—ช่วงกลางวัน ณ ร้านแฮมเบอร์เกอร์ที่เราอยู่ตอนนี้บรรยากาศค่อนข้างแออัด ริโกะดูเหมือนจะไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรและมองมาที่ผมด้วยสายตาคาดหวัง
ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่าเธอกำลังแอบขอความช่วยเหลืออย่างลับๆอยู่
ไม่เคยมีใครเชื่อใจผมแบบนี้มาก่อนเลย มันมีความสุขจริงๆ การมีผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่ชอบอยู่ด้วย ทำให้ไม่อยากทำลายความไว้วางใจที่เธอมี
เพื่อไม่ให้ริโกะรู้สึกอึดอัดไปมากกว่านี้
….ไปหาที่นั่งกันก่อน
ผมมองไปรอบๆร้านอาหาร โชคดีที่พบโต๊ะว่างสำหรับนั่งสองคนอยู่พอดี ผมบอกให้เธอนั่งรอตรงนั้นสักครู่พร้อมเอากระเป๋าสตางค์วางไว้บนโต๊ะ
======
“ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ..”
“……”
“มีอะไรผิดปกติ รึเปล่า..?…”
“อ๊ะ…อา..อึม คุณมืนาโตะดูเท่ห์มากเลย เหมือนเจ้าชายสุดๆเลยค่ะ!!”
“ห๋า?…เจ้าชาย!”
ผมตะลึงจนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เธอเห็นอะไรในตัวผมที่ทำให้เธอพูดคำว่า “เจ้าชาย”
เป็นความจริงที่ผมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ทำให้ริโกะผิดหวัง แต่ไม่คิดว่าจะพูดมาขนาดนี้ ผมแทบจะเก็บอาการไม่อยู่แล้ว
ต้องแสร้งทำเป็นใจเย็นที่สุด….
“เอ่อ…ผมคิดว่าทำแบบนี้เป็นเรื่องปกตินะครับ”
“ไม่…ถ้าเกิดฉันอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆเลย ฮิฮิ..ฉันดีใจที่วันนี้ได้เห็นสิ่งดีๆจากคุณมินาโตะเยอะเลย”
“…..”
“คุณดูเท่ห์เสมอ มัน…ทำให้ฉันประหม่าทุกครั้ง…”
ได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่หัวใจจะเต้นเร็วกว่าปกติเมื่อริโกะพูดออกมา ถ้าผมไม่ทำอะไรต่อไปละก็เธออาจสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆของผม
จะให้เธอเห็นพฤติกรรมที่เลวร้ายเเบบนี้ไม่ได้..
ผมกระแอมอย่างลุกลี้ลุกลนแล้วรีบแนะนำให้เราไปต่อคิวที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินเพื่อดูเมนู ผมถามเธอว่าต้องการสั่งอะไร เธอตอบกลับมาเพียงว่า”ฉันต้องการแบบเดียวกับที่คุณสั่ง”
ถึงคราวจะกิน บนโต๊ะมีเบอเกอร์พร้อมเฟรนช์ฟรายสำหรับสองคนซึ่งเป็นปกติที่ผมมักจะสั่ง
เรานั่งตรงข้ามกัน โต๊ะสำหรับสองคนนั้นเล็กมากจนเข่าของเราสัมผัสกัน
“…อ๊ะ!..ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไร..ค่ะ”
ด้วยการแลกเปลี่ยนคำพูดที่น่าอึดอัดใจนี้และมองหน้ากันอย่างเขินอาย ปกติแล้วเราเคยกินด้วยกันมาตลอด แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนที่ผ่านมา…
ต้องสงบลงก่อน…มันจะดูผิดธรรมชาติเกินไปเธอจะรับรู้ถึงความรู้สึกของผม
ในหัวมีแต่เรื่องแบบนี้เต็มไปหมด แต่ก็ไม่สามารถละสายตาจากเธอได้ เพราะทุกการกระทำการแสดงออกของเธอน่ารักเกินไป..
เธอยังคงลังเลจ้องมองเบอเกอร์ในมือและกระพิบตาซ้ำๆ
“คุณริโกะครับ…เป็นอะไรไป”
“ฉันว่า..บ-เบอร์เกอร์กินยาก..”
“อ่า..นั่นมันก็จริงครับ ถึงจะพยายามกินอย่างระมัดระวังแต่ก็ยังมีซอสติดปากอยู่ใช่มั้ย”
“ถ้าเกิดมีซอสติดปาก…มันคงจะน่าอายเกินกว่าที่คุณมินาโตะจะเห็นมัน..”
นี่สินะความในใจของผู้หญิง?
“ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ดูสิมีกระดาษทิชชู่แล้ว อย่าคิดมากเลย นอกจากนี้ไม่ว่าซอสจะติดปากหรือกินแฮมเบอร์เกอร์คำโต มันน่ารักเสมอผมไม่คิดว่าเรื่องนี้ไม่เห็นต้องกังวลเลย..”
ผมไม่รู้ว่าที่พูดไปจะเปลี่ยนแปลงความคิดเธอได้รึเปล่า แต่ก็หวังว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย จึงตัดสินใจบอกไปอย่างตรงไปตรงมาว่าผมคิดอย่างไร
ทันทีหลังจากนั้นใบหน้าของริโกะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด
“คุณมินาโตะ…ม..เมื่อกี้คุณบอกว่าฉันน่ารัก”
“อา..!!”
ชิบหายแล้ว…
ริโกะตัวเเข็งหันไปมาอย่างกระสับกระส่ายและพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเอง
“ค-คุณริโกะครับ…”
ผมเรียกเธอออกไปอย่างลังเล แต่ริโกะยังคงหน้าแดงและบ่นกับตัวเองไม่หยุด
“ฉันจะบันทึกสิ่งที่คุณพูดในวันนี้ ไว้ในส่วนลึกของฉันเลยค่ะ…”
เอ๊….ทำไม?
“คุณไม่เคยถูกชมว่าน่ารักเลยเหรอครับ..”
“ฉันพึ่งได้ยินคุณมินาโตะบอกว่าน่ารักครั้งเเรกเลย”
“คนอื่นเขาก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้นล่ะครับ”
“คนอื่น…สำหรับฉันแล้วมันไม่มีความหมาย”
ริโกะอ้าปากค้าง ผมไม่รู้ทำไมเธอถึงพูดแบบนั้น ถ้าในอนาคตทุกครั้งที่ผมคิดว่าริโกะน่ารักแล้ว ผมไม่อายที่จะพูดออกมาดังๆ มันจะทำให้เธอมีความสุขได้มั้ย…
จบ!!!!