เมื่อเห็นใบหน้าของซูหวานหว่าน เป่ยฉวนเฟิงหลิวก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มหยิบภาพวาดออกมาแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นศิษย์น้องที่อาจารย์เก็บมาใช่หรือไม่?”
“เจ้าเป็นศิษย์พี่ของข้าจริง ๆ อย่างงั้นเหรอ?” ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและเอนตัวเข้าไปมองภาพวาดของนาง พบว่ารูปนั้นเป็นหญิงสาวผมเผ้ารุงรัง มีตาเล็ก ๆ และไม่มีจมูก! เขารู้ได้อย่างไรว่าเป็นนาง!
เมื่อมองดูแล้วฮวงเหล่าต้องเป็นคนวาดมันอย่างแน่ ๆ! ซูหวานหว่านกลอกตาไปมา แน่ใจแล้วว่าคนนี้คือเป่ยฉวนเฟิงหลิวตัวจริง ดังนั้นนางจึงเล่าทุกอย่างที่นางได้เจอตั้งแต่ที่บ้านจนถึงตรงนี้ เป่ยฉวนเฟิงหลิวที่ได้ฟังก็โกรธมาก “พวกเขาพยายามจะฆ่าเจ้า เหตุใดเจ้าถึงไม่ฆ่านางไปเสีย เจ้าจะปล่อยให้นางมีชีวิตรอดมาทำร้ายเจ้าไปทำไม?”
“ข้า…” ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงให้อภัยซูเสี่ยวเหยียนครั้งแล้วครั้งเล่า หากเป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดเดิม ในตอนนี้ก็น่าจะสิ้นสุดลงแล้ว
“ช่างมันเถอะ! ข้าเห็นว่าเจ้าลำบากใจมาก เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถามอีก” เป่ยฉวนเฟิงหลิวถอนหายใจพร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาแล้วพูดว่า “ศิษย์น้อง อาจารย์ได้ขอให้ข้ามาตามหาดอกไม้ที่ชื่อว่า ‘ว่านฮวาหง*[1]’ ซึ่งใช้กันในยุคสมัยโบราณ อาจารย์พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อหามารักษาพิษด้วยยาพิษ เพื่อรักษาโรคที่แม่ของเขาเป็นอยู่ ข้าโชคดีอย่างมากที่ได้เห็นมันครั้งหนึ่ง ทว่าจากนั้นแม่ของอาจารย์จากไป อาจารย์ก็ได้ฝังเอาไว้ในหลุมศพของแม่เขา อาจารย์บอกว่าถ้าสิ่งนี้แพร่กระจายออกไป อย่างไรเสียมันก็ไม่ใช่ยาที่ดี! จึงอยากที่จะให้พวกเราตามหามันให้เจอ ไม่อย่างงั้นถ้ามีคนชั่วเอาไปใช้…มันจะส่งผลเสียเป็นอย่างมาก !”
ว่านฮวาหงมันเป็นดอกไม้แบบไหนกันแน่ ถึงได้มีอันตรายขนาดนั้น!
ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับว่านฮวาหงในหัว พลันใดก็ได้ยินเป่ยฉวนเฟิงหลิวพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ข้าได้ยินมาว่าไม่กี่วันก่อนมันได้ถูกส่งมาที่เมืองนี้ และข้าก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน แต่…”
ทันใดนั้นเป่ยฉวนเฟิงหลิวก็เลิกคิ้วและยิ้มออกมา “ศิษย์น้องคนดีของข้า เนื่องจากเจ้าอยู่ในเมืองนี้ ข้าจะให้เจ้าเป็นคนทำเรื่องนี้! ศิษย์พี่คนนี้จะขอไปเที่ยวเล่นสักสองสามวันแล้วจะกลับมา!”
หลังจากพูดจบ เป่ยฉวนเฟิงหลิวก็ลุกขึ้นและเดินออกไปทันที
ศิษย์พี่คนนี้ท่าทางจะบ้าไปแล้ว? ซูหวานหว่านไม่ได้พูดอะไรออกมาพร้อมกับกลอกตา สวมหน้ากากที่นางได้ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้และกลายเป็น ‘เป่ยฉวนเฟิงอวิ๋น’ น้องสาวของเป่ยชวนเฟิงหลิว
“ช้าก่อน!” ซูหวานหว่านเดินตามเขาไป เพราะต้องการถามอะไรบางอย่าง แต่นางก็เกือบชนเข้ากับเป่ยฉวนเฟิงหลิว!
ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งจ้องมองซูหวานหว่านด้วยสายตาโกรธเคือง “พวกเจ้าเป็นพี่น้องกันจริง ๆ อย่างงั้นรึ? แต่ว่าข้ากลับคิดว่าพวกเจ้าสองคนเป็นเพียงศิษย์พี่ศิษย์น้องกันเท่านั้น! เจ้าคิดว่ายังไงล่ะซูหวานหว่าน!”
คนที่ยืนพูดอยู่ก็คือซูเสี่ยวเหยียน! นางตามมาได้อย่างไรกัน? ตัวตนของนางในฐานะซูหวานหว่านได้ตายไปแล้ว ที่ซูเสี่ยวเหยียนถามออกมาแบบนี้เพราะต้องการเปิดเผยตัวตนของนางอย่างงั้นรึ?
ซูหวานหว่านกำลังจะพูดออกมา แต่เป่ยฉวนเเฟิงหลิวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดออกมาก่อนว่า “น้องสาว เจ้ารู้จักหญิงสาวที่ปากคอเราะร้ายแบบนี้ด้วยรึ?”
ว่านางเป็นผู้หญิงปากคอเราะร้ายอย่างงั้นเหรอ! ซูเสี่ยวเหยียนเบิกตากว้างด้วยความโกรธและพูดออกมาว่า “ข้าเป็นลูกบุญธรรมของฮูหยินเจีย เจ้าช่างมีตาหามีแววไม่!”
“ลูกสาวบุญธรรม?” เขาเหลือบมองซูเสี่ยวเหยียนแล้วหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน แล้วชี้ไปที่สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังของซูเสี่ยวเหยียน “นี่เป็นคุณหนูของพวกเจ้าจริง ๆ อย่างงั้นรึ หากว่าเจ้าไม่พูดข้าก็จะวิเคราะห์จากการที่ตัวเองเป็นหมอ ข้าคิดว่านางเป็นแค่นางบำเรอในบ้านเสียอีก! เพราะว่า… ท้องของนางเริ่มใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ถ้าข้าเดาไม่ผิดนางตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว!”
“เจ้ากำลังพูดจาไร้สาระอะไรอยู่! เป็นไปไม่ได้!” ซูเสี่ยวเหยียนตวาดออกมาเสียงดัง
ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่นและนึกย้อนกลับไปเมื่อสามเดือนที่แล้ว ซูเสี่ยวเหยียนอาจจะนอนกับไป๋ซุนชุ่ย เข้าไปถึงในบ้านขนาดนั้นพวกเขาต้องนอนด้วยกันแล้วแน่ ๆ
ตอนนี้…ถ้าหากจะตั้งท้องก็อาจจะเป็นไปได้!
ซูเสี่ยวเหยียนผอมมาก หากว่านางท้องก็ไม่สามารถมองออกได้! นึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์พี่ของนางนั้นจะมองออกในทันที! ซูหวานหว่านหันกลับมามองทักษะการรักษาของนาง ความรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยว่าศิษย์พี่ของนางไม่ได้แย่
เมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษของซูเสี่ยวเหยียน นางอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “ท่านพี่ นางคงกลัวว่าสิ่งที่ท่านพูดออกมานั้นถูกต้อง! ได้ยินมาว่าตระกูลเจียทรงพลังและมีอิทธิพลมาก ฐานะของครอบครัวพวกเราก็มีเพียงทองคำไม่กี่หมื่นตำลึงเท่านั้น พวกเราอย่าพูดความจริงไปเสียดีกว่า!
“เจ้า!” ซูเสี่ยวเหยียนพุ่งตัวเข้าหาซูหวานหว่านด้วยความโกรธ และชี้ไปที่ซูหวานหว่าน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา คนรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดว่า “คุณหนู ได้โปรดใจเย็น ระวังวังกิริยาของท่านด้วย ฮูหยินได้บอกกับข้าว่าอย่าทำให้ตระกูลเจียต้องขายหน้า”
“…” แม้แต่ตระกูลเจียก็ยังดูถูกนาง!
ซูเสี่ยวเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และเดินหันหลังกลับไปอย่างเย็นชา เป่ยฉวนเฟิงหลิวก็ได้พูดขึ้นมาว่า “หยุดอยู่ตรงนั้น!”
“จะทำอะไร!” ซูเสี่ยวเหยียนชะงักฝีเท้า นางมองไปที่เป่ยฉวนเฟิงและพยายามควบคุมอารมณ์ของตน “พวกเจ้าสองพี่น้องต้องการทำอะไร?”
“เจ้าน่าเกลียดนัก!” เป่ยฉวนเฟิงหลิวกระตุกยิ้มแล้วหยิบพัดขึ้นมาพัดไปมาเบา ๆ ปากเอ่ยเยาะเย้ย “ในเมื่อเจ้าเป็นลูกสาวบุญธรรมของตระกูลเจีย เช่นนั้นอย่าได้ท้อง จำเอาไว้โปรดไปทำแท้งเงียบ ๆ! ไม่เช่นนั้นหากฮูหยินรู้เรื่องนี้เข้าเจ้าอาจจะไปไม่รอดในสถานะเช่นนี้!”
ศิษย์พี่ทำดีมาก! เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำโกรธจัดของซูเสี่ยวเหยียน ซูหวานหว่านก็อดใจแทบไม่ไหวที่จะปรบมือชื่นชม!
“เจ้า!” ซูเสี่ยวเหยียนโกรธมาก ทันใดนางก็มีอาการจุกเสียดที่ท้อง และล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง สาวใช้พลันรีบเข้ามาช่วยพยุงตัวของนางเอาไว้
เป่ยฉวนเฟิงหลิวก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าคุณหนูของพวกเจ้าจะตกลูก พวกเจ้าควรพานางไปหาหมอ ไม่เช่นนั้นแล้ว…สองชีวิตอาจไม่รอด”
“พวกเจ้า…” ซูเสี่ยวเหยียนอยากด่ากราดทั้งสองคน แต่ว่าร่างกายของนางอ่อนแอมาก อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บหน้าอก จึงทำได้เพียงชี้ไปที่ทั้งสองคน ก่อนจะอาเจียนออกมาด้วยความทรมาน นางรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
นี่….นี่มันเป็นอาการของคนท้องจริง ๆ เสียด้วย!
ซูเสี่ยวเหยียนตกใจ และคนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างเองก็ตกใจเช่นกัน พวกนางกลัวว่าจะมีคนรู้เรื่องนี้จึงรีบพยุงตัวซูเสี่ยวเหยียนลุกขึ้นยืนทันทีและเดินจากไปอย่างสิ้นหวัง!
แปะ! แปะ! แปะ!
ซูหวานหว่านถึงกับพูดไม่ออก ขยิบตาให้เป่ยฉวนเฟิงหลิว “ศิษย์พี่! ทำได้ดีมาก!”
“แน่นอนว่าศิษย์พี่ของเจ้ามีทักษะวาทศิลป์ไม่แพ้เจ้าที่เป็นศิษย์น้อง” เป่ยฉวนเฟิงหลิวเอ่ยออกมา เขาก็เดินเข้าไปใกล้ ๆ ซูหวานหว่านและพูดออกมาช้า ๆ ว่า “หากว่าข้านั้นไม่ไปปรากฏตัวที่บ้านของซุนซ่างชูในวันนี้ ชื่อเสียงของข้าก็คงจะถูกเจ้าทำลาย คนคงเข้าใจว่าข้าชอบผู้ชายด้วยกันไปแล้ว!”
ซูหวานหว่านรู้สึกเขินอายเล็กน้อย พลันรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา นางหยิบขวดน้ำแร่ออกมาจากมิติฟาร์มและพูดกระซิบว่า “ศิษย์พี่! ศิษย์น้องคนนี้ผิดไปแล้ว! น้ำวิเศษนี้ถือว่าเป็นคำขอโทษจากข้าแล้วกัน”
“น้ำวิเศษ?” เป่ยฉวนรับมันเอาไว้อย่างมีความสุข ชายหนุ่มกระซิบอะไรบางอย่างกับซูหวานหว่าน ก่อนจะเดินหายไปในกลุ่มฝูงชน
ซูหวานหว่านมองยังแผ่นหลังของเป่ยฉวนเฟิงหลิวและหัวใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่นางได้เจอกับศิษย์พี่คนนี้ แต่นางก็รู้สึกถึงความคุ้นเคย
ซูหวานหว่านอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนเดินเข้ามาพร้อมกับดอกไม้ในมือ คนที่ถือมันมาก็คือซุนฉางอาน!
ในมือของชายหนุ่มถือกล่องไม้ใบหนึ่งเอาไว้ เขาเดินเข้ามาหาซูหวานหว่าน ริมฝีปากบางแยกออกเล็กน้อย และเอ่ยออกมาอย่างเขินอายว่า “เฟิงอวิ๋น! ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าพบเจ้า ข้าก็รู้สึกประทับใจและชอบเจ้ามาก หากเจ้าคิดเหมือนกันกับข้า ข้าอยากจะเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างเจ้าไม่ว่าจะยามทุกข์ยามสุข ข้าจะไม่ทำให้เจ้านั้นต้องเจ็บปวด และเสียใจ…”
กลุ่มชาวบ้านที่อยู่ที่ด้านข้าง ส่งเสียงร้องออกมา และทันใดนั้นชายชุดดำสวมใส่หน้ากากครึ่งอันที่มีใบหน้าเคร่งขรึมก็ปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มฝูงชน ถ้าซูหวานหว่านมองเห็นนางก็คงจะรู้จักทันที ด้วยที่แท้ก็คือฉีเฉิงเฟิงหาใช่ใครอื่น!
[1] 万花红 ว่านฮวาหง เป็นดอกไม้ที่มีพิษชนิดหนึ่งของจีน