เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 202 แสดงออกให้เห็นถึงน้ำใจ

เขาไปหาสตรีลับหลังนางตอนไหน เหตุใดนางถึงไม่รู้มาก่อน ซูหวานหว่านรู้สึกโกรธเคืองรีบเดินเข้าไปตบหน้าเขาทันที!

เพี้ยะ!

เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าชายหนุ่มดังขึ้น แววตาของผู้ชายเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ และหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างก็ผลักซูหวานหว่านออกอย่างโกรธเคืองพร้อมกับพูดว่า “เจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาทำร้ายเขากัน! เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถแจ้งจับเจ้าได้!”

“เจ้า…”

ซูหวานหว่านลอบมองใบหน้าซีดเผือดของชายคนนั้น เขาอายุสามสิบปี จะเป็นฉีเฉิงเฟิงได้อย่างไรกัน?

ซูหวานหว่านยิ้มแหยออกมาอย่างรู้สึกผิด และนางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้พลันพูดออกมาว่า “เจ้าไม่ใช่หู่เอ๋อร์หรือ! เจ้าเป็นหนี้ข้าอยู่ห้าร้อยตำลึงเมื่อไรจะคืนข้า! หากเจ้าไม่คืน ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตายไปเลย!”

หญิงคนนั้นยังพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “เจ้าเป็นใคร! ลูกชายของข้าไปติดหนี้เจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ไม่ใช่ว่าจำผิดคนหรือ รีบไสหัวไปให้พ้น!”

“จำคนผิดอย่างงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านแสร้งทำเป็นเขินอาย และอยากจะขอโทษหญิงคนนั้น หากแต่นางก็ผายมือเพื่อเป็นการบอกให้ซูหวานหว่านออกไปจากตรงนี้ให้โดยเร็ว ทำให้หญิงสาวได้จังหวะรีบออกไปทันที!

ซูหวานหว่านเดินกลับไปที่ร้านอาหารเจวียเซ่อ แต่เพราะกลัวว่าคนอื่นจะจำนางได้จึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ถอดหมวกไม้ไผ่ออก แล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจใคร แต่ไม่คาดคิดว่าจะเดินชนเข้ากับซุนฉางอาน!

มันบังเอิญหรือไม่ที่นางเตี้ยกว่าซุนฉางอานเล็กน้อย ชายหนุ่นยกมือขึ้นจัดกวานบนศีรษะของนาง หญิงสาวรีบจับผมของตนเองและเอ่ยถามออกมาว่า “เจ้ากำลังทำอะไร?”

“ข้า…” ซุนฉางอานไอออกมาเล็กน้อยและพูดว่า “คุณชายเป่ยฉวน ข้าได้ไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาอย่างดีแล้ว เมื่อวานข้าอาจจะหุนหันพลันแล่นไป ข้าไม่ควรพูดออกมาว่าจะให้เจ้าปลอมตัวเป็นผู้หญิงเพื่อมาเล่นละครตบตาแม่ของข้า และที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อที่อยากจะมาขอโทษเจ้าโดยเฉพาะ”

กล่าวจบเขาก็ยื่นมือซ้ายออกมาล้วงเข้าไปในแขนเสื้อพร้อมกับหยิบปิ่นปักผมออกมา ปลายของมันถูกแกะสลักเป็นลวดลายดอกกล้วยไม้ ดูเรียบง่ายหากแต่สง่างาม อีกทั้งยังดูดี แต่…

ซูหวานหว่านเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างออกจึงพูดออกมาว่า “ข้ายอมรับคำขอโทษของเจ้า แต่ปิ่นอันนี้…”

“หากเจ้ายอมรับคำขอโทษของข้าจริง ๆ ก็ควรรับมันเอาไว้” ซุนฉางอานยืนยันที่จะส่งให้นาง “หากเจ้าไม่ยอมรับมัน วันพรุ่งนี้ข้าก็จะมาอีก หากเจ้ายังไม่รับมันอีก วันต่อ ๆ ไปข้าก็จะมาหาเจ้าอีก!”

“นี่เจ้า…” ซูหวานหว่านไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นนางจึงต้องจำใจรับมันและในขณะที่นางเอื้อมมือออกไป ซุนฉางอานก็จับมือนางเอาไว้แล้วสอดปิ่นเข้าไปในกวานด้วยมืออีกข้าง นางกำลังจะเอ่ยขอบคุณแต่ก็รู้สึกถึงการถูกจ้องมองมาด้วยสายตาที่แผดเผา

ซูหวานหว่านเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นว่าเป็นฉีเฉิงเฟิงที่ยืนสวมหมวกไม้ไผ่กำลังมองมา นางสามารถมองเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาได้อย่างชัดเจน และเห็นว่าฉีเฉิงเฟิงกำลังยกยิ้มมุมปาก!

ฉีเฉิงเฟิงกำลังเยาะเย้ยนาง!

หัวใจของนางพลันรู้สึกเย็นชาขึ้นมา นางต้องการจะพูดอะไรออกไปแต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่ลำคอ ซุนฉางอานที่ไม่รู้เรื่องอันใดจึงพูดออกมาว่า “คุณชายเป่ยฉวน ข้าได้ยินมาว่าร้านเจวียเซ่อของเจ้ามีอาหารจานใหม่ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะมากินอาหารด้วย แต่ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ได้กินข้าว งั้นพวกเรามากินข้าวกลางวันด้วยกันดีไหม?”

ฉีเฉิงเฟิงมองนางด้วยสายตาเฉยเมยและเย็นชาราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าซูหวานหว่านคิดอะไรอยู่ ในขณะนั้นจึงพูดออกมาว่า “ได้สิ! พวกเราไปกินข้าวกัน ข้าเองก็รู้สึกหิวแล้ว”

หลังจากพูดออกมาอย่างนั้นทั้งสองจึงเดินไปที่ร้านอาหาร เดินไปยังห้องที่อยู่มุมสุด แต่นางก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่เห็นฉีเฉิงเฟิงแล้ว!

หัวใจของซูหวานหว่านรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาอีกครั้ง แต่เมื่อนางคิดถึงดวงตาที่เย็นชาของฉีเฉิงเฟิง นางก็รู้สึกว่านางควรปล่อยเขาไป…

เขาไม่สนใจนางแล้ว แล้วเหตุใดนางจะต้องไปเรียกเขากลับมาด้วย?

ซูหวานหว่านกินข้าวไปพลางขบคิดเรื่องนี้ไปอย่างไม่มีความสุข ซุนฉางอานคีบผักวางไว้ในชามของซูหวานหว่านและพูดออกมาว่า “คุณชายเป่ยฉวน กินเยอะ ๆ สิ! อาหารวันนี้อร่อยมาก”

ซูหวานหว่านได้สติกลับมาหลังจากที่เหม่อลอยไป หญิงสาวมองไปที่ซุนฉางอานและทันใดนั้นก็พบว่าหูของเขาแดงเล็กน้อย มันทำให้นางรู้สึกแปลกใจและถามออกมาว่า “วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป?”

เขาอยากจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ซุนฉางอานครุ่นคิดแล้วเปลี่ยนคำพูดออกมาทันที “ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดวันนี้ข้าถึงรู้สึกเวียนหัวและแน่นหน้าอก เจ้าบอกข้าทีว่าข้าป่วยเป็นโรคร้ายหรือไม่?”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ โรคร้ายหรือ?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้วและด้วยความที่ตนเองเป็นหมอ นางพลันเอื้อมมือออกไปทันที ซุนฉางอานวางมือลงบนโต๊ะเพื่อให้อีกฝ่ายสำรวจชีพจร ทันใดนั้นคิ้วของนางก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน

“คุณชายเป่ยฉวน เหตุใดเจ้าจะต้องตื่นตระหนกขนาดนี้ หรือคิดว่าข้ากำลังจะตายจริง ๆ?” ซุนฉางอานพูดออกมาโดยที่ไม่รอให้ซูหวานหว่านพูดอะไร และเขาก็พูดออกมาอีกว่า “ข้าคิดว่าข้าอาจจะเป็นโรคเซียงสือปิ้ง*[1]”

“หือ?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นและพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “โรคเซียงสืออะไร เจ้าคงจะคิดฟุ้งซ่านไปเองมากกว่า! พรุ่งนี้ข้าจะออกไปทำธุระและเจ้าก็ควรที่เข้านอนเร็ว ๆ ไม่นานอาการก็ดีขึ้น”

เมื่อพูดออกมาอย่างนั้น ซูหวานหว่านก็มองไปที่ชามข้าวตรงหน้าและจำได้ว่าเคยคีบอาหารให้ฉีเฉิงเฟิง หญิงสาวถอนหายใจออกมาและพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า “หากเจ้าบอกว่าเจ้าเป็นโรคเซียงสือ ข้าก็คงไม่ต่างกันมาก”

“งั้นหรือ?” ซุนฉางอานเอ่ยถามออกมาด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “คุณชายเป่ยฉวน เจ้ากำลังชอบใครอยู่?”

ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้น “เป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา อ่อนโยน มีน้ำใจ และเอาใจเก่ง แต่ว่าเขาไม่ใช่ของข้าอีกต่อไปแล้ว”

พอพูดออกมาแล้ว นางก็ตกตะลึงราวกับว่าเพิ่งคิดอะไรขึ้นมาได้ ใบหน้าของนางแดงก่ำ เหตุเพราะตอนนี้นางเป็นผู้ชายอยู่! พูดออกไปแบบนั้นโดยที่ซุนฉางอานไม่รู้ว่านางเป็นผู้หญิง!

ซูหวานหว่านเกิดอาการประหม่าเล็กน้อย และพูดเสริมออกมาว่า “อันที่จริง ข้าคิดว่าความรักของผู้ชายต่อผู้ชายด้วยกันไม่ได้เป็นปัญหา”

คำพูดเหล่านี้เหมือนจะเปิดทางอะไรบางอย่าง ซุนฉางอานรู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อยและพูดออกมาว่า “ข้า… ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

ซูหวานหว่านไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี แต่ทันใดนั้นประตูห้องอาหารก็ถูกผลักเปิดออกเบา ๆ และชายคนหนึ่งก็นำขนมเข้ามา “คุณชายซุน คุณชายเป่ยฉวน…”

“อืม” ซูหวานหว่านพยักหน้า ไม่นานเด็กในร้านก็จากไป ประตูกำลังจะปิดลงอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นมีสตรีนางหนึ่งเดินเข้ามา นางโยนถุงเงินให้ซุนฉางอานแล้วพูดว่า “คุณชายซุน! ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชอบผู้ชายหรือ แล้วยังเป็นชู้กับหญิงสาว อีกทั้งยังมีลูกอยู่ข้างนอกอีกด้วย เจ้าไม่คู่ควรกับข้า!”

ซูหวานหว่านและซุนฉางซูต่างตกตะลึง ทันใดนั้นซูหวานหว่านก็จำสิ่งที่ซุนฉางอานพูดเมื่อวานนี้ได้โดยคิดว่าหญิงคนนี้อาจจะเป็นผู้หญิงที่แม่ของซุนฉางอานเลือกมาให้เขา ท่าทางของนางดูเย่อหยิ่งมาก และนางก็ไม่คู่ควรกับซุนฉางอานเลยสักนิด ซูหวานหว่านจึงพูดออกมาว่า “แม่นางคนนี้ เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใดหรือ?”

“มันจะเป็นอะไรได้อีก?” หญิงคนนั้นจ้องไปที่ซูหวานหว่าน และนึกขึ้นได้จึงพูดว่า “เจ้าคงไม่ใช่ผู้ชายที่ควงกับเขาหรอกนะ พวกเจ้าสองคน…ช่างน่าขยะแขยง!”

พูดจบหญิงคนนั้นก็ดูเหมือนจะทนไม่ได้ นางสะบัดมือไปมาอย่างบ้าคลั่ง “ซุนฉางอาน เจ้าน่ารังเกียจนัก! ข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้า ข้าจะไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าเตรียมอธิบายให้พ่อแม่ของเจ้าเข้าใจในเรื่องนี้ด้วยตัวของเจ้าเองเถอะ!”

“เฮอะ!” ซูหวานหว่านเยาะเย้ยออกมา เมื่อเห็นว่าใบหน้าของซุนฉางอานซีดลง นางก็ลุกขึ้นยืนและโยนถุงเงินของนางกลับไป “เอาของเจ้าออกไปแล้วก็ไสหัวออกไปซะ! คุณชายซุนจะไปที่บ้านของเจ้าเพื่อถอนหมั้นอย่างแน่นอน เพราะว่า…”

ซูหวานหว่านมองออกไปข้างนอก “คุณชายซุนและน้องสาวของข้าต่างรักกัน และการปรากฏตัวของเจ้ามันจะส่งผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องนี้”

แม้แต่ซุนฉางอานก็ยังตกตะลึงกับคำพูดนี้ของซูหวานหว่าน เขาไปชอบน้องสาวของซูหวานหว่านตั้งแต่เมื่อใดกัน?

ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนั้นจะเกิดความไม่พอใจและรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “น้องสาวของเจ้ากับเขารักกันงั้นเหรอ? งั้นเจ้าเรียกนางออกมาให้ข้าเห็นหน่อยสิ!”

นางปลอมตัวเป็นผู้ชายอยู่…จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะปลอมตัวเป็นหญิงแล้วปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน

“เร็วสิ! เจ้าไปเรียกนางมาให้ข้า!” ผู้หญิงเอ่ยเร่งเร้าออกมา

————————————————————————————————

[1] 相思病 เซียงสือปิ้ง ป่วยเป็นไข้ใจ

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田ครั้นวสันตพิรุณเพิ่งผ่านพ้น ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใสดังเดิม เมฆหมอกขาวบางเบาลอยล่องเหนือแนวบรรพต ก่อเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันตระการตา ในภาพนั้นมีทั้งต้นไม้ ใบหญ้า และผู้คน ‘ซูหวานหว่าน’ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพทิวทัศน์นั้น นางเพิ่งขุดผักป่าขึ้นมาเต็มตะกร้าและกำลังจะตรงกลับบ้าน “พี่หญิง!” ทันใดนั้นเอง เด็กชายวัยกระเตาะผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาหา พร้อมทั้งตะโกนเรียกนางไปด้วย “ช้า ๆ ก็ได้” ซูหวานหว่านมองไปที่น้องชายตัวแสบของตนพร้อมกับระบายยิ้มให้ ซูจิ่นหมิงกลับไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งช้าลงแต่อย่างใด เขายังคงวิ่งตรงเข้ามาหาซูหวานหว่านอย่างรีบร้อน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset