ในยามที่ชายร่างใหญ่กำลังกระตุ้นสมบัติกระจกกวนอิม ได้ยินเสียงนี้ชั่วขณะนั้นพลันตกตะลึง จิตสัมผัสกวาดลงไปที่ไอสีดำด้านล่างอย่างรวดเร็ว
เสียงร้องเมื่อครู่คือเสียงของศิษย์ตระกูลไป๋คนหนึ่งที่เขาพามาด้วย
หากเป็นยามปกติจากพลังยุทธ์ของเขาย่อมตรวจสอบสถานการณ์ในเขตอาคมได้ภายในพริบตา แต่ยามนี้พลังยุทธ์ถูกจำกัด ประกอบกับมีพลังของเขตอาคมขวางเอาไว้ กลับไม่อาจมองเห็นสถานการณ์ในไอสีดำได้
แค่สัมผัสได้รางๆ ว่า กลิ่นอายของศิษย์หกคนที่อยู่ในเขตอาคมหายไปสายหนึ่ง
ภายใต้ความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวของชายร่างใหญ่ผมสีเหลือง ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง เสียงร้องอันน่าอนาถอีกสองเสียงก็ดังขึ้นในไอสีดำอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นกลิ่นอายของศิษย์ตระกูลไป๋สองคนก็สลายหายไป
“ท่านอาวุโสช่วยด้วย!”
เงาร่างคนสายหนึ่งพุ่งออกมาจากไอสีดำ ส่งเสียงร้องของศิษย์ตระกูลไป๋คนหนึ่งออกมา แล้วพุ่งไปหาองค์เทพมังกรไม้ที่อยู่ใกล้กับเขามากที่สุด
แต่ท่ามกลางทะเลเพลิง ต่อให้บินเต็มอัตรา ความเร็วจะเร็วแค่ไหนกัน
ส่วนองค์เทพมังกรไม้ก็หน้าเปลี่ยนสี ยิ่งอยู่นิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
ชายชราศิษย์ของตระกูลไป๋ผู้นี้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็มีสีหน้าสิ้นหวัง ยังไม่ได้ทันเอ่ยปากก่นด่าองค์เทพมังกรไม้ ก็บินออกไปจากไอสีดำ ลำแสงสีขาวบินมาถึง ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากพลังของทะเลเพลิงเลยสักนิด แค่กะพริบวาบก็โจมตีไปที่ศิษย์ตระกูลไป๋ที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากกรีดร้องอย่างน่าอนาถ ไอมารที่ห่อหุ้มเรือนร่างของชายชราก็สลายออก ศีรษะกลิ้งหลุนๆ ร่วงลงมา คอพลันมีหัวที่รางเลือนไม่ชัดเจนอีกหัวปรากฏขึ้นแทน ลำแสงสีขาวโพลน แต่สายตาราวกับโลหิต และมององค์เทพมังกรไม้ที่อยู่ใกล้เคียงแวบหนึ่งด้วยความเย็นชา
องค์เทพมังกรไม้ประสานสายตากับศีรษะ ชั่วพริบตาพลันรู้สึกได้ถึงความหนาวจนเข้ากระดูกที่แผ่ออกมาตั้งแต่ศีรษะจนทั่วเรือนร่าง โลหิตทั่วสรรพางค์กายราวกับแข็งค้างอย่างไรอย่างนั้น
องค์เทพมังกรไม้ตกตะลึง สะบัดแขนเสื้อ โล่กระดูกบินออกมา ต้านทานอยู่เบื้องหน้าของเขาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของภูตผี
และในยามนั้นท่ามกลางไอสีดำก็มีเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ไป๋อวิ๋นซินและศิษย์ตระกูลไป๋อีกคนก็บินออกมาด้วยสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัว ทว่าคนหนึ่งพลันพุ่งเข้าหาหานลี่ อีกคนกลับหนีไปหาหันฉีจื่อ
หัวที่ปรากฏบนคอของชายชรากวาดสายตาไปที่ทั้งสองแวบหนึ่งอย่างแข็งๆ แล้วกลายเป็นลำแสงสีขาวบินออกมาจากร่างของชายชรา จากนั้นแค่รางเลือนก็แบ่งจากหนึ่งเป็นสองดีดไปหาไป๋อวิ๋นซินและพวกทั้งสองคน
แค่กะพริบวาบก็มาอยู่ด้านหลังทั้งสองห่างออกไปไม่ไกลนัก!
“ท่านอาวุโสช่วยด้วย!”
“ท่านอาวุโสหาน”
ศิษย์ตระกูลไป๋อีกคนหนึ่งและไป๋อวิ๋นซินเห็นเช่นนี้ ก็ร้องอย่างขวัญกระเจิง และยิ่งไปกว่านั้นต่างสำแดงอาวุธมารออกมาคุ้มครองร่าง บ้างก็กลายเป็นไอสีดำ บ้างก็กลายเป็นรัศมีลำแสงห่อหุ้มเรือนร่างเอาไว้
แต่ลำแสงสีขาวกลับราวกับไร้รูปร่าง ไม่สนใจไอสีดำและรัศมีลำแสงเหล่านั้นพลางทะลวงผ่านไป แค่กะพริบวาบก็จมหายเข้าไปในร่างของทั้งสอง
ครู่ต่อมาไป๋อวิ๋นซินและศิษย์ตระกูลไป๋ก็ร้องอย่างน่าอนาถศีรษะร่วงลงมาเช่นกัน และมีศีรษะสีขาวโพลนอีกสองศีรษะงอกขึ้นมาใหม่
การเคลื่อนไหวของลำแสงสีขาวนั้นรวดเร็วมาก คาดไม่ถึงว่าจะทำให้หานลี่และหันฉีจื่อไม่ทันได้ลงมือช่วยเหลือ
ทั้งสองล้วนหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อาจสำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีรวมทั้งตัวอยู่ในเขตอาคมทะเพลิง หากจะช่วยศิษย์ตระกูลไป๋สองคนเดิมก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใดอยู่แล้ว แต่ยามนี้กลับทำได้เพียงมองไป๋อวิ๋นซินและพวกทั้งสองคนเพลี่ยงพล้ำไปต่อหน้าต่อตา
หานลี่กวาดสายตาไปที่ร่างของชายชราไร้หัวที่ลำแสงสีขาวหนีจากไปแวบหนึ่ง กลับพบว่าศพแห้งเหี่ยวโลหิตทั่วเรือนร่างกระเซ็นหายไป ท่าทางน่าเวทนาเป็นโครงกระดูกเหมือนกับศิษย์ตระกูลไป๋ที่ตายอย่างน่าอนาถสองสามคนที่พบในสายแร่ก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
ดูแล้วคนของตระกูลไป๋ที่รักษาการณ์อยู่ที่นี่คงตายอย่างน่าอนาถภายใต้เงื้อมมือของสัตว์ประหลาดนิรนามตนนี้
ทว่าสัตว์ประหลาดสองตัวที่ปรากฏขึ้นดูเหมือนจะรู้ว่าคนอื่นๆ ไม่ได้ต่อกรง่ายดายเหมือนกับหกคนที่สังหารไปก่อนหน้า แม้ว่าจะยึดครองร่างของศิษย์ระดับหลอมสุญตาของตระกูลไป๋สองคน แต่แค่ใช้สายตาสีแดงสดมองไปยังหานลี่และพวกด้วยความเย็นชา และไม่ได้ทำการโจมตี
แต่จุดนี้ก็เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีสติปัญญาไม่ต่ำต้อย กลับทำให้องค์เทพมังกรไม้และหันฉีจื่อและพวกจอมมารยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
ชายร่างใหญ่ตระกูลไป๋และหญิงผมสีม่วงเห็นลำแสงสีขาวแบ่งออกเป็นสองส่วนแล้ว ก็มองสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนมองเห็นแววตาความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวจากแววตาของอีกฝ่าย หลังจากที่ริมฝีปากขยับถ่ายทอดเสียงอย่างรวดเร็วนั้น ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองก็ร้องตะโกนมาทางหานลี่ทันที
“สหายหาน เจ้ากับศิษย์น้องต่อกรกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นก่อน ข้าและมังกรไม้ หันฉีจื่อจะจัดการกับอสูรมารตนนี้ก่อน รอจนจัดการอสูรตนนี้ได้พวกเราจะไปร่วมมือกันต่อกรกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นกับพวกเจ้า”
สิ้นเสียงเกราะสงครามสีขาวของหญิงสาวผมสีม่วงก็เปล่งแสงเจิดจ้า บีบเปลวเพลิงสีแดงสดที่อยู่บริเวณรอบออกไป แล้วบินไปหาหานลี่
เมื่อหันฉีจื่อได้ยินคำนี้แววตาพลันฉายแววเย็นเยียบ ลำแสงเย็นเยียบสิบกว่ากลุ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว แยกทะเลเพลิงออกแล้วบินไปหาองค์เทพมังกรไม้และชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองเช่นกัน
ยามนี้ศัตรูที่ร้ายกาจอยู่ตรงหน้า ก็ไม่ใช่เวลาจะมาถกปัญหาอันใดอีก จอมมารที่มีท่าทีเย็นชาผู้นี้เห็นได้ชัดว่ายอมรับข้อเสนอของชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองโดยดุษณี
หานลี่ฉีกยิ้มบางๆ และไม่ได้เจตนาจะคัดค้าน รอจนหญิงสาวผมสีม่วงบินมาอยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึงสิบจั้งเศษ ถึงได้ถ่ายทอดเสียงไป
“สหายฟู่เทียน สัตว์ประหลาดตัวนี้แปลกประหลาดเพียงนี้ เจ้ารู้ที่มาที่ไปของมันหรือไม่”
“พูดไปแล้วก็ละอายใจนัก ข้าเพิ่งเคยเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ครั้งแรก แต่ข้าเคยอ่านคัมภีร์โบราณม้วนหนึ่ง ด้านในอธิบายวิญญาณมารที่ดูคล้ายคลึงกับสัตว์ประหลาดตรงหน้านี้เอาไว้ แต่ไม่อาจยืนยันได้ว่าใช่วิญญาณมารหรือไม่” หญิงสาวผมสีม่วงลังเลเล็กน้อย ถึงได้ตอบกลับอย่างแช่มช้า
“วิญญาณมาร” หานลี่ได้ยินก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
แม้ว่าหญิงสาวจะพูดอย่างคลุมเครือ แต่เห็นได้ชัดว่ารับมือกับวิญญาณมารตนนี้ได้
“ไม่ผิด ข้าสงสัยว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้อาจจะเป็นวิญญาณมารที่ออกมาจากไอวิญญาณของสายแร่! หากเป็นเช่นนี้จริงวิญญาณมารนี้ไม่เพียงไร้รูปร่าง ดาบกระบี่ยังทำร้ายไม่ได้ น้ำและเปลวเพลิงก็ไม่แปดเปื้อน แม้กระทั่งไม่ถูกจำกัดเคล็ดวิชาหลีกหนีเมื่ออยู่ในสายแร่แห่งนี้ แต่แค่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดมันถึงร่วมมือกับอสูรมาร พวกเราต้องระวังตัวมากหน่อย!” หญิงผมสีม่วงถ่ายทอดเสียงมาอย่างระมัดระวัง
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะลองใช้ดาบและกระบี่ดูว่าจะทำร้ายมันได้หรือไม่!” หานลี่มองกายเนื้อของไป๋อวิ๋นซินที่ถูกลำแสงสีขาวยึดครอง แววตาฉายแววเย็นชาขณะเอ่ย จากนั้นก็เหลือบมองชายร่างใหญ่ผมสีเหลือง หันฉีจื่อและพวกมารทั้งสามที่อยู่อีกด้านแวบหนึ่ง
เห็นเพียงมารทั้งสามกำลังโจมตีกลับอสูรมารที่กลายร่างเป็นมนุษย์ยักษ์หินหลอมเหลวอีกครั้ง
นอกจากชายร่างใหญ่จะควบคุมกระจกกวนอิมแล้ว ยังโยนตะขอเหล็กสีดำสนิทออกมาอีกคู่หนึ่ง วนล้อมรอบมนุษย์ยักษ์หินหลอมเหลวไปมา ทุกการโจมตีต้องทำให้ร่างของมนุษย์ยักษ์เป็นรูขนาดเท่าปากชาม
ส่วนองค์เทพมังกรไม้ร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า อ้าปากออกพ่นพายุประหลาดสีม่วงออกมา คาดไม่ถึงว่าจะบีบทะเลเพลิงสีแดงสดให้ออกไปรอบด้านทีละนิดๆ
ร่างของหันฉีจื่อในยามนี้กลับกลายกึ่งโปร่งใสราวกับรูปสลักน้ำแข็ง ยามที่ยกมือขึ้นพลังเย็นเยียบก็ม้วนวนออกมา กระตุ้นอิทธิฤทธิ์เย็นเยียบจนถึงขีดสุด
แม้ว่าอสูรมารหัวกวางจะร้ายกาจ แต่ภายใต้การร่วมมือกันของจอมมารสามตน และยิ่งไปกว่านั้นยังมีพลังต่อต้านกัน จึงตกเป็นรอง
ทว่าหินหลอมเหลวที่อยู่บนผิวของเขาแม้ว่าจะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ภายใต้สถานการณ์ที่ด้านล่างมีทะเลสาบหินหลอมเหลวที่สามารถซ่อมแซมได้ไม่จำกัด กลับยืนหยัดต่อไปได้
ทำให้ยามนั้นจอมมารสามตนไม่อาจทำร้ายอสูรตัวนี้ได้จริงๆ
เมื่อเห็นฉากนี้หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นกระบี่ยาวสามฉื่อสีเขียวเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้น และสับไปที่สัตว์ประหลาดที่ยึดครองกายเนื้อของไป๋อวิ๋นซิน
กระบี่ยาวแค่กะพริบวาบคาดไม่ถึงว่าจะสลายหายจากมือของหานลี่ แต่ครู่ต่อมาก็ศพไร้หัวของไป๋อวิ๋นวินก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เส้นไหมผลึกสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นพายุอ่อนร่อนลงมา
อย่างเงียบเชียบ แต่เมื่อพายุอ่อนๆ พัดผ่านไป หัวลำแสงสีขาวที่ดูเหมือนวิญญาณมารก็ถูกสับออกเป็นสองส่วนจากหว่างคิ้ว
นั่นก็คืออิทธิฤทธิ์ของกระบี่ที่กลายเป็นเส้นไหม
ทว่าอิทธิฤทธิ์นี้เมื่ออยู่ในมือของหานลี่ที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายก็แทบจะอยู่ในจุดที่หาตัวจับยาก ถึงได้สับหัวนี้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังออกมาจากหัวสีขาวที่แยกออกเป็นสองส่วน ทำให้ผู้คนได้ยินรู้สึกจิตสัมผัสสั่นคลอน กายเนื้อไร้หัวของไป๋อวิ๋นซินเปลี่ยนเป็นเหี่ยวเฉา ครู่ต่อมาหัวที่แยกออกเป็นสองส่วนก็บินออกจากกายเนื้อ รวมตัวกันกลางอากาศกลายเป็นเงาลำแสงสีขาวสายหนึ่ง จากนั้นก็กระโจนมาหาหานลี่
จากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของหานลี่ ย่อมไม่สนใจการโจมตีด้วยคลื่นเสียงแหลมสูงของอีกฝ่าย แต่พริบตานั้นเงาลำแสงก็ไม่ได้ผลกระทบจากการกระโจนเข้ามาของทะเลเพลิง ดวงตาอดที่จะหรี่ลงไม่ได้ แขนเสื้อข้างหนึ่งสะบัดไปตรงหน้า
พริบตานั้นกระบี่สีเขียวยี่สิบสามสิบสายพลันพุ่งออกมา และพลิ้วไหวกลายเป็นผลึกเส้นไหมสีเขียวยี่สิบสามสิบสายพุ่งไปหาเงาลำแสงเช่นกัน
หลังจากกะพริบวาบแล้วสลายหายไป เงาลำแสงที่กระโจนมาก็ผนึกรวมตัวกัน ผิวมีรอยสีเขียวอ่อนยี่สิบสามสิบสายปรากฏขึ้น จากนั้นก็ปริแตกกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงจนตาค้างก็คือเงาลำแสงเหล่านี้แค่กะพริบวาบก็รวมตัวกันอีกครั้งกลับมาอยู่ในรูปร่างเดิม และยังคงรักษาความเร็วเดิมและกระโจนเข้ามาหานลี่ได้
“ดาบกระบี่ทำร้ายได้ยากดังคาด ดูแล้วคงเป็นวิญญาณมารที่ถือกำเนิดจากสายแร่ดังคาด” หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็เอ่ยพึมพำด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด แต่แขนเสื้ออีกข้างหนึ่งกลับสะบัดออกไป เปลวเพลิงสีเงินพุ่งออกมาหมุนคว้างแล้วโจมตีไปที่เงาลำแสงสีขาวอย่างพอดิบพอดี
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
เปลวเพลิงสีเงินบนเรือนร่างของเงาลำแสงขยายสูงขึ้นสองสามฉื่อ ชั่วพริบตาก็กลืนกินเขาเข้าไปข้างใน
หญิงสาวผมสีม่วงที่อยู่ด้านข้างนอกจากจะจับตามองวิญญาณอีกตนหนึ่งแล้ว ย่อมจับจ้องการเคลื่อนไหวของหานลี่อย่างใกล้ชิด ในยามที่นางคิดว่าเปลวเพลิงสีเงินไม่อาจทำอันใดวิญญาณมารได้นั้น สิ่งที่น่าตกตะลึงก็ปรากฏขึ้น
หลังจากที่เงาลำแสงถูกเปลวเพลิงสีเงินห่อหุ้มเอาไว้ ปากก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงอย่างหาที่เปรียบออกมา คาดไม่ถึงว่าจะหมุนวนอยู่ที่เดิมอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนคิดจะทำลายเปลวเพลิงบนเรือนร่าง