ตอนที่ 45 มือสังหาร
ถนนตั้งใหญ่จะไม่ให้นางได้ผ่านเลยหรืออย่างไร ซูหวานหว่านใช้พลังของตนสื่อสารกับวัวเพื่อให้มันเดินช้าลง
จู่ ๆ เจ้าวัวสี่ขาก็พลันหยุดเดินและปล่อยมูลออกมา พร้อมส่งเสียงร้องออกมาอย่างสบายตัว จากนั้นเดินต่อไปเรื่อย ๆ ทิ้งให้เด็กในร้านวิ่งออกมาจากด้านในเพื่อมาตะโกนด่าพวกเขา
“คนอะไรไม่รู้จักบังคับเกวียนให้ไว! ไหนจะยังปล่อยให้วัวทิ้งมูลอีก! มันจะมากเกินไปแล้ว! ไร้ยางอายจริง ๆ!” พนักงานร้านไท่อันตะโกนไล่ตามหลังแล้วพูดออกมาต่อว่า “นังผู้หญิงเหม็นสาบ รีบมาเก็บขี้วัวเดี๋ยวนี้!”
“คงจะไม่ได้หรอก” ซูหวานหว่านยักไหล่และพูดออกมาอย่างใจกว้าง “นี่เป็นสมบัติอันล้ำค่าของสัตว์ อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่ ข้ามอบมันให้เจ้าแล้วกัน ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกนะ”
จากนั้นวัวก็ได้เร่งฝีเท้าเดิน ทำให้เด็กของอาหารร้านไท่อันเดินตามไม่ทัน เขาได้แต่ตะโกนอย่างโกรธเคือง “ให้ตายเถิด! ผู้หญิงเหม็นสาบคนนี้พูดออกมาได้อย่างไรกัน!”
เกวียนหยุดลงที่ร้านอาหารเจวียเซ่อ จากนั้นก็มีเด็กในร้านหลายคนเข้ามาช่วยขนของ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรอของสิ่งนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
หลังจากเด็กในร้านมองที่ชั่งอยู่ครู่หนึ่ง ก็มองไปยังห้องเล็ก ๆ ที่ถูกม่านปิดเอาไว้และพูดออกมาว่า “ผู้ดูแลหลิว! ทั้งหมด 30 ชั่ง ออกมาจ่ายเงินด้วย!”
“มาแล้ว!” พลันใดเสียงที่คุ้นเคยของผู้ดูแลก็ดังขึ้น เมื่อเขาเดินออกมา ซูหวานหว่านรู้สึกคุ้นเคยกับคนผู้นี้เหลือเกิน
นี่ไม่ใช่เด็กในร้านคนเมื่อวานหรอกหรือ!
คาดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มชุดขาวจะเชื่อคำที่นางพูดและนำเขามาเป็นผู้ดูแลร้าน
“แม่นางซู” ผู้ดูแลหลิวยิ้มและหยิบเงินออกมา “นี่คือเงิน 3 ตำลึงเป็นเงินค่ามัดจำ พวกเรายังต้องการให้ท่านหามันมาให้กับพวกเราอีก ลูกค้าต่างชอบมันมาก!”
“ชอบก็ดีแล้ว” ซูหวานหว่านรับเงินแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหาร ส่วนผู้ดูแลร้านก็ยิ้มพร้อมเชิญทั้งสองคนไปที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะอาหารมีเนื้อที่ปรุงอย่างดี 1 อย่าง มีผัก 3 อย่าง และน้ำแกง 1 ถ้วย ส่งกลิ่นหอมฉุยดูน่าอร่อย
“แม่นางซูค่อย ๆ ทานนะ นี่เป็นสิ่งตอบแทนจากร้านอาหารที่มอบให้แก่ท่านเป็นพิเศษ” ผู้ดูแลหลิวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
ซูหวานหว่านขอบคุณผู้ดูแลร้านออกมาอย่างไม่ลังเล จากนั้นจึงนั่งลงและเริ่มลงมือกินข้าว ซูจิ่นหมิงคาดเดาจากชื่ออาหารจากบนแผ่นป้ายไม้ผนังและพบว่าราคาของมันแพงมาก ราคาของพวกมันทำให้เขาตกใจจนไม่กล้าที่จับตะเกียบ เมื่อเห็นดังนั้นซูหวานหว่านจึงเอ่ยปากชวนให้น้องชายกิน
“เจ้าอย่าได้ตกใจไป เขาให้พวกเรากินโดยไม่คิดเงิน เพียงแค่ครั้งหน้าเราต้องตอบแทนเขาโดยการไปหาวัตถุดิบจากบนภูเขามาให้พวกเขาเยอะ ๆ ก็พอแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ซูจิ่นหมิงก็ได้ลงมือกินทันที เมื่อทั้งสองกินอาหารจนอิ่มก็พากันเดินทางต่อ ส่วนคนอื่นที่เดินไปมาเมื่อไม่รู้จะไปที่ใด ก็พากันเข้ามาสั่งเห็ดหูหนูและเห็ดหอมผัดหมู เมื่อกินเสร็จแล้วในชามยังเหลือข้าวอยู่ไม่น้อย จึงสั่งมันเพิ่มอย่างไม่รู้จักพอ
ซูหวานหว่านต้องไปซื้อเสบียงกลับไปให้ครอบครัวก่อน ถึงจะสามารถเดินทางกลับบ้านได้ พอนับวันดูแล้ว มันใกล้จะถึงวันที่นางจะต้องส่งไก่ให้กับหมาป่าจ่าฝูงแล้ว นางจึงยังต้องไปซื้อไก่ด้วย!
ซูหวานหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปลีกตัวออกมาจากซูจิ่นหมิง หลังจากนั้นจึงพาจิ้งจอกตัวเมียไปที่ตลาด
หลังจากใช้เวลาตามหามาครู่ใหญ่ นางก็เจอเข้ากับร้านขายไก่แห่งหนึ่ง นางได้เลือกไก่หลายตัวและลอบถามจิตวิญญาณ ว่าสามารถใส่ไก่เข้าไปในฟาร์มได้กี่ตัว ทว่าวิญญาณนั่นกลับนิ่งเงียบ เมื่อเป็นเช่นนั้นซูหวานหว่านจึงลองใส่เอาไปเอง แต่ก็ไม่สามารถใส่ลูกไก่เข้าไปได้ถึง 10 ตัว หลังจากลองนับจำนวนลูกไก่แล้ว ซูหวานหว่านจึงตัดสินใจซื้อลูกไก่ ทั้งไก่ตัวผู้สองตัวและไก่ไข่ 2 ตัว ชายชราเจ้าของร้านจึงมอบเป็ดน้อย 2 ตัวเป็นพิเศษให้นางด้วย
จิ้งจอกตัวเมียที่อยู่ในถุงดำโผล่หัวออกมาจากห่อผ้า เมื่อชายชราเห็นเข้าจึงเอ่ยถาม “แม่นาง เจ้าไปซื้อจิ้งจอกมาจากที่ใด ข้าไม่เคยเห็นเนื้อจิ้งจอกในเมืองของเรามานานแล้ว!”
อยากกินจะเนื้อจิ้งจอกงั้นหรือ? นี่มันเยี่ยมมาก!
อย่างไรเสียซูหวานหว่านไม่มีความรู้สึกหรือเกี่ยวข้องกับจิ้งจอกตัวนี้อยู่แล้ว มันเกือบทำให้นางตาย! ซูหวานหว่านยิ้มออกมา “หากเป็นเช่นนั้นข้าจะให้จิ้งจอกนี่แก่ท่านและแลกเปลี่ยนกับไก่เหล่านั้น”
นี่คือการแลกเปลี่ยนจิ้งจอกกับของพวกนั้น!
จิ้งจอกมีค่ามากกว่านั้นมาก!
ชายชราพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ทว่าเขากลัวว่าซูหวานหว่านจะรู้สึกเสียใจภายหลัง จึงได้ให้ไก่เพิ่มไปอีก 2 ตัว
“เจ้าทำแบบนี้กับข้าไม่ได้นะ!” จิ้งจอกตัวเมียตะโกนออกมาพร้อมกับความกลัวที่เกิดขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“ข้าบอกแล้วไง ว่าข้าทำได้” ซูหวานหว่านเยาะเย้ยออกมาและตอบกลับออกไปอย่างลับ ๆ จากนั้นเด็กสาวก็แบกของและเดินจากไป ก่อนที่นางจะหลบเข้าตรอกเล็ก ๆ และย้ายไก่ตัวผู้ ไก่ไข่ และลูกไก่ 2-3 ตัวเข้าไปในมิติฟาร์มอย่างเงียบ ๆ
หลังจากซูจิ่นหมิงได้ซื้อของครบแล้วจึงออกตามหาซูหวานหว่าน จากนั้นทั้งสองก็เตรียมตัวกลับบ้าน เมื่อทั้งสองขึ้นเกวียนวัวหลี่ฉือโทวก็ได้ออกเกวียนทันที
ออกเดินทางได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หลังออกจากเมืองมาจู่ ๆ ก็มีชาย 5 คนปรากฏตัวขึ้นบนถนน พร้อมกับถือดาบยาวมาขวางข้างหน้าเกวียนเอาไว้
“เจ้าคือซูหวานหว่านใช่หรือไม่? ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าได้รับรู้ วันนี้มันคือวันตายของเจ้า!”
เป็นใครกันที่จ้างคนเหล่านี้ให้มาฆ่านาง?
พลันใดนั้นใบหน้าของซูหวานหว่านก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“พวกท่านจำผิดคนแล้ว! ที่นี่ไม่มีใครชื่อซูหวานหว่านหรอก!” หลี่ฉือโทวรีบเอ่ยอย่างลนลานพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ชายชราหยิบเหรียญทองแดงออกมา 2 – 3 เหรียญยื่นไปให้พวกเขา “ข้ามอบสิ่งนี้ให้ท่านเพื่อเป็นค่าเปิดทาง พอใจท่านหรือไม่?”
ชายคนนั้นจ้องไปที่ซูหวานหว่านโดยตรงและยังคงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป “เจ้าไม่ใช่ซูหวานหว่านจริงหรือ?”
ซูหวานหว่านที่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับไป ชายคนนั้นก็ได้หยิบภาพวาดออกมาดู และเมื่อรู้ว่านางคือซูหวานหว่านจึงพูดขึ้นมาว่า “เจ้าโกหกข้า! มากับข้าเสียดี ๆ!”
ซูหวานหว่านเห็นว่าภาพวาดถูกวาดด้วยหมึกสีดำคดเคี้ยว นี่เขาเรียกว่าเป็นการวาดรูปหรือไง คนวาดมีฝีมือแย่มาก!
เช่นนี้ดูออกได้อย่างไรว่าเป็นนาง?
“รีบปฏิเสธเสียสิ!” หลี่ฉือโทวขยิบตาส่งสัญญาณให้กับซูหวานหว่าน ส่วนซูจิ่นหมิงก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของพี่สาวด้วยความกลัว
“เป็นข้าเอง” ซูหวานหว่านพยักหน้ารับ เช่นนั้นหลี่ฉือโทวก็โกรธมาก เขาพยายามโกหกช่วยนางเอาไว้แท้ ๆ ซูหวานหว่านกระซิบบอกฉือโทวอย่างเบา ๆ ว่า “ลุงฉือโทว ได้โปรดรีบไปแจ้งเรื่องกับพลลาดตระเวนให้มาช่วยชีวิตข้า แม้ว่าพวกเราจะหนีกันไปได้ หากพวกเขาไล่ตามทัน เราทั้งหมดได้จบเห่แน่!”
หลี่ฉือโทวถึงกับถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ก็ได้”
ซูหวานหว่านได้เดินลงมาจากรถเกวียน แล้วแสร้งทำสีหน้าหวาดกลัว “พี่ชาย อย่าฆ่าข้าเลยนะ!”
ชายคนนั้นยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “เมื่อเห็นว่าเจ้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแบบนี้ ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกสักพักข้าค่อยฆ่าเจ้าแล้วกัน!”
หลี่ฉือโทวและซูจิ่นหมิงก็ได้เดินออกไปพร้อมกับเกวียน ชายคนนั้นยิ้มออกมาพร้อมกับเดินไปหาซูหวานหว่าน “แม่นาง เจ้าก็งดงามเหมือนกันนะ ในเมื่อเจ้าจะตายแล้ว เรามาทำเรื่องสนุก ๆ กันดีกว่า เพราะไม่ว่าอย่างไรไม่ช้าไม่เร็วเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี แต่ก่อนที่จะตายเจ้าลองมาเป็นเมียพวกเราก่อนดีหรือไม่?”
ชายคนนั้นจ้องหน้าไปที่พรรคพวกของตัวเองและยิ้มให้กัน พวกเขาเก็บดาบแล้วจับตัวซูหวานหว่านไว้ ลากนางเดินเข้าไปในป่า “หากพวกเจ้าคิดจะฆ่าข้า ก็แทงมาที่ขั้วหัวใจข้าเสีย!”
เมื่อเห็นแววตาของพวกโจรที่หื่นกระหาย ซูหวานหว่านก็รู้สึกขยะแขยง นางหยุดเสแสร้งและพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “ใครเป็นคนส่งพวกเจ้ามา!”
“ฮึ่ม! จงอย่าดูถูกใครอีก เพราะการทำเช่นนั้น เจ้าได้ทำให้เขาขุ่นเคืองใจ!” ชายผู้นั้นพูดเยาะเย้ยออกมา จากนั้นก็หยิบดาบขึ้นมาอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ให้ความร่วมมือ งั้นแล้วข้าจะส่งเจ้าไปเจอยมบาลเดี๋ยวนี้!”
พวกมันคน 5 คนหยิบดาบขึ้นมา ซูหวานว่านขมวดคิ้วแน่น เมื่อมีคนร้ายพยายามเข้ามาใกล้ตัวนาง เด็กสาวก็ได้หยิบก้อนหินขึ้นมาแล้วปาไปยังหัวของเขา ทำให้ชายคนนั้นล้มลง หญิงสาวจึงก้มลงไปหยิบดาบที่หล่นอยู่ขึ้นมา จากนั้นก็จ่อไปที่คอของเขา