ทุกคนต่างพากันตกตะลึง!
“เหตุใดถึงเป็นเขาได้!”
“จะเป็นเขาได้อย่างไร!”
“…”
เหล่าชาวบ้านต่างส่งเสียงเอะเอะโวยวายขึ้นมา และพยายามจับตัวคนร้ายให้เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจน ซึ่งเขาผู้นั้นคือฮวงต้าถง!
ร่างกายของฮวงต้าถงล้วนเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก! อีกทั้งยังมีใบพริกติดเต็มอยู่ทั่วร่างกาย!
“เขาต้องเป็นคนทำเรื่องนี้แน่ ๆ!” ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาด้วยอารมณ์โทสะ
ฮวงต้าถงยกมือขึ้นปกปิดใบหน้า และกล่าวด้วยโทสะเช่นกัน “ไม่ใช่ข้า! ข้ามาที่นี่เพื่อจับคนร้าย! คาดไม่ถึงเลยว่าจะเจอพวกเจ้าที่นี่!”
ยังกล้าพูดจาไร้สาระอยู่อีกรึ!
ซูหวานหว่านแค่นหัวเราะ “หากท่านมาที่นี่เพื่อจับคนร้ายจริง เหตุใดต้องกลัวว่าพวกเราจะเห็นด้วย เหตุใดต้องวิ่งหนีหากท่านไม่ได้ทำอะไรผิด”
“ซูหวานหว่าน! เจ้าใส่ร้ายข้า! เจ้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ข้าจะแจ้งทางการให้มาจับเจ้า!” ฮวงต้าถงตะโกนออกมาด้วยความคับข้องใจ
ชาวบ้านโกรธจัดจนทนไม่ไหว พวกเขาแต่ละคนต่างเข้าใจซูหวานหว่านผิด! กลับกัน… คนที่ทำลายต้นพริกของพวกเขาคือฮวงต้าถง!
“เหตุใดเจ้าถึงหน้าด้านถึงเพียงนี้! เจ้าไม่ละอายเลยหรือที่กล่าวหาว่าซูหวานหว่านเป็นคนทำ! ช่างไร้ยางเสียจริง ๆ!”
“ใช่! เหตุใดเจ้าถึงต้องมาทำลายต้นพริกของพวกเราด้วย! เจ้าต้องการให้เรานำเงินไปซื้อต้นพริกจากเจ้ามาปลูกใหม่อย่างงั้นหรือ ไร้ยางอายมาก!”
“…”
คำพูดของชาวบ้านเสียดแทงหัวใจของฮวงต้าถงจนแทบกระอักเลือด ใบหน้าของเขาแดงก่ำและรู้สึกระอายใจเป็นอย่างมาก
ซูหวานหว่านจ้องมองฮวงต้าถง ดวงตาของนางส่องทะลุถึงจิตใจของฮวงต้าถง “ฮวงต้าถง เป็นไปได้หรือไม่ว่า… ต้นพริกของท่านเป็นของปลอม ดังนั้นเลยกลัวว่าชาวบ้านจะรู้จึงต้องมาทำร้ายต้นพริกของพวกเขา เพื่อให้พวกเขากลับมาปลูกข้าวแทน? ท่านคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้นเหล่าชาวบ้านก็จะมีเสบียง แล้วท่านจะไม่ถูกตำหนิงั้นหรือ?!”
นางรู้ความคิดของเขาได้อย่างไร!?
ฮวงต้าถงเกิดอาการตื่นตระหนก ชายวัยกลางคนจ้องมองซูหวานหว่านและพูดออกมา “เป็นไปไม่ได้! เจ้าคิดไปเองทั้งนั้น! ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำเรื่องแบบนั้น! ตอนที่ข้ามา… ข้าตื่นมาตอนดึก”
“โอ๊ะ? ข้าไม่ได้พูดนะ ท่านบอกว่าท่านมาจับคนร้าย เหตุใดต้องมาตอนกลางคืนด้วย?” ซูหวานหว่านแสยะยิ้ม “นอกจากนั้นแล้ว บ้านของท่านอยู่ห่างออกไปครึ่งลี้ ท่านต้องวิ่งมาไกลขนาดนี้เชียวหรือ?”
ดวงตาของฮวงต้าถงสั่นระริกด้วยความตื่นตระหนก เขาไม่รู้ต้องวางสายตาของตนที่ไหนดี ปากของเขาหนักอึ้งไม่อาจจะเอ่ยปากยอมรับได้ “ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง! ซูหวานหว่าน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว!”
ชายวัยกลางคนชี้มือไปที่แปลงพริก “พริกพันธุ์นี้ค่อนข้างเปราะบาง ข้าพบว่าหมู่บ้านของเราดูแลเอาใจใส่มันไม่พอ ส่งผลให้มันเกิดโรคขึ้น อีกทั้งมันยังแพร่โรคไปยังแปลงอื่น ๆ ที่อยู่ติดกัน! เจ้าดูสิใบของมันเหลืองหมดแล้ว มันต้องเป็นโรคอย่างแน่นอน!”
“เฮอะ ถึงตอนนี้แล้วเจ้าก็ยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ ทั้งยังพูดจาใส่ร้ายข้าว่าโรคนี้มาจากต้นพริกของข้างั้นรึ?” ซูหวานหว่านหัวเราะเย็นชา นางเงยหน้าขึ้นแล้วตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “สวรรค์! โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม! ท่านต้องเป็นพยานให้ข้า หากสิ่งที่ฮวงต้าถงกล่าวเป็นเรื่องโกหก ได้โปรด…”
ยังไม่ทันกล่าวจบ ท้องฟ้าพลันมืดลงอีกครั้ง! และกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง!
ผู้คนต่างตกอยู่ในความโกลาหล “สิ่งที่ซูหวานหว่านพูดมาคือเรื่องจริง! ฮวงต้าถง เจ้ามันคนโกหก! เจ้าหลอกให้พวกเรามาจัดการกับซูหวานหว่าน! ชักจะเกินไปแล้วนะ! ขนาดสวรรค์ยังทนมองไม่ได้เลย!”
มุมปากของซูหวานหว่านกระตุกขึ้นเล็กน้อย ขณะเดียวกันฮวงต้าถงก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พลันใดนั้นอีกาตัวหนึ่งก็ส่งเสียงแผดร้อง ส่งผลให้ชายวัยกลางคนตกใจเป็นลมสลบไป
ชาวบ้านอยากจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ทว่าก็คร้านจะพาฮวงต้าถงกลับไปด้วย จึงมองหาเชือก ใช้มัดตัวเขาและเดินกลับไปที่หมู่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านก็พบว่าชาวบ้านที่ไม่ได้ไปด้วยต่างลุกขึ้นยืน ชาวบ้านที่ไปช่วยกันจับคนร้ายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ออกมา หวังเซียนซูหน้าแดงก่ำและเอ่ยขอโทษซูหวานหว่าน แต่เด็กสาวก็ไม่ได้ให้นางคุกเข่าขอโทษแต่อย่างใดและบอกให้พวกเขาแยกย้ายกันกลับบ้าน
เพียงชั่วข้ามคืน ข่าวนี้ก็แพร่ไปทั่วหมู่บ้าน
ซูหวานหว่านกลับบ้านมาถึงห้องของตัว ทันใดนั้นนางก็ค้นพบประโยชน์จากดวงอาทิตย์ดวงน้อย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ของสิ่งนี้จะต้องใช้คะแนนถึงแสนล้านแต้มเพื่อแลกมันมา!
ไม่เพียงแต่จะใช้เป็นแสงสว่าง ทว่ายังมีผลในการช่วยโน้มน้าวพวกชาวบ้านอีกด้วย!
น่าเสียดายที่ดวงอาทิตย์ดวงน้อยไม่สามารถใช้งานได้บ่อย ๆ
ซูหวานหว่านเข้าไปในมิติฟาร์มและผล็อยหลับไปเป็นเวลานาน เมื่อได้ยินเสียงไก่ขันจึงตื่นขึ้น เด็กสาวออกจากมิติฟาร์มและเข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า รอจนกระทั่งแม่เจิ้นและคนอื่น ๆ ตื่นขึ้นมา ด้วยการทานอาหารเช้าร้อน ๆ ทำให้ทุกคนมีความสุขมาก
หลังจากจัดการมื้อเช้าเสร็จ ชาวบ้านจำนวนมากมุ่งหน้ามาหานาง ชักชวนไปยังจุดที่ฮวงต้าถงถูกมัดเอาไว้ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ในกลุ่มนั้นเป็นคนที่ซื้อต้นพริกไปจากฮวงต้าถง ทว่าซูหวานหว่านกลับไม่อยากไป เนื่องจากกลัวว่าฮวงต้าถงจะหลอกล่อให้ชาวบ้านคล้อยตาม แล้วจะกลับมาเล่นงานตนเองอีกรอบ แต่สุดท้ายนางก็ยอมจำใจตามชาวบ้านไป
เหล่าชาวบ้านทุกคนมาถึงที่นี่ด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาสาดน้ำเย็นปลุกฮวงต้าถงให้ตื่นขึ้นมา เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจ แต่ปากก็ยังเอ่ยออกมาเหมือนเช่นเมื่อคืน “ข้าไม่ได้เป็นคนทำ! ซูหวานหว่านต่างหากเป็นคนทำแล้วมาใส่ร้ายข้า!”
ทุกคนไม่มีใครเชื่อเขา! สวรรค์ได้บอกหมดแล้ว! ไม่มีใครฟังคำพูดของเขาอีก พวกเขาจะฟังแค่เสียงสวรรค์เท่านั้น!
ทุกสายตาจับจ้องไปยังฮวงต้าถงด้วยสายตาเชือดเฉือนราวกับต้องการฉีกร่างเป็นชิ้น ๆ เมื่อเจอสายตาเช่นนี้ชายวัยกลางคนก็กลัวแทบฉี่ราด!
ซูหวานหว่านมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาเยือกเย็นและรังเกียจ พลันใดนั้นก็เห็นดอกไม้สีขาวเบ่งบานจากแปลงนาของหัวหน้าหมู่บ้าน จึงพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “ดอกพริกบานแล้ว!”
“ว่าอย่างไรนะ?”
ทุกคนหันไปมอง มีบางคนดีใจจนเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ พลันใดก็เห็นเมล็ดพริกเล็ก ๆ จึงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ปลูกพริกสำเร็จแล้ว!”
ซูหวานหว่านผงะไป หลังจากคิดดูแล้วนางมักรู้สึกแปลก ๆ อยู่เสมอ และเด็กสาวก็รู้สึกเสมอว่านี่เป็นผลประโยชน์ที่ได้รับจากน้ำแร่ของมิติฟาร์ม
“พริกที่พวกเราปลูกคือของจริง!” คนที่ซื้อต้นพริกจากซูหวานหว่านหัวเราะออกมาและพูดไม่หยุด “ข้าไปก่อนนะ! ข้าจะไปดูที่แปลงอื่น ๆ!”
สีหน้าของฮวงต้าถงพลันซีดลงอีก
หลายคนจ้องไปที่ฮวงต้าถงด้วยความโกรธ
ถึงแม้ว่าฮวงต้าถงจะไม่ถูกจับได้เมื่อคืนว่าเป็นคนทำลายต้นพริก แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรู้อยู่ดีว่าต้นพริกของฮวงต้าถงเป็นของปลอม!
พริกที่ชาวบ้านปลูกเอาไว้กว่าครึ่งเดือนเป็นของปลอม!
ชาวบ้านอดไม่ได้ที่จะถ่มน้ำลายใส่หน้าฮวงต้าถงแล้วพูดว่า “ถุย! เป็นต้นกล้าพริกที่นำเข้ามาจากนอกเมือง! และยังบอกว่าเป็นต้นพริกแท้ด้วย! คำพูดหลอกลวงโกหกทั้งเพ! มันเป็นของปลอม!”
“จะมากเกินไปแล้วนะ! พวกเราตีเขาให้ตายกันเถอะ!” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดออกมาด้วยความโกรธ พลันใดนั้นก็มีคนเอาก้อนหินขว้างใส่หัวของฮวงต้าถงทันที ชายวัยกลางคนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด และรู้สึกถึงเลือดที่ไหลลงบนหน้าผาก ซึ่งมันก็น่ากลัวมากกว่าการฉี่ราดกางเกงตัวเองเสียอีก
“อย่าตีข้า! ต้นพริกของข้าเป็นของจริง! ข้าแอบซื้อมันมาจากร้านค้าในเมือง! ร้านนั้นชื่อ… ตงเฟิงเทียนพิน เถ้าแก่ร้านบอกว่าต้นพริกเป็นของจริง! และที่ข้าเป็นคนรับซื้อของของร้านไท่อันก็เป็นเรื่องจริง!” ฮวงต้าถงเอื้อนเอ่ยออกมา
ทว่าทุกคนยังไม่เชื่อ มีเพียงแต่ซูหวานหว่านเท่านั้นที่เชื่อคำพูดของเขา จากนั้นเด็กสาวก็ถามถึงบุคคลผู้นั้น แต่กลับถูกชาวบ้านห้ามเอาไว้ว่าอย่าเชื่อ และเริ่มทุบตีฮวงต้าถงอีกครั้ง
เด็กสาวที่เห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นมา “หยุดตีเขาได้แล้ว”
“ซูหวานหว่าน! เจ้าอย่ามาแสร้งเป็นคนดีห้ามปรามหน่อยเลย! ต้นพริกของข้าเป็นของจริง! พวกเจ้าอย่าตีข้า พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ข้าจะแจ้งทางการมาจับพวกเจ้าทุกคน!” ฮวงต้าถงถ่มน้ำลายใส่ซูหวานหว่านและมองนางด้วยความเกลียดชังในแววตาของเขา
ต้องการข่มขู่นางอย่างงั้นหรือ? ซูหวานหว่านยิ้ม “ข้าได้รายงานกับทางการแล้ว”
หลังจากได้ยินประโยคนี้ ฮวงต้าถงถึงกับไม่รู้เลยว่าเขาควรจะดีใจหรือเสียใจดี ก่อนที่จู่ ๆ ตัวเขาก็สั่นเทาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง!