“เจ้าแน่ใจงั้นรึ?” ซูหวานหว่านมองซูเสี่ยวเหยียนด้วยสายตาขบขัน แต่สำหรับซูเสี่ยวเหยียนนางกำลังคิดว่าอีกฝ่ายกำลังกลัว
“แน่นอนอยู่แล้ว! ในเมื่อเจ้าบอกว่าเป็นหญิง เหตุใดเจ้าถึงไม่กล้า?” ซูเสี่ยวเหยียนถามออกมาอย่างยียวน
“เหตุใดข้าต้องไม่กล้า ข้าเพียงแต่กลัวว่าเจ้าจะเสียใจทีหลัง!” ทันทีที่ซูหวานหว่านพูดจบ แม่นมของตระกูลซุนที่อยู่ด้านข้างก็เดินออกมายืนรอเพื่อพาตัวซูหวานหว่านไปที่ห้องข้าง ๆ
“ช้าก่อน!” ซุนฉางอานเอ่ยเรียกซูหวานหว่านไว้ด้วยความตกใจ
หญิงสาวขยิบตาให้ชายหนุ่มเลยบอกเขาว่า “อย่าเพิ่งตกใจไป”
“…”
เมื่อทุกคนเห็นแบบนี้ก็เริ่มก็เริ่มส่งเสียงพูดคุยกัน พวกเขาสามารถรู้สึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างซูหวานหว่านและซุนฉางอานได้ว่าต้องเป็นความรักต้องห้ามอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นฮูหยินเจียยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกไม่มีความสุข นางคิดว่าลูกชายของนางกำลังทำให้ครอบครัวของตัวเองอับอายขายหน้า “ฮูหยินซุน ข้าขอพูดอะไรเสียหน่อยถึงมันจะน่าเกลียดไปบ้างก็ตาม หลานสาวของตระกูลเจียจะไม่ยอมแต่งงานกับลูกชายของเจ้า! ใครขอให้ลูกขายของเจ้าชอบผู้ชายกัน อย่าเสียเวลาหาหญิงสาวให้เขาเลย!”
พรึ่บ
“…”
ผู้คนต่างหัวเราะกันออกมา ทำให้สีหน้าของฮูหยินซุนเปลี่ยนสีไป นางกำลังจะรอให้ซูหวานหว่านพูดออกมา แต่ตอนนี้นางแทบจะรอไม่ไหวแล้ว จึงตะโกนออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “ลากเป่ยฉวนเฟิงหลิวออกไป!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของฮูหยินซุน ซูหวานหว่านและแม่นมคนนั้นก็เดินออกมาจากในห้อง และนางก็เอ่ยออกมาด้วยความเคารพ “ฮูหยิน นายท่าน นางเป็นผู้หญิงจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ! เป็นไปไม่ได้!” มือของซูเสี่ยวเหยียนสั่นเทาด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นซูหวานหว่านที่อยู่ข้างหน้านางก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปจับที่หน้าอกของซูหวานหว่านทันที
ซูหวานหว่านก้าวถอยหลังหลีกเลี่ยงมือของซูเสี่ยวเหยียน ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจพยายามเอื้อมมือออกมาอีกครั้ง หากแต่ก็ถูกซูหวานหว่านจับมือของนางเอาไว้อย่างเย็นชา พร้อมกับมีเสียงห้ามปรามดังขึ้น “เจ้าพอได้แล้ว!”
“ข้า…” ซูเสี่ยวเหยียนเกิดอาการตกใจ ส่วนฮูหยินเจียก็พลันเดินเข้ามาดึงมือของซูเสี่ยวเหยียนด้วยความอับอาย “จูเหยียน เจ้าเลิกพูดจาเหลวไหลเสียที!”
ท่าทางของซูเสี่ยวเหยียนเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและเอ่ยออกมาว่า “ข้าไม่เชื่อ! เขาเป็นผู้ชาย!”
“แล้วอย่างไร? แม่นมได้ทำการตรวจสอบแล้ว เจ้าจะยังไม่เชื่ออะไรอีกหรือว่าจะให้ข้าถอดเสื้อผ้าให้ดูก่อน เจ้าถึงจะเชื่อ?” ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาด้วยความเย็นชา
“ใช่!” ซูเสี่ยวเหยียนพูดออกมา
ผู้คนต่างตกตะลึงทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาเป็นคนหัวโบราณอีกอย่างประเพณีพวกเขาก็ยังไม่เปิดกว้างมากนัก ซูเสี่ยวเหยียนพูดแบบนี้ออกมาถือเป็นก้าวร้าวอย่างมาก บรรดาคนที่มาร่วมงานเริ่มพูดคุยขึ้นมาอีกครั้ง
ใบหน้าของคุณนายเจียพลันหมองลง นางโกรธมากจนดึงตัวซูเสี่ยวเหยียนออกมา แต่ว่าซูเสี่ยวเหยียนก็ยังคงพูดออกมาว่า “ใครจะไปรู้ เจ้าอาจจะติดสินบนแม่นมผู้นั้นอยู่ก็เป็นไปได้ หากเจ้าเรียกพี่ชายของเจ้าออกมา พวกเราทุกคนถึงจะเชื่อ!”
ซูเสี่ยวเหยียนยังไม่ล้มเลิกความคิดนี้! ขอเพียงแม่นมคนนั้นเชื่อก็เป็นพอ ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มมองไปที่ซูเสี่ยวเหยียนและพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินเจียมีสายตาอย่างไรถึงเอาสตรีกริยาเช่นนี้มาเป็นลูกบุญธรรม ช่างน่าขำสิ้นดี!”
หากไม่ใช่เพราะว่าสือเฉิงชุนบอกว่าซูเสี่ยวเหยียนต้องการที่จะร่ำรวยมั่งคั่ง และนางต้องการสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาล่ะก็ นางก็คงจะไม่รับซูเสี่ยวเหยียนเป็นลูกบุญธรรมของนางหรอก
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหวานหว่าน นางก็รู้สึกโกรธมาก ใบหน้าของฮูหยินเจียพลันเปลี่ยนสี ก่อนหันไปตบหน้าของซูเสี่ยวเหยียน “เจ้าควรสงบสติอารมณ์ไว้บ้าง! ยังไม่รีบขอโทษแม่นางเป่ยฉวนอีก!”
ใบหน้าที่ถูกตบของซูเสี่ยวเหยียนชาวาบ นางมีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่ก็พูดออกมาว่า “แม่นางเป่ยฉวน ข้าเพิ่งทำกระทำหยาบคายต่อเจ้า ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย”
“ไม่เป็นไร” ซูหวานหว่านยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยสายตาที่เปล่งประกาย ดูหวานราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน
กลุ่มคนต่างก็พูดอย่างปลื้มใจในทันทีว่า “แม่นางเป่ยฉวนไม่เพียงแต่งดงามเท่านั้น แต่ยังจิตใจดีอีกด้วย!”
“ใช่แล้ว!”
“…”
ซูหวานหว่านได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็รู้สึกเยาะเย้ยพวกเขาเหล่านั้นอยู่มาก แต่หญิงสาวทำได้เพียงยิ้มออกมา “ทุกคนไม่ต้องเอ่ยสิ่งใดแล้ว เฟิงอวิ๋นคนนี้รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองกำลังแดงไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใบหน้าของซูเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกร้อนขึ้นมา นางรู้สึกว่าใบหน้าของตนเองกำลังเจ็บเป็นอย่างมาก และก็อายเกินกว่าที่จะยืนอยู่ที่นี่ จากนั้นก็หมุนกายเดินออกจากประตูไปอย่างเงียบ ๆ
ซุนฉางอานมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขา! เป็นผู้หญิงจริงเหรอ?
ซุนฉางอานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หาข้ออ้างว่าจะพาซูหวานหว่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกไป เมื่อลับสายตาคนแล้ว ซุนฉางอานก็อดไม่ได้ที่จะถามออกมา “เจ้า…เป็นผู้หญิงจริง ๆ หรือ?”
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” ซูหวานหว่านเงยหน้ามองซุนฉางอาน ดวงตาของนางเปล่งประกายราวกับดวงดาว ซุนฉางอานตกตะลึง ปลายหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและเอ่ยออกมาอย่างลังเล “เจ้า…หากเจ้าเป็นผู้หญิงจริง ๆ ข้า… ข้านั้นขอ…”
แย่แล้ว! หรือว่าซุนฉางอานจะชอบนาง ซูหวานหว่านเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ นางรีบดึงมือของซุนฉางอานขึ้นมา ก่อนจะมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครแล้วนางจึงจับมือของซุนฉางอานไปสัมผัสไว้บริเวณเป้ากางเกง ทันใดนั้นซุนฉางอานก็สัมผัสถึงวัตถุแข็ง ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแข็งค้างไปขึ้นมาทันที “เจ้าเป็นผู้ชาย!”
“ใช่แล้ว” ซูหวานหว่านยิ้มออกมา
“แต่ว่าเมื่อครู่… เหตุใดแม่นมคนนั้นถึงบอกว่าเจ้าเป็นผู้หญิง” ซุนฉางอานถามออกมาด้วยความตกใจ
“เจ้าลองเดาดูเสีย” ซูหวานหว่านไม่รู้จะพูดอย่างไร ซุนฉางอานก็ครุ่นคิดไปอยู่ครู่หนึ่งก็คิดได้ว่านางจะต้องให้บางอย่างเป็นสินบน เมื่อได้ยินเสียงคนกำลังมา ซุนฉานอานก็หยิบเสื้อคลุมขึ้นมาแล้วสวมให้หญิงสาว ในขณะที่ซูหวานหว่านกำลังสวมเสื้อคลุม นางก็เก็บแตงกวาที่นางเอาออกมาจากมิติฟาร์มแล้วใส่เก็บเข้าในมิติฟาร์มอย่างเงียบ ๆ
ทั้งสองกำลังเดินกลับไปที่ห้องโถง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากซอกหิน นางคือซูเสี่ยวเหยียน!
ซูเสี่ยวเหยียนกำลังถืออะไรบางอย่างขนาดเท่าฝ่ามือ ของสิ่งนั้นส่องแสงสว่างและกำลังเล่นบทสนทนาเมื่อครู่ของซูหวานหว่านและซุนฉางอาน
“แน่นอนว่าเป็นผู้ชาย!” ซูเสี่ยวเหยียนยิ้มออกมาอย่างเย็นชา พร้อมหยิบเศษเงินออกมาจากถุงเงินของนาง เรียกคนใช้แถวนั้นมาคนหนึ่ง เอ่ยกระซิบเขาออกมาสองสามประโยค
จากนั้นเขาก็วิ่งไปพร้อมกับสิ่งของที่อยู่ในมือและตะโกนออกมาด้วยความตกใจว่า “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! ฮูหยิน นายท่าน ข้าน้อยมีเรื่องสำคัญจะรายงานท่าน!”
“เกิดอะไรขึ้น!” ซุนซ่างชูถามออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย คนใช้คนนั้นวิ่งเข้ามาพร้อมกับส่งวัตถุเรืองแสงนั้นไปให้เขา เมื่อซูหวานหว่านเห็นวัตถุนั้นก็ตะลึง มันคือโทรศัพท์มือถือ!
เป็นไปได้ไหมว่าข้างในจะมีความลับที่ทำให้โลกแตกได้? ทันใดนั้นซูหวานหว่านก็ตื่นตระหนกขึ้นมา
ซุนซ่างชูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นของสิ่งนี้ เมื่อเขากดเปิดก็ปรากฏภาพที่ซุนฉางอานและซูหวานหว่านกำลังคุยกัน
ใบหน้าของซุนซ่างชูซีดเผือดเมื่อเขาเห็นคลิปนี้ ทำให้ผู้คนเหล่านั้นต่างมามุ่งดู
ทันทีที่หน้าจอเปิดขึ้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงของซุนฉางอานและซูหวานหว่านกำลังพูดคุยกันอยู่ “เจ้าเป็นผู้ชายจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่!”
“…”
เมื่อทุกคนเห็นต่างก็ตกใจ และแม่นมนั้นก็ตกใจเช่นกันเพราะนางแตะไปที่หน้าอกของซูหวานหว่านผ่านเสื้อผ้า เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิง!
“คุณชายซุน ดูเหมือนว่าคนข้างในนั้นจะเป็นท่าน แล้วท่านรู้อยู่แล้วว่านางเป็นผู้ชาย แล้วท่านยังจะ…หยินหนานเอ๋อซาง*[1]?” ซูเสี่ยวเหยียนเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้ม
“หยินหนานเอ๋อซาง” สี่พยางค์สร้างความขบขันและทำให้หลายคนหัวเราะออกมา
“ข้าไม่นึกเลยว่าคุณชายซุนจะมีรสนิยมชอบผู้ชาย!”
“ใช่แล้ว! อ๊ะ อะไร ๆ ก็คาดเดาไม่ได้! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีอายุยี่สิบปีแล้วแต่ยังไม่แต่งงานเสียที!”
“..”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ซุนซ่างชูก็มองไปที่ซูหวานหว่านกับซุนฉางอาน และก็พูดประโยคหนึ่งออกมาว่า “เหลวไหล!”
ฮูหยินซุนยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ และรู้สึกว่าซูหวานหว่านเพิ่งโกหกว่าครอบครัวมีเงินเยอะ นางชี้ไปที่ซูหวานหว่าน พูดออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “ชายผู้นี้กำลังทำลายชื่อเสียงของลูกชายข้า! มาลากตัวเขาออกไป จับเขาไปตีให้ตายซะ!”
[1] 迎男而上 หยินหนานเอ๋อซาง เป็นคำแสลงที่หมายถึงว่า เมื่อรู้ว่าคนนั้นเป็นผู้ชายก็ยิ่งสนใจในตัวของคนนั้นจนอยากที่จะมีอะไรด้วยกัน