บทที่ 441 อย่าลืมสิ่งที่เจ้าสัญญาไว้
เมื่อฟังคำตอบของทุกคน สีหน้าของเซียวอี้หลินก็ไม่สู้ดีนัก
“เห็นไหม ทุกคนต่างไม่คิดว่าสิ่งที่ข้าทำนั้นผิดอะไร แต่เป็นการกระทำของเซียวอ๋องต่างหากที่ทำตัวไม่สมกับเป็นอ๋อง”
เมื่อเห็นเหล่าเสนาบดีเบื้องล่างเริ่มเอะอะกันขึ้นมา ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนของเซียวชวี่เฟิงพลันกลายเป็นเขียวคล้ำ
“พอได้แล้ว”
เสียงของเซียวชวี่เฟิงนั้นไม่ได้ดังนัก แต่ทุกคนกลับได้ยินเขาอย่างชัดเจน พวกเขาเผลอมองไปยังต้นเสียง เมื่อเห็นสีหน้าอันบูดบึ้งของเซียวชวี่เฟิง จึงเงียบเสียงลงในทันที ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยอะไรขึ้นมาอีก
“ฝ่าบาท โปรดประทานอภัยให้พวกกระหม่อมด้วยพะย่ะค่ะ”
เซียวชวี่เฟิงมองเซียวอี้หลิน “เทียนช่าง จัดการตามที่เจ้าเห็นสมควร” แรกเริ่มเดิมทีนั้นเขาอยากจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้ แต่ดูเหมือนตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นแล้ว
คิ้วของเฉียวเทียนช่างกระตุก เขากำลังรอคำพูดนี้อยู่
“พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอี้หลินมองเซียวชวี่เฟิง ใบหน้าของเขาน่าเกลียดมาก นั่นคือสีหน้าแห่งความโกรธเกรี้ยวยามเขามองเซียวชวี่เฟิง
สำหรับเซียวอี้หลินแล้ว การตัดสินเช่นนั้นเท่ากับต่อต้านและตบหน้าเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย
หลังการประชุมในราชสำนักเสร็จสิ้นลง เซียวอี้หลินจึงมองเฉียวเทียนช่างที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าจะล้มจวนตระกูลเซียวได้หรือ อ่อนหัดนัก”
“จะอ่อนหัดหรือไม่นั้น ท่านรอดูเอาเองก็แล้วกัน” เฉียวเทียนช่างเอ่ยขึ้นและเดินจากไปโดยไม่หันหน้ากลับมา
หนิงเมิ่งเหยาเอนกายอยู่บนตักของเฉียวเทียนช่าง เมื่อได้ฟังสิ่งที่เขาเล่า นางก็เยาะขึ้น “เทียนช่าง เจ้าคิดว่าเซียวอี้หลินยังมีเครื่องต่อรองอย่างอื่นอยู่อีกหรือ” เขาคงไม่แสดงท่าทีเช่นนั้นแน่ถ้าหากตนไม่มีเรื่องใดให้ใช้ต่อรองได้อีก
เขากล้าเผชิญหน้ากับฮ่องเต้ท่ามกลางสายตาของเสนาบดีมากหน้าหลายตา มิหนำซ้ำความผิดที่ถูกกล่าวหานั้นก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเสียด้วย ทว่าเซียวชวี่เฟิงกลับไม่ลงมือทำอะไรและยังส่งเรื่องต่อมาให้พวกเขาจัดการแทน
นอกเหนือจากอยากรักษาหน้าให้พวกเขาแล้ว มันจะต้องมีสาเหตุอื่นรวมอยู่ด้วยแน่
เฉียวเทียนช่างขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าเพียงแค่คาดเดาเท่านั้น” หนิงเมิ่งเหยาลูบจมูก นางกล่าวขึ้นอย่างเขินๆ
เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปสัมผัสแก้มกลมๆ ของหนิงเมิ่งเหยา ที่มุมปากของเขามีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏอยู่ “บางทีเจ้าอาจจะเดาถูก”
หนิงเมิ่งเหยากะพริบตา นางมองเฉียวเทียนช่างอย่างสับสน “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ไม่มีอะไรหรอก หน้าที่ของเจ้าในตอนนี้คือการดูแลตัวเองและลูกให้ดี เรื่องอื่นๆ นั้นปล่อยให้ข้าจัดการก็แล้วกัน” คำพูดเพียงประโยคเดียวที่เขาบอกให้นางยกปัญหาให้ตนจัดการนั้นนับว่าเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับหนิงเมิ่งเหยา
หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะเบาๆ ก่อนพยักหน้า “เอาล่ะ ข้าจะรอดู”
“อืม”
หลังจากเซียวอี้หลินกลับไปยังจวนตระกูลเซียว เขาจัดการออกคำสั่งเป็นชุด
ในขณะนั้น ชั้นหนังสือภายในห้องหนังสือเคลื่อนตัวไปด้านข้าง มีคนรูปร่างอัปลักษณ์ผู้หนึ่งเดินออกมา หากหนิงเมิ่งเหยาและพรรคพวกเห็นเขาเข้า พวกเขาจะต้องจำได้แน่นอนว่าคนผู้น้ันคือหนานกงเยว่
เมื่อเซียวอี้หลินเห็นหนานกงเยว่เดินออกมา สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด
“ดูเหมือนเซียวอ๋องจะตัดสินใจได้แล้ว” หนานกงเยว่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าพระพักตร์แล้ว
เซียวอี้หลินมองหนานกงเยว่อย่างเย็นชา สีหน้าของเขาโหดเหี้ยม “ข้าหวังว่าองค์ชายหนานกงคงจะสามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับอ๋องผู้นี้ได้”
“แน่นอนอยู่แล้ว” หนานกงเยว่เลิกคิ้วและเผยรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นช่างดูมีพิรุธ ทว่าเซียวอี้หลินไม่ทันสังเกตเห็นมัน หลังจากเซียวอ๋องหักมือเท้าของเซียวจื่อเซวียนไป มีคนจำนวนไม่น้อยภายในจวนตระกูลหลิงเริ่มหาประโยชน์จากสถานการณ์นั้น หากไม่ใช่เพราะทรัพย์สินของนางมีมากพอ ป่านนี้นางคงเหลือแต่ตัวเป็นแน่
อันที่จริงคนที่คอยรับใช้เซียวจื่อเซวียนนั้นเป็นข้ารับใช้ที่พร้อมถวายชีวิตให้กับนางได้ แต่หลังจากโดนนางทรมาน ในไม่ช้าความอดทนที่พวกนางมีก็หมดลงอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างถูกเซียวจื่อเซวียนขึ้นเสียงใส่ มิหนำซ้ำนางยังสั่งให้ข้ารับใช้หลายคนรุมทำร้ายพวกนางด้วย หากข้ารับใช้ไม่ทำ องครักษ์ลับจะเป็นผู้ลงมือเอง
พวกนางขัดขืนได้แค่ครั้งสองครั้งแรก แต่เมื่อเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นหลายครั้งเข้า พวกนางก็รู้ว่ายิ่งตนไม่ยอมทำตาม เซียวจื่อเซวียนก็จะยิ่งทำให้ตนต้องทุกข์ทรมานมากขึ้นเท่านั้น
เพราะมีองครักษ์ลับ พวกนางจึงไม่กล้าทำตัวหยาบคายกับเซียวจื่อเซวียน ทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อการทำร้ายร่างกายของเซียวจื่อเซวียนต่อไป แต่มันถึงขีดจำกัดของพวกนางแล้ว
ในแต่ละวันพวกนางพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะไม่โผล่หน้าไปให้เซียวจื่อเซวียนเห็น แต่กระนั้นเซียวจื่อเซวียนก็ยังคอยคิดหาหนทางที่จะหาเรื่องพวกนางอยู่เสมอ
เมื่อหลิงหลัวเดินเข้ามา เขาได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างใน เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงนั้น
บทที่ 442 ไร้เหตุไร้ผล
เมื่อเห็นหลิงหลัวเข้ามา พวกนางก็รู้ว่าตัวเองคงรอดแล้ว
หลิงหลัวผลักประตูเข้าไป เขาเห็นเซียวจื่อเซวียนนั่งอยู่ มีองครักษ์ถือแส้หนามยืนอยู่ข้างๆ บนพื้นมีข้ารับใช้สองนางคุกเข่าอยู่ บนร่างของพวกนางมีบาดแผลโชกเลือด
ใบหน้าของพวกนางซีดเผือด พวกนางกำลังอดทนกับความเจ็บปวดนั้น
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกแปลกใจกับการมาของหลิงหลัว แต่นางไม่ได้สนใจ เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัว บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มประหลาดปรากฏอยู่ “ท่านมาทำอะไรที่นี่”
“เจ้าทำอะไรอยู่” เส้นเลือดที่หน้าผากของหลิงหลัวเต้นตุบๆ ในอดีตนั้นเซียวจื่อเซวียนไม่เคยทำตัวเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้นางกลายเป็นคนโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้แล้วจริง ๆ
“ข้าทำอะไรอยู่หรือ ข้าต้องขออนุญาตท่านเพื่อลงโทษข้ารับใช้ของตนด้วยหรือ” เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัวอย่างใจเย็น ในดวงตาของนางมีความเกลียดชังเข้ากระดูกดำอยูู่ภายใน
หลิงหลัวเริ่มรู้สึกปวดหัวขณะมองเซียวจื่อเซวียน “เจ้าเกลียดข้าหรือ”
“เหตุใดข้าจึงไม่ควรเกลียดเล่า” เซียวจื่อเซวียนเยาะขึ้นขณะมองหลิงหลัว
“ทำไมเจ้าจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้” หลิงหลัวรับความเปลี่ยนแปลงของเซียวจื่อเซวียนไม่ได้
เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัว “ข้าเป็นเช่นนี้ก็เพราะท่าน ที่ทุกวันนี้ข้าเป็นเช่นนี้ทั้งหมดมันก็เพราะท่าน หลิงหลัว ตอนนี้ท่านยังจะถามข้าอีกหรือว่าเหตุใดข้าจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้”
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกขบขันเมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิของหลิงหลัว ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมาติเตียนนางเช่นนี้ เขามีสิทธิ์อะไรถึงทำเช่นนั้นได้หรือ
“พวกนางเป็นผู้บริสุทธิ์”
“พวกนางเป็นผู้บริสุทธิ์รึ ลูกของข้าก็เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ” เซียวจื่อเซวียนขึ้นเสียงอย่างโกรธเกรี้ยวเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงหลัว นางมองหลิงหลัวด้วยความโกรธแค้น น้ำเสียงของนางแหบแห้ง แต่ทิ่มแทงเข้าไปในหู
หลิงหลัวขมวดคิ้วแน่น ถ้าเซียวจื่อเซวียนไม่ได้ส่งคนไปทำร้ายหนิงเมิ่งเหยา เขาก็จะอยู่กับนางต่อไป ทว่าตั้งแต่ลูกของพวกเขาตายจากไป นางก็ทำตัวไร้เหตุผลยิ่งนัก
“เซียวจื่อเซวียน ตอนนี้เจ้าไร้เหตุผลนัก ข้าจะหาทางรักษาเจ้า แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ลงมือทำอะไรพวกเขาอีก มันจะไม่เป็นผลดีต่อเจ้าเอง” คนพวกนั้นล้วนจงรักภักดีต่อเซียวจื่อเซวียน แต่พวกเขากลับลำทันทีหลังจากเห็นสิ่งที่เซียวจื่อเซวียนทำลงไป ในสายตาของสาวใช้เหล่านี้เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่ชัดเจนจนปิดไม่มิด
เซียวจื่อเซวียนมองหลิงหลัวแล้วหัวเราะออกมา “ข้าไม่ต้องการความรักอันจอมปลอมที่ท่านแสดงออกมา หลิงหลัว ข้าจะทำให้ท่านต้องเสียใจ”
หลิงหลัวนิ่วหน้าขณะมองเซียวจื่อเซวียน “เจ้าจะทำอะไร”
“ข้าจะทำอะไรน่ะหรือ เดี๋ยวท่านก็รู้” เซียวจื่อเซวียนหัวเราะ
ท่าทางที่นางแสดงออกมานั้นทำให้หลิงหลัวรู้สึกไม่สบายใจ เขาหรี่ตาลง สายตาที่มองไปยังเซียวจื่อเซวียนนั้นค่อยๆ เย็นชาขึ้นทีละน้อย
เมื่อหลิงหลัวกลับไป เขาสั่งคนให้คอยคุ้มกันอยู่ด้านนอกจวน และให้รายงานเขาทันทีหากมีความผิดปกติอันใดเกิดขึ้น คนที่หลบหนีออกมา ถูกเซียวจื่อเซวียนลงโทษอย่างรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะสาวใช้ทั้งสองคนที่อยู่ข้างกายนาง เมื่อเซียวจื่อเซวียนสั่งให้หยุด ทั่วร่างของข้ารับใช้ต่างเต็มไปด้วยบาดแผล แทบไม่มีที่ใดเลยที่ไร้ร่องรอยขีดข่วน
เซียวจื่อเซวียนมองพวกนางแล้วกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “เจ้าทุกคนเป็นคนของข้า นี่เป็นสิ่งที่เจ้าจะได้รับหากกล้าทรยศข้า”
วาจาของเซียวจื่อเซวียนทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านข้างหน้าถอดสี
“รับทราบเจ้าค่ะ”
เซียวจื่อเซวียนมองร่างที่กำลังลับตาไปของพวกนาง สายตาของนางเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ
หากนางไม่มีความสุข คนอื่นก็หยุดคิดเรื่องความสุขไปได้เลย
“แอบสืบสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจวนตระกูลหลิง รวบรวมหลักฐานแล้วปล่อยข่าวให้ถึงหูฮ่องเต้” เซียวจื่อเซวียนมองชายชุดดำที่ยืนอยู่ข้างกายแล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ขอรับ”
สองวันถัดมา เซียวชวี่เฟิงเรียกตัวเฉียวเทียนช่างและเซียวฉีเทียนเข้ามาที่วังหลวง เขาเอาสิ่งของหลายอย่างที่จู่ๆ ก็มาปรากฏอยู่บนโต๊ะของเขาอย่างลึกลับให้ทั้งสองคนดู
พวกเขารู้จักของพวกนี้เป็นอย่างดี แต่ไม่นึกว่าจะมีคนส่งมาให้เป็นหลักฐานจริงๆ เขาสงสัยนักว่าใครเป็นผู้ส่งมา
เฉียวเทียนช่างมองหลักฐานเหล่านั้นก่อนจมดิ่งสู่ภวังค์ความคิดของตน “ดูท่าจะมีใครบางคนต้องการให้ความซวยร่วงลงมาทับจวนตระกูลหลิง”
“นอกจากนั้น ยังมีนี่อีก” เซียวชวี่เฟิงหยิบเอาของอีกชิ้นขึ้นมา เฉียวเทียนช่างมีสีหน้าประหลาดใจ “จวนตระกูลเซียวหรือ”