ตอนที่ 47 หุ้นส่วนหมาป่า
บรรยากาศรอบบ้านค่ำคืนนี้เงียบสงัด เด็กสาวคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรดี พลันใดนางก็ได้ยินหมาป่าส่งเสียงร้อง ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจที่จะไปที่ด้านหลังภูเขา
เมื่อก้าวผ่านประตูบ้านก็ไม่เจอผู้ใด ทว่าเมื่อก้าวผ่านพ้นประตูลานบ้าน นางก็ได้พบกับชายหนุ่มผู้มีหน้าตางดงาม กำลังเช็ดเหงื่อด้วยท่าทางไร้เดียงสายืนอยู่บริเวณนอกบ้าน เมื่อเห็นเด็กสาว อีกฝ่ายพลันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เจ้าอยากเข้าไปในป่างั้นหรือ?”
นี่มันฉีเฉิงเฟิงไม่ใช่เหรอ?
ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น “อะไรนะ? เจ้าก็อยากไปด้วยเหรอ?”
“ตอนนี้ข้าแกะสลักหยกทั้งหมดเสร็จแล้ว ข้าเลยอยากเข้าไปหาจี้หยกของข้าที่หายไป”
จี้หยกของเขาอยู่กับจ่าฝูงหมาป่า! เขาจะหามันเจอได้อย่างไร!
ซูหวานหว่านมีสีหน้าที่บึ้งตึงแล้วพูดออกมาว่า “เหตุใดเจ้าไม่หามันในตอนกลางวัน? แล้วทำไมถึงต้องไปในตอนกลางคืนด้วย? เจ้ามองเห็นทางหรืออย่างไร?”
“ข้ามองไม่เห็นหรอก แต่อยากลองเข้าไปหาดูหากโชคดีมันคงตกอยู่ตามทาง”
ครานี้คิ้วของซูหวานหว่านขมวดเป็นปม เด็กสาวก้าวเข้าไปหาฉีเฉิงเฟิงช้า ๆ เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าบริเวณไหล่ฉีกขาดจากร่องรอยอาวุธมีคม ทั้งยังมีคราบเลือดติดอยู่ หัวใจของเด็กสาวพลันเต้นระรัว เป็นไปได้หรือไม่ว่าฉีเฉิงเฟิงกำลังถูกไล่ล่า แล้วเขาก็หนีออกมาได้?
เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าตนเองโชคร้ายเช่นนี้? ทุกครั้งที่นางเข้าไปหลังภูเขา มักพบเจอกับฉีเฉิงเฟิง และเจออีกฝ่ายในช่วงเวลาที่เขาถูกคนร้ายไล่ล่าตลอด!
ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนยื่นมือไปกุมมือชายหนุ่ม นางจำได้ว่าครั้งก่อนที่เข้าไปในป่า รู้สึกว่าจะมีถ้ำอยู่อาจใช้เป็นที่ซ่อนตัวให้ได้
ทันทีที่สัมผัสถึงความรู้สึกนุ่มนวลจากมือเด็กสาว ฉีเฉิงเฟิงถึงกับตกใจผงะดึงมือตัวเองออก “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
แต่แล้วซูหวานหว่านก็เห็นเงาดำที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ นางตกใจก่อนเอ่ยแผ่วเบา “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เจ้าอย่ามั่วคิดเรื่องชู้สาวไร้สาระ!”
ซูหวานหว่านจูงมือชายหนุ่มวิ่งไปทางหลังภูเขา เมื่อเงาดำรู้ว่าเป้าหมายกำลังหลบหนี จึงไล่ตามประชิด ทว่าการไล่ล่าของมันแตกต่างกับพวกชายชุดดำก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ดูแล้วอีกฝ่ายคงจะใช้คนมีฝีมือมากกว่าเดิม!
และไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรับมือกับบุคคลลึกลับอย่างชายชุดดำคนนี้!
ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่นและเปลี่ยนทิศทางการหลบหนี นางพาฉีเฉิงเฟิงมายังสถานที่ที่นางนัดหมายกับเหล่าหมาป่า เด็กสาวนำไก่ 2 – 3 ตัวออกมาเงียบ ๆ เพื่อเรียกพวกหมาป่าออกมาในตอนที่ฉีเฉิงเฟิงไม่ทันสังเกต
ไม่นานนักก็ปรากฏเงาดำของสัตว์สี่ขาขึ้นจากพุ่มไม้ เป็นจังหวะเดียวกับบุคคลลึกลับซึ่งหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “พวกเจ้าจะหนีไปที่ใดพ้น!”
สีหน้าของฉีเฉิงเฟิงซีดเผือด ชายหนุ่มกัดฟันกรอดพูดรอดไร้ฟันอย่างแน่วแน่ “ครั้งที่แล้วเจ้าช่วยข้าเอาไว้ คราวนี้ข้าจะเป็นฝ่ายปกป้องเจ้าเอง รีบหนีไปซะ!”
นางได้ทำข้อตกลงกับหมาป่าเอาไว้แล้ว!
นางและเป็นพวกหมาป่าหุ้นส่วนกัน!
เด็กสาวไม่มีความคิดที่จะหลบหนีอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย!
แต่ฉีเฉิงเฟิงไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาอยากให้เด็กสาวหนีไป ซูหวานหว่านจึงยิ้มชี้ไปยังชายชุดดำเงียบ ๆ พร้อมทั้งหันไปทางฝูงหมาป่า พูดกับพวกมันเบา ๆ “ข้าเอาเนื้อมาให้พวกเจ้าแล้ว แต่ข้าคิดว่านำมาแบบมีชีวิตอยู่น่าจะดีกว่า จึงไม่ได้ต้มมาด้วย เชิญพวกเจ้ากัดเนื้อสดนี้ด้วยตนเองเถอะ ทั้งยังได้ฝึกฝนร่างกายอีกด้วยนะ”
ซูหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเสียแล้ว นางรับบทเรียนนี้มาจากท่านย่าของนาง และนางไม่กลัวอะไรแล้วทั้งสิ้น
ชายชุดดำหยุดดูการแสดงตรงหน้า ด้วยหมาป่าเหล่านั้นต่างส่งเสียงหอนระงม ก่อนที่พวกมันจะกระโดดข้ามซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงไป ทำให้สีหน้าบุรุษชุดดำพลันเปลี่ยนสี เขาหันหลังแล้วเตรียมวิ่งหนีฝูงหมาป่าทันที
หมาป่า 5 – 6 ตัว!
ชายชุดดำไม่สามารถเอาชนะหมาป่าพวกนี้ได้!
“ตอนนี้เจ้ายังจะหัวเราะเยาะข้าอยู่อีกหรือไม่?” ซูหวานหว่านกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย ใบหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยชัยชนะ
ฉีเฉิงเฟิงที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วพลันรู้สึกว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของนางดูสดใสและมีบางอย่างแฝงอยู่
“แม่นาง! เจ้าทำอะไรกันแน่! เหตุใดมันไม่ทำอะไรเจ้า?!” ชายชุดดำพูดอย่างโกรธเคือง
“เจ้าจะแปลกใจอะไร? พวกข้าสองคนคงผอมเกินไป และพวกมันก็รู้สึกว่าหากกินพวกข้าคงเจอแต่กระดูกกระมัง” ซูหวานหว่านพูดพร้อมรอยยิ้ม เมื่อนางรู้สึกว่าฉีเฉิงเฟิงกำลังจ้องมองนางอยู่ เด็กสาวพลันหันกับไปจ้องอีกฝ่าย “มั่วมองอะไรอยู่อีกเล่า! หมาป่าวิ่งไล่ตามมันไปแล้ว! พวกเรายังไม่รีบหนีไปอีกหรือ? เมื่อมันกินผู้ชายคนนั้นจนอิ่ม หมาป่านั่นอาจจะกลับมาไล่ล่าพวกเราอีกก็ได้!”
ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่ละสายตาจากเด็กสาว ราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์
…
ซูหวานหว่านลากฉีเฉิงเฟิงวิ่งหนีไปสักพัก วิ่งไปอีกระยะจึงชะลอฝีเท้าลง เมื่อชายหนุ่มเผลอนางจึงใช้สันมือฟาดไปที่ลำคอของอีกฝ่าย จนเขาหมดสติไป
เด็กสาวประคองฉีเฉิงแล้วค่อย ๆ วางเขาลงบนพื้น นางปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง มองดูหมาป่าที่อยู่ไกลออกไปโดยไม่รู้ตัวว่าฉีเฉิงเฟิงที่มีสติอยู่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
อีกด้าน ชายชุดดำกำลังวิ่งหนีเหล่าหมาป่าด้วยความรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามหมาป่าก็วิ่งได้เร็วมนุษย์อยู่แล้ว ภายในไม่ถึงหนึ่งเค่อ บุรุษชุดดำก็ได้ถูกฆ่าหมาป่ากัดตาย กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่ว
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว ซูหวานหว่านจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก หากนางต้องรับมือกับเขา เป็นไปได้ว่าจะทำให้คนอื่นเกิดความสงสัยในตัวนาง หากแต่เมื่อหมาป่าจัดการกับชายชุดดำได้ โอกาสสำเร็จก็คงเต็มร้อย จึงทำให้เด็กสาวมีความรู้สึกคิดอยากจะเลี้ยงหมาป่าขึ้นมาบ้าง!
หลังบุรุษลึกลับถูกเหล่าสัตว์หน้าขนรุมจนสิ้นลมหายใจ จ่าฝูงหมาป่าและพรรคพวกจึงเดินกลับมา พวกมันมองฉีเฉิงเฟิงที่นอนสลบอยู่ที่พื้น จากนั้นก็ได้แหงนหน้าขึ้นไปมองซูหวานหว่านที่อยู่บนต้นไม้
“ไก่ที่เจ้าสัญญาไว้กับข้า?”
ฉีเฉิงเฟิงได้ยินเพียงเสียงหอนของหมาป่า โดยซูหวานหว่านใช้พลังสื่อสารกับจ่าฝูงของพวกมัน “เจ้าคืนจี้หยกมาให้ข้าก่อน แล้วข้าจะให้ไก่พวกเจ้า”
สำหรับฉีเฉิงเฟิง เสียงของนางเหมือนกับเสียงหอนของหมาป่า ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ พลันใดก็พบว่าจ่าฝูงหมาป่ายื่นหน้ามาทางลำคอของตัวเอง ชายหนุ่มเลยรีบปิดตาลงทันที
จ่าฝูงหมาป่ากัดฟันพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ซูหวานหว่าน “เจ้ากล้าโกหกข้าหรือ? เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถกัดคอเขาขาดได้เลยทันที!”
“ข้าไม่ได้โกหกเจ้า” ซูหวานหว่านถอดจิตเข้าไปมิติฟาร์มจับไก่ที่ชอบจิกผักผลไม้ออกมา นางสบัดแขนเสื้อเล็กน้อยก็มีไก่ร่วงลงมา 1 ตัว จ่าฝูงหมาป่าถอยขาหลังของตัวเองไปหนึ่งก้าวแล้ว กระโดดกัดไก่ตายในทันใด
จากนั้นซูหวานหว่านจับไก่ออกมาอีกครั้ง และได้ทิ้งไก่ลงมาต่อเนื่องจนถึง 20 ตัว เหล่าหมาป่ารุมเข้ามากินไก่ทำให้พื้นข้างล่างเต็มไปด้วยหมาป่า
“เจ้าคืนหยกให้ข้าได้หรือยัง?” ซูหวานหว่านพูดออกมา
“ได้”
หลังจากนั้นหมาป่าจ่าฝูงก็ได้วิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็วิ่งกลับมาพร้อมกับจี้หยกและโยนใส่ใบหน้าของฉีเฉิงเฟิง ทำให้ฉีชายหนุ่มรู้สึกเจ็บจมูก แต่ไม่สามารถยื่นมือออกมาถูหรือลูบจมูกของตัวเองได้
ซูหวานหว่านกระโดดลงมาจากต้นไม้พร้อมกับหยิบจี้หยกขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าจี้หยกเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก นางหยุดคิดไปครู่หนึ่งแล้วก็ได้ดึงเสื้อของฉีเฉิงเฟิงมาเช็ดทำความสะอาดมัน เมื่อทำความสะอาดเสร็จจึงผูกจี้หยกเอาไว้ที่เอวของชายหนุ่มทันที
แต่นางสังเกตเห็นว่าเชือกรอบเอวของฉีเฉิงเฟิงหลวมมาก นางจึงดึงมันออกแล้วผูกมันใหม่อีกครั้ง ทว่าเสื้อคลุมยาวของเขาได้ตกลงไปด้านข้าง เผยให้เห็นกางเกงข้างในที่เป็นสีขาวและเผยให้เห็นบางสิ่ง…
ใบหน้าของหญิงสาวขึ้นสีแดงระเรื่อ นางรีบมัดเชือกให้ฉีเฉิงเฟิงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นซูหวานหว่านได้ของที่ต้องการแล้ว จ่าฝูงหมาป่าก็เรียกร้องกับนางว่าในครั้งต่อไปจะต้องเอาไก่มาให้พวกมัน 30 ตัว
ความอยากอาหารของพวกมันช่างมีเยอะเสียจริง!
“ครั้งก่อนไม่ใช่ตกลงกันเอาไว้ 10 ตัวไม่ใช่หรือ? ข้าก็ให้ไปแล้ว 20 ตัว เจ้ายังต้องการสิ่งใดอีก?” ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว นางต้องการจัดการเรื่องนี้ให้จบ
“หึ! ข้าบอกให้เจ้าเอามาก็เอามาเถอะ! 10 ตัวที่เพิ่มมาถือเป็นค่าช่วยเจ้าฆ่าชายชุดดำนั่น”
ซูหวานหว่านคิดว่าหากเป็นเช่นนี้ก็ย่อมได้ จึงตอบรับไปว่า “ก็ได้!”
เมื่อพูดถึงค่าจ้าง ซูหวานหว่านที่มีความคิดอยากเลี้ยงหมาป่าจึงเสนอออกมาว่า “ข้าสามารถให้ไก่พวกเจ้าเพิ่มขึ้น 10 ตัวได้ แต่เจ้าสามารถให้ลูกหมาป่ากับข้าสักหนึ่งตัวได้หรือไม่?”
ก่อนหน้านี้พวกมันไม่ได้บอกว่าฝูงของพวกมันถูกสัตว์ชนิดอื่นทำร้ายหรอกหรือ? ซูหวานหว่านคิดว่าพวกมันต้องตอบตกลงข้อเสนอของนางเป็นแน่ ทว่าจ่าฝูงหมาป่ากลับส่ายหัว “อย่าเยอะเกินไป! พวกเราเป็นหมาป่าไม่ใช่มนุษย์อย่างเจ้าที่จะมาเจรจาเพื่อการค้าขาย!”
คำพูดนี้ก็เป็นเรื่องจริง
ซูหวานหว่านเงียบไปและพูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ “เจ้าลองให้ข้าเลี้ยงดูก่อน รับรองข้าจะไม่ทำร้ายและเลี้ยงดูอย่างดี หากพวกเจ้าไม่เชื่อข้า ครั้งหน้าตอนที่ข้าเอาไก่มาให้พวกเจ้า สามารถมาดูได้เลยว่าข้าเลี้ยงดูมันดีหรือไม่ หากข้าดูแลไม่ดีเมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็สามารถฆ่าข้าเสียได้เลย”
จ่าฝูงหมาป่ามองไปที่พรรคพวกที่อยู่ด้านข้าง และหลังจากสบตาการแลกเปลี่ยนความคิด พวกมันทั้งหมดก็เห็นด้วย หมาป่าตัวหนึ่งจึงวิ่งเข้าไปในป่าลึก
ซูหวานหว่านนั่งลงข้างฉีเฉิงเฟิง หมาป่าที่เหลือก็ทิ้งตัวนั่งลงเหยียดขาของตัวเองและนอนราบลงกับพื้น
ฉีเฉิงเฟิงนอนอยู่ที่พื้นเป็นเวลานานเริ่มรู้สึกอึดอัดมากขึ้นมา ทว่าเขาไม่กล้าที่จะขยับตัว อีกทั้งยังมีหมาป่าถึง 6 ตัวนั่งอยู่ข้าง ๆ อีก เลยจำใจ ได้แต่แสร้งสลบไปทั้งแบบนั้น