นี่อีกฝ่ายกำลังสั่งนางอย่างงั้นเหรอ? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าไม่คู่ควร!”
เหตุใดชายคนนี้ถึงมีกิริยาเช่นนี้ หญิงสาวรู้สึกโกรธเคือง นางจ้องไปยังซุนฉางอานแล้วพูดว่า “ซุนฉางอาน ข้าขอถามเจ้าสักหนึ่งประโยค หญิงคนนั้นคือคนรักของเจ้าหรือเปล่า?”
ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ ซุนฉางอานก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาสงบมากและไม่ได้รู้สึกอับอายอะไร จึงพูดออกมาว่า “แน่นอนว่าเป็นเช่นนั้น”
“ข้าไม่เชื่อ! หากเป็นเรื่องจริงเหตุใดเจ้าถึงไม่แต่งงานกับนาง เจ้าอายุยี่สิบแล้ว ไม่เช่นนั้นแม่ของเจ้าจะมาหาข้าเพื่อมาขอสู่ให้แต่งงานกับคนน่าขยะแขยงอย่างเจ้าทำไมกัน!” สตรีนางนั้นพูดออกมา
น่าขยะแขยง? ชื่อเสียงของซุนฉางอานนั้นดีมาก ถึงจะมีข่าวที่ไม่ดี แต่นั่นก็เพราะถูกคนอื่นใส่ร้ายต่างหาก ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรจริง ๆ ซูหวานหว่านเอ่ยออกมา “เจ้าไม่คู่ควรที่จะเห็นนาง ถ้าเจ้าอยากเห็นนางจริง ๆ ข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าเจ้าอาจจะได้เห็นนางในวันเกิดของซุนซ่างชู”
“หึ! เช่นนั้นก็ย่อมได้!” หญิงนางนั้นยอมแพ้และเดินออกไป พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่สบายใจ และรู้สึกเสียดายอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากที่สตรีนางนั้นจากไป ซุนฉางอานก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “นางเป็นหลานสาวตระกูลเจีย หยิ่งยโสโอหัง นางอายุสิบหกปีแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน! แม่ของข้าแค่คิดว่าครอบครัวของนางมีการค้าอยู่ติดทะเล และครอบครัวนางมีเงินสกปรกเยอะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพ่อของข้าถึงปล่อยตัวเจียเหวินไปในวันนั้น และสั่งให้ไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของเขา”
“นี่…” ซูหวานหว่านส่ายหน้าและยิ้มอย่างมีเลศนัย นางคิดถึงชายหนุ่มคนนั้นขึ้นอีกครั้ง เขาเต็มใจที่จะแต่งงานกับนางโดยไม่คำนึงถึงสายตาของคนอื่นที่มองมา เต็มใจเพิกเฉยต่อคำเยาะเย้ยของผู้อื่น และมองว่านางเป็นสัตว์ประหลาดอีกทั้งยังปกป้องนาง เดินตามหานางที่แม่น้ำเป็นเวลานานโดยไม่สวมรองเท้า แต่ชายคนนั้นไม่ใช่ของนางอีกต่อไปแล้ว!
หัวใจของซูหวานหว่านรู้สึกขมขื่น “คำพูดของพ่อแม่ อาจจะทำให้เจ้าไม่มีความสุข แต่ว่ามันก็ยังดีที่เจ้าเป็นผู้ชาย หากเจ้าไม่ชอบผู้หญิงที่พวกเขาหามาเจ้าก็สามารถรับนางมาอยู่ในฐานะอนุได้ เก็บนางไว้ที่หลังบ้าน แล้วเจ้าก็ยังสามารถหาผู้หญิงที่เจ้าชอบได้อีก”
“หือ?” ซุนฉางอานอุทานออกมาด้วยประหลาดใจ ซูหวานหว่านถูกดึงสติกลับมาอีกครั้ง และพยายามเรียบเรียงคำพูด “ไม่มีอะไรหรอก”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปในตอนนี้ ซูหวานหว่านก็มองหน้าของซุนฉางอานด้วยความแปลกใจแล้วพูดออกมาว่า “ข้าไม่มีน้องสาวหรอก หากเจ้าไม่ชอบนางจริง ๆ ข้าก็สามารถทำตามที่เจ้าพูดออกไปเมื่อวานนี้ได้นะ ที่จะให้ข้าปลอมตัวเป็นผู้หญิง”
“หากเจ้าทำได้ก็ดีมากเลย!” ซุนฉางอานดีใจเป็นอย่างมาก เขานำเทียบเชิญออกมา “คุณชายเป่ยฉวน ข้าจะเอาของไปไว้ที่นี่ก่อน ข้าจะกลับไปเตรียมตัวให้พร้อม”
ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นและวิ่งออกไป
นางไม่รู้ว่าจะซุนฉางอานจะเตรียมตัวทำอะไร ซูหวานหว่านขบคิดเรื่องนี้อย่างตื่นตระหนก แต่ก็พยักหน้าตอบรับ หญิงสาวกลับมาคิดถึงฉีเฉิงเฟิงอีกครั้งเมื่อว่าง นางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยจึงตัดสินใจเดินไปที่ถนนเพื่อไปดูของที่ร้านค้าและได้ซื้อเสื้อผ้ามาหลายชุด นางเดินกลับมาลำพังในตอนเย็น พร้อมกับถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์มเพื่อปลูกแปลงผักเพิ่มสองแปลง
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแปลงผักของฉีเฉิงเฟิงยังอุดมสมบูรณ์อยู่ อีกทั้งอากาศในมิติฟาร์มก็ยังดี และไม่มีอะไรผิดปกติไป ซึ่งทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกเศร้าใจมากเพราะว่าตอนที่ฉีเฉิงเฟิงโดนพิษกู่แล้วตัดความสัมพันธ์กับนาง แปลงทางฝั่งนั้นมีเมฆครึ้มฝนตกอย่างหนักจนน้ำเกือบท่วม!
ซูหวานหว่านกังวลว่าฉีเฉิงเฟิงยังมีนางอยู่ในใจหรือเปล่า? หญิงสาวมีความคาดหวังบางอย่างเล็กน้อยอยู่ แต่เมื่อคิดถึงแววตาที่เย็นชาของฉีเฉิงเฟิง หัวใจของนางก็เย็นชาขึ้นมา
ซูหวานหว่านส่ายศีรษะไปมา พยายามไล่ความคิดถึงที่มีต่อฉีเฉิงเฟิงออกไปจากใจ แต่ว่าภายในใจลึก ๆ ยังคงนึกถึงเขาอยู่
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซูหวานหว่านตื่นขึ้นมาและไม่ได้ออกไปไหนเลย นางใช้เวลาทำงานอยู่แต่ในมิติฟาร์มและยุ่งอยู่ทั้งวัน
กระทั่งเวลาผ่านไปสองสามวัน วันเกิดของซุนซ่างชูก็มาถึง ซุนฉางอานส่งคนใช้ให้มารอรับนาง ซูหวานหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พร้อมกับเปลี่ยนเป็นชุดสีเขียวใส่เสื้อคลุมที่ถูกปักเป็นลวดลายดอกกล้วยไม้แล้วเดินออกไป
ซูหวานหว่านเดินทางไปถึงบ้านของซุนฉางอาน ก็พบว่าอีกฝ่ายได้มารอนางอยู่นานแล้ว เมื่อชานหนุ่มเห็นซูหวานหว่านเขาต้องตกตะลึงกับใบหน้าของนางที่ไร้หน้ากาก หูของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง “เป่ยฉวนเฟิงหลิว…แม่นาง ข้าควรเรียกเจ้าว่าอย่างไรดี?”
“ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นชายหนุ่ม!” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าซุนฉางอานทำตัวไม่ถูกและพูดจาออกมาด้วยท่าทางประหม่า แต่เมื่อนางได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้นางกำลังสวมบทบาทปลอมตัวเป็นหญิงสาวอยู่ เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดนางจึงพูดออกมาว่า “แม่นางเป่ยฉวนเฟิงอวิ๋น อายุสิบห้าปี”
นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ทำให้หัวใจของซุนฉางอานพลันเต้นระรัวขึ้นมาราวกับจะออกมาจากอก ใบหน้าของเขาแดงก่ำ “เป่ยฉวนเฟิงอวิ๋น เป็นชื่อที่ดีมาก…พวกเราเข้าไปในงานกันเถอะ!”
“อืม” ซูหวานหว่านพยักหน้าและเดินเข้าไปในงานพร้อมกับซุนฉางอาน
เมื่อพวกเขาสองคนเดินเข้าไปใน สตรีที่นางพบเจอที่ร้านอาหารเมื่อวันก่อน พร้อมทั้งฮูหยินเจียก็ลุกขึ้นด้วยท่าทางตกใจ “เจ้าคือ…”
เมื่อเห็นว่าซูหวานหว่านสวมกระโปรงสีเขียว เสื้อคลุมกำมะหยี่ และปิ่นปักแกะสลักลายกล้วยไม้บนศีรษะ ถึงจะดูเรียบง่ายหากแต่สง่างาม
ส่วนเจียถงแต่งกายด้วยอาภรณ์สีชมพู ห้อยหยกไว้บริเวณเอว ใบหูประดับด้วยต่างหูหยกสีเขียวมรกต ดอกโบตั๋นสองดอกที่ร้อยด้วยด้ายสีทองและลูกปัดทะเลปักเอาไว้บนศีรษะของนาง ดูหรูหรามาก แต่ว่าเมื่อมาเปรียบเทียบกับซูหวานหว่านแล้ว นางดูสวยกว่าอีกฝ่ายนัก
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองคน เจียถงดูสวยน้อยกว่ามาก!
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อนางมองใบหน้าของซูหวานหว่านอีกครั้ง ก็พบว่าใบหน้าที่มีเสน่ห์เพียงแค่ตบแต่งเล็กน้อยเท่านั้น แต่เป็นความงามที่น่าทึ่งมาก!
ถึงแม้ว่าซูหวานหว่านจะมองผู้คนด้วยสายตาเย็นชา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นขึ้นมา!
เจียถงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางเหลือบมองเจียเหวินเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา เจียเหวินจึงถามออกมาอย่างอารมณ์เสีย “แม่นางคนนี้ เจ้ามีความสัมพันธ์กับคุณชายซุนแบบไหนกัน? เหตุใดถึงยืนใกล้ชิดกับเขาเช่นนั้น เจ้าเป็นสตรี มันคงจะดูไม่งามหากทำเช่นนั้น!”
ไม่งาม? ซูหวานหว่านมองซุนฉางอานก่อนจะจับมือเขา “ฉางอาน พวกเขาพูดอะไรหรือ? ข้าไม่เข้าใจ”
มือนุ่ม ๆ ของหญิงสาวสัมผัสไปจับมือของซุนฉางอาน ทำให้ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกแปลก ๆ และพูดว่า “ทุกคน นี่คือคู่หมั้นของข้า เป่ยฉวนเฟิงอวิ๋น! พวกเราสองคนรักกันและจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ที่นางปรากฏตัวในวันนี้เพราะข้าต้องการแจ้งให้ทุกคนได้รับรู้”
เมื่อซุนซ่างชูได้ยินแบบนี้ เขาก็นึกถึงเป่ยฉวนเฟิงหลิวขึ้นมา ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจทันที นอกจากนี้เขาก็ยังเห็นเป่ยฉวนเฟิงอวิ๋นมีหน้าตาคล้ายเป่ยฉวนเฟิงหลิวเล็กน้อย ชายชรารู้สึกโกรธมาก พลันใดนั้นก็นึกถึงพื้นเพครอบครัวของนางจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ข้าขอถาม แม่นางคนนี้เป็นลูกเต้าใครรึ?”
สอบถามเรื่องครอบครัวของนางงั้นหรือ? ซูหวานหว่านจึงพูดออกมา “ข้ามาจากเมืองหลวง แต่ว่าข้ากำพร้าไม่มีพ่อแม่ จึงมักจะเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ กับพี่ชายของข้า”
เมื่อเจียถงได้ยินแบบนี้นางก็ยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าครอบครัวของเจ้าจะยากจน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าแต่งตัวธรรมดา ๆ!”
“ก็จริง! ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าไม่คู่ควรกับคุณชายซุนแม้สักนิด!”
“…”
ทุกคนหัวเราะออกมา ซุนซ่างชูก็ยังคงทำสีหน้าไม่พอใจ เจียถงก็พูดออกมาอีกว่า “ครอบครัวของข้ามีเงินไม่มากไม่น้อย ครึ่งปีก็มีรายได้หนึ่งพันตำลึง”
เมื่อทุกคนได้ยินแบบนี้ต่างก็พูดออกมาว่า “แม่นางเจียถงและหลานซุนเป็นคู่ที่ลงตัวที่สุดแล้ว!”
“ใช่แล้ว!”
“…”
ซุนซ่างชูมองไปที่ซูหวานหว่าน “ขอให้แม่นางเป่ยฉวนหลีกทางให้ด้วย!”
นี่กำลังจะขอให้นางถอยออกไปอย่างงั้นรึ? นางจะยอมได้อย่างไร!