ตอนที่ 226 เล่ห์เหลี่ยมของคนเมือง
“องค์ชายสามเพคะ เฉียวหน่วนอวี้คนนี้ได้คิดเรื่องนี้มานาน งานแต่งงานของพวกเราก็ใกล้เข้ามาแล้ว พรุ่งนี้ข้าอาจจะไม่ได้พบกับองค์ชายสามอีก ดังนั้นตอนนี้ข้าจึงมีเรื่องที่อยากจะพูดกับองค์ชายสาม ข้าน้อยจึงต้องขอประทานอภัยที่เข้ามาโดยพลการเช่นนี้ องค์ชายสามอย่าถือสาข้าเลยเพคะ” เสียงของหญิงสาวนั้นก็พูดเบาราวกับกระซิบ น้ำเสียงของนางนุ่มนวลอ่อนหวาน แน่นอนว่าจากที่ได้ฟังน้ำเสียงแล้ว คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณหนูใหญ่ของตระกูลเฉียว
แต่ว่านางเป็นถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียว ไฉนเลยถึงกล้าเข้ามาบุกเข้าไปในห้องของผู้ชายย่ามดึกเช่นนี้?
ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแอบฟังพร้อมกับเจาะรูที่ประตูแล้วมองเข้าไป เห็นเพียงคนที่นอนอยู่บนเตียง ในขณะที่ผู้หญิงนั่งอยู่ที่โต๊ะรับรอง และนั่งมองไปที่คนบนเตียง
คนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้ตอบอะไรออกมา เฉียวหน่วนอวี้ก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “องค์ชายสามเพคะ หน่วนอวี้ได้ยินข่าวลือมามากมายในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีคนพูดมาว่าหน่วนอวี้ผู้นี้เป็นแค่ลูกสาวของพ่อค้าเกลือ ไม่คู่ควรกับองค์ชายสาม หน่วนอวี้ผู้นี้ก็ได้คิดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน มันก็อาจจะจริงที่หน่วนอวี้ไม่คู่ควรกับองค์ชาย…”
“หมายความว่าอย่างไร? เจ้ากำลังจะให้ข้ายกเลิกงานแต่งอย่างงั้นหรือ?” ผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยขึ้นมา
ซูหวานหว่านที่ยืนฟังอยู่นอกประตู อดไม่ได้ที่จะเหงื่อไหลออกมา แอบคิดในใจว่า ‘แน่นอนว่าชายหนุ่นมักมองไม่เห็นมายาร้อยเล่มเกวียนของผู้หญิง!’ เฉียวหน่วนอวี้นั้นไม่ได้ต้องการให้ฉีเฉิงเฟิงถอนหมั้นเสียหน่อย! แต่ความหมายของนางคืออยากเรียกร้องความสนใจจากฉีเฉิงเฟิง! ให้สงสารและเห็นใจนางต่างหากถึงพูดแบบนั้นออกมา!
ในขณะซูหวานหว่านกำลังครุ่นคิด เฉียวหน่วนอวี้ก็พูดออกมาว่า “ไม่ใช่เพคะ ไม่ใช่ หน่วนอวี้ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเพคะ สิ่งที่หน่วนอวี้หมายถึงก็คือหน่วนอวี้ผู้นี้ต่ำต้อยไม่คู่ควรกับองค์ชายสาม แต่ว่าหน่วนอวี้ชมชอบองค์ชายสามจริง ๆ หน่วนอวี้ผู้นี้มีนิสัยอ่อนโยน และไม่อิจฉาริษยาใคร หน่วยอวี้จะช่วยองค์ชายสามขึ้นครองบัลลังก์สืบทอดราชสมบัติได้อย่างแน่นอนเพคะ”
“สุดท้ายใครที่จะขึ้นครองบัลลังก์ก็ให้มันเป็นเรื่องของท่านพ่อข้า วันนี้ตัวข้าจะมีโอกาสได้เป็นจักรพรรดิหรือไม่ขึ้นอยู่กับท่านพ่อจะเห็นสมควร เจ้าอย่าพูดจาซี้ซั้วออกมาแบบนี้อีก หากเรื่องเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ข้าจะไม่ถูกคนอื่นเอาไปพูดนินจาทีหลังอย่างนั้นหรือ?” ฉีเฉิงเฟิงพูดออกมา
“งั้น… หน่วนอวี้จะสงบปากเพคะ” หลังจากพูดออกมาซูหวานหว่านก็เห็นว่าเฉียวหน่วนอวี้นั้นยืนขึ้นและเดินไปที่เตียงพร้อมกับพูดว่า “องค์ชายสาม คืนนี้หน่วนอวี้สามารถนอนกับองค์ชายสามเพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่ท่านได้หรือไม่เพคะ?”
หลังจากได้ยินแบบนี้ ซูหวานหว่านที่ยืนอยู่นอกประตูก็รู้สึกกระสับกระส่ายไปมา ใคร ๆ ต่างบอกว่าเฉียวหน่วนอวี้ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉียว เป็นกุลสตรีอ่อนโยน น่ารัก ใจกว้างและสง่างาม ไร้เดียงสาราวกับนางฟ้าที่ตกลงสู่โลกมนุษย์ แต่นางดูเหมือนผู้หญิงอย่างว่ามากกว่านะ?
“คุณหนูเฉียว ในอีกไม่กี่วันเจ้าก็จะได้มอบความอบอุ่นแก่ข้าในฐานะถูกต้องและเหมาะสม แต่ว่าในตอนนี้… มันยังไม่ถึงเวลาเจ้าควรที่จะให้เกียรติตัวเองแล้วเดินออกไปเสีย เจ้าไม่ควรทำแบบนี้ มันอาจจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของราชวงศ์ของพวกเรา” ฉีเฉิงเฟิงพูดออกมาพร้อมกับจับมือเฉียวหน่วนอวี้ ชายหนุ่มค่อย ๆ ลุกจากเตียงและเดินไปที่ประตู “เชิญ”
เมื่อเห็นแบบนี้ซูหวานหว่านก็กระโดดขึ้นไปบนคานเพื่อซ่อนตัว นางเห็นเฉียวหน่วนอวี้นั้นซบลงไปที่อกของชายหนุ่มพร้อมกับกอดเขาเอาไว้ “องค์ชายสามเพคะ หน่วนอวี้ผู้นี้ชอบองค์ชายสามจริง ๆ ได้โปรดองค์ชายสาม…”
ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกร้อนไปทั้งตัว ส่วนมือเย็นของเฉียวหน่วนอวี้ที่ลูบไล้ไปทั่วหน้าอกของเขาอยู่ก็ทำให้เขารู้สึกสบายตัวขึ้น ทันใดนั้นฉีเฉิงเฟิงก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ว่าเฉียวหน่วนอวี้ได้ชงชาให้เขาดื่ม! แสดงว่าในน้ำชา…จะต้องใส่ยาลงไปอย่างแน่ ๆ!
“เฉียวหน่วนอวี้ เจ้ารีบร้อนขนาดนั้นเลยหรือ?” ฉีเฉิงเฟิงก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและจับมือเฉียวหน่วนอวี้กดเข้ากับกำแพงห้อง ซูหวานหว่านคิดว่าอาจจะมีภาพบางอย่างเกิดขึ้น แต่ก็เห็นฉีเฉิงเฟิงตบไปที่หลังคอของเฉียวหน่วนอวี้ทำให้นางหมดสติไปทันที เขาปล่อยตัวเฉียวหน่วนอวี้นอนลงไปที่พื้นและเรียกองครักษ์ออกมา “พาตัวนางไปที่หอนางโลม และหาคนมาสามคนเพื่อปรนเปรอความใคร่ของนางซะ! แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยพาตัวนางกลับไปที่วัง”
ซูหวานหว่านตกใจสะดุ้งเฮือก นางไม่คิดเลยว่าฉีเฉิงเฟิงจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ ส่งหญิงสาวของเขาไปเป็นของเล่นของผู้อื่น!
“องค์ชายสาม มัน…จะไม่ดีนะขอรับ? หญิงคนนี้จะต้องมาปรนนิบัติรับใช้องค์ชายในอนาคต หากตัวของนางไม่บริสุทธิ์แล้วจะทำอย่างไร?” องครักษ์ถามออกมา
“นางไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์นานแล้ว เพราะนางมีความทะเยอทะยานเป็นอย่างมากที่จะแต่งงานกับข้า นี่อาจเป็นแผนการของนางที่เตรียมเอาไว้! ไม่เช่นนั้นคนที่มีความทะเยอทะยานสูงอย่างนางคงจะเข้าไปในวังในฐานะเป็นนางสนมมากกว่าที่จะเป็นภรรยาของข้า” ฉีเฉิงเฟิงพูดออกมาขณะที่สัมผัสค้นตัวของเฉียวหน่วนอวี้ แล้วหยิบเลือดไก่ที่นางซ่อนเอาไว้ออกมา ปากพูดด้วยรอยยิ้มประชดประชันว่า “ดูสิ นางเตรียมพร้อมมาอย่างดี นี่เป็นเลือดบริสุทธิ์ของนางอย่างงั้นหรือ?”
ฉีเฉิงเฟิงเป็นคนฉลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน เหมือนกับเชอร์ล็อคโฮล์มส์อย่างไรอย่างนั้น ซูหวานหว่านตกใจเมื่อเห็นฉีเฉิงเฟิงค่อย ๆ เดินไปที่เตียง เขาพยายามควบคุมร่างกายที่ร้อนรุ่มของตัวเอง ซูหวานหว่านได้ยินเสียงพูดขึ้นมาว่า “รีบพาตัวนางออกไป! อย่างไรก็ตาม… ไปสืบประวัติของนางมา! ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดตระกูลเฉียวถึงอยากที่จะให้ลูกสาวของตนเองมาแต่งงานกับข้านัก!”
“ขอรับองค์ชาย” ชายผู้นั้นยกร่างเฉียวหน่วนอวี้ขึ้นบ่า กระโดดลงออกไปจากทางหน้าต่าง และกระโดดขึ้นไปตามหลังคา เหาะตัวกระโดดข้ามไปอีกบ้านจนมองไม่เห็นเงาของชายคนนั้น
ซูหวานหว่านที่มึนงงขณะยืนอยู่บนคานของโรงเตี๊ยม วันนี้นางได้มาที่นี่และเห็นเหตุการณ์แบบนี้ก็เลยรู้สึกว่ามันช่างซับซ้อน จิตใจของคนเรานั้นช่างยากแท้หยั่งถึงนัก ไม่ว่าจะเป็นคุณชาย ไม่ว่าจะเป็นคนรวย ต่อหน้าก็มีรูปลักษณ์ที่ดูดีต่าง ๆ นานาแต่ใครจะรู้ว่ามีเบื้องหลังและเรื่องบางอย่างซ่อนเร้นเอาไว้อยู่กันทั้งนั้น!
แม้แต่เฉียวหน่วนอวี้ที่ดูเหมือนจะเป็นคุณหนูผู้สูงส่ง บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา อ่อนโยน ที่แท้ก็วางแผนสร้างภาพขึ้นมาล้วน ๆ!
เมืองหลวงนี้ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว! ซูหวานหว่านก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย หากไม่ใช่เพราะว่านางต้องการเพิ่มคะแนน นางคงจะไม่มาที่เมืองหลวงนี้เด็ดขาด!
วันนี้…
เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมาในวันนี้ ซูหวานหว่านก็ส่ายหัว นางต้องการคะแนนแต่นางอาจจะตกเป็นของฉีเฉิงเฟิง! และในตอนนี้ฉีเฉิงเฟิงก็ดูเหมือนกินยาอะไรเข้าไปสักอย่าง!
ซูหวานหว่านกระโดดลงจากคานหลังคาเพื่อเดินออกไป แต่นางก็ได้ยินเสียงจากภายในห้องว่า “อะไรกัน? เจ้าเฝ้าดูข้ามานานมากแล้วไม่ใช่หรือ ไม่คิดที่จะออกมาพูดทักทายกันก่อนไปหรืออย่างไรกัน?”
ว่าอย่างไรนะ นางโดนจับได้แล้วเหรอเนี่ย? ซูหวานหว่านตกใจเมื่อเห็นว่าฉีเฉิงเฟิงรู้ตัวแล้ว!
นางโดนจับได้แล้ว นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้อง…
ซูหวานหว่านกำลังจะเดินเข้าไป แต่เมื่อนางมองผ่านรูกระดาษประตูที่เพิ่งเจาะไปเมื่อกี้ นางก็เห็นชายร่างเตี้ยที่ถือมีดอยู่ในมือแล้วพูดออกมาว่า “องค์ชายสามช่างหูดีเสียจริง”
“เฮอะ” ฉีเฉิงเฟิงสูดลมหายใจอย่างเย็นชา “ข้าได้ยินมาว่าคนที่เป็นนักฆ่ามาจากเจียงหูสามารถฆ่าคนได้รวดเร็วภายในพริบตาใช่หรือไม่?”
“ปรากฏว่าองค์ชายสามไม่เพียงแค่หูดีเท่านั้นแต่ยังมีสายตาเฉียบแหลมอีกต่างหาก!” ชายผู้นั้นเอ่ยยกย่องออกมา ทันใดนั้นก็หยิบมีดขึ้นมาหวังจะแทงเข้าไปที่ตัวของฉีเฉิงเฟิง!
แต่ว่าภายในตัวของฉีเฉิงเฟิงตอนนี้เขานั้นถูกวางยาอยู่ ร่างกายของเขาในตอนนี้จึงอ่อนแอมากและไม่สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน เขานอนกลิ้งตัวไปอีกฝั่งบนเตียงเพื่อหลบคมมีด “องค์ชายสาม! เจ้าหยุดคิดจะหนีดีกว่า เพราะว่าเจ้าได้ส่งองครักษ์มือดีของเจ้าออกไปแล้ว ในตอนนี้มีเพียงเจ้าและข้าสองคนที่อยู่ภายในห้องนี้ หากเจ้ายอมให้ความร่วมมือกับข้าดี ๆ เจ้าอาจจะตายเป็นศพที่สวยงามก็ได้”
ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาว่า “เจ้าต้องการเงินเท่าไร?”
“ไม่มีจำนวนเงินใดเทียบได้กับชีวิตขององค์ชายสามหรอก!” นักฆ่าคนนั้นคว้ามีดในมือของตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็วอีกครั้งราวกับสายฟ้า หมายแทงไปที่คอของฉีเฉิงเฟิง!
ฉีเฉิงเฟิงคิดว่าเขาอาจจะต้องตายแล้ว แต่ว่าชั่วขณะนั้นนักฆ่าคนกลับเบิกตากว้าง มีดที่ถืออยู่ในมือก็ร่วงหล่นลงบนพื้น
ฉีเฉิงเฟิงพลันเห็นว่านักฆ่าคนนั้นมีเข็มเงินยาวปักติดอยู่ด้านหลัง เข็มเล่มนั้นส่องแสงแวววับ ทำให้ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกประหลาดใจ ด้วยคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีบุคคลที่สามอยู่ภายในห้องนี้ด้วย!
หลังจากที่คิดออกมาดีแล้ว เขาก็กล่าวออกมาว่า “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตของข้าเอาไว้”
กล่าวจบ เข็มเงินก็แทงที่หน้าอกของเขาทันที!