จ้านอู่ตี้ใช้จังหวะนี้ในการคว้าดาบแล้วพุ่งขึ้นไปบนกำแพงเมืองอย่างดุเดือด ก่อนใช้ดาบในมือปักเข้าไปเพื่อปีนป่าย
อีกเพียงไม่กี่จั้งเท่านั้นเขาก็จะถึงบนสุดของกำแพงแล้ว ทว่าในตอนนั้นก็ได้มีพวกทหารเฟิงที่ยกโล่ขึ้นป้องกัน และตามมาด้วยพลธนูกับนายทหารที่กำลังถือน้ำมันเดือดเดินเข้าไปใกล้กำแพงเมือง
ก่อนเป็นหนึ่งในทหารเฟิงที่ชี้นิ้วออกไปยังตำแหน่งของจ้านอู่ตี้ และร้องตะโกนออกมา “ตรงนั้น !”
เพียงชั่วพริบตาน้ำมันเดือดก็ถูกราดลงมา ทำให้จ้านอู่ตี้กรีดร้องดังลั่น ก่อนที่เขาจะดีดตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่องบนกำแพง พร้อม ๆ กับที่เรียกเกราะปราณขึ้นมาป้องกันตัว
ในช่วงที่จ้านอู่ตี้ปีนขึ้นมา กองทัพเฟิงสามารถใช้น้ำมันเดือดขัดขวางเขาเอาไว้ได้ก็จริง หากแต่นั่นก็ได้เปิดโอกาสให้พวกหนิงเอาบันไดมาวางพาดพิงกำแพงแล้ว ทำให้พวกเข้าต้องหันไปให้ความสนใจในทางด้านนั้นแทน
จ้านอู่ตี้และทหารหนิงพากันปีนขึ้นมาบนกำแพงอย่างยากลำบาก พวกเขาเรียกเกราะและปลดปล่อยอาวุธปราณออกมาไล่ล่าพวกทหารที่อยู่ข้างบนอย่างดุเดือด ซึ่งก็ไม่มีใครสามารถต้านทานได้เลย ทำให้กำแพงทางเหนือแตกพ่ายหมดสิ้น
จ้านอู่ตี้ไม่สามารถใช้พลังทำลายล้างวงกว้างได้ ดังนั้นเขาจึงไล่สังหารทหารเฟิงทีละนายด้วยดาบในมือ และหลังจากที่จัดการไปแล้วบางส่วน เขาก็พลันหันไปเห็นแม่ทัพเฟิงที่อยู่บนกำแพงเมืองด้วยเช่นกัน “หลีกไป ! เจ้านั่นต้องเป็นของข้า !”
ไม่ว่าเปล่า แม่ทัพหนุ่มก็ได้พุ่งเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง กระแทกพวกทหารเฟิงจนกระเด็นออกไปคนละทิศทาง
เพียงชั่วพริบตาจ้านอู่ตี้ก็เข้าถึงตัวซีเฉิน ก่อนจะเปิดปากร้องตะโกนข่มขวัญอีกฝ่ายออกมา “มอบหัวของเจ้ามาให้ข้า !” พร้อม ๆ กันกับที่เหวี่ยงดาบเข้าไปกลางวงล้อมนั่น
พวกเฟิงที่อยู่โดยรอบซีเฉินไม่อาจหลบคลื่นปราณนี้ได้ ทำให้พวกเขาตัวขาดครึ่งในชั่วพริบตา
และถ้าไม่ใช่เพราะไหวพริบของซีเฉินที่ก้มตัวหลบได้ทันเวลา ป่านนี้เขาก็คงตายไปแล้ว
ฟุ่บ !
คลื่นปราณทิ้งรอยแยกบนพื้นเอาไว้ และแม้ซีเฉินจะหลบมาได้แต่ก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมา
จ้านอู่ตี้ไม่รอช้า เขารีบพุ่งเข้าไปแล้วยกดาบขึ้นปัดพวกทหารให้กระเด็นออก ก่อนยกขาขึ้นเหยียบหลังของซีเฉินเอาไว้แล้วเงื้อดาบขึ้นฟาดมันลงมาที่หัวของอีกฝ่าย
ซีเฉินที่ไม่อาจขยับตัวก็ได้แต่รอความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา…
ทว่า ดาบนั่นก็ไม่ได้บั่นคอของเขาลง ด้วยมันถูกกันเอาไว้โดยเคียวสีดำที่เปล่งแสงสีน้ำเงินออกมา อาวุธของถังหยิน !
จ้านอู่ตี้ตะลึงที่เห็นว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวมาอย่างกะทันหัน “เจ้าเป็นใคร ?”
“ไปถามยมบาลเอาก็แล้วกัน !” ไม่ว่าเปล่า ถังหยินพุ่งเข้าคว้าลำคอของอีกฝ่าย จากนั้นก็ทำการโยนเขาขึ้นไปบนอากาศแล้วจึงยกเคียวขึ้นฟาดฟัน
จ้านอู่ตี้โกรธมาก รีบทำการรวมพลังไปที่ดาบเพื่อเพิ่มการป้องกันจนเกิดเสียงดังสนั่น บีบให้ถังหยินต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนที่ร่างของจ้านอู่ตี้จะยืนตั้งท่าบนกำแพงเมืองอย่างมั่นคง
ในขณะที่ฝ่ายจ้านอู่ตี้ตกลงมาแล้วตั้งหลักได้ในทันที ส่วนทางด้านถังหยินกลับต้องถอยไปหนึ่งก้าว เพียงแค่นี้มันก็บอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่าพลังของอีกฝ่ายนั้นเหนือกว่า
ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าไม่ควรประมือกับพวกผู้ใช้แสงไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงรีบถอยออกมาด้วยวิชาสับเปลี่ยนเงาเพื่อไปปรากฏตัวที่ด้านหลังของอีกฝ่ายแทน
จ้านอู่ตี้ใช้ความรวดเร็วที่มี ทำการหมุนตัวตามแล้วเอียงตัวหลบเคียวของถังหยินไปพร้อมกันกับโจมตีสวนกลับไป พวกเขาแลกการโจมตีกันและกัน ซึ่งถังหยินก็ใช้จังหวะนี้เล็งไปยังลำตัวของคู่ต่อสู้
แม่ทัพหนิงสบถด่าในใจ แน่นอนว่าอาวุธประหลาดรวมกับวิชาแปลก ๆ ตรงหน้าเป็นอะไรที่ตัวเขาไม่คุ้นชิน ดังนั้นจึงได้แต่รวบรวมพลัง ก่อนจะกระโดดขึ้นไปข้างบนเพื่อหลบคมเคียว แล้วจึงใช้ดาบหมุนตัวลงฟาดฟันใส่ถังหยิน
ด้วยแรงโน้มถ่วงบวกกับพลังของเขาเอง มันก็ทำให้เกิดเสียงแหวกอากาศที่แสนน่ากลัว ทว่าถังหยินก็หาได้กลัวแต่อย่างใด เขาเพียงเงยหน้าขึ้นมองแล้วโยกตัวหลบก่อนเตะขึ้นสวนกลับไปในชั่วพริบตา
เคร้ง !
ดาบของจ้านอู่ตี้ปักลงบนกำแพงเมือง ทำให้อิฐแตกเป็นเสี่ยง ๆ และก่อนที่จะทันได้ดึงมันออกมา คมเคียวของถังหยินก็ได้เหวี่ยงเข้ามาอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว บีบให้ต้องก้มตัวหลบ หากแต่นั่นก็ทำให้จ้านอู่ตี้โดนถังหยินเตะเข้าที่กลางลำตัวอย่างจัง
และถึงแม้ร่างของเขาจะกระเด็นออกตามแรงเตะก็จริง หากแต่นี่ก็ยังไม่ทำให้เขาเจ็บปวดมากนัก ดังนั้นเมื่อลุกขึ้นมาได้ จ้านอู่ตี้ก็พลันสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนกู่ร้องแล้วฟาดฟันดาบออกไปพร้อมกับวิชาแห่งแสง
เพราะเขาขาดประสบการณ์ต่อสู้กับพวกผู้ใช้ศาสตร์มืด จึงทำให้เขาพลาดอยู่หลายครั้ง ด้วยอีกฝ่ายใช้พลังปราณเพียงนิดเดียวเท่านั้นในการใช้วิชาเคลื่อนย้ายตัวเอง
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เข้าใกล้ถังหยิน ชายหนุ่มก็หายตัวไปเสียแล้วแถมยังโผล่มาข้างหลังเขาอีก ทว่าโชคยังดีที่จ้านอู่ตี้รู้ตัวทันและป้องกันเอาไว้ได้
เมื่อถูกต้อนเข้าไปจนมุม สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือปล่อยคลื่นปราณออกมา
ถังหยินและจ้านอู่ตี้กำลังสู้กันอยู่บนกำแพง ทิ้งให้เช่าหยางกับทหารเฟิงอีก 1 หมื่นนายต้องเร่งรีบเดินทางเข้ามาช่วยเสริมกำลังให้กับกำแพงทางเหนือ จนกระทั่งสถานการณ์ในปัจจุบันดีขึ้นมาได้บ้างเล็กน้อย
พลังของถังหยินไม่ได้เก่งไปกว่าจ้านอู่ตี้ แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจล้มอีกฝ่ายได้ และในทางกลับกัน ถึงจ้านอู่ตี้จะมีพลังที่มากกว่า หากแต่เขาก็ยังขาดประสบการณ์และทักษะการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้ในตอนนี้ไม่มีใครสามารถล้มใครได้ทั้งนั้น
ทั้งสองปะทะกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่รอบตัวสั่นคลอนไปหมด และไม่ว่าจะเป็นพวกหนิงหรือพวกเฟิง พวกเขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้ทั้งสองคนนี้แม้แต่น้อย
ระหว่างที่กำลังประมือกัน หยวนยู่ที่อยู่ตรงกำแพงด้านตะวันออกก็ได้พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วทันทีที่เขาได้ข่าวว่ากำแพงทางเหนือกำลังย่ำแย่ ก่อนที่ปากจะร้องตะโกนบอกกับทหารของตัวเองว่า “พี่น้องทั้งหลาย ! ตามข้ามา เราจะไปฆ่าพวกมันกัน !”
“โอ้ว !!!”