ซูหวานหว่านลอบมองฮวงต้าถงแล้วยกยิ้ม “ข้าไม่เคยเห็นต้นพริกชนิดที่คล้ายของท่านมาก่อนเลย”
สายตาของชาวบ้านจ้องมองไปยังชายวัยกลางคนด้วยความโกรธทันที
“ฮวงต้าถง! เจ้าโกหกพวกข้างั้นรึ? พวกข้าต่างรู้ดีว่าซูหวานหว่านเคยปลูกพริกเอาไว้ขาย แน่นอนว่านางจะต้องเคยเห็นต้นพริกมาหลากหลาย! ต้นกล้าของซูหวานหว่านล้วนเป็นของจริงแน่!”
“ใช่! ฮวงต้าถง! เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่? คิดจะโกงพวกข้าใช่หรือไม่!”
“…”
คำพูดของชาวบ้านลอยกระแทกหน้าฮวงต้าถง ชายวัยกลางคนจ้องมองซูหวานหว่านและกล่าวออกมา “พวกเจ้าอย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป! ต้นพริกของซูหวานหว่านเป็นของปลอม! ที่พวกเราใช้ปลูกเป็นของร้านอาหารไท่อัน ล้วนเป็นต้นพริกที่นำเข้ามาจากเมืองอื่น!”
ถึงกระนั้นชาวบ้านก็ยังไม่หลงกลเชื่อและจ้องมองไปที่ฮวงต้าถง
“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีเมืองอื่นเคยปลูกพริก ข้าสามารถยืนยันได้ว่าไม่มีที่ใดเลยที่มีพริกนอกจากเมืองเล็ก ๆ ของเรา” ซูหวานหว่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงเย็นชา ก่อนที่เด็กสาวจะนั่งลงวิเคราะห์ถึงการเติบโตของต้นพริกรวมถึงต้นกำเนิดของพริกให้แก่ชาวบ้านได้ฟัง
ชาวบ้านตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น หลายคนต้องการเงินที่ให้กับฮวงต้าถงคืน ชายวัยกลางคนรู้สึกเหมือนโดนฉีกหน้า เขามองไปยังต้นพริกบนโต๊ะและหยิบมันขึ้นมา ฮวงต้าถงเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “แล้วพวกเจ้าสามารถเชื่อคำพูดของซูหวานหว่านได้อย่างไรว่าที่นางปลูกไม่ใช่พืชอื่น!”
ทุกคนหันไปมอง ทว่าก็ยังไม่เชื่อในคำพูดของฮวงต้าถง สิ่งนั้นทำให้เขาโกรธมากจนวิ่งออกไปข้างนอก แล้วขุดต้นไม้มาจากที่ไหนสักที่หนึ่งแล้ววางลงบนโต๊ะ ซึ่งลักษณะของมันเกือบจะเหมือนกับต้นพริกของซูหวานหว่าน!
ซูหวานหว่านมองเพียงครู่เดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นต้นมะเขือ ใบของมันมีลักษณะคล้ายใบพริกแต่เล็กกว่ามาก
ฮวงต้าถงยิ้มอย่างมีชัย “ซูหวานหว่าน เจ้ายังมีข้ออ้างอะไรอีกหรือไม่? ต้นไม้พวกนี้คือต้นไม้ที่พวกเด็ก ๆ ชอบเอามาเล่น หากมันสามารถออกผลผลิตเป็นเม็ดพริกได้พวกเราก็สามารถเก็บมันมากินได้แล้ว! ข้าจะรอให้เจ้ามาโพนทะนาอยู่ทำไมกัน”
ชาวบ้านหลายคนต่างเห็นพ้องต้องกันและคิดว่าซูหวานหว่านเป็นคนนิสัยไม่ดี เป็นคนชั่วร้าย ซูหวานหว่านได้ยินคำด่าเหล่านั้นมากจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว นางนั่งลงอย่างใจเย็นและจดรายชื่อคนเหล่านี้เอาไว้
บรรดาชาวบ้านต่างสงสัย “ซูหวานหว่าน! เหตุใดเจ้าถึงเขียนชื่อพวกข้าลงไป!”
“ที่ข้าเขียนชื่อพวกเจ้าลงไป เพราะในภายภาคหน้าข้าจะไม่ร่วมทำการกับพวกเจ้า ดังนั้นข้าต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” ซูหวานหว่านกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้ววางกระดาษลง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาต่างตะโกนโวยวายออกมาทันที “พวกข้าไม่เต็มใจที่จะร่วมมือเจ้ากับเมื่อใดกัน! เจ้าจะเขียนชื่อของพวกข้าไปทำไมกัน! น่าขันเสียจริง!”
ฮวงต้าถงยิ้มออกมาราวกับตนเป็นผู้ชนะ และคิดว่าตนเองบรรลุเป้าหมายของตนเองแล้ว เขากลัวว่าซูหวานหว่านจะก่อปัญหาให้เขาอีก จึงรีบพาชาวบ้านมาที่บ้านของตนเอง
ทันทีที่ชาวบ้านเหล่านั้นออกจากบ้านตระกูลซูไปก็เหลือเพียงแต่ครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้นที่ยังอยู่ในลานบ้านของนาง
แม่เจิ้นนำต้นกล้าพริกของตัวเองและต้นมะเขือวางข้างกัน นางใช้เวลาสังเกตอยู่ครู่ใหญ่ อธิบายกับหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ ว่า “ต้นกล้านี้เป็นต้นกล้าที่ข้าใช้เมล็ดพริกปลูกขึ้นมา ไม่ใช่ต้นมะเขืออย่างแน่นอน”
ซูหวานหว่านหัวเราะและกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าเชื่อว่าท่านหัวหน้าหมู่บ้านสามารถแยกออกว่าต้นไหนคือของจริง ต้นไหนคือของปลอม นอกจากนี้บ้านของพวกเราเคยกินพริกมาก่อน เหตุใดพวกเราจะจำไม่ได้ว่าต้นไหนของจริงต้นไหนปลอม”
หัวหน้าหมู่บ้านลูบเครา “ข้าไม่สามารถแยกได้ว่าต้นไหนจริงหรือปลอม แต่ข้ามั่นใจว่าแม่นางซูจะไม่ทำให้พวกข้าผิดหวัง”
หลังจากพูดแบบนั้น พวกเขาก็พากันปลอบใจซูหวานหว่านอยู่สักพัก แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน
ซูหวานหว่านแอบเข้าไปขุดต้นกล้าพริกออกมาจากมิติฟาร์มแล้ววางลงบนหญ้าในลานบ้าน หลังจากนั้นก็หายไปในครัวเพื่อเตรียมอาหาร พลันใดก็มีหญิงสาวสองคนเดินถือตะกร้าเข้ามา หน้าผากของนางเต็มไปด้วยเหงื่อไคล เพียงมองก็รู้ว่าเป็นสะใภ้จากบ้านใดบ้านหนึ่งและเพิ่งกลับออกมาจากป่า
เมื่อเห็นเห็ดหูหนูในตะกร้า ซูหวานหว่านก็รับรู้ได้ว่าพวกนางมาที่นี่เพื่อนำเห็ดหูหนูมาขาย เด็กสาวจึงรีบเข้าไปในบ้านเอาที่ชั่งน้ำหนักออกมา แม่เจิ้นเห็นดังนั้นจึงรีบยกน้ำชามาให้พวกนางดื่มมาแก้กระหาย
หลังจากคำนวณน้ำหนักกับราคาแล้ว แม่เจิ้นจึงมอบเงินให้กับหญิงสาวทั้งสอง พลันใดร่างคุ้นตาก็ปรากฏขึ้นในลานบ้านตระกูลซู “ซูหวานหว่าน! เจ้าจะหาเรื่องกันอีกแล้วอย่างงั้นหรือ?”
เพียงแค่เห็นหน้า ซูหวานหว่านก็นึกออกทันทีว่านางคือหวังเซียนซูที่เพิ่งร่วมมือทำการค้ากับฮวงต้าถง!
ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว “ป้าหวัง ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าเช่นไร?”
“เจ้ายังกล้ามีหน้ามาถามอีกงั้นรึ!” หวังเซียนซูจ้องมองเด็กสาวพร้อมกับพูดออกมา “พวกเจ้าโดนซูหวานหว่านหลอกแล้ว! ตอนนี้ฮวงต้าถงเองก็รับซื้อเห็ดหูหนูเช่นเดียวกัน และเขาให้ในราคา 1 ชั่ง 30 เหรียญ! เจ้ายังมีหน้ามาขายให้ซูหวานหว่านอีก!”
ฮวงต้าถงคนเลว! นางไม่รู้จริง ๆ ว่าถังฟู่ให้อะไรกับชายผู้นี้ถึงทำให้เขารีบซื้อของเหล่านี้นัก! ทั้งยังมาแย่งลูกค้าของนางไปอีก!
นางเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าพวกนางไม่ต้องการขายให้กับตนเองแล้ว และคิดว่าครอบครัวของตนสามารถเพาะเห็ดหูหนูจำนวนมากพอที่จะส่งให้กับร้านเจวียเซ่อได้ จึงพูดออกมาว่า “ในเมื่อพวกเจ้าไม่อยากขายให้กับพวกข้าก็ไม่เป็นไร แต่ข้าขอบอกไว้ว่าราคาเห็ดหูหนูไม่มีทางขึ้นถึง 30 เหรียญ”
ตอนนี้มีเห็ดหูหนูขายมากมาย จนหลายคนไม่อยากที่จะจ่ายเงินในราคาสูงเพื่อซื้อมัน ซูหวานหว่านจึงริเริ่มในการปรับราคารับซื้อผลผลิตเข้าร้านอาหารเจวียเซ่อ หลังจากวางแผนราคาอาหารออกมาอย่างสมเหตุสมผลแล้ว ราคามันก็ต่ำมาก!
โดยพื้นฐานแล้วร้านอาหารได้กำไรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
อีกทั้งนางยังไม่ได้บอกพวกชาวบ้านที่ออกมาก่อนเลยว่าจะปรับลดราคาในการรับซื้อเห็ดหูหนูกับพวกเขา!
ชั่วขณะหนึ่งซูหวานหว่านรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นแรง ทำให้รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา
หญิงสาวทั้งสองต่างพากันมองหน้ากันอย่างไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป หวังเซียนซูจึงพาพวกนางไปขายเห็ดหูหนูที่บ้านของฮวงต้าถง
ซูหวานหว่านยังคงยืนอยู่ที่เดิมและเดินเข้าไปในบ้านด้วยความโกรธ หลังจากนั้นนางก็ได้ใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัวของนางและฉีเฉิงเฟิง ช่วยพากันย้ายเห็ดหูหนูกลับมายังห้องว่างที่บ้าน
วันรุ่งขึ้น ซูหวานหว่านเอ่ยวานให้ฉีเฉิงเฟิงตามนางไปช่วยดูที่นาของหัวหน้าหมู่บ้านและเดินสำรวจที่นาของคนอื่นด้วย ทั้งสามใช้เวลาสำรวจดูทุ่งนาทั้งหมดภายในวันเดียว เด็กสาวพบว่ามีเพียง 5 ผืนนาเท่านั้นที่ไม่เหมาะที่จะปลูกต้นพริก และเห็นคนในหมู่บ้านหลายคนกำลังเพาะเมล็ดและเตรียมตัวที่จะปลูกข้าวฟ่าง
ระหว่างเดินสำรวจทุ่งนา นางได้ทักทายชาวบ้านไปด้วย ชาวบ้านหลายคนต่างรู้เรื่องการปลูกพริกของซูหวานหว่าน แต่ก็ยังเกิดความสงสัยลังเลและต้องการแบ่งที่นาเพื่อเพาะปลูกพริกเหมือนกัน กระทั่งซูหวานหว่านกลับถึงหมู่บ้าน และพวกชาวบ้านได้ยินเรื่องค่าตอบแทนจากฮวงต้าถง แต่ทว่าพวกเขาก็ยังอยากที่จะร่วมมือกับเด็กสาวอยู่ดี
ซูหวานหว่านตอบตกลงในทันทีและนำต้นพริกออกมาจากมิติฟาร์ม ซึ่งเหล่าชาวบ้านต่างปลูกมันอย่างตั้งใจ เด็กสาวแวะเวียนไปดูแลอยู่หลายวัน เพื่อตรวจสอบความอยู่รอดของพริกและเห็นต้นกล้าของฮวงต้าถงที่ชาวบ้านปลูกเอาไว้ไม่น้อยทีเดียว
ต้นกล้าพริกที่ซูหวานหว่านให้มาได้รับการปลูกมาจากมิติฟาร์มอย่างดี พวกมันดูดซับน้ำแร่สารสำคัญของมิติฟาร์มออกมา ทำให้พวกมันเติบโตอย่างรวดเร็ว และดีกว่าต้นกล้าพริกของฮวงต้าถงที่ปลูกเอาไว้อีกด้วย อีกทั้งต้นกล้าพริกของนางนั้นมีขนาดใหญ่กว่ากันมาก
แม้ว่าต้นกล้าพริกบางต้นจะเติบโตแล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากอุณหภูมิและแสงแดดที่นี่ ซูหวานหว่านคิดว่าต้นพริกที่ปลูกในหมู่บ้านนี้น่าจะแก่และเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 3 ครั้งใน 1 ปี
ซูหวานหว่านเดินออกดูตามคันนา และทันใดนั้นก็เห็นกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากถือไม้และมีดทำครัวเดินเร่งรีบมาทางนี้ ซูหวานหว่านจำชาวบ้านพวกนี้ได้ดีว่าพวกเขาคือคนที่ปลูกต้นกล้าพริกของฮวงต้าถง!
“ซูหวานหว่าน! นี่เจ้าคิดจะมาทำอะไรกับต้นกล้าพริกของพวกข้า!”
สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไรกัน? เหตุใดนางถึงโดนกล่าวหาเช่นนี้?
ซูหวานหว่านถึงกับผงะไปเมื่อชาวบ้านขว้างก้อนหินใส่ตัวเอง!