ตอนที่ 1960 อวิ๋นเยว่ชิง (2)
ป่าบททดสอบสวรรค์
ป่าลึกภายในหุบเขามีสตรีผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่ ชุดสีขาวของนางปลิวไปตามสายลม ตรงกันข้ามกับความโหดร้ายอย่างไม่แยแสของอวิ๋นลั่วเฟิง สตรีผู้นี้มีคุณสมบัติแบบสูงส่งเหนือโลกีย์มากกว่า
ทันใดนั้นกลิ่นอายทรงอำนาจก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าทำให้นางลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประกายเย็นชาพาดผ่านดวงตาของนางขณะที่นางจ้องมองเจ้าของกลิ่นอายน่าขนลุกบนฟ้า “ในเมื่อเจ้าหาที่นี่เจอแล้วเหตุใดยังซ่อนตัวอยู่อีก ออกมาได้แล้ว”
บนท้องฟ้าปรากฏร่างของสตรีผู้หนึ่งในชุดกระโปรงยาวแขนกว้างสีเขียว
ใบหน้าของสตรีผู้นั้นแสดงความดูถูกขณะที่ก้มลงมองสตรีในชุดขาวด้านล่างอย่างหยิ่งยโสก่อนมุมปากของนางจะยกขึ้นเล็กน้อย “อวิ๋นเยว่ชิง ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาซ่อนตัวอยู่ในป่าบททดสอบสวรรค์ การที่ประมุขของพวกเราชอบเจ้าก็นับว่าเป็นโชคดีของเจ้าแล้ว! เจ้าอย่ามาทำตัวอวดดี! ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ามีเสน่ห์อะไรจนทำให้ท่านประมุขลุ่มหลงในตัวเจ้ากัน! ”
อวิ๋นเยว่ชิงทำหน้านิ่ง “ข้าไม่ได้รักเขา เรื่องก็ง่ายๆ อย่างนั้นเอง”
ความจริงนางก็ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงไม่รู้สึกสนใจบุรุษคนใดเลย ราวกับว่ามีคนบางคนซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจนาง แต่ว่าไม่ว่านางจะพยายามขนาดไหน นางก็นึกใบหน้าของชายคนนั้นไม่ออก ในสมองนางมีแต่ความทรงจำอันพร่ามัวเท่านั้น
“อวิ๋นเยว่ชิง! ” สตรีในชุดสีเขียวตัวสั่นด้วยความโกรธ “ฮึ่ม! ข้ามาหาเจ้าเพราะเรื่องอื่น! ข้าจำได้ว่าก่อนที่อาจารย์จะตาย เขามอบตราประทับไว้ให้เจ้า เอาตราประทับมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ”
อวิ๋นเยว่ชิงยืนขึ้นจากพื้นช้าๆ ชุดสีขาวทำให้นางดูราวกับเทพเซียน สีหน้าของนางสงบนิ่งมาก ไม่มีแม้แต่ความสั่นไหวในดวงตา
“อาณาจักรทั้งสี่ควบคุมแคว้นเฟิงอวิ๋นแล้วบังคับให้ผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ทุกคนเข้าร่วมอาณาจักรเหล่านี้ อาจารย์จึงก่อตั้งสำนักอิสระขึ้นมาเพื่อปกป้องคนที่ไม่ยอมเข้าร่วมกับราชวงศ์! …
…แต่ว่า หลังจากที่อาจารย์เสียชีวิต เจ้าก็ทำตัวต่อต้านปณิธานของเขาแล้วอยากรวบรวมแคว้นเฟิงอวิ๋น! แล้วเจ้าจะต่างอะไรกับอาณาจักรทั้งสี่พวกนั้นล่ะ”
เสียงของอวิ๋นเยว่ชิงทรงพลังมากขณะที่นางเดินเข้าไปใกล้สตรีในชุดเขียวมากขึ้น “เพราะว่าข้าไม่ยอมลงไปทำเรื่องชั่วช้ากับเจ้า เจ้าก็เลยตั้งใจจะสังหารข้า! อีกทั้งเจ้ายังจะยืนกรานว่าเขารักข้าอีกหรือ”
สามปีที่แล้ว นางทิ้งศิษย์ของนางไว้แล้วมาที่ป่าบททดสอบสวรรค์เพื่อตามหาสมุนไพร แต่ว่าหลังจากที่นางหาสมุนไพรเจอแล้วก็มีคนส่งจดหมายมาว่า อาจารย์ป่วยหนักต้องการให้นางกลับไปที่สำนัก ใครจะไปคิดว่าจะมีอันตรายรอนางอยู่!
ก่อนที่อาจารย์จะเสีย เขาได้มอบตราประทับให้นาง ตอนแรกนางไม่รู้ว่าประมุขคนปัจจุบันหรือศิษย์พี่ของนางมีความทะเยอทะยานราวกับหมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่อง เพื่อที่จะได้ตราประทับเขาก็วางยาพิษนางอย่างไร้คุณธรรม! พวกเขาฉวยโอกาสที่นางโดนพิษทำให้นางบาดเจ็บหนัก นางทุ่มสุดตัวแล้วหนีออกมาจากสำนักได้ สุดท้ายนางจึงกลับมาที่ป่าทดสอบสวรรค์เพื่อฟื้นฟู
“อวิ๋นเยว่ชิง เจ้าไม่มีทางเลือก ข้ามาตามคำสั่งของท่านประมุขให้มาเอาตราประทับกลับไป”
สตรีในชุดเขียวเชิดหน้าอย่างยโสแล้วพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ท่านประมุขก็รักเจ้าจริงๆ ถ้าเจ้าแค่มอบตราประทับมา ท่านประมุขก็จะไม่ทำร้ายเจ้าแล้วมอบยาถอนพิษให้! น่าเสียดายที่เจ้าขัดขืน! ท่านประมุขเป็นศิษย์ผู้อาวุโสที่สุดของอาจารย์ ดังนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะได้สืบทอดสำนัก! เจ้ามันคนไม่มีค่าที่พึ่งเข้ามาอยู่ในสำนักแค่สิบกว่าปี! เหตุใดเจ้าถึงจะได้ครอบครองสำนักเล่า”
อวิ๋นเยว่ชิงหัวเราะเบาๆ “ข้าอาจจะไม่รู้ว่าความชอบคืออะไร แต่ข้ารู้ว่าการชอบใครสักคนหมายถึงยินดียกทุกสิ่งให้คนคนนั้น พวกเขาไม่มีทางทำร้ายคนที่พวกเขาชอบแน่นอน เขาก็แค่อยากครอบครองข้าเท่านั้น เขาไม่ได้ชอบข้าหรอก”
ตอนที่ 1961 อวิ๋นเยว่ชิง (3)
ราวกับว่าครั้งหนึ่งเคยมีบุรุษที่รักนางจริงๆ ! เขารักนางมากกว่าชีวิตของเขาเสียอีก!
เหตุใดนางถึงนึกไม่ออกกันนะ
อวิ๋นเยว่ชิงนวดหน้าผากที่ปวดหนึบของนางแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยจนดูน่าสงสาร
สตรีชุดเขียวกัดฟัน นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่านังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่มีอะไรดีนักหนา เหตุใดท่านประมุขถึงชอบนางนัก สตรีหยาบคายอย่างนางไม่คู่ควรกับความชอบของท่านประมุขเลยแม้แต่น้อย!
“อวิ๋นเยว่ชิง ถ้าเจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมมอบตราประทับมาให้ ก็อย่าโทษว่าข้าไร้มารยาท!” สตรีชุดเขียวส่งเสียงขึ้นจมูก
อวิ๋นเยว่ชิงเก่งกาจที่สุดในบรรดาผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์ทั้งหมด ไม่มีใครเอาชนะนางได้ทำให้ชื่อเสียงของนางเป็นที่เลื่องลือภายในแคว้น แต่ว่าอาการบาดเจ็บร้ายแรงของอวิ๋นเยว่ชิงยังไม่หายดีดังนั้นอวิ๋นเยว่ชิงจะสู้กับนางได้อย่างไร
ตูม!
เมื่อเห็นสตรีในชุดสีเขียวลงมือ กลิ่นอายของอวิ๋นเยว่ชิงก็พุ่งออกจากร่างของนาง สายตาของนางเย็นชาและคมกริบราวกับกระบี่ นางใช้อำนาจกดดันสตรีชุดเขียวอย่างหนักจนทำให้อีกฝ่ายหายใจไม่ออก ความตื่นตระหนกกระแทกเข้าสู่หัวใจของสตรีชุดเขียว
นางบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือ กลิ่นอายทรงพลังของนางมาจากไหนกัน
“หลั่งซินเยว่ เจ้าคิดจริงๆ หรือว่า เจ้าจะสามารถทำอะไรก็ได้แค่เพราะข้าบาดเจ็บหนัก เมื่อก่อน ข้า อวิ๋นเยว่ชิงสามารถเอาชนะผู้ฝึกฌานขั้นเซียนสวรรค์หลายสิบคนด้วยพลังกำลังเพียงอย่างเดียว! ข้าจำเป็นต้องออกแรงเพื่อจัดการกับคนไร้ค่าอย่างเจ้าด้วยหรือ” ริมฝีปากของอวิ๋นเยว่ชิงยกขึ้นเล็กน้อยขณะที่นางมองหลั่วซินเยว่อย่างเย็นชา
ดวงตาของหลั่งซินเยว่ฉายแววหวาดหวั่น “เจ้า…”
ไม่เป็นอะไรเลยหรือ
“ถ้าเจ้าอยากรู้ว่าข้ายังมีพลังเหมือนก่อนหน้านี้หรือไม่ เจ้าก็ลองทดสอบดูสิ! ถ้าเจ้าไม่วางยาพิษข้า ข้าก็คงไม่กลัวแม้จะต้องต่อกรกับเจ้าเป็นร้อยคนพร้อมกัน!” อวิ๋นเยว่ชิงก้าวเข้าไปใกล้หลั่งซินเยว่มากขึ้น
หลั่งซินเยว่ถอยหลังไป นางเคยเป็นคนรอบคอบจึงไม่กล้าลงมือก่อนที่จะรู้ว่าอวิ๋นเยว่ชิงฟื้นร่างกายหรือยัง
แต่ว่านางก็ไม่ยอมเป็นคนอ่อนแอและยอมอ่อนข้อให้ ดังนั้นนางจึงกัดปาดแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ารับศิษย์คนหนึ่งในอาณาจักรหลิวเฟิง ถ้าสองสามปีที่แล้วท่านประมุขให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และไม่ต้องคอยปลอบพวกตาแก่ในสำนักล่ะก็ เขาคงไปสร้างปัญหาให้ศิษย์ของเจ้าตั้งนานแล้ว!”
ประกายเย็นเยียบปรากฏขึ้นในนัยน์ตาของอวิ๋นเยว่ชิง และกลิ่นอายสังหารก็แผ่กระจายออกมา
“แต่ว่า…” หลั่งซินเยว่หัวเราะเบาๆ อย่างเย็นชา “ข้าไม่คิดมากที่จะบอกอะไรเจ้าเรื่องหนึ่ง ไม่นานมานี้อาณาจักรทั้งสี่ได้วางแผนจะเลือกอัจฉริยะสักคนขึ้นมาเป็นผู้นำของอาณาจักรทั้งสี่”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นชะงักแล้วมองหลั่งซินเยว่อย่างเย็นชาเพื่อรอให้นางพูดต่อ
“และก่อนหน้าท่านประมุขก็ได้ไปหาจักรพรรดิอาณาจักรจินหยาง เฉิงเฟยหยางแล้วบอกให้เขาใช้ป่าบททดสอบสวรรค์เป็นสนามการประลอง อีกไม่นานอัจฉริยะของทุกอาณาจักรก็จะมาที่นี่!” หลั่งซินเยว่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “จากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือก็บอกให้รู้ว่าศิษย์เจ้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน”
อวิ๋นนเยว่ชิงหรี่ตาเล็กน้อยแล้วกำหมัดแน่น
“แล้วป่าบททดสอบสวรรค์ก็จะกลายเป็นทุ่งฝังศพของพวกเขา!”
อวิ๋นเยว่ชิงมองหลั่งซินเยว่อย่างเย็นชา “เจ้าบอกว่าเฉิงเฟยหยางวางแผนกับพวกเจ้างั้นหรือ เรื่องนี้จะมีประโยชน์กับเขาอย่างไร”
“แน่นอนว่าต้องมีประโยชน์กับเขาอยู่แล้ว! ท่านประมุขสัญญากับเฉิงเฟยหยางว่า เขาจะช่วยอีกฝ่ายเลื่อนระดับความแข็งแกร่งขึ้นเป็นขั้นเซียนอาวุโส! เจ้าควรจะรู้ไว้ว่าอาจารย์มีวิชาลับที่สามารถทำให้คนไปถึงขั้นเซียนอาวุโสอย่างรวดเร็ว แต่วิชาลับนี้ก็มีผลสะท้อนกลับ คนที่ได้รับวิชานี้ไปจะค่อยๆ ตายไปอย่างช้าๆ ภายในสองสามปี! …
…ที่น่าขันก็คือไอ้โง่เฉิงเฟยหยางเชื่อมั่นโดยไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ตอนที่ท่านประมุขใช้วิชากับใครสักคนต่อหน้าเขา! แต่ว่าท่านประมุขหลอกเขาแล้วบอกว่าเป้าหมายของสำนักอิสระมีแค่คนจากอาณาจักรหลิวเฟิง ในฐานะคู่หมั้นขององค์หญิงอาณาจักรหลิวเฟิง ฉีซูจึงเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน ส่วนเรื่องการเลือกผู้นำของทั้งสี่อาณาจักร สำนักอิสระของพวกเราจะไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง!”