บทที่ 123
เฉิงจินเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าพวกมันเก่งขนาดไหน แต่ข้าว่าท่านควรจะกินพวกมันเพื่อเพิ่มกำลังตัวเอง”
ชายหนุ่มแอบยกย่องอีกฝ่ายในใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ทั้ง 2 เป็นผู้ฝึกยุทธ์และเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด หากแต่พวกเขานั้นมาจากคนละกลุ่มกัน ดังนั้นพวกเขาจึงมีวิถีในการฝึกพลังของตนเอง
สำหรับถังหยิน ไม่ว่าเขาจะฝึกหนักแค่ไหน ขีดจำกัดพลังก็จะไม่เพิ่มขึ้นจนกว่าจะใช้ไฟแห่งความมืดกลืนกินผู้อื่น ผิดกับพวกศรทมิฬที่ไม่ใช่เช่นนั้น
ไม่กี่วันต่อมา ฟานหมินก็ได้มาที่จวนของถังหยินและนำข้ารับใช้มาที่นี่ด้วย ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว มันก็ทำให้มีคนมากกว่า 30 คน ทำให้ถังหยินต้องจัดแจงห้องมากมายให้กับคนรับใช้ของนาง
ชายหนุ่มไม่คิดว่าฟานหมินตั้งใจจะอยู่ยาวเช่นนี้ เขาไม่เข้าใจเลย และได้แต่ตั้งคำถามในใจว่า เมื่อไหร่กันนะ เมื่อไหร่คนของตระกูลฟานจะมาพานางออกไปจากที่นี่เสียที ?
แต่ถึงแม้ฟานจูจะไม่พานางออกไปจากที่นี่ ทว่าเขาก็ได้ส่งคนคุ้มกันมามากมาย นับดูแล้วก็มีผู้ฝึกยุทธ์กว่า 20 คนได้ ดังนั้นถึงแม้ถังหยินอยากจะไล่นางออกไป เขาก็ไม่กล้าพูดออกไปตรง ๆ
วันนี้ ถังหยินได้ไปยังห้องพักที่ฟานหมินอยู่
แม้ว่านางจะอยู่ที่นี่ หากแต่หญิงสาวก็แทบไม่ได้เจอเขาเลย ดังนั้นจึงทำให้การพบหน้าในครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับนางมาก
ชายหนุ่มเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยชวนให้นางไปคุยกันที่ห้องโถงหลัก
จวนแห่งนี้มีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก มีเพียงแค่ 2 ชั้นเท่านั้น และห้องของนางก็อยู่บนชั้น 2 ของที่นี่
หลังจากจัดหาที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว ฟานหมินก็ได้เรียกข้ารับใช้ให้ยกชาเข้ามา
ชายหนุ่มดื่มมันแล้วหันมองไปรอบ ๆ ก่อนที่เขาจะสังเกตว่าไม่มีคนคุ้มกันอยู่รอบ ๆ เลยสักคน “ข้าได้ข่าวว่าพ่อของท่านส่งคนคุ้มกันมา แล้วพวกเขาไปไหนหมดกัน ?”
หญิงสาวยิ้มออกมา “จวนของท่านนั้นมีคนที่เก่งกาจมากมายคอยคุ้มกันอยู่แล้ว ทำไมข้าถึงต้องการเพิ่มอีก ?”
ถังหยินกุมหัว ก่อนจะรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ในเมื่อพ่อของท่านส่งคนมาแล้ว งั้นท่านก็ควรจะออกไปได้แล้วสิ !” เขาพูดออกมาตรง ๆ โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ฟานหมินแกล้งทำเป็นตกใจ “นายท่านไล่ข้าหรือ ?”
“ข้าไม่ได้ไล่ ข้าแค่… แต่ท่านอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ”
ฟานหมินพูดตัดบทเขา “ข้ารู้ว่าท่านนั้นไม่ขี้เหนียว ดังนั้นทำไมถึงต้องการจะไล่ข้าไปกัน ? ต่อให้บ้านท่านจะคับแคบแค่ไหน แต่มันก็ดีและปลอดภัยกว่าที่อื่นในเมืองเฮิงเสียอีก …ท่านจะให้ข้าอยู่ต่ออีกสักหน่อยไม่ได้หรือไร ?”
ถ้าเทียบกันในด้านความปลอดภัยแล้ว จวนของถังหยินนั้นเรียกได้ว่าไร้อันตรายใด ๆ เลยก็ว่าได้ ทั้งยังดูดีกว่าโรงน้ำชาหรือบ้านที่มีคนอยู่มากมายเสียอีก
ได้ยินแบบนั้น ถังหยินก็ปวดหัวมากจนต้องบอกกับนาง “งั้นแม่หญิงฟานคิดจะอยู่นานแค่ไหนกัน ?”
“นี่ หยุดเรียกข้าว่าแม่หญิงฟานได้แล้ว มันสุภาพเกินไป ให้เรียกข้าฟานหมินก็พอ ข้าเองก็คงอยู่ไม่นานหรอก ตราบเท่าที่ข้าวางรากฐานกิจการของข้าได้ ข้าก็จะไปทันที !”
“งั้นมันนานแค่ไหนกัน ?”
“ก็ไม่รู้สินะ บางทีก็คงจะสัก 1 ปีละมั้ง” ฟานหมินเชิดหน้าขึ้น
ถังหยินลุกขึ้น สายตาของเขาจ้องไปที่นางอย่างไม่วางตา
เขาไม่ได้เป็นคนที่หลงตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ในตอนนี้ เขาต้องยอมรับเลยว่าตนนั้นอดกลั้นความโกรธได้ดีที่เดียว
ถังหยินสูดหายใจแล้วกดอารมณ์เอาไว้ “นั่นหมายความว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ไปอีก 1 ปีงั้นหรือ ?”
หญิงสาวที่สัมผัสได้ถึงความโกรธในใจถังหยิน นางก็เริ่มกลัว หากแต่ก็ยังคงฝืนยิ้มออกมา “ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี มันก็คงไม่นานขนาดนั้นหรอก” ว่าแล้วนางก็หยิบเอาแท่งเงินออกมา “ตามที่ข้าบอกไป ข้าไม่คิดจะอยู่ที่นี่ฟรี ๆ อยู่แล้ว ข้าจะจ่ายค่าเช่าให้ท่านด้วย”
ถังหยินก้มหัวแล้วมองสิ่งของนั้น ก่อนที่จะต้องตกตะลึงถึงมูลค่าของมันที่มากถึง 50,000 เหรียญเงิน ที่นับได้ว่าเป็นจำนวนเงินที่มากพอจะซื้อจวนดี ๆ ได้สักหลังเลยทีเดียว
ฟานหมินเลียริมฝีปากตัวเองแล้วกล่าว “นายท่าน ต้องขอบอกความจริงว่าต่อให้ท่านจะทำยังไงกับข้าก็ตาม ข้าก็จะไม่ยอมออกไปเสี่ยงชีวิตข้างนอกหรอก ข้ากลัวว่าถ้าออกไปอยู่ข้างนอกที่ไม่ใช่ที่นี่ ข้าจะต้องตายในเร็ววันนี้”
ในฐานะของตระกูลใหญ่ในแคว้นเฟิง ซ่งเทียนนั้นมีเครือข่ายมากมายที่สามารถทำงานสกปรกให้แทน ถ้าหากพวกเขาต้องการจะลักพาตัวฟานหมินจริง มีหรือที่เขาจะหยุดเพราะความล้มเหลวเล็กน้อยแบบนี้ ? อย่างไรก็ตาม ถังหยินก็ยังไม่ได้บอกเกี่ยวกับซ่งเทียนให้นางฟังแต่อย่างใด
ลูกสาวตระกูลใหญ่ไม่ใช่สิ่งที่จะจัดการได้โดยง่าย ชายหนุ่มถอนหายใจ “ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรจะอยู่ที่นี่นาน และควรรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด”
ฟานหมินส่ายหัว “การอยู่ที่ปิงหยวนไม่ใช่ความต้องการของข้า แต่เป็นของพ่อข้าต่างหาก”
“งั้นหรือ ?”
“ท่านพ่อข้าไม่ยอมบอกเหตุผล เขาบอกแค่ว่าเมืองหยานนั้นเละเทะไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงให้ข้าซ่อนตัวอยู่ที่นี่จนกว่าเรื่องจะสงบลงโดยปิดบังว่าให้ข้ามาเจรจาธุรกิจที่นี่ หากแต่ก็ไม่คิดว่าจะมีนักฆ่าตามมาเหมือนกัน” สีหน้าของฟานหมินดูเศร้าสร้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ในเมื่อฟานหมินมีเหตุผลของนาง งั้นแล้วถังหยินก็ไม่อาจทำตัวใจร้ายได้อีกต่อไป แต่เขาเองก็ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรเช่นกัน
“อย่ากังวลไปเลยนายท่าน ข้าจะอยู่ที่นี่แบบไม่รบกวนท่านแน่ ๆ เพราะข้าแค่ต้องการหาที่หลบภัยก็เท่านั้น” นางวางแท่งเงินเอาไว้ “รับมันไว้เถิด ข้ารู้ว่าท่านไม่ใช่คนโลภ แต่ท่านกำลังต้องการจะขยายกองทหาร และข้าคิดว่าเงินจำนวนนี้จากตระกูลฟานจะสามารถช่วยเหลือท่านได้”
ถ้าหากตระกูลฟานตกลงช่วยเหลือในด้านการเงิน เขาก็คงจะไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นฟานหมินเองก็อยู่ในแต่ในเขตที่พักของตัวเอง ไม่ค่อยออกไปไหนด้วย ดังนั้นมันจึงไม่เป็นการรบกวนอยู่แล้ว
ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะดันแท่งเงินออกไป “เก็บเงินของเจ้าไว้เสีย ถ้าข้าต้องการจะมาเอามันทีหลัง”
นางไม่คิดว่าถังหยินที่เกลียดนาง จะใจอ่อนกับคำกล่าวนั่น จึงทำให้ฟานหมินทั้งประหลาดใจและดีใจในคราเดียว หากแต่ในใจลึก ๆ แล้ว นางนั้นก็แอบกลัวว่าถังหยินจะกลับคำเช่นเดียวกัน
“อ่า ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้ามีเรื่องที่ต้องทำอีก ขอลาละ” ถังหยินซดชาที่เหลืออยู่แล้วลุกขึ้นเดินออกไป
ฟานหมินพยายามจะเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อของเขา “นายท่าน…”
ถังหยินหันกลับมา “มีอะไร ?”
ตอนนี้นางเริ่มมองถังหยินในด้านที่ดีแล้ว และอยากจะให้เขาอยู่ที่นี่นานขึ้นกว่านี้หน่อย หากแต่นางก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี ดังนั้นจึง “จริง ๆ แล้วท่านก็เป็นคนดีนี่นา”
ชายหนุ่มไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่อย่างไรการได้รับการชมเชยก็ถือเป็นเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน “ท่านหญิงฟานเองก็ไม่ต่างจากข้าหรอก”
หลังพูดคำนั้น เขาก็โบกมือ ก่อนเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
ทั้งสองเหมือนกันอยู่หนึ่งอย่าง นั่นก็คือพวกเขาเป็นคนที่ทำอะไรไม่สนใจใครทั้งสิ้น ด้วยความที่ไม่เคยมีใครสั่งสอนในเรื่องนี้มาก่อน แต่ทว่าก็เพราะนิสัยนี้เอง ที่ทำให้พวกเขานั้นเข้ากันได้ง่ายกว่าที่คิด