ตอนที่ 135 กู้หน้า
ซูหวานหว่านกำลังจะเอ่ยถามบางสิ่ง ทว่ากลับมีหญิงสาวนางหนึ่งมาขอซื้อแป้งเสียก่อน และหญิงสาวคนนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อฟังจากที่หญิงสาวเล่ามาแล้ว ดูเหมือนว่าแป้งชาดของร้านดูไม่เลวเลย ซูหวานหว่านลองดูพวกประทินโฉม และก็พบชาดที่ใช้แต่งเติมแก้มกับปากคุณภาพไม่เลว พวกผงทาคิ้วก็ใช้ได้ดีเหมือนกัน ดูเหมือนร้านนี้จะไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของนาง
ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รอให้หญิงสาวคนนั้นซื้อของออกไปก่อน นางก็เรียกผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในร้านมาถาม “แล้วน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ร้านเจ้าทำล่ะ ไปหยิบออกมาให้ข้าดูหน่อย”
“นี่…” สตรีนางนั้นเริ่มทำตัวไม่ถูก นางรู้ว่าซูหวานหว่านมองออกหมดทุกอย่าง จึงพูดออกมาด้วยความซื่อสัตย์ว่า “น้องสาวของข้าป่วยหนัก ข้าจึงใช้ชื่อของเจ้าแอบอ้างขายน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อหารายได้ จะได้มีเงินพาน้องสาวไปหาหมอ! เจ้าไม่ต้องกังวลไป หากลูกค้าถามหาพวกเราจะบอกว่ามันได้ขายหมดแล้ว จริง ๆ แล้วเราไม่ได้ขายน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นหรอก และไม่ได้ต้องการจะทำลายชื่อเสียงของเจ้าด้วย!”
ซูหวานหว่านสบตากับหญิงสาวคนนั้นด้วยแววตาสงสัยเล็กน้อย อีกฝ่ายคิดว่านางไม่เชื่อจึงวิ่งกลับไปเข้าในร้าน และเรียกหญิงอีกคนหนึ่งออกมา
หญิงสาวมีรูปร่างผอมบาง หน้าตางดงาม ดวงตาดำขลับคิ้วเรียงตัวสวยถูกแต่งเติมเล็กน้อย ริมฝีปากบางถูกแต่งแต้มด้วยชาดสีสดใส ทว่าใบหน้าของนางดูซีดเซียวและแววตาดูอ่อนล้า
เมื่อเห็นร่างกายของอีกฝ่าย ซูหวานหว่านก็เชื่อทันทีว่าคำพูดของนางเป็นความจริง ทว่านางยังคงกลัวว่าซูหวานหว่านจะไม่เชื่อจึงพูดว่า “แม่นางซู หากเจ้ายังไม่เชื่อสามารถไปที่ร้านขายยาแล้วถามพวกเขาได้นะ”
หญิงสาวที่ป่วยพยักหน้าและจับมือของซูหวานหว่านเอาไว้ “แม่นางซู หากพวกเราทำผิดไป เราจะไม่ใช้ชื่อของเจ้าอีก เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ซูหวานหว่านส่ายหัวและกำลังจะพูดต่อ หญิงคนนั้นคิดว่าซูหวานหว่านไม่ยกโทษให้กับพวกนาง นางจึงคุกเข่าลงทันทีพร้อมพูดว่า “น้องของข้านั้นกำลังรักษาอาการป่วย ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก แม่นางซูได้โปรด…”
ซูหวานหว่านเห็นแบบนั้นก็พูดขัดขึ้นมา “เจ้าอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ ข้าไม่ได้จะตำหนิเจ้า หากแต่ข้าต้องการให้เจ้านั้นใช้ชื่อของข้าขายของอย่างถูกต้องต่างหาก! เจ้าต้องแบ่งกำไรให้ข้าเจ็ดต่อสาม”
หญิงสาวพยักหน้าทันทีหลังจากที่ได้ยิน “แม่นางซู อย่าพูดถึงเจ็ดต่อสามเลย เก้าต่อหนึ่งก็ยังได้!”
การใช้ชื่อซูหวานหว่านแน่นอนว่ามันจะต้องมีราคาที่สูงขึ้น เหตุใดนางถึงจะไม่อยากได้รายได้เพิ่ม!
ซูหวานหว่านพูดคุยกับหญิงสาวเกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ เมื่อนางกำลังจะสรุปรายละเอียด สตรีนางนั้นก็เริ่มกังวลและพูดว่า “ของพวกนี้เป็นของที่น้องสาวข้าทำขึ้นมา ตอนนี้สุขภาพของนางไม่ดี มันค่อนข้างละเอียดกว่าจะทำได้และแน่นอนว่าทำออกมาได้ไม่เยอะ เช่นนั้นแล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดี?”
“เป็นงานละเอียดก็ย่อมดี” ซูหวานหว่านปล่อยให้นางกลับไปพักผ่อน นางคิดวางแผนออกแบบปรับแต่งกล่องไม้และป้ายสินค้า เพราะอีกหน่อยคงจะต้องผลิตออกมาขายเป็นจำนวนมาก
หญิงคนนั้นก็มีความสุขมาก โดยไม่รู้ตัวว่าโดนซูหวานหว่านใช้งานเสียแล้ว
หลังจากเจรจาอย่างถี่ถ้วน ซูหวานหว่านก็รับรู้ถึงความลำบากของคนทั้งสองคนดี หญิงคนนั้นชื่อโม่เหยียน นางและน้องสาวจะต้องพึ่งพาอาศัยกันมาโดยตลอด 2 – 3 ปีก่อนนางได้แต่งงานออกเรือนไปกับคนในตระกูลหลิวในเมืองนี้ ทว่าวันเวลาผ่านไปไม่ทันนานและนางก็ยังไม่มีบุตรให้สามี แต่โม่จิงนั้นกลับมาป่วยและต้องการเงินไปรักษาตัว ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ถูกคนตระกูลหลิวปฏิเสธและถูกไล่ออกจากบ้านเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว
ทั้งสองจึงมาเช่าร้าน เริ่มขายของแม้จะได้กำไรน้อยมากและต้องใช้ชีวิตยากลำบากก็ตาม
ซูหวานหว่านหยุดครุ่นคิดไปอยู่ครู่หนึ่ง ที่พักของฮวงเหล่ามีขนาดใหญ่โตมาก นางจึงตัดสินใจพาพวกเขาสองคนไปอาศัยอยู่ที่นั่น ทำให้พวกนางรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
ไม่กี่วันต่อมาร้านก็ถูกตกแต่งเสร็จเรียบร้อย ภายในร้านมีสินค้ามากพอสมควร พวกเขาจึงเปิดร้าน ‘เครื่องประทินความงาม’ ของซูหวานหว่าน ที่มีทั้งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ชาดทาปากและแก้ม ผงทาคิ้วและสินค้าอื่น ๆ ชาวบ้านหลายคนเข้ามามุงดูด้วยความสนใจแต่ไม่ได้ซื้อแต่อย่างใด โม่เหยียนแจ้งเรื่องนี้กับซูหวานและนางก็ได้ออกไปจัดการด้วยตัวเอง
เมื่อออกมาหน้าร้านก็ได้ยินเสียงเย่อหยิ่งของหญิงสาวนางหนึ่ง “พวกเจ้าบอกว่าที่นี่คือร้านของซูหวานหว่าน เหตุใดยังเอาชื่อนางมาแอบอ้างอยู่อีก? หน้าไม่อายเสียจริง ๆ! ร้านค้าในเมืองบอกว่ามีน้ำวิเศษขาย สรุปร้านไหนขายของแท้กันแน่? พวกเจ้ายังกล้าเอามาขายอีกหรือ!”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหญิงสาวเอ่ยสนับสนุน “ใช่แล้ว!” จากนั้นเขาก็มองไปที่โม่เหยียนแล้วพูดให้ทุกคนฟัง “สตรีนางนี้เคยเป็นหญิงของหลิวเหรินผู้นี้มาก่อน! นางจะเอาเงินที่ใดมาเปิดร้าน? นางจะต้องขายตัวเพื่อหาเงินมาเปิดร้านเป็นแน่! ของสกปรกเช่นนี้พวกเจ้ากล้าใช้อย่างงั้นหรือ?”
ทุกคนถอนหายใจออกมาครู่หนึ่งและแสดงท่าทางรังเกียจออกมา
ใบหน้าของโม่เหยียนพลันซีดลง มือของนางเริ่มสั่น ไม่รู้ว่าจะวางเอาไว้ตรงไหนดี
ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาอย่างเฉยชา นางเดินออกไปฟาดฝ่ามือลงใบหน้าของเขาทันที
“เจ้าเป็นใคร! กล้าตบผู้ชายของข้าได้อย่างไรกัน!” หญิงสาวตกใจ
พลันใดเสียง ‘เพียะ’ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซูหวานหว่านตบลงบนใบหน้าของหญิงสาว “พวกเจ้าทั้งสองกำลังเอ่ยวาจาหลอกลวงผู้อื่นและมุ่งร้ายต่อร้านของข้า มีเหตุผลใดที่ข้าจะไม่ตบเจ้า”
พูดจบซูหวานหว่านก็ชี้ไปที่ป้ายหน้าร้านและพูดว่า “ข้าจะบอกอะไรให้พวกเจ้าฟัง! ร้านนี้เป็นของนาง!”
จากนั้นซูหวานหว่านก็ยื่นมือไปจับมือโม่เหยียนและพูดว่า “สตรีนางนี้ก็หาเงินได้มหาศาล แต่เงินเหล่านั้นก็เพื่อน้องสาวของนาง!”
หลังจากพูดจบก็ตบไปที่หลิวเหรินอีกครั้ง!
โม่เหยียนรีบวิ่งเข้าไปหาซูหวานหว่านและกระซิบเรื่องบางอย่าง ทำให้เด็กสาวรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักใหม่ของหลิวเหริน และในตอนที่ซูหวานหว่านยังไม่ทันได้คิดวิธีจัดการกับพวกเขาทั้งสองคน ผู้หญิงคนนั้นก็พลันพูดออกมาว่า “เจ้าน่ะ! หน้าหนาเกินไปแล้ว! ไม่ใช่แค่แสร้งทำเป็นซูหวานหว่าน แต่ยังขายน้ำศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังตบพวกเราด้วย! หากเจ้าไม่จ่ายเงินชดเชยให้พวกข้า 100 ตำลึง ข้าจะแจ้งทางการมาจับเจ้า!”
“ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าวันนี้เจ้าไปกินของเสียมาหรืออย่างไรกัน เหตุใดปากเจ้าถึงเหม็นเน่ามากขนาดนี้!” ซูหวานหว่านพูดเยาะเย้ยออกมาและพูดต่อว่า “หากใครในที่นี้บอกนางว่าข้าเป็นใครได้ คนที่บอกสามารถซื้อของในร้านเราได้ในครึ่งราคาทุกอย่าง”
ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นเกิดอาการตกใจทันที หลายคนรู้จักซูหวานหว่านและต่างรู้ว่าร้านนี้คือร้านของซูหวานหว่าน พวกเขาเลยพากันพูดถึงซูหวานหว่านให้หญิงสาวคนนั้นฟัง ทำให้ตัวตนที่แท้จริงของซูหวานหว่านถูกเปิดเผยออกมา
สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นพลันเปลี่ยนไปและยังไม่เชื่อ จึงพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “น้ำศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ผลหรอกรึ? ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว มันใช้ไม่ได้! ทุกคนอย่าซื้อของจากร้านนาง!”
ซูหวานหว่านหัวเราะขบขัน นางหยิบขวดน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้วพูดว่า “พี่สาวแถวนี้มีใครที่ผิวไม่ดีบ้าง ท่านอย่าพลาด! สามารถลองใช้น้ำนี้ได้โดยไม่เสียตัง!”
ซูหวานหว่านเหมือนขายทอง พอพูดแบบนั้นก็มีสตรีบางคนเต็มใจที่จะลองใช้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยสิว เมื่อทาน้ำนี้ลงไปบนใบหน้า สิวของนางจางลงเล็กน้อย และรอยแดงบวมก็ยุบหายไป ทุกคนมองหน้ากันนิ่ง เมื่อทุกคนเห็นประสิทธิภาพดังกล่าวก็ตกใจและรีบแย่งกันเข้าไปซื้ออย่างบ้าคลั่ง
หญิงสาวคนนั้นดึงตัวหลิวเหรินออกไปทันทีด้วยความกลัวเสียหน้า
เมื่อความวุ่นวายผ่านพ้นไป ร้านเครื่องประทินโฉมแห่งนี้ก็กลายเป็นที่นิยมในเมือง ข่าวคราวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและผู้คนก็แห่กันมาอย่างคึกคัก
ซูหวานหว่านช่วยพวกนางนับเงินอย่างใจเย็น
ใช้เวลาภายในครึ่งชั่วยามกว่าของทุกอย่างในร้านก็ถูกขายหมดเกลี้ยง!
ความเร็วนี้ทำให้ซูหวานหว่านถึงกับพูดไม่ออก และหลายคนยังคงรอให้โม่เหยียนนั้นนำสินค้าออกมาขายอีก
ซูหวานหว่านนั่งมองสถานการณ์ปัจจุบัน มันทำให้นางรู้สึกพอใจยิ่ง ทันใดนั้นชายกลุ่มใหญ่ที่พกอาวุธก็วิ่งเข้ามา และตะโกนออกมาว่า “ใครเป็นเจ้าของที่นี่! โปรดไปกับพวกเรา! เจ้านายของข้าต้องการพบเจ้า”
นี่คือทัศนคติของคนมาเชิญอย่างงั้นเหรอ? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่น
โม่เหยียนแล้วเดินไปหาซูหวานหว่านพร้อมกับกระซิบว่า “แม่นางซู ข้ารู้จักคนเหล่านี้ พวกเขาเป็นคนของร้านขายพวกชาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองของเรา ชื่อร้านหยูเหมียนเก๋อ พวกเขาเคยมาเตือนข้าไม่ให้ขายของแล้ว ตอนนี้พวกเขาคงจะเรียกตัวไปด้วยเจตนาร้ายแน่ ๆ!”