เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 195 ความจริงเป็นยังไงกันแน่

สถานการณ์ในตอนนี้คืออะไรกัน?

ซูหวานหว่านตื่นตกใจ ซุนรุยถูกวางยาพิษแต่ว่านางไม่ได้เป็นคนวางยาเขาเสียหน่อย! จะมาจับตัวนางไปตัดหัวได้อย่างไร?

ซูหวานหว่านกลอกตาไปมา หญิงสาวยืนขึ้นแล้วพูดออกมาว่า “ข้าได้ยินมาว่าซุนซ่างชูเป็นคนยุติธรรม แต่ว่าดูจากตอนนี้คงจะไม่ใช่อย่างที่คนอื่นพูดกันแล้วกระมัง!”

คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างต่างตกใจเมื่อได้ยินคำที่ซูหวานหว่านพูดออกมา กล้าขัดคำของซุนซ่างชู! นี่ถือเป็นความผิดอันใหญ่หลวง!

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ซุนซ่างชูกล่าวออกมาอย่างโกรธจัด “เจ้าวางยาพิษลูกชายของข้า ยังจะกล้าพูดจาสามหาวกับข้าอีกงั้นรึ หากข้าอยากฆ่าเจ้า มันจะเป็นความผิดอะไร?”

“ยาพิษ? ท่านไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำว่าข้าเป็นคนวางยาลูกชายของท่าน เช่นนี้มันจะไม่น่าขันไปหน่อยเหรอหากจะพูดออกมา!” กล่าวจบซูหวานหว่านก็พยุงร่างของซุนรุยขึ้ยมาก่อนจะกดลงไปที่ท้องของเขา จากนั้นนางก็เปิดกล่องอาหารที่ซุนฉางอานเป็นคนนำมา หยิบขนมหนึ่งชิ้นที่ถูกกัดไปแล้วขึ้นมา “คุณชายซุนรุยต้องกินบางอย่างเข้าไป ไม่เช่นนั้นท้องของเขาคงจะไม่บวมขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นขนมที่นำมาเขากินไปเพียงนิดเดียว ถึงแม้ว่ามันจะมีพิษก็ตาม เขาก็อาจจะแค่หมดสติไป! ท่านซุนซ่างชูควรสั่งให้คนใช้ค้นหาบริเวณรอบ ๆ ในจวนว่าอาหารที่คุณชายซุยรุยเพิ่งกินเข้าไปแล้วจริง ๆ มันคืออะไรกันแน่ ตรวจสอบดูว่าสิ่งเหล่านั้นมีพิษหรือไม่”

“หึ! เจ้ายังไม่ยอมรับอีก! ก็ดี! ข้าจะทำให้เจ้ายอมรับออกมาเอง!” หลังจากซุนซ่างชูพูดอย่างนั้นออกมา เขาก็ได้เรียกคนใช้มาให้เขาไปเชิญตัวหมอมาทดสอบพิษทันที

หากแต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง หมอและคนรับใช้คนหนึ่งก็พลันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาภายในห้อง “คุณชายเล็กซุนกำลังจะโดนเจ้าฆ่า โชคดีที่ข้ายังอยู่ที่นี่”

“หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าโดนข้าฆ่า? เจ้าควรทดสอบพิษนี้เสียก่อน!” ซูหวานหว่านเอ่ยตอบ จ้องมองไปยังหมอคนนั้นด้วยความไม่พอใจ นางเป็นลูกศิษย์ของฮวงเหล่า แน่นอนว่านางมีความสามารถในการใช้เข็ม สามารถแยกชนิดของพิษแต่ละอย่างได้ และนางก็มองออกในทันทีว่าขนมในกล่องไม่มีพิษ!

“ฮึ่ม! ก็ได้ข้าจะพิสูจน์ความจริงให้เห็น จากนั้นค่อยมาพูดเรื่องนี้กันอีกที! สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือรักษาอาการป่วยของคุณชายซุนรุยก่อน!” หมอคนนั้นจ้องมองไปที่ซูหวานหว่านและนำยาต้มสีดำที่เตรียมเอาไว้มาให้กับซุนรุยดื่ม

ซูหวานหว่านยืนลอบสังเกตอยู่ข้าง ๆ ทันใดนั้นนางก็ได้กลิ่นยาที่ลอยอยู่ในอากาศ หลังจากที่นางดมแล้วก็ร้องออกมาว่า “เจ้าให้เขาดื่มยานี้ไม่ได้! เจ้าพยายามจะฆ่าเขา!”

ซุนรุยบังเอิญกินดอกม่านถัวหลัว*[1] เข้าไป พิษของมันทำให้ซุนรุยมีอาการประสาทหลอนราวกับเขาป่วยเป็นโรคอี้เจิ้ง*[2] ตอนนี้เขาหมดสติไปได้ไม่นาน ยาต้มที่หมอนำมามีส่วนผสมของม่านถัวหลัว มันไร้ประโยชน์และจะทำให้อาการของเขาแย่ลงไปอีก!

หากแต่หมอคนนั้นก็ไม่หยุดการกระทำของตนเอง ทำให้ซูหวานหว่านยิ่งรู้สึกกังวล นางแย่งยามาไว้กับตนเองก่อนจะเทมันลงพื้นทันที “ตอนนี้ร่างกายของคุณชายซุนรุยร้อนและกระหายน้ำมาก เราควรเช็ดตัวให้เขาด้วยสุรา หมอต้มตุ๋นอย่างเจ้าจะให้เขากินยาบ้าอะไร!”

หลังจากนั้นซูหวานหว่านก็มองไปที่ซุนซ่างชูด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว “ท่านซุนซ่างชู ได้โปรดขอให้คนนำเหล้ามาโดยเร็วที่สุดด้วย!”

ซุนซ่างชูไม่ฟังคำพูดของซูหวานหว่าน เขาต้องการถามอีกฝ่ายเรื่องที่นางเทยาต้มทิ้งไป ซุนฉางอานจึงพูดแทนขึ้นมาว่า “ท่านพ่อคงจะยังไม่รู้ว่าคุณชายเป่ยฉวนนั้นก็เป็นหมอ…”

“อายุเพียงเท่านี้จะไปน่าเชื่อถือได้อย่างไร! เฮอะ! ข้า…” ก่อนที่ซุนซ่างชูจะพูดจบจู่ ๆ ซูหวานหว่านก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพร้อมกับชุบน้ำในถัง ก่อนเช็ดบนหน้าผากของซุนรุย ทันใดนั้นคิ้วที่ขมวดแน่นของซุนรุยก็คลายลง ทำให้ซุนซ่างชูรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อยและท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไป “ช่างเถอะ! ในเมื่อเจ้าเป็นหมอ ข้าจะเชื่อใจเจ้าดูสักครั้ง!”

เมื่อนำเหล้ามาแล้ว ซูหวานหว่านใช้มันเช็ดไปทั่วร่างกายของซุนรุย ทำให้อุณหภูมิร่างกายของซุนรุยลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้ซุนซ่างชูรู้สึกสบายใจยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้แสดงท่าทางออกมาแต่อย่างใด และยังคงคิดว่าซูหวานหว่านเป็นฆาตกร

ในขณะเดียวกันหมอก็เริ่มหาพิษในขนม เขาหยิบมันขึ้นมาชิ้นหนึ่งและพูดว่า “ใต้เท้า ในขนมนี้มียาพิษขอรับ!”

เหลวไหล! นางตรวจสอบมันดีแล้ว! มีพิษที่ไหนกัน? ซูหวานหว่านโกรธเคืองอย่างมาก นางลุกขึ้นเดินเข้าไปบิดข้อมือของหมอคนนั้น ทำให้ขนมที่อยู่ในมือตกลงไปบนพื้น ขนมตกลงบนพื้นทำให้มีผงสีขาวกระจายไปทั่ว! ซูหวานหว่านยิ้มเยาะเย้ยออกมา ขนมของนางไม่มีผงสีขาว!

ซูหวานหว่านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “เจ้าจะเอามันออกมาเองหรือว่าจะให้ข้าเป็นคนนำมันออกมา?”

“เจ้าอยากให้ข้านำอะไรออกมา? ในตัวของข้าไม่ได้มียาพิษ!” หมอคนนั้นเกิดตื่นตระหนกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ห่อกระดาษสีเหลืองพลันร่วงออกจากข้อมือของเขา ซูหวานหว่านหยิบมันขึ้นมาอย่างรวดเร็วและกางออก โรยผงสีขาวลงไปยังขนม หญิงสาวมองหารูหนูในจวน จากนั้นก็นำขนมไปวางเอาไว้ ผ่านไปครู่หนึ่งหนูที่ได้กลิ่นของขนมหวานก็วิ่งออกมากินมันทันที ทว่าหนูตัวนั้นกินไปเพียงไม่กี่คำก็ล้มลงนอนชักกระตุกอยู่บนพื้น!

นี่มันคือยาพิษไม่ใช่เหรอ? ทุกคนตื่นตกใจ!

หมอคนนั้นอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไรดี ซูหวานหว่านสะบัดมือเล็กน้อยพร้อมกับหยิบขนมในกล่องขึ้นมาแล้วกินเข้าไปหนึ่งชิ้น “ถ้าขนมของข้ามีพิษอยู่ แน่นอนว่าหากข้ากินข้าไป ข้าจะต้องตาย!”

ซูหวานหว่านกล่าวออกมา และซุนฉางอานก็ช่วยพูดออกมาอีกแรงว่า “คุณชายเป่ยฉวยเป็นคนที่มีจิตใจดี เป็นคนตรงไปตรงมา ข้าได้ยินมาว่าเมื่อสองสามวันก่อนมีคดีใหญ่ได้รับการแก้ไขก็เป็นเพราะคุณชายเป่ยฉวนมาช่วย ท่านพ่อกำลังโทษคนผิด หมอคนนี้ไม่ใช่หมอของเมืองเรา ถ้าพวกเราบังคับถามเค้นความจริงจากเขา แน่นอนว่าความลับจะต้องถูกเปิดเผยออกมาแน่ ๆ!”

“เฮอะ!” ซุนซ่างชูเหลือบมองหมอคนนั้นที่กำลังยืนตัวสั่นเทาด้วยสายตาไตร่ตรอง และพูดออกมาเบา ๆ ว่า “ข้าคร้านเกินกว่าจะเค้นถาม! ลงโทษเขาทันที! หากเขายังไม่ยอมสารภาพออกมา ข้าจะให้เขาลิ้มลองเครื่องทรมานของจวนซุนของข้าทั้งหมด ดูสิว่าเขาจะทนได้สักกี่น้ำ!”

“ไม่นะขอรับใต้เท้า” เมื่อได้ยินแบบนี้หมอคนนั้นก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ จวนของตระกูลซุนนั้นมีเครื่องทรมานมากมาย เขาเคยเห็นเครื่องทรมานหลายครั้งในห้องขัง เพราะเขาช่วยตรวจสอบร่างกายของนักโทษ!

เครื่องมือทรมานเหล่านั้นอันตรายถึงชีวิต

หมอคนนั้นหยุดครุ่นคิดไปชั่วครู่ แต่ทันใดนั้นก็มีมีดยาวมาวางไว้ตรงบ่าของเขา ใบหน้า แขน รวมทั้งร่างกายของเขากำลังจะถูกหั่นออกเป็นชิ้น ๆ หมอคนนั้นตื่นตกใจและพูดออกมาอีกครั้งว่า “อย่าใช้เครื่องมือทรมานกับข้าเลย! ข้ายอมพูดแล้ว! ข้าพูดแล้ว!”

“รีบพูดออกมา” ซูหวานหว่านเตะไปที่ขาของหมอคนนั้น เขาหยุดร้องทันใดแล้วรีบพูดออกมาทันทีว่า “ข้าตาบอดไปชั่วขณะเพราะเห็นแก่เงิน! มีคนเอาเงินมาให้ข้าร้อยตำลึงเพื่อให้ข้าใส่ร้ายคุณชายเป่ยฉวน! แล้วยังสั่งให้ข้าทำร้ายคุณชายซุนรุยอีกด้วย…โดยให้ข้าวางยาพิษเขา”

หลังจากนั้นเขาก็วิ่งไปเอาดอกม่านถัวหลัวที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงออกมา “ดอกไม้นี้เป็นดอกไม้ม่านถัวหลัวที่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเอามาให้ข้า แล้วเมื่อวานที่คุณชายซุนมีอาการหนาวสั่น และท่านใต้เท้าก็สั่งให้คนมาตามข้าไปดูอาการป่วย ข้าได้นำดอกไม้มาด้วยและคุณชายซุนก็ดูเหมือนจะชอบเลยขอ และนั่น…”

“ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง?” ซูหวานหว่านพูดขัดจังหวะขึ้นมาอย่างเหลืออด

“คนที่อยู่เบื้องหลัง…” เขาไม่กล้าพูด! แต่ก็พูดออกมาด้วยใบหน้าขมขื่นว่า “ซุนซ่างชู! ข้าผิดไปแล้วขอรับ! ปล่อยข้าไปเถอะ!”

จะปล่อยเขาไปได้ยังไง? น่าขันเสียจริง!

ซูหวานหว่านถอดหมวกไม้ไผ่ของนางออกมาพร้อมกับขยิบตาให้ซุนฉางอาน เขาพูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะในเมื่อเจ้าก็เป็นหมอและเจ้าก็ได้ช่วยชีวิตคนเอาไว้มากมาย ก็ถือว่าชดเชยเรื่องนี้ไปแล้วกัน! ข้าจะปล่อยเจ้าไป!”

ซุนฉางอานพูดบางอย่างกับซุนซ่างชูสองสามคำ ซึ่งซุนซ่างชูก็ตอบตกลงเห็นด้วย “ก็ได้”

เมื่อได้ยินแบบนี้ หมอคนนั้นก็ก้มหน้าก้มตาหนีไปทันที!

นางจะปล่อยคนที่อยู่เบื้องหลังที่วางแผนทำร้ายนางไปได้อย่างไรกัน! ซูหวานหว่านตามหมอคนนั้นออกไปในทันที ส่วนซุนฉางอานแอบกังวลเล็กน้อยว่าซูหวานหว่านจะได้รับอันตราย ดังนั้นเขาจึงตามไปด้วย!

————————————————————————————————

[1] 曼陀罗花 ดอกม่านถัวหลัว หรือ เรียกอีกอย่างว่าดอกลำโพง มันเป็นดอกไม้ธรรมดาบ้าน ๆ ก็จริงแต่พิษของมันก็ร้ายมากเช่นกันสารพิษพบได้ทุกส่วนในต้น แต่พบมากสุดในใบและเมล็ด อันตรายสุดก็ในเมล็ด ถ้าเผลอกินหรือโดนพิษเข้าไปจะแสดงอาการภายในเวลา 5-10 นาที ปากและคอจะแห้ง กระหายน้ำรุนแรง เริ่มพูดไม่ชัด ปวดศีรษะ มีไข้ หายใจติดขัด ตาแข็ง ตาพร่า ผิวหนังร้อนแดงและแห้ง กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน ถ้าหนักหน่อยจะเริ่มสับสน มึนงง ตื่นเต้น มีอาการประสาทหลอนทั้งหูและตา บางคนอาจมีพฤติกรรมคล้ายโรคจิต เพ้อฝันเหมือนเป็นโรคอี้เจิ้งนั่นเอง

[2] โรคประสาทฮิสทีเรียและบุคลิกภาพผิดปกติแบบฮิสทีเรีย ในทางแพทย์จีนเรียกชื่อว่า อี้เจิ้ง (癔症) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากร่างกายได้รับปัจจัยทางจิตวิทยาอย่างชัดเจน เช่น ปัญหาชีวิต สภาวะทางจิตใจที่ได้รับการกระทบกระเทือนหรือการแสดงออกทางอารมณ์ที่รุนแรง ภายใต้การถูกกระทบด้านจิตใจจากผู้อื่น สภาวะแวดล้อมรอบตัว และสภาวะภายใจจิตใจของตัวเอง มักเกิดในคนที่อ่อนไหวได้ง่าย

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田ครั้นวสันตพิรุณเพิ่งผ่านพ้น ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใสดังเดิม เมฆหมอกขาวบางเบาลอยล่องเหนือแนวบรรพต ก่อเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันตระการตา ในภาพนั้นมีทั้งต้นไม้ ใบหญ้า และผู้คน ‘ซูหวานหว่าน’ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพทิวทัศน์นั้น นางเพิ่งขุดผักป่าขึ้นมาเต็มตะกร้าและกำลังจะตรงกลับบ้าน “พี่หญิง!” ทันใดนั้นเอง เด็กชายวัยกระเตาะผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาหา พร้อมทั้งตะโกนเรียกนางไปด้วย “ช้า ๆ ก็ได้” ซูหวานหว่านมองไปที่น้องชายตัวแสบของตนพร้อมกับระบายยิ้มให้ ซูจิ่นหมิงกลับไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งช้าลงแต่อย่างใด เขายังคงวิ่งตรงเข้ามาหาซูหวานหว่านอย่างรีบร้อน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset