ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ เฉียวเหลียงก็เล่นเกมจบไปหนึ่งรอบ
เห็นได้ชัดว่าเกมนี้อยากให้ผู้เล่นเล่นซ้ำหลายรอบ หลังจากเล่นจบหนึ่งรอบ ผู้เล่นจะถูกส่งกลับไปที่ห้องแรกและเริ่มต้นเกมใหม่อีกครั้ง
แตกต่างตรงที่เมื่อเริ่มเล่นรอบที่สอง ผู้เล่นจะมีเงินทุนเริ่มต้นตามการเล่นรอบที่แล้ว
ในเกมบางประเภทอย่างแนว MMORPG ที่ต้องการทุนสร้างสูง ถ้าเพิ่งเริ่มเล่นแล้วพยายามเลือกสร้างเกมแนวนี้จะมีโอกาสสำเร็จอยู่ที่ศูนย์เพราะขาดเงินทุน เว้นเสียแต่ว่าจะตอบตัวเลือกถูกทุกข้อ
แต่เมื่อเริ่มเล่นรอบที่สองพร้อมกับเงินทุนตั้งตน โอกาสสร้างเกมฟอร์มใหญ่สำเร็จก็จะเพิ่มขึ้น
เฉียวเหลียงไม่ได้เริ่มเล่นรอบที่สองทันที เขาจมดิ่งอยู่ในภวังค์ความคิด
เกมนี้…ค่อนข้างพิเศษ!
เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
เฉียวเหลียงตะลึงไปตั้งแต่ตอนเริ่มเกม เกมนี้ผิดจากแนวคิดอันคุ้นชินของเขาจนต้องโยนความรู้เกี่ยวกับเกมที่มีทิ้งไปหมด
เกมนี้ชื่อว่าเกมนักออกแบบเกม เนื้อหาเกมก็ตามชื่อเลย ผู้เล่นจะได้รับบทบาทเป็นนักออกแบบเกมและได้สร้างเกมที่จะโดนตลาดประเมินในตอนจบ
ตอนเริ่มเกมไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นน่าสนใจจนเฉียวเหลียงคิดอยากจะเลิกเล่น
ถึงจะใช้ได้ทั้งเมาส์และจอยเกม แต่ผู้เล่นก็ทำได้แค่เดินไปเรื่อยๆ กับเปลี่ยนมุมมอง ทั้งเกมมีแค่วิ่งไปรอบๆ ขนาดประตูยังเปิดให้อัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องกดปุ่มอะไรเพื่อเปิด ไม่ต้องหวังเลยว่าจะมีโหมดต่อสู้
หลังจากเข้าไปในห้องและเลือกประตูก็จะเข้าสู่ช่วงต่อไปของเกม
ถ้าไม่ใช่เพราะสไตล์ภาพที่โดดเด่นและฉากต่างๆ ในห้องที่ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม อาจารย์เฉียวคงจะเลิกเล่นไปตั้งแต่ช่วงแรกแล้ว
สิ่งหนึ่งที่น่าหงุดหงิดมากคือเสียงพากย์
ตอนแรกเฉียวเหลียงคิดว่าจะมีเสียงพากย์แค่ช่วงปูภูมิหลังของเกม แต่พอเล่นต่อไปก็พบว่าเสียงพากย์เป็นผีตามติด คอยส่งสัญญาณบอกการมีอยู่ของมันอยู่ตลอด
กวนประสาทตลอด ไม่หุบปากเลยโว้ย!
ทุกครั้งที่เข้าไปในห้องแล้วต้องเลือกตัวเลือก เสียงพากย์ก็จะให้คำแนะนำด้วยน้ำเสียงยั่วยุกวนบาทา
เช่น ตอนที่ต้องเลือกระหว่างตั้งเพดานค่าใช้จ่ายสูงกับตั้งเพดานค่าใช้จ่ายต่ำ เสียงพากย์ก็จะพยายามอย่างเต็มที่ในการล่อลวงให้ผู้เล่นเลือกตั้งเพดานค่าใช้จ่ายสูง
ที่แย่ที่สุดคือเสียงพากย์น่าจะเป็นผู้จัดการฝึกหัดมืออาชีพเพราะด่าเก่งเหลือเกิน!
ถ้าไม่เลือกตามที่เสียงพากย์แนะนำก็จะโดนด่า
ถ้าเลือกทำตามแล้วพลาดก็โดนด่าเหมือนเดิม
สรุปคือเสียงพากย์ทำหน้าที่ยัดเยียดความคิดผิดๆ ให้ จากนั้นก็โจมตีทำลายความมั่นใจของผู้เล่น คำพูดคำจาแต่ละอย่างร้ายกาจเสียจนอยากจะวิ่งไปกระทืบ
มีหลายครั้งที่เฉียวเหลียงหงุดหงิดมากเสียจนอยากมุดจอไปลากตัวไอ้เสียงพากย์เวรนี่ออกมาอัดให้น่วม
เฉียวเหลียงงงมากว่าจะมีเสียงพากย์ไปทำไม
มีไว้กวนประสาทผู้เล่นเหรอ ไม่เห็นจะเข้าท่าเลย!
สับสนปนหงุดหงิด สองอย่างนี้คือความประทับใจแรกหลังจากได้ลองเล่นเกม
แต่พอเล่นไปเรื่อยๆ อาจารย์เฉียวก็รู้ต่างออกไป
เขาพบว่าเจ้าเสียงพากย์สุดกวนนี่คือแก่นหลักที่ซ่อนอยู่ของเกม!
ถ้าตั้งใจไม่เลือกตามที่เสียงพากย์แนะนำ เสียงพากย์ก็จะมีการตอบสนองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
เริ่มแรกเสียงพากย์จะดูเหมือนไม่ได้สนใจและแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร
จากนั้นเสียงพากย์จะค่อยๆ ทำตัวน่าหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ เริ่มบอกผู้เล่นว่าถ้าไม่ฟังจะเกิดอะไรขึ้น
จากนั้นก็จะทำตัวเกรี้ยวกราดขึ้น เริ่มใช้ถ้อยคำดุดันรุนแรง ปล่อยทุกอย่างที่มีใส่ไม่ยั้ง
หลังจากพ่นไฟใส่ไม่หยุดก็จะจบที่ระเบิดลง
สุดท้ายเสียงพากย์ก็จะเข้าสู่ช่วงยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น แล้วบอกผู้เล่นว่าแกมันไร้ประโยชน์พร้อมแสดงท่าทีประมาณว่า ‘ฉันจะจับตาดูแกเงียบๆ ว่าจะทำอะไรได้อีก’
เสียงพากย์จะตอบสนองแตกต่างกันไปในฉากจบแต่ละแบบ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก
ถ้าผู้เล่นทำตามที่แนะนำแล้วผลลัพธ์ออกมาไม่ดี เสียงพากย์ก็จะตอกย้ำอย่างเลือดเย็น มันจะด่าผู้เล่นว่าเป็นพวกหูเบาเชื่อคนง่าย ไม่มีความคิดเป็นของตนเอง สมแล้วที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ถ้าผู้เล่นไม่ทำตามที่แนะนำแล้วผลลัพธ์ออกมาไม่ดี เสียงพากย์ก็จะด่าซ้ำเหมือนเดิม โดยจะบอกว่าถ้าฟังตามที่พูดก็ไม่พลาดแบบนี้หรอก สมควรแล้ว
ถ้าผู้เล่นไม่ทำตามที่แนะนำแล้วผลลัพธ์ออกมาดี เสียงพากย์ก็จะยืนกรานว่าถ้าฟังตามที่มันแนะนำคงจะประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่กว่านี้ไปแล้ว!
ถึงจะยังพูดจาประชดประชันอยู่ แต่พอผู้เล่นประสบความสำเร็จ น้ำเสียงของเจ้าเสียงพากย์จะฟังดูขุ่นเคือง น่าสนใจเลยทีเดียว
เฉียวเหลียงเริ่มนึกสนใจคนพากย์เสียงและสงสัยว่าพากย์แบบนี้ได้ยังไง เขาพากย์เสียงออกมาได้ดีมาก แถมยังรู้ความแตกต่างระหว่างอารมณ์แต่ละแบบด้วย!
ระหว่างที่โดนเสียงพากย์ด่าทออยู่ เฉียวเหลียงก็พบจุดที่น่าสนใจหลายจุดของเกมนี้
พอดูดีๆ สไตล์ภาพของเกมนี้ไม่ใช่แค่ ‘ดี’ แต่เป็น ‘ดีมากๆ’!
ภาพแต่ละฉากช่วยเสริมสร้างบรรยากาศให้เกมได้ดีมากๆ พอเอาไปรวมกับเพลงและเสียงประกอบที่ลงตัวก็ทำให้ฉากดูสมจริงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้องเล็กหรือห้องใหญ่
สไตล์ภาพที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้งานภาพของเกมโดดเด่นและมีระดับมาก
ตั้งแต่การเล่นรอบที่สองเป็นต้นไป พอได้ลองเลือกตัวเลือกแบบต่างๆ ดู เฉียวเหลียงก็ไปถึงฉากจบแต่ละแบบ ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจสุดๆ!
รอบแรก เขาเลือกตั้งเพดานค่าใช้จ่ายสูงตามที่เสียงพากย์แนะนำ ทำให้เกมที่ได้มีชื่อเสียงไปในทางลบ ถึงจะทำเงินได้ แต่เกมก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอยู่รอดในตลาดได้นาน เสียงพากย์จึงใช้จุดนี้มาด่า
รอบที่สอง เฉียวเหลียงเอาใจผู้เล่นด้วยการเลือกใช้วิธีที่เป็นมิตรและไม่แพงสำหรับผู้เล่น สุดท้ายเกมก็ทำเงินได้ไม่พอเพราะผู้เล่นเสียเงินให้เกมน้อยเกินไป ทำให้ไม่สามารถหาเงินทุนคืนได้ เลยโดนเสียงพากย์เยาะเย้ยเข้าอีกครั้ง
รอบที่สาม เฉียวเหลียงทำตามที่เสียงพากย์บอกทุกอย่าง ครั้งนี้แย่กว่าเก่า และเสียงพากย์ก็ด่าเขาเละ
เฉียงเหลียงโกรธจัดจนแทบอยากจะปาจอยเกมทิ้ง
นี่มันบ้าอะไรกัน!
ทำไมทุกตัวเลือกถึงพาไปเจอตอนจบที่แย่หมดเลยล่ะ เกมนี้มันเล่นได้จริงหรือเปล่าเนี่ย
แต่หลังจากพบกับความล้มเหลวซ้ำๆ เฉียวเหลียงก็ได้เรียนรู้แก่นแท้ของเกม
ผู้เล่นได้รับบทบาทเป็นนักออกแบบเกม สิ่งที่เฉียวเหลียงได้สัมผัสก็คือชีวิตของนักออกแบบเกมจริงๆ ไม่ใช่เหรอ
เสียงพากย์ที่แสนน่ารำคาญก็เป็นเหมือนความโลภภายในใจ หรืออาจจะเป็นพวกนักเลงคีย์บอร์ด ไม่ก็พวกคนนอก
มีบางครั้งที่เสียงพากย์แนะนำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม แต่บางครั้งก็แนะนำสิ่งที่ผิดมหันต์
ในฐานะนักออกแบบเกม ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะไม่เจอขวากหนามขวางทาง
ถ้าไม่มีความคิดเป็นของตัวเองก็ย่อมพบกับความล้มเหลว
ถ้าทำตามความคิดของตัวเอง ไม่ฟังคำแนะนำจากคนอื่น ก็จบที่ล้มเหลวเช่นกัน
ความสำเร็จนั้นมาจากการฟังคำแนะนำ วิเคราะห์และไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ และตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดหลายครั้งหลายหนต่างหาก!
จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่นักออกแบบเกม… แต่โปรดิวเซอร์และผู้พัฒนาสื่อบันเทิงเองก็เป็นเหมือนกันหมด
ผู้รังสรรค์ผลงานหลายคนต้องฟันฝ่าไปตามเส้นทางที่เลือกมาอย่างโดดเดี่ยวและยากลำบาก แต่ความสำเร็จที่ปลายทางนั้นหอมหวานยิ่งนัก!
เฉียวเหลียงน้ำตารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
เพราะเขาเองก็เป็นนักสร้างคอนเทนต์
การทำคลิปและการสร้างเกมต่างก็เป็นผลผลิตที่เรียกว่าสื่อบันเทิง เป็นเรื่องที่เหมือนกันในด้านแง่คิด!
เฉียวเหลียงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงประสบการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมา
เขาทุ่มเททั้งกายและใจสร้างคลิปขึ้นมาหนึ่งคลิป แต่กลับไม่มีใครสนใจ
เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับสปอนเซอร์และโดนผู้ติดตามด่าจนไม่กล้าโผล่หน้าออกไปไหนอยู่หลายวัน
ทุกครั้งที่ผู้ติดตามส่งข้อความยาวเหยียดเข้าช่องแชตส่วนตัวเพื่อบอกว่าผิดหวังในตัวเขาแค่ไหน เฉียวเหลียงก็รู้สึกเศร้าใจไม่น้อย
แต่ไม่นานก็เริ่มชิน เพราะไม่มีอะไรที่ยั่งยืนไปตลอด เขาทำได้แค่ต้อนรับผู้ติดตามกลุ่มใหม่ พยายามทำตัวให้ดีเหมือนเดิมกับผู้ติดตามกลุ่มเดิม ส่วนใครที่เลิกติดตามไปแล้ว เฉียวเหลียงก็ได้แต่หวังให้คนเหล่านั้นพบเจอสิ่งดีๆ
ไม่แน่อาจเพราะบังเอิญเลือกถูกเกม คลิปเลยดังเป็นพลุแตก อาจดูเหมือนว่าโชคช่วย แต่จริงๆ แล้วมาจากประสบการณ์การทำงานที่สั่งสมมาต่างหาก
เกมนักออกแบบเกมสะท้อนแง่คิดนี้ให้กับเขา
เขาตระหนักแล้วว่าผู้พัฒนาเกมนี้คืออัจฉริยะ!
เกมนี้เหมือนจะหยาบคาย โหดร้าย และน่ารังเกียจ แต่ก็เป็นการสะท้อนถึงชีวิตของผู้คนไม่ใช่เหรอ
ในชีวิตจริง ผู้พัฒนาเกมมากมายต้องตรากตรำลำบาก มีใครบ้างที่ไม่เคยโดนหัวเราะเยาะเย้ยมาก่อนที่จะประสบความสำเร็จ
บางคนเหนื่อยจนหนีออกจากวงการไปเงียบๆ
บางคนมุ่งเดินต่อไปข้างหน้า ไม่ลืมเป้าหมายในตอนแรกเริ่ม
บางคนทิ้งอุดมการณ์ไป แล้วกลายไปเป็นตัวตนในแบบที่น่ารังเกียจที่สุดของตัวเอง…
ทุกแง่คิดถูกนำเสนอในเกมนี้ มีแค่คนที่มีมุมมองลึกซึ้งเท่านั้นที่จะตระหนักถึงเรื่องนี้!
เกมนี้ก็เหมือนชาคุณภาพสูงถ้วยหนึ่ง
ยกจิบครั้งแรกอาจจะขม
แต่พอผ่านไปสักพักก็จะได้รสหวาน
หลังจากได้ลิ้มรสชาตินี้ก็จะตระหนักว่ามันก็เหมือนกับชีวิตที่ผกผันอยู่ตลอด
ถึงชาจะหมดถ้วยไปแล้ว แต่รสชาติยังฝังอยู่มิรู้ลืม
เฉียวเหลียงนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ในใจอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“สรุปแล้ว ฉันโทษบอสเผยไปผิดๆ…
“คนที่สร้างเกมแบบนี้ขึ้นมาจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นได้ยังไง
“ฉันต้องทำคลิปใหม่อีกคลิป!”
เฉียวเหลียงเปิดเว็บฟานฉูขึ้นมาอีกครั้ง
เขามองคลิปสองแถวที่แบ่งเป็นคลิปซีรีส์ ‘สับเละเกมกาก’ กับซีรีส์ ‘แนะนำเกมใหม่ประจำเดือน’
เฉียวเหลียงนึกลังเล ทั้งสองซีรีส์ไม่มีอันไหนเหมาะเลย
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็สร้างซีรีส์ใหม่ขึ้นมา
“ผลงานเทพสร้าง!”
…………