ซูหวานหว่านเดินมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ก็พบว่าต้นพริกได้ถูกรวบรวมมากองเอาไว้ ใบพวกมันมีสีเขียวและมีผลพริกสีเขียวสด
ดูเหมือนต้นพริกมีพิษตรงไหน?
จากนั้นนางก็ได้ยินชาวบ้านพูดพร้อมกับชี้ไปที่หัวหน้าหมู่บ้านว่า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน เราไม่ได้พูดถึงท่าน แม้ว่าพริกในแปลงของท่านจะไม่เสียหาย แต่พริกของท่านก็อาจจะปนเปื้อนด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับของพวกเรา สิ่งนี้น่ากลัวมากมันสามารถแพร่ระบาดได้!”
“ใช่แล้ว! ท่านอย่ามาขัดขวางไม่ให้พวกเราถอนพริกเพียงเพราะท่านเป็นหัวหน้าหมู่บ้านเลย หากท่านไม่ทำลายมันทิ้ง พวกเราจะทำอย่างไรหากพืชพันธุ์อื่น ๆ ของเราติดโรคนี้ไปด้วย!”
“ใช่แล้ว! ท่านต้องกำจัดมันทิ้ง! หากท่านไม่อยากทำ พวกเราจะจัดการให้เอง!”
“…”
“ข้าจะรอดูว่าใครกล้า!” ซูหวานหว่านเดินไปหยุดข้างหัวหน้าหมู่บ้านและพูดขึ้นมาว่า “เห็นได้ชัดว่าพริกเหล่านั้นยังดีอยู่ แต่พวกเจ้ากำลังขอให้คนอื่นกำจัดมันทิ้ง! พวกเจ้าคิดอะไรกันอยู่! เป็นพวกริษยาหรือเคียดแค้นอะไรกันแน่!”
พวกชาวบ้านไม่เคยเห็นซูหวานหว่านโกรธเกรี้ยวราวกับหมาป่า และมีสายตาเชือดเฉือนขนาดนี้มาก่อนเลย
ชาวบ้านตะลึง พลันใดชาวบ้านคนหนี่งก็เดินแทรกตัวออกมา ซึ่งคือป้าหวัง “ซูหวานหว่าน! ลูกชายของข้ากินพริกนั้นเข้าไป และข้าไม่รู้ว่าเขานั้นป่วยเป็นอะไร เมื่อตามหมอมาดูเขาแค่เหลือบมองแล้ววิ่งหนีไป! มันต้องเป็นเพราะกินพริกนั้นเข้าไปแน่!”
“เฮอะ!” ในที่สุดซูหวานหว่านก็ตระหนักรู้ว่าคนสมัยก่อนชอบตีตนไปก่อนไข้เพียงเพราะความไม่รู้!
ซูหวานหว่านยกยิ้มมุมปาก “ข้าก็เป็นหมอ เหตุใดไม่พาข้าไปที่บ้านของท่านแล้วดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เล่า”
“เจ้าเป็นแค่ลูกศิษย์ของฮวงเหล่า เจ้าไม่สามารถรักษาโรคให้กับผู้ชายได้! เจ้าจะรู้จักโรคพวกนั้นได้อย่างไร” ป้าหวังมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตารังเกียจราวกับว่าซูหวานหว่านนั้นกำลังรักษาโรคของผู้ชายที่มองไม่เห็น
ซูหวานหว่านระงับความไม่พอใจเอาไว้แล้วพูดออกมาว่า “ป้าหวัง หากให้ข้าไปดู ข้าอาจจะช่วยลูกชายของท่านได้ อีกทั้งพวกเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันท่านไม่ต้องเสียค่าหมอเลยสักนิด อีกอย่างหากลูกชายของท่านไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร พริกที่ชาวบ้านปลูกเอาไว้ก็ไม่ต้องถูกทำลาย นี่อาจจะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย”
ป้าหวังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งด้วยความลังเลใจ หัวหน้าหมู่บ้านก็ได้พูดออกมา “ให้ซูหวานหว่านไปดูเถอะ หากนางบอกว่าลูกชายของเจ้าติดเชื้อจากพริกนี้จริง ๆ ข้าจะเป็นผู้นำในการกำจัดพริกเอง”
“พี่หวัง! ท่านแค่ตอบตกลง! พวกเขาจะได้รู้!” หวังเซียนซูหัวเราะเยาะจากด้านข้าง
“ก็ได้” ป้าหวังตอบตกลง ฝูงชนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของนางด้วยความตื่นเต้น ทุกคนพากันยืนอออยู่นอกบ้านประตูไม่มีผู้ใดกล้าย่างก้าวเข้าไปเพราะกลัวโรคจะแพร่มาติดตนเอง
ซูหวานหว่านได้เจอกับลูกชายของป้าหวัง จึงขอให้เขาเปิดเสื้อผ้าขึ้น ก็เห็นที่หลังของเขามีตุ่มสีแดงบวมขึ้นเต็มไปหมด นางถามเกี่ยวกับอาการบางอย่างและสรุปได้ว่าเป็นเพราะเขาอาจจะถูกแมลงกัดตอนอาบน้ำ แน่นอนว่ามันอาจจะใกล้เคียงกับโรคอีสุกอีใสเลยทำให้ผู้คนเข้าใจผิด
ซูหวานหว่านช่วยเขาสวมเสื้อผ้าและเปิดแขนเสื้อของตัวเองให้ป้าหวังดู ป้าหวังขยับตัวออกห่างทันทีเมื่อเห็นตุ่มสีแดงสองสามเม็ดขึ้นบนแขนของนาง “มันเป็นโรคระบาดจริง ๆ! น่ากลัวเกินไปแล้ว! เจ้าเพิ่งจะมาดูเขาเอง มันได้แพร่เชื้อไปที่เจ้าแล้ว!”
“ท่านจะตื่นตระหนกไปไยกัน!” ซูหวานหว่านกลอกตา “แขนของข้าถูกยุงกัดเมื่อวานนี้ และลูกชายของท่านก็แค่ถูกยุงกัด”
“งั้น… ไม่ใช่โรคหรอกเหรอ?” ป้าหวังเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจ และเริ่มมีความสุข
พอเห็นแบบนี้ซูหวานหว่านก็ดึงแขนเสื้อของตัวเองลง และกำลังจะประกาศให้ทุกคนรู้ ทันใดน้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้น “มันคือโรค! แม่นางน้อย เจ้าอย่าพูดเรื่องไร้สาระ เลยหากเจ้ายังไม่เข้าใจมัน!”
สายตาของนางมองไม่ผิดแน่ ๆ! ซูหวานหว่านมองเห็นชายคนนั้นสวมชุดยาวสีเทาดำ ในมือถือกล่องใบหนึ่งเอาไว้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหมอ ซึ่งหญิงสาวเหลือบเห็นบริเวณหน้าอกของเขา ซูหวานหว่านก็หัวเราะออกมา “ที่แท้ก็หลางจงจากร้านขายยาร้านเหรินเฮอ!”
ซูหวานหว่านและร้านขายยาเหรินเฮอมีความรู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ตั้งแต่ครั้งที่นำโสมไปขายหญิงสาวก็รู้ว่าพวกเป็นคนที่มีจิตใจมืดมนเพียงใด แต่เขาถือว่าตนเป็นร้านขายยาที่มีชื่อเสียงที่สุดและพูดออกมาว่า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าคือหลี่หลางจงจากร้านขายยาเหรินเฮอ ยังไม่เอ่ยขอโทษอีก! เขาเป็นไข้ทรพิษ*[1]! เจ้าผิดแล้ว! หากเจ้าปล่อยให้เขาออกไป ทุกคนในหมู่บ้านนี้จะป่วยไปด้วยไข้ทรพิษและตายกันหมด!”
“เหลวไหล!” ซูหวานหว่านพูดออกมาพร้อมกับมองไปที่หลี่หลางจงด้วยแววตาสงสัย แต่ว่าชาวบ้านนั้นกลับเชื่ออย่างสนิทใจ เมื่อพวกชาวบ้านได้ยินสิ่งที่หลี่หลางพูด พวกชาวบ้านก็ขยับห่างจากป้าหวัง
“สวรรค์! ไข้ทรพิษ! พวกเราอยู่ห่าง ๆ พวกเขากัน!”
“ช่างเป็นเรื่องน่าตกใจมาก”
“…”
แม้แต่ป้าหวังก็ยังกลัวและยืนห่างออกไป และถามเรื่องพริก หลี่หลางจงจึงเดินไปดูเพื่อช่วยชาวบ้านคลายกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ซูหวานหว่านเองก็เดินตามไปด้วย ชาวบ้านคนหนึ่งก็พูดออกมาว่า “ยังจะตรวจสอบอะไรอีก! พริกนั้นจะต้องเป็นโรคแน่ ๆ! ไปกำจัดกันเถอะ!”
เหล่าชาวบ้านต่างเห็นด้วย
“ไป!”
จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะเป็นไข้ทรพิษเพราะการกินพริกนั้น? ซูหวานหว่านรู้สึกว่าความคิดทุกคนไร้สาระเกินไป และนางก็พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “เดี๋ยวก่อน! ตามที่พวกเจ้าพูดกัน หากข้าสามารถทำให้หลังของลูกชายป้าหวังหายได้ภายในสองวัน พวกเจ้าจะล้มเลิกการทำลายพริกหรือไม่?”
“แน่นอน!” ชาวบ้านตอบตกลง
“แม่นางน้อย เจ้าอย่าเพิ่งด่วนสรุปไป!” หลี่หลางจงยิ้มออกมา “ไข้ทรพิษนั้นไม่มีทางรักษาหาย! ร่างกายของเขามีผื่นขึ้นมากมาย แม้ว่าเจ้าจะเป็นหมอเทวดาที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่สามารถช่วยเขาให้รอดได้! อย่าพยายามที่จะช่วยพวกพริกเหล่านั้น เพราะมันนั่นแหละที่เป็นสาเหตุของโรค!”
หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังใส่ชาวบ้าน “ทุกคน ตอนนี้ในหมู่บ้านมีคนเป็นไข้ทรพิษ พวกเจ้าทุกคนจะต้องระวังให้ดี”
พูดจบก็แกล้งทำเป็นยิ้มเศร้า ชาวบ้านเมื่อเห็นแบบนั้นพวกเขาก็ตื่นตระหนกทันที “หลี่หลางจง พวกเราควรทำอย่างไรดี!”
“พาเขาไปที่ถ้ำบนภูเขาแล้วโยนทิ้ง…” หลังจากนั้นก็มองไปยังซูหวานหว่าน “ส่วนคนที่เพิ่งสัมผัสไข้ทรพิษอาจจะทำให้ติดเชื้อได้ พวกเจ้าควรจะจับโยนเข้าไปในถ้ำพร้อมกัน! และอย่าไปที่ภูเขานั่นเป็นเวลาสองเดือน ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าอาจจะติดโรคได้!”
หลี่หลางจงพูดออกมายาวเหยียด พยายามขุดนางเข้าไปในกับดักของเขา
ซูหวานหว่านครุ่นคิด แน่นอนว่าร้านเหรินเฮอนั้นก็เข้าร่วมกับหอการค้าด้วย พวกเขาคงจะเอาเรื่องนี้มาจัดการกับนาง เด็กสาวหัวเราะเยาะ “ตกลง ข้าจะพาหวังต้านไปอยู่บนภูเขา แต่ว่าพวกเจ้าจะต้องห้ามทำลายต้นพริกทิ้ง แต่หากพรุ่งนี้พบว่าตุ้มที่หลังของเขาเกิดจากอาการถูกยุ่งกัด พวกเจ้าจะต้องมาขอโทษข้า!”
“ก็ได้! จะตายอยู่แล้วยังมาพูดให้มากความอยู่ได้!” ชาวบ้านพูดด้วยความรังเกียจ
“เฮอะ” ซูหวานหว่านพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา และพาหวังต้านออกไป ทั้งสองเดินขึ้นไปบนภูเขา หลังจากเดินได้ไม่ถึงสองสามก้าว ก็ได้ยินหลี่หลางจงพูดออกมาว่า “วันนี้ที่ข้ามาเพื่อจะมาตรวจโรคให้กับพวกเจ้า! แบบไม่เอาเงิน! หากมีใครป่วยอยู่ที่บ้านก็สามารถขอให้ข้าไปตรวจดูได้”
เหตุใดเหมือนกลลวงของหมอไร้ยางอายสมัยใหม่?
ซูหวานหว่านหันหลังกลับมาและพูดเตือนว่า “ทุกท่าน ร้านเหรินเฮอนั้นมีชื่อเสียงที่ไม่ดี ข้าคิดว่าพวกเจ้าควรไปร้านยาที่อื่นที่อยู่ในเมืองดูจะดีกว่านะ”
ยังพูดไม่ทันจบ ชาวบ้านคนหนึ่งก็ขว้างผักใส่ซูหวานหว่าน!
[1] โรคไข้ทรพิษ หรือ โรคฝีดาษ