านไปทั้งน้ำตา หลี่ฉือโทวส่ายหัวและกวาดตาไปยังผู้เดินทางด้านในก่อนจะหันไปพูดกับซูหวานหว่านด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหน่าย “นิสัยนางก็เป็นแบบนี้ เจ้าควรอดทนกับมันให้ได้ ในอนาคตเราไม่รู้ได้เลยว่าเจออะไรเช่นนี้อีกหรือไม่”
“ท่างลุงฉือโทว ท่านเป็นคนพูดเองว่านางนิสัยไม่ดี วันข้างหน้าไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อใด หากข้าไม่เอาคืนวันนี้แล้วข้าจะมีโอกาสอีกทีวันไหนเล่า?” ซูหวานหว่านพูดสิ่งที่ต้องการพูดออกมา และกลับไปนั่งฟังว่าคนอื่นจะว่ากล่าวเช่นไร อย่างน้อย ๆ เรื่องนี้ก็ทำให้นางมีประสบการณ์การเอาตัวรอดจากสถานการณ์แปลก ๆ และคำนินทาของเหล่าผู้คนได้เป็นอย่างดีแหละนะ
“ซูหวานหว่าน พวกเจ้าสองแม่ลูกอย่าลืมไปดูศพพ่อเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายด้วยล่ะ!!” พลันใดนั้นก็มีเสียงร้องตะโกนดังขึ้น