“ค่ะ” เย่ฉูฉู่วางไก่ลงและหยิบหม้อให้เขา เธอเล่าเรื่องที่ตัวเองแบ่งน้ำแกงกระดูกให้กับเด็ก ๆ ด้วยท่าทางสบายๆ
จ้าวเหวินเทาถึงกับบ่น “ภรรยา คุณดีเกินไปแล้ว ให้พวกเขาทำไมเนี่ย ตอนนี้แยกบ้านกันแล้วนะ อยากกินน้ำแกงกระดูกก็ให้พ่อแม่พวกเขาไปหามาสิ!”
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ถึงความสงสัยและการดูถูกที่อยู่ในใจของพวกพี่ชายและพี่สะใภ้ที่มีต่อเขา!
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขา “ถ้าไม่รู้จักกันคงคิดว่าคุณขี้เหนียวมากเลยนะเนี่ย น้ำแกงกระดูกแค่นิดเดียวก็อาลัยอาวรณ์ซะแล้ว”
“ผมขี้เหนียว ผมอาลัยอาวรณ์!” จ้าวเหวินเทาส่งเสียงหึหนึ่งเสียง
เมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดของเขา เย่ฉูฉู่จึงหลุดหัวเราะพลางกล่าวว่า “เด็ก ๆ ปฏิบัติกับอาอย่างคุณเป็นอย่างดีเลยนะ”
“ผมปฏิบัติต่อพวกเขาได้ยิ่งกว่า” จ้าวเหวินเทามุ่ยปาก จะว่าไปเขาแทบจะเป็นคนเลี้ยงดูพวกหลาน ๆ กลุ่มนี้อยู่แล้ว
“ฉันรู้ว่าคุณปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี มีอะไรกินก็แบ่งให้พวกเขา” เย่ฉูฉู่กล่าว “เหวินเทา เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าไปสนใจอีกเลยค่ะ ฉันรู้จักความเหมาะสม พวกเด็ก ๆ ก็ฉลาดมากเหมือนกัน พวกเขาไม่ได้มาขอนั่นขอนี่สักหน่อย”
เธอรู้ว่าที่เขาไม่ให้หลาน ๆ รับประทาน เพราะแค่โมโหทัศนคติของพวกพี่ชายพี่สะใภ้เท่านั้น
สีหน้าของจ้าวเหวินเทาจึงดีขึ้นเล็กน้อย “ผมก็ไม่ได้เสียดายของพวกนี้หรอก แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเริ่มให้แล้วก็ต้องให้อีกไม่จบสิ้น ถึงตอนนั้นถ้าคุณเกิดไม่ให้ขึ้นมา ก็จะกลายเป็นความผิดของคุณ”
อย่ามองว่าเขาเป็นวัยรุ่นที่ไม่ได้มีประสบการณ์มากมายเท่าไรนัก เพราะในใจของเขากลับเข้าใจเรื่องราวมากมาย โดยเฉพาะนิสัยของพวกพี่ชายพี่สะใภ้
นับตั้งแต่คืนนั้นที่พวกเขาร่วมมือกันซักถามแม่ของเขา เขาก็รู้ว่าแม้ว่าทุกคนจะยังเป็นครอบครัวอยู่ แต่ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว!
เย่ฉูฉู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “คุณพูดถูก มนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะนะคะ เรื่องในบ้านแค่นี้ฉันยังจัดการไม่ได้ ยังต้องให้คุณที่กังวลเรื่องข้างนอกแล้วยังต้องมากังวลเรื่องในบ้านอีกเหรอ?”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ภรรยาของผมฉลาดที่สุด มา ขอจูบหน่อย!”
“รีบไปทำงานของคุณเลยค่ะ!” เย่ฉูฉู่ไม่สนใจเขา หันหลังกลับเข้าห้องไป
ตอนค่ำ พวกเด็ก ๆ ก็ได้รับประทานอาหารที่ทำจากน้ำแกงกระดูก มีทั้งเฉียวเมี่ยน น้ำแกงก้อนแป้ง และโจ๊กข้าว รสชาติอร่อยสุด ๆ เลยจริง ๆ
“เจ้าหกคนนี้รักการกินจริง ๆ ไม่มีปัญญากินเนื้อก็เคี่ยวน้ำแกงกระดูก” พี่สามจ้าวกล่าวพลางถอนหายใจ
พี่สะใภ้สามจ้าวเหลือบมองเขา กล่าวว่า “คุณกินอาหารของคนอื่นแล้วยังสนใจคนอื่นอีก ใครจะเป็นแบบคุณอีกบ้าง?”
พี่สามจ้าวแค่นเสียง “ไหน ๆ ก็ให้น้ำแกงมาแล้ว ทำไมไม่ให้เนื้อมาด้วยล่ะ? ของแค่นี้ก็ซื้อใจคุณได้แล้วเหรอ? เมียแบบคุณ ผมล่ะไม่อยากจะพูด วัน ๆ รู้จักแต่เข้าข้างคนอื่น!”
พี่สะใภ้สามจ้าวรู้ดีว่านิสัยของเขาเป็นอย่างไร จึงกล่าวอย่างเนิบช้าหนึ่งประโยค “ก็เพราะคุณเป็นคนแบบนี้ไง ให้น้ำเปล่ายังรู้สึกว่าเปลืองเลย!”
พี่สามจ้าวถึงกับสำลักจ้องตาเขม็ง
เด็ก ๆ ทั้งสองคนคุ้นเคยกับการสนทนาแบบนี้ของพ่อแม่ จึงไม่ได้สนใจ เอาแต่ก้มหน้าก้มตารับประทาน
พี่สามจ้าวก็พอจะมองออกแล้ว ถ้าผู้ชายไม่เอาไหน ภรรยาและลูก ๆ ก็จะไม่สนใจคุณ
“ดูคนอนาคตเท่าหยิบมือแบบพวกแกสิ แค่น้ำแกงกระดูกก็ซื้อพวกแกได้แล้ว รอให้ฉันซื้อเนื้อกลับมาก่อนเถอะ แล้วมาดูกันว่าจะจัดการพวกแกยังไง!” พี่สามจ้าวแค่นเสียงเย็น ขณะแอบรำพึงถึงโชคในใจ
พี่สามจ้าวใส่ใจเรื่องนี้จริง ๆ เพียงแต่ความสนใจก็ยังวนเวียนอยู่ที่จ้าวเหวินเทา ไม่ถึงสองวันเขาก็ทราบเรื่องที่ชุยต้าได้รับว่าจ้างจากจ้าวเหวินเทา
ชุยต้าสามารถปฏิเสธที่จะบอกคนอื่นได้ แต่พี่สามจ้าวและจ้าวเหวินเทาเป็นพี่น้องแท้ ๆ เมื่อพี่สามจ้าวมาถามไถ่ ชุยต้าจึงไม่ปิดบัง และไม่มีอะไรต้องปิดบัง
เมื่อพี่สามจ้าวได้ยินก็โกรธจนทนไม่ไหวในทันที เจ้าหกจ้างคนขนฟืน? แลกกับธัญพืชหนึ่งชั่งครึ่ง นั่นเป็นธัญพืชเลยนะ หมอนั่นถูกลาเตะกบาลหรืออย่างไรกัน!
สิ่งที่ทำให้เขาโกรธยิ่งกว่าคือ จ้าวเหวินเทาจะจ้างก็จ้างไปเถอะ แต่ก็ไม่ควรจะจ้างคนนอกสิ!
จ้างเขาไม่ดีกว่าเหรอ? เขาเป็นพี่แท้ ๆ เอาธัญพืชเหล่านี้มาให้เขาไม่ดีกว่าเหรอ?
ในตอนค่ำพี่สามจ้าวจึงรอจ้าวเหวินเทากลับมา จากนั้นก็มาพูดคุยกับเจ้าหกด้วยท่าทางก้าวร้าว
หลังจากจ้าวเหวินเทาฟังจบ เขาจึงกล่าวอย่างเฉยเมยไปหนึ่งประโยค “ผมจะจ้างใครก็ได้ ผมจะใช้ธัญพืชยังไงแล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ไม่ทราบ? ตอนนี้แยกบ้านกันแล้ว ทางใครทางมัน”
ถ้าให้พูดถึงบรรดาพี่น้องทั้งหมด คนที่ดูถูกเขามากที่สุดคือพี่สามจ้าวนี่แหละ ความประทับใจของเขาที่มีต่อพี่รองจ้าวและพี่จ้าวสี่นับว่าไม่เลว แต่เขากลับดูถูกพี่สามจ้าวคนนี้เป็นพิเศษ
“นาย…” พี่สามจ้าวชี้หน้าเขา โกรธเสียจนพูดอะไรไม่ออก ในที่สุดก็ชี้หน้าพลางกล่าวว่า “เจ้าหกนะเจ้าหก ครอบครัวต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ตีเสือก็ต้องเชื่อใจพี่น้อง แต่นายกลับไปหาคนนอกแทนที่จะหาคนในบ้าน สักวันนายได้ร้องไห้แน่!” เมื่อกล่าวจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
จ้าวเหวินเทามองอย่างดูถูก ยังมาพูดว่าครอบครัวต้องร่วมแรงร่วมใจกัน ตีเสือก็ต้องเชื่อใจพี่น้องอีก ถ้าเกิดเจอเสือขึ้นมาจริง ๆ ไม่เพียงแต่ต้องรับมือกับเสือ ยังต้องป้องกันตัวไม่ให้ถูกพี่สามจ้าวผลักออกไปเป็นอาหารเสืออีก!
นี่มันอะไรกัน คิดว่าตัวเองดีเกินไปหน่อยแล้วมั้ง!
กลับมาทางฝั่งพี่สามจ้าว เขากลับไปบ่นให้พี่รองจ้าวฟัง กล่าวอย่างโมโหภายในรวดเดียวว่าจ้าวเหวินเทาไม่รักครอบครัว
พี่รองจ้าวไม่เชื่อว่าจ้าวเหวินเทาจะจ้างคนขนฟืน จึงมาหาจ้าวเหวินเทาเพื่อยืนยัน เมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องจริงก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ทำไมนายถึงจ้างคนขนฟืนล่ะ?” พี่รองจ้าวไม่เข้าใจความคิดของจ้าวเหวินเทาเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเพราะธัญพืชมีเยอะจนรับประทานไม่หมด หรือไม่รู้ว่าเอาเงินไปใช้อะไร?
“ผมยุ่ง ผมเองก็ไม่สบายใจที่ต้องให้ฉูฉู่ไปเก็บฟืนคนเดียว ก็เลยจ้างชุยต้า ก็แค่ธัญพืชไม่กี่ชั่ง ทำไมผมจะไม่จ้างล่ะ?” จ้าวเหวินเทาตอบขณะกำลังเล่นกับกระต่ายอยู่หน้ากรงกระต่าย
กระต่ายที่อยู่ในกรงเหล็กสั่งทำของเขานั้นเจริญเติบโตได้ไม่เลวเลย
ธัญพืชไม่กี่ชั่ง?
พี่รองจ้าวรำพึงในใจ ธัญพืชไม่กี่ชั่งก็เป็นธัญพืชนะ มันก็เป็นเงินนะ มีคนจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารให้อิ่มท้อง เจ้าหกเองก็ยังไม่ได้มีชีวิตถึงขั้นจ้างคนอื่นได้ไม่ใช่เหรอ? ท้ายที่สุดก็คือขี้เกียจนั่นแหละ
พี่รองจ้าวถอนหายใจ แต่เขาก็รู้ว่าน้องชายคนนี้ไม่สามารถโน้มน้าวได้ จึงกล่าวว่า “ต่อให้นายไม่อยากขึ้นเขาไปเก็บฟืน ก็บอกกันสักคำ ฉันกับพี่สามและพี่สี่ของนายก็ลากรถหลายคัน ไม่ต้องไปจ้างหรอก ธัญพืชไม่ได้ปลิวมากับลมนะ นายเองก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เงินแต่ละหยวนได้มาง่าย ๆ ซะที่ไหนล่ะ จะมาใช้เงินแบบนี้ได้ยังไง”
จ้าวเหวินเทารู้ว่าพี่รองจ้าวเป็นคนจริงใจ ความคิดที่จริงใจต่อเขาจริง ๆ ถ้าแค่พี่รองจ้าวก็ยังได้อยู่ แต่ยังมีพี่สะใภ้รองจ้าวอีกคน มีเหรอจะใช้งานได้ฟรี ๆ
“พี่รอง ผมมีแผนอยู่ในใจแล้ว พี่ไม่ต้องกังวลหรอก” จ้าวเหวินเทากล่าว จ้างคนอื่นดีจะตายไป ไม่ต้องยุ่งเรื่องระหว่างพี่น้องให้มากเกินไปด้วย
พี่รองจ้าวถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อนึกถึงคำพูดของพี่สามจ้าว จึงลองพูดว่า “ถ้านายคิดจะจ้างคนจริง ๆ พี่สามของนายอยากทำ…”
“คุยเรื่องเงินระหว่างพี่น้องไม่ใช่เรื่องดีนะครับ” จ้าวเหวินเทาพูดแทรกเขา พูดเป็นเล่น จ้างใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่พี่สามของเขา
เมื่อกล่าวแบบนี้พี่รองจ้าวจะกล่าวอะไรได้อีก จึงทำได้เพียงแค่เดินจากไป
ไม่ใช่ว่าจ้าวเหวินเทาไม่เคยคิดจะจ้างพี่ชายหรอกนะ เพียงแต่พี่ชายบางคนก็ดีแต่พี่สะใภ้ไม่ดี บางคนพี่สะใภ้ดีแต่พี่ชายไม่ได้เรื่อง ให้เงินมากไปหรือน้อยไป ทำให้อีกฝ่ายเสียเปรียบหรือได้เปรียบ ถึงเวลานั้นก็ไม่แคล้วทะเลาะกันอีก
เขาไม่ได้มีอารมณ์ขนาดนั้น และไม่มีความพยายามนั้นด้วย
จ้างคนนอกดีกว่า ไม่ยุ่งยาก
อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบอย่างมาก อย่างแรกคือพี่สามจ้าว หลังจากที่เขาสงบสติอารมณ์ได้ เขาจึงตระหนักว่าเจ้าหกจ้างคนแล้วจริง ๆ ฟุ่มเฟือยก็เป็นเรื่องหนึ่ง ที่สำคัญคือเสียของไป นี่แหละคือประเด็น
เมื่อนึกได้ว่าจ้าวเหวินเทาขายถั่วงอกจึงเริ่มใช้เงินฟุ่มเฟือย แล้วทำไมเขาจะทำไม่ได้?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหวินเทาคิดรอบคอบมากค่ะ ในเมื่อจ้างพี่น้องมันลำบากขนาดนี้ก็จ้างคนนอกดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหา
พี่สามจะค้าขายเลียนแบบน้องหกเหรอ ถ้าเจ๊งขึ้นมาอย่ามาว่าน้องหกนะ
ไหหม่า(海馬)