ตอนที่ 93 ฉวยโอกาสไม่สำเร็จยังขาดทุนอีกต่างหาก
ซูหวานหว่านกำลังนั่งซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำ พลันนั้นก็เหลือบไปเห็นปลาสีแดงแหวกว่ายอยู่ นางอดไม่ได้ที่จะจ้องมองดูมัน ซึ่งน้ำในแม่น้ำใสสะอาดจนเผยให้เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเสแสร้งแกล้งพูด
“ซูหวานหว่าน! ช่างบังเอิญเสียจริง ๆ เจ้าก็มาซักผ้าด้วย!” ซูฉิงฉิงพูดออกมาเบา ๆ และวางอ่างลงข้าง ๆ ซูหวานหว่าน ส่วนตัวของนางยังคงยืนจ้องมองซูหวานหว่าน ในหัวของนางมีความคิดอยากจะผลักซูหวานหว่านให้พลัดตกลงไปเสียเหลือเกิน
“มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเจ้าจงใจ ตัวเจ้าเองย่อมรู้ดี” ซูหวานหว่านมองไปที่อ่างเสื้อผ้าด้านข้างด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย เมื่อมองไปในอ่างก็พบกับแสงสีเงินที่ส่องสะท้อนออกมาจากอ่าง ซูหวานหว่านวางเสื้อผ้าตัวเองลงแล้วพูดว่า “ข้าจะช่วยเจ้าเอาผ้าแช่น้ำเองนะ”
‘มีมีดอยู่ในนั้น!’ ซูฉิงฉิงเกิดอาการกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “ใครขอให้เจ้ามาช่วยข้าเอาผ้าแช่น้ำกัน ข้าทำเองได้!” ยังไม่ทันที่จะพูดจบดี นางก็เห็นเสื้อผ้าของตัวเองค่อย ๆ ถูกแช่ลงไปในน้ำแล้ว ซึ่งมีดเงินที่เดิมอยู่ในอ่างได้ลอยตกลงไปในแม่น้ำ
เมื่อมองไปยังมีดที่จมอยู่ก้นแม่น้ำ ซูหวานหว่านก็แสยะยิ้มพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา แล้วโยนลงไปในอ่างของซูฉิงฉิง “ท่านพี่ น่าแปลกจริง ๆ ที่มีมีดอยู่ในเสื้อผ้าของท่านด้วย หากกำลังจะฆ่าตัวตายแล้วล่ะก็ ขอให้สมหวังนะ แต่เจ้าอย่าเข้ามาใกล้ข้า! มันสกปรกจนไม่รู้ต้องซักอย่างไรถึงจะสะอาดแล้ว”
“ซูหวานหว่าน! มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” ซูฉิงฉิงกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธ นางมองดูมีดที่อยู่ใต้แม่น้ำ อยากจะเอื้อมมือลงไปหยิบขึ้นมาทว่าก็ไม่กล้า เมื่อเห็นซูหวานหว่านยิ้มเช่นนี้ ก็รู้สึกโกรธมากจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี พลันใดนางก็สังเกตเห็นว่าซูหวานหว่านมีจี้หยกห้อยอยู่ที่เอว ดวงตาของนางเปล่งประกายแวววับขึ้นมาทันที
จี้หยกชิ้นนั้นดูเหมือนจะมีราคามาก!
ซูฉิงฉิงทำเป็นนั่งยอง ๆ แสร้งทำเป็นซักผ้าก่อนจะแย่งจี้หยกมาจากซูหวานหว่าน
“คืนข้ามา” ซูหวานหว่านละมือจากการซักผ้า นางหันมองไปซูฉิงฉิงพร้อมเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
ร่างกายของซูฉิงฉิงสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว นางลุกขึ้นก่อนจะก้าวเดินถอยหลัง ทว่ายังทำราวกับตนไม่รู้สึกอะไร “ซูหวานหว่าน มันไม่ใช่เพราะว่าข้าไม่มีเงินหรอกนะ แต่จี้หยกของเจ้าดูเหมือนว่าหากเอาไปขายน่าจะได้เงินมากอยู่ ข้าจะเก็บมันเอาไว้! ถือว่าเป็นค่าชดใช้ให้กับเจียงเส้าปังก็แล้วกัน!”
จี้หยกชิ้นนี้ฉีเฉิงเฟิงเป็นคนมอบมันให้กับนางเอง คนอื่นสมควรจะได้รับมันได้อย่างไรกัน? ซูหวานหว่านเหยียดยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าไม่ได้เป็นหนี้เจ้าและเจียงเส้าปังเสียหน่อย หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าทำชั่วก่อน เจ้าก็คงจะไม่ถูกเอาคืนเช่นนั้นหรอก ข้าแนะนำให้เจ้าคืนของมาให้กับข้า มิฉะนั้น…”
“หากไม่อย่างนั้นแล้วมันจะทำไม! ถ้าข้าไม่ยอมล่ะ! มันเป็นความผิดของเจ้าเอง หากว่าเจ้าไม่อ่อยเขาก่อน มันก็คงจะไม่เป็นเช่นนี้!” เมื่อพูดถึงเจียงเส้าปัง ซูฉิงฉิงก็โกรธมาก เห็นได้ชัดว่าเจียงเส้าปังยังต้องใช้เวลาอีกนานสำหรับการพักฟื้น บางทีอาจจะพักฟื้นไม่สำเร็จก็ได้ แล้วในอนาคตต่อไปนางจะต้องทำอย่างไรดี!
“หื้อ? อ่อยเขา? ข้าไม่ได้มีนิสัยสำส่อนเช่นนั้นหรอก อีกอย่างเจียงเส้าปังก็ไม่ได้คู่ควรกับข้าเลยสักนิด” พอพูดจบ ซูหวานหว่านก็ลุกขึ้นและเดินไปหาซูฉิงฉิงพร้อมกับถามออกมาว่า “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ว่าเจ้าจะคืนหรือไม่คืน!”
ของในมือมันสมควรเป็นของนาง เหตุใดนางจะต้องคืนมันให้กับซูหวานหว่านด้วย! เมื่อมองไปที่แม่น้ำใส ระดับน้ำของมันค่อนข้างลึก ซูฉิงฉิงกัดฟันด้วยความโกรธ ไม่ว่าอย่างไรเสียนางก็ต้องการฆ่าซูหวานหว่าน ดังนั้นหากซูหวานหว่านจมน้ำแล้วตายไปล่ะ!?
นางมองไปรอบ ๆ เพื่อสังเกตว่ามีผู้ใดซักผ้าอยู่หรือไม่ เมื่อไม่เห็นผู้ใดซูฉิงฉิงจึงตัดสินใจคิดผลักซูหวานหว่านลงไปในแม่น้ำ นางยื่นมือออกไปเพื่อจะผลักซูหวานหว่าน ทว่าซูหวานหว่านสามารถหลบหลีกได้ทันท่วงทีและคว้ามือของซูฉิงฉิงเอาไว้อย่างรวดเร็ว แขนของนางถูกจับเอาไว้แน่นทำให้รู้สึกเจ็บเป็นอย่างมากจนไม่สามารถขยับตัวได้
“กรรมตามสนอง!” ซูหวานหว่านคว้าจี้หยกของตนเองด้วยมือข้างที่ว่าง จากนั้นก็กระโดดไปที่ข้างหลังซูฉิงฉิงทันที และออกแรงผลักซูฉิงฉิงลงน้ำสุดแรง ‘ตู้ม!’ น้ำในแม่น้ำสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศ
“แย่แล้ว! ซูฉิงฉิง! เหตุใดเจ้าจะต้องกระโดดลงไปในแม่น้ำด้วย! ก็แค่ผู้ชายคนเดียวเอง! เจ้าฆ่าตัวตายได้อย่างไร! มันคงเป็นเพราะว่าน้องสาวแบบข้ามันไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่ ข้าถึงห้ามเจ้าไม่ได้!” ซูหวานหว่านตะโกนออกมาเพื่อดึงความสนใจจากผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ
ภาพเหตุการณ์ในตอนนี้มันเหมือนกับสิ่งที่นางคิดเอาไว้ ทว่าซูฉิงฉิงที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำรู้สึกโกรธและละอายใจมาก เมื่อได้ยินซูหวานหว่านพูดออกมาเช่นนี้ นางทำได้เพียงพูดว่า ‘ช่วยด้วย’ เท่านั้น
ซูหวานหว่านยังแสดงต่อไป “ท่านพี่! เจ้าไม่ต้องการให้ข้าช่วยอย่างงั้นหรือ! พี่สาวของข้า เหตุใดเจ้าจะต้องทำร้ายตัวเองเพียงเพราะชายผู้นั้นด้วย!”
หญิงชาวบ้านที่ซักผ้าอยู่ไม่ไกลรีบวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ตรงหน้า นางตะลึงและถามว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น ซูหวานหว่านจึงได้เล่าเรื่องออกมาอีกครั้ง หญิงสาวผู้นั้นเห็นซูฉิงฉิงอ่อนแรงลง แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยทำได้เพียงยืนดูอยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายซูหวานหว่านเห็นซูฉิงฉิงอ่อนแรงแล้วจึงยื่นไม้ส่งให้ซูฉิงฉิงและดึงนางกลับเข้าฝั่ง
ในขณะที่ชาวบ้านต่างก็พากันคิดว่าจะช่วยซูฉิงฉิงอย่างไรดี พลันใดก็มีเด็กสาวและหมอที่เดินผ่านกลุ่มชาวบ้านซึ่งกำลังมุงดูอยู่เข้ามา
“ช่วยพี่สาวข้าด้วย!” ซูเสี่ยวเหยี่ยนชี้ไปยังคนที่นอนอยู่บนพื้น ทว่าเมื่อนางเห็นว่าคนที่นอนอยู่นั้นคือซูฉิงฉิง นางจึงตกตะลึงทันที
ซูหวานหว่านเห็นแววตาของนาง ก็อดรู้สึกผิดหวังอีกครั้งไม่ได้
หมอโหยวนั่งลงข้างซูฉิงฉิงอย่างช้า ๆ และเอาน้ำออกมาจากท้องของนาง จากนั้นจึงลงมือตรวจชีพจรของนาง ใบหน้าของเขาก็มีรอยย่นอย่างฉับพลัน สีหน้าของเขาก็ดูลำบากเล็กน้อย ไม่รู้ว่าการตรวจของเขานั้นจะสามารถพูดออกมาได้หรือไม่
“เกิดอะไรขึ้นกับข้า? บอกข้าที!” ซูฉิงฉิงตะโกนออกมาหลังจากการเพิ่งฟื้นจากสำลักน้ำ นางก็สัมผัสไปที่ท้องของตัวเองอีกครั้ง ความรู้สึกหวาดกลัวผุดขึ้นในหัวใจของตน
“ในเมื่อเจ้าต้องการให้ข้าพูด เจ้าจะมาโทษข้าไม่ได้นะ…”
ชาวบ้านคนหนึ่งที่ยืนฟังอยู่เอ่ยขัดจังหวะขึ้นมาทันทีว่า “พูดมาสิ! จะทำมีลับลมคมในหาสิ่งใดอยู่!”
“นางอาจจะแท้งลูกได้! ข้าจะกลับไปที่บ้านและนำยาแผ่นแปะมาเพื่อประคับประคองอาการของนางเอาไว้ก่อน ใครเป็นญาติของนางกัน? รีบพานางกลับไปที่บ้านเปลี่ยนเสื้อผ้า! แล้วไปรับยาที่บ้านของข้าด้วย!” พอหมอโหยวพูดจบก็เดินจากไปทันที
ชาวบ้านคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ตะลึงกับสิ่งที่หมอโหยวพูดมาเมื่อครู่ “ซูฉิงฉิงท้อง?”
“ซูฉิงฉิงท้องก่อนแต่งงาน! เป็นเรื่องที่น่าขายหน้ายิ่งนัก!”
“ใช่! พวกเราไม่ควรไปช่วยชีวิตนางเลย! ควรปล่อยให้นางตายไปเสีย!”
“…”
ใบหน้าของซูฉิงฉิงซีดเซียวยกมือกุมท้องของตัวเอง ก่อนจะร้องขอให้พานางกลับบ้านก่อน ทว่าผู้ใดสนใจคำขอของนางกัน เพราะพวกเขาคิดว่าหากตนยื่นมือเข้าไปยุ่งจะทำให้ชื่อเสียงของตัวเองเสียหาย
“เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ช่วยข้ากัน! พวกเจ้าคงคิดว่าข้าเป็นสตรีที่แปดเปื้อนสินะ? ข้าหมั้นหมายกับเจียงเส้าปังเรียบร้อยแล้ว หากท้องแล้วมันจะผิดอย่างไร! อีกหน่อยข้าและเขาก็ต้องแต่งงานกัน และข้าก็จะได้ไปเป็นฮูหยิน เหตุใดพวกเจ้าจะต้องกล่าววาจาถากถางหัวเราะเยาะข้าเช่นนี้!” ซูฉิงฉิงกล่าวระบายออกมา ความเจ็บปวดบริเวณหน้าท้องเริ่มเพิ่มมากขึ้น
เหล่าบรรดาลูกสะใภ้หรือท่านป้าไม่มีการเคลื่อนกายเข้าไปช่วยนางแต่อย่างใด ซูฉิงฉิงโกรธขึ้นมาเล็กน้อย นางจึงชี้ไปที่ซูเสี่ยวเหยี่ยนที่ซ่อนตัวอยู่ไกล ๆ “ซูเสี่ยวเหยี่ยน หากเจ้าไม่ช่วยข้า ข้าจะแฉทุกสิ่งที่เจ้าเป็นคนทำ ให้คนเขารับรู้ไปทั่ว! ดูสิเจ้าจะยังสู้หน้าใครได้อีก!”
ใบหน้าของซูเสี่ยวเหยี่ยนพลันซีดลง นางเหลือบมองซูหวานหว่านก่อนจะกล่าวออกมา “ท่านอย่ากล่าววาจาไร้สาระ! ข้าจะทำสิ่งน่ารังเกียจเช่นนั้นได้อย่างไร!”
เมื่อพูดจบนางก็วิ่งหนีออกไป ทว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้อยากรู้เรื่องที่ซูฉิงฉิงพูด จึงรีบรบเร้าให้ซูฉิงฉิงพูดมันออกมา ส่วนซูหวานหว่านที่ยืนอยู่ด้านหลังเองก็รอฟังเช่น กัน นางต้องการที่จะฟังว่าซูเสี่ยวเหยี่ยนได้ทำสิ่งใดลับหลังนางบ้าง!