ในระยะที่ใกล้กันแบบนี้ ถังหยินไม่อาจหลบวิชาหนามโลหิตได้แล้วเขาจึงจำต้องใช้วิชาสับเปลี่ยนเงาออกมา
ทว่าพวกโรนินก็รวดเร็วไม่แพ้กัน เมื่อถังหยินโผล่กลับมาอีกครั้ง พวกเขาก็ถือดาบไล่ล่าต่อในทันที
ด้วยชายหนุ่มไม่อยากเสียเวลามากกว่านี้ จึงใช้วิชาเดิมแล้วไปปรากฏตัวข้างซ่งเทียน ก่อนจะฟาดฟันดาบลงไป
แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะทันสังหารชายแก่ โรนินอีกคนก็ได้เข้ามาปัดมันออกไป ก่อนจะปลดปล่อยเกราะปราณของตนออกมา
ด้วยความที่ถังหยินได้รวมวิญญาณกับหยานหลี่ จึงทำให้เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับวิชายุทธ์พวกนี้ หากแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มก็ไม่อาจรู้ถึงขั้นที่ว่าศัตรูจะใช้วิชาอะไรต่อไป
พลังปราณที่ถูกปลดปล่อยออกมาล้อมรอบตัวถังหยินโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว จากนั้นโรนินที่ใช้มันก็พลันลืมตาขึ้นแล้วตะโกน “ระเบิดวิญญาณ !”
จากนั้นพลังปราณก็พลันระเบิดออกจนเกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งวัง ส่งให้ร่างของชายหนุ่มลอยกระเด็นถอยหลังออกไปด้วยแรงกระแทกอันมหาศาล
เขาลอยออกมาเกือบ 2 จั้ง ก่อนที่จะลงบนพื้น โดยที่หน้าอกของเขามีรูใหญ่จากการระเบิดขนาดเท่ากำปั้น ส่วนรอบตัวในตอนนี้มีหมอกสีดำลอยออกมา
ระเบิดแรงยิ่งนัก ! ถังหยินคลานขึ้นมาด้วยแรงสู้ที่ยังเหลืออยู่
สิ่งที่แปลกก็คือ เขาที่โดนระเบิดแรงขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่มีเลือดสักหยด ทำให้พวกทหารวังทั้งหลายที่พยายามจะเข้ามาปลิดชีพมือสังหารสั่นกลัวและถอยหนีกันออกมา
ชายหนุ่มไม่สนในพวกทหารวังแม้แต่น้อย เพียงก้มมองหน้าอกของตัวเอง ก่อนใช้มือหนึ่งมากุมไว้ ทำให้บาดแผลยุบหายไปอย่างรวดเร็ว
ถึงจะเหมือนว่าเขากำลังรักษาตัวเองอยู่ แต่ในความเป็นจริงนั้นร่างของถังหยินได้รับความเสียหายไปไม่น้อยเลย ทว่าโชคยังดีที่นี่เป็นแค่ร่างแยกเท่านั้น ทำให้เขาไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องไปยังพวกโรนินของซ่งเทียน ถ้าทั้งสองคิดจะบุกเข้ามาอีก เขาก็คงหนีไม่พ้นแน่ อีกทังยังทำให้การสังหารซ่งเทียนยากขึ้นมาอีก ดังนั้นสิ่งที่ชายหนุ่มทำได้ในตอนนี้ก็คือพาอู่เหมยหนีไปด้วยกันเท่านั้น
ถังหยินหัวเราะออกมา “ข้าล่ะประหลาดใจเสียจริง ๆ ที่คนของตาแก่บ้าอำนาจเก่งกาจได้ถึงเพียงนี้”
คำพูดนี้ทำให้พวกโรนินทั้งสี่เปลี่ยนสีหน้า พากันชักดาบออกมาพุ่งเข้าใส่ถังหยิน “เจ้าก็กล่าวเกินไป ข้าไม่ใช่คนของท่านซ่งเทียนหรอก”
“แต่ต่อให้เจ้าจะไร้ชื่อเสียง ข้าก็ไม่ประมาทหรอกนะ” ถังหยินเปลี่ยนมือกลับมาเป็นปกติ พร้อมกับชูขึ้นสูงเพื่อปล่อยควันสีดำออกมา ก่อนให้มันรวมตัวกันจนกลายเป็นก้อนพลังงานสีดำ และพุ่งเข้าใส่พวกทหารวังรอบ ๆ!
“มนต์ดำทำลายล้างงั้นหรือ ? ลูกไม้ตื้น ๆ”
พวกเขาหลบไม่ได้หลบมันเลย กลับกัน พวกเขาเลือกที่จะปล่อยหมอกออกมาล้อมรอบตัวเองเอาไว้ และเมื่อก้อนพลังงานกระทบกับ มันก็พลันระเบิดออกเป็นหมึกสีดำครอบไปทั้งตัว
แต่ถึงจะโดนหมึกสีดำทั้งตัวแบบนั้น ร่างกายของพวกเขาก็ไม่ได้ขยับไปไหน และค่อย ๆ สลายหายไปพร้อมกับเกราะปราณของตัวเองทั้งอย่างงั้น
วิชาของถังหยินสามารถสลายได้ทั้งเกราะปราณและพลังชีวิตของเป้าหมายไปพร้อม ๆ กัน ทำให้พวกทหารที่เห็นกลัวจนหัวหดวิ่งหนีกันไปคนละทาง
ถังหยินใช้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทำการเคลื่อนไหวด้วยวิชาสับเปลี่ยนเงาอีกครั้ง ก่อนไปปรากฏตัวยังข้าง ๆ อู่เหมย
โรนินทั้งสี่กำลังคิดว่าถังหยินจะสู้จนตัวตาย แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะหนีซะงั้น จึงทำให้มีเพียงโรนินสองคนแยกตัวออกไปไล่ตาม
ในตอนนี้ซ่งเทียนกำลังตื่นตระหนกมาก แต่ก็พยายามตีสีหน้าสงบนิ่ง ก่อนมองไปยังทหารที่ถูกระเบิดหายไป “เปลวเพลิง ผีน้ำแข็ง เกิดอะไรขึ้นกัน ?”
อย่างที่โรนินได้พูดเอาไว้ พวกเขาไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรขนาดนั้น มีเพียงนามแฝงที่ใช้เรียกกัน ซึ่งคนที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือ เปลวเพลิง กับ ผีน้ำแข็ง ส่วนคนที่ไล่ตามไปก็คือ ทะลวงเมฆา กับ ถลาลม
จริง ๆ แล้วพลังของพวกเขาไม่เก่งกล้าเท่าถังหยิน แต่การต่อสู้นั้นไม่ได้พึ่งพาแค่ระดับพลังอย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับทักษะการต่อสู้ ความสามารถในการเอาตัวรอด และอื่น ๆ อีกมากมาย
ถังหยินพ่ายแพ้ให้แก่ศัตรูเพราะไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิชาอะไร ในขณะที่อีกฝ่ายล่วงรู้ความลับของเขาทุกอย่าง ซึ่งวิชาที่พวกโรนินใช้ก็ถือได้ว่าเป็นวิชาลับเฉพาะของพวกแสงเท่านั้น
ไม่ว่าถังหยินจะเก่งกาจขนาดไหน จะอยู่ในระดับปราณเทพเจ้าหรืออะไรก็ตาม แต่ถ้าเขาโดนวิชาขั้นสูงของพวกโรนินเข้าไป ยังไงก็มีสิทธิ์ตายได้ในครั้งเดียว แต่ทว่าเขากลับยังไม่ตายเสียอย่างนั้น มันคืออะไรกันแน่ ?
“มันก็แค่พวกผู้ใช้ศาสตร์มืดขอรับ อย่าได้กังวลไป” ทั้งสองตอบกลับแล้วปลดปล่อยปราณกดดันออกมา
ด้วยพลังของพวกเขาที่อยู่ในระดับปราณเทพเจ้า จึงทำให้พวกทหารที่กำลังจะถูกระเบิดหยุดชะงักลงทันที
แล้วจากนั้นผีน้ำแข็งก็กล่าว “ทุกคน ถอยก่อน !”
พวกทหารรีบกรูกันออกไปจากที่นี่ทันที
หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว ทั้งสองก็ทำการปลดปราณกดดันออกทำให้พวกทหารระเบิดตัวต่อ แต่ในครั้งนี้เมื่อไม่มีเชื้อเพลิงให้เกิดการระเบิดอีกครั้ง มันก็ได้หยุดลงจนเหลือแค่เพียงควันสีดำในอากาศ
สองโรนินหยุดการระเบิดได้อย่างชะงัก แต่เพียงชั่วพริบตาก็สามารถก่อความวุ่นวายได้ขนาดนี้ มันก็ย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกผู้ใช้ศาสตร์มืดนั้นเก่งกาจใช้ย่อย
“ช่างเป็นวิชาที่น่าขยะแขยงยิ่ง” แม้พวกเขาจะเข้าใจลักษณะของถังหยินเป็นอย่างดี แต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่เจอมันกับตัวเอง
ในเวลานี้ทั้งวังก็รู้ข่าวการลอบสังหารที่เกิดขึ้นแล้ว ทำให้พวกทหารรีบเข้ามากันมากมาย
พวกทหารเลวไม่คณนามือถังหยินอยู่แล้ว แต่พวกโรนินที่ตามมาคือปัญหาใหญ่
ถังหยินกัดฟันแล้วกระโดดต่อไป ก่อนจะต้องตะลึงที่อู่เหมยยังกอดเขาเอาไว้แน่น
และระหว่างที่เขากำลังลังเลเรื่องเส้นทางหลบหนี สองโรนินก็ตามมาทัน ทำให้ถังหยินไม่มีทางเลือก หันไปใช้มนต์ดำทำลายล้างจิ้มเข้าไปยังลำคอของพวกทหารยามรอบตัว ก่อนส่งพวกเขายกตัวลอยขึ้น เพื่อให้ระเบิดออกกลางอากาศ จนเลือดและเนื้อกระเด็นไปโดนสองโรนินที่กำลังตามมา
ในวินาทีนั้นเอง ทะลวงเมฆากับถลาลมที่โดนเข้าไปเต็ม ๆ ก็เริ่มกรีดร้องออกมา