บทที่ 230
ถ้าหากสิ่งที่หลิงเปิงพูดมาจริง งั้นก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับหยวนยู่ ว่าแล้วเขาก็ออกคำสั่งให้ทหารจับหลิงเปิงมัดเอาไว้แล้วส่งไปให้ถังหยินในทันที
หยวนยู่และเช่าหยางเองก็เดินตามไปเช่นกัน เหลือแต่เพียงจี้เฉินที่ยังกังวลว่าพวกหนิงจะลอบโจมตีเข้ามาอีกหรือไม่ จึงได้อยู่ที่กำแพงททางเหนือต่อเพื่อคอยรับมือพวกศัตรู ก่อนจะหันไปสั่งให้พวกทหารในเมืองทำการเอาอาวุธกระแทกกันเอง เพื่อหลอกให้พวกหนิงคิดว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นภายในเมือง
หยวนยู่และเช่าหยางมาถึงกระโจมของถังหยิน หากแต่พวกเขาก็โดนทหารยามขวางเอาไว้ก่อน ทำให้หยวนยู่สงสัย ร้องถามออกไป “เกิดอะไรขึ้น ?”
ทหารยามตอบกลับ “นายท่านกำลังพักผ่อนอยู่ ขอให้ท่านแม่ทัพมาใหม่พรุ่งนี้เช้าเถิด”
“นี่เป็นกิจทหารเร่งด่วน รอไม่ได้หรอก หลีกทางไป !” ไม่มีอะไรจะขวางทางหยวนยู่ได้ เขาพยายามผลักทหารยามออกไป หากแต่อีกฝ่ายก็คงยังยืนยันคำเดิม
พวกทหารด้านหน้าเข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นอย่างดี แต่ในตอนนี้ถังหยินกำลังประกอบกามกิจอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่ง และถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป มันก็มีความเป็นไปได้ที่ชื่อเสียงของถังหยินและกองทัพเฟิงจะป่นปี้
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจากภายใน ประกอบกับทหารที่ยังขวางทางอยู่ มันก็ทำให้หยวนยู่ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ทำการผลักพวกเขาออกไปอย่างแรงในทันที “หลีกทางไปสิวะ !”
ทหารยามถูกผลักกระเด็นออก ก่อนหยวนยู่จะมุ่งหน้าเข้าไปข้างใน
เมื่อเข้ามาได้ เขาก็เห็นจินเหล่ยและชุยหลิงที่นั้งกอดกันอยู่มุมห้อง ทำให้หยวนยู่ตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะเดินไปหลังม่าน
หลังเดินพ้นออกมา เขาก็พบเข้ากับศพที่อยู่บนพื้นกับถังหยินที่เปลือยกายอยู่กับยั่วหลิงที่เพิ่งจะสลบไปด้วยความเหนื่อยล้า
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทหารยามถึงห้ามเขาเอาไว้ หากแต่หยวนยู่ก็ไม่ได้คิดอะไร รีบรายงานเรื่องราวทั้งหมดในทันที “นายท่าน แม่ทัพหนิงลอบเข้ามาในเมืองแล้วถูกพวกเราจับได้”
ถังหยินที่เห็นหยวนยู่เข้ามาแบบนั้นก็เอาผ้าห่มไปคลุมให้กับยั่วหลิง ก่อนจะยืนขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้า “พวกมันมีกันกี่คน ?”
“ทั้งหมดถูกข้าจัดการไปแล้ว ส่วนตัวหัวหน้าถูกเช่าหยางและข้าจับเอาไว้ด้านนอกนั่น” หยวนยู่กล่าวพลางยื่นเสื้อผ้าให้กับชายหนุ่ม
“ฆ่ามันไปก็ดีแล้ว จะเอามาให้ข้าทำไม ?” ถังหยินใส่เสื้อผ้าที่รับมาทันที
“มันมีข้อมูลของพวกหนิงมาด้วย” หยวนยู่กล่าว
“โฮ่ ? งั้นก็พาเขาเข้ามา” ถังหยินรีบบอกทันที
หยวนยู่รับคำแล้วกลับออกไปทันที โดยไม่แม้แต่จะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นภายในนี้
ไม่นานนักถังหยินก็แต่งตัวเสร็จสิ้นและเดินออกมาจากหลังม่าน ก่อนที่ชายหนุ่มจะเห็นเข้ากับหลิงเปิงที่กำลังคุกเข่าอยู่ แล้วจึงเดินไปเรียกทหารยามพร้อมกับกระซิบบอกให้ไปพาเย่เหล่ยมาดูแลยั่วหลิง
เมื่อฝากฝังเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็หันกลับมามองหลิงเปิงแล้วถาม “เจ้าคือแม่ทัพของพวกหนิงสินะ ?”
“ชะ ใช่แล้วท่านถัง” ไม่ว่าหลิงเปิงจะโง่แค่ไหน แต่เขาก็พอจะเดาได้ในทันทีว่าชายคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือถังหยินอย่างแน่นอน
“เจ้าบอกว่ามีทหารหนิงซุ่มโจมตีอยู่รอบเมืองใช่หรือไม่ ?”
“ถูกต้องขอรับ”
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร ?”
“ข้าน้อยมิบังอาจโกหกท่านหรอก”
โดยไม่รอช้า ถังหยินก็ส่ายหัวแล้วเดินเข้าไปใกล้เขา “คำพูดที่มาจากปากน่ะข้าไม่เชื่อหรอก มันต้องออกมาจากใจจริง”
“ท่านหมายถึง…”
ถังหยินยื่นมือออกมาแล้วจุดไฟสีดำน้ำเงินขึ้น “เอาหัวใจของเจ้ามาแล้วข้าจะเชื่อ” ว่าแล้วเขาก็วางมือลงบนหัวของหลิงเปิง
แม่ทัพหนิงไม่มีทางที่จะทนพลังของไฟนี้ได้อยู่แล้ว เขาถูกเผาไหม้ตั้งแต่หัวจรดเท้าจนลงไปกลิ้งอยู่บนพื้น
ก่อนที่ร่างของเขาจะนอนอยู่บนพื้นแน่นิ่ง ไม่อาจขยับได้อีก
ไฟของถังหยินทำให้ทุกคนตะลึงยิ่ง ด้วยมันเป็นวิชาที่แปลกมาก และแม้ว่าเขาจะใช้มันบ่อยครั้งในสนามรบ หากแต่มันก็ยังสร้างความประหลาดใจได้อยู่ดี
หลังจากที่ใช้เพลิงผลาญวิญญาณไปแล้ว ชายหนุ่มก็ทำการดูดกินพลังชีวิตและปราณทั้งหมดของหลิงเปิงเข้าไป จากนั้นถังหยินก็พลันนั่งสมาธิเพื่อเรียบเรียงความทรงจำของอีกฝ่าย “เขาพูดถูก มีพวกหนิงดักรอเราอยู่ที่นอกเมือง จ้านอู่ฉาง ! ในเมื่อเจ้ากล้าทำแบบนี้ งั้นก็อย่าหวังเลยว่าพวกเราจะยอมนิ่งเฉย ! หยวนยู่ เช่าหยาง ตามข้าไปจัดการพวกมันกัน !”
“ขอรับนายท่าน”
หยวนยู่และเช่าหยางรับคำสั่งแล้วเดินตามถังหยินออกไปทางเหนือ
ตอนนี้ค่ายเฟิงเต็มไปด้วยเสียงร้องระงม ก่อนที่จี้เฉินจะวิ่งเข้ามาหาเขา “นายท่าน !”
ถังหยินกวาดสายตาไปทั่วด้วยความสงสัย แต่ทว่าชายหนุ่มก็ไม่เห็นศัตรูเลยสักคน ดังนั้นจึงได้ถาม “เกิดอะไรขึ้นแม่ทัพเฉิน ?”
“ข้าเกรงว่าถ้าเมืองเงียบจะทำให้พวกมันสงสัย ก็เลยสั่งให้พวกทหารตีกันเอง เพื่อทำให้พวกมันคิดว่ากำลังเกิดความวุ่นวายในค่ายของเรา”
ถังหยินชื่นชมในความฉลาดของเขาแล้วกลอกตาไปยังลูกน้องทั้งสอง “ข้าจะใช้ร่างแยกแปลงเป็นแม่ทัพหนิงแล้วกระโดดออกไปนอกกำแพง เพื่อหาทางจัดการแม่ทัพพวกมัน ส่วนพวกเจ้าก็จงทำเป็นไล่ตามข้ามาก็แล้วกัน”
หยวนยู่และเช่าหยางรับคำอีกครั้ง “แล้วเราจะพาทหารเท่าไหร่ไล่ตามนายท่านไปดี ?”
“ 5 พันนายก็พอแล้ว” ถังหยินตอบด้วยรอยยิ้มแล้วลงจากม้าเดินขึ้นไปข้างบน
หยวนยู่และเช่าหยางตามถังหยินไปพร้อม ๆ กับทหารจำนวน 5 พันนาย
ในชั่วขณะที่เขาก้าวเดิน ชายหนุ่มก็ได้ปล่อยร่างแยกออกมาแล้วแปลงมันให้กลายเป็นหลิงเปิง ก่อนจะแกล้งทำเป็นวิ่งหนีพวกทหารเฟิงจนมาถึงด้านบนกำแพงเมือง
เขาลังเลอยู่นานก่อนจะทำเป็นสู้กับพวกทหารเฟิงสักพัก แล้วจึงทำทีเป็นถูกบีบให้ต้องกระโดดลงจากกำแพงอย่างจำใจ
หลังจากที่ร่างของเขาลงไปบนพื้น ทหารเฟิงก็จะโกนออกมา “มันหนีไปแล้ว ! ยิงธนูใส่มันเลย !”
จากนั้นทั้งเมืองก็วุ่นวายไปหมด
ร่างแยกใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวก็วิ่งผ่านพงหญ้าที่หลงซิงและเติงหนานซ่อนอยู่ไป พร้อม ๆ กันกับที่ปากร้องตะโกนลั่นไปด้วยไม่หยุด “แม่ทัพหลง แม่ทัพเติง ช่วยข้าด้วย !”
ถึงเติงหนานจะอยากช่วยหลิงเปิงมากขนาดไหน แต่เขาก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเขาได้ยินเสียงการปะทะกันจากในเมืองที่ดูวุ่นวายราวกับว่ามีทหารจำนวนมากกำลังสู้กันอยู่ และถ้าเป็นไปได้ เขาก็ไม่อยากปะทะกันโดยไม่จำเป็น