หวังซ่าวเจี๋ยกล่าวอย่างหงุดหงิด “เอาเถอะเลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว รีบขึ้นรถมาไปทักทายแขกที่โรงแรมกันก่อน รองานเลี้ยงวันนี้จบลงแล้วก้มหน้าก้มตายอมรับบทลงโทษแต่โดยดีเถอะจากนั้นค่อยฟังคำสั่งของคุณย่าเรื่องการหย่าของนาย”
แววอาฆาตแค้นฉายชัดในดวงตาเย่เฉิน “บอกแล้วไงว่าไม่ไป!”
หวังซ่าวเจี๋ยเองโกรธมากเช่นกัน “ไอ้ขยะเอ้ย ฉันว่านายคันเนื้อคันตัวอยากโดนตีใช่ไหม?”
หวังซ่าวเจี๋ยพูดพลางเปิดประตูรถลงมาแล้วเดินตรงดิ่งไปหาเย่เฉินที่อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะถีบเข้าโครม!
แต่คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะเป็นคนเก่ง เขาผลักมอเตอร์ไซค์ลงพื้นแล้วหลบเท้าที่ประเคนเข้ามาของหวังซ่าวเจี๋ยได้สำเร็จ
หลังจากที่เย่เฉินลงมาจากมอเตอร์ไซค์ก็พุ่งไปถีบเข้าที่ท้องของซ่าวเจี๋ยอย่างแรง!
โครม!
เดิมหวังซ่าวเจี๋ยเป็นคุณชายเจ้าสำราญ มีสาวๆ ไม่เคยขาด ร่างกายอ่อนแอปวกเปียกดังนั้นจึงกระเด็นลอยไปไกลเมื่อโดนฝ่าเท้าของเย่เฉินเข้า
“แก…แกไอ้เดียรัจฉาน กล้าลงมือทำร้ายฉันเหรอ!”
หวังซ่าวเจี๋ยตกใจ สามปีที่ผ่านมานี้เขาเคยรังแกเย่เฉินมาก็ไม่น้อย
ถึงจะโดนรังแกต่อหน้าคนทั้งครอบครัวหวังเจียเหยาแต่เย่เฉินก็ไม่กล้าสู้กลับ
ทว่าวันนี้คิดไม่ถึงว่าเขยที่แต่งเข้าอย่างเย่เฉินจะซ้อมว่าที่ผู้สืบทอดตระกูลหวังอย่างเขา!
หวังซ่าวเจี๋ยลุกขึ้นแล้วยิบเอามีดปอกผลไม้จากที่เก็บของด้านหลังของรถมาเซราติออกมาแล้วพูดเสียงกร้าว
“ฉันจะสั่งสอนแกแทนคุณย่าเอง เดี๋ยวพ่อจะซ้อมให้ตายเลย!”
สวบ สวบ สวบ!
หวังซ่าวเจี๋ยสะบัดมือใส่เย่เฉินแต่เขาหลบพ้นอย่างง่ายดาย
เย่เฉินเคยเรียนวิชาป้องกันตัวตั้งแต่ห้าขวบแล้วฝึกฝนมาตลอดสิบกว่าปีไม่เคยขาด อีกทั้งคุณครูที่เชิญมาสอนก็เป็นสุดยอดฝีมือทั้งในและต่างประเทศ
แค่หวังซ่าวเจี๋ยกับมีดปอกผลไม้ทำอะไรเย่เฉินไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว!
เย่เฉินลงมือว่องไวราวสายฟ้า เสียงดังพั่บ เขาฟาดลงบนมือที่กำมีดของหวังซ่าวเจี๋ยแล้วมีดปอกผลไม้ก็ร่วงลงบนพื้นทันที
หวังซ่าวเจี๋ยยังไม่ทันหดมือกลับ เย่เฉินก็ใช้มวยหย่งชุนประเคนหมัดใส่หน้าหวังซ่าวเจี๋ย
ผลั่ก ตุ้บ ผลั่ก ผลั่ก
หวังซ่าวเจี๋ยล้มลงบนพื้น ไม่กล้าลงมือทำร้ายเย่เฉินอีก
เย่เฉินเหลือบตามองหวังซ่าวเจี๋ย “กลับไปบอกคนในบ้านนาย ฉันไม่ใช่สุนัขที่จะเชื่อฟังคำสั่งของคนแซ่หวังอีกต่อไป นอกเสียจากว่าฉันเลือกจะไปเองไม่อย่างนั้นใครก็อย่าคิดจะสั่งฉัน!”
พูดจบเย่เฉินก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปส่งอาหารต่อ
หวังซ่าวเจี๋ยโดนต่อยจนหน้าบวมเขียวแต่เขาเลือกที่จะไม่ไปโรงพยาบาล นี่ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ความเห็นใจจากคุณย่า เขาย่อมไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือแน่
เขาพาร่างกายบาดเจ็บมาวิลล่าที่ซีซาน ตอนนี้พวกคุณนายหวังกำลังจะออกจากวิลล่าเพื่อไปรอต้อนรับแขกที่โรงแรมพอดี
“ซ่าวเจี๋ยกลับมาแล้ว”
มารดาของหวังซ่าวเจี๋ย จางซู่ซินเห็นมาเซราติสีเหลืองที่คุ้นตาขับเข้ามาก็รีบชี้ไม้ชี้มือบอกคุณนายหวังทันที
คุณนายหวังยิ้มน้อยๆ แล้วผงกศีรษะ “ซ่าวเจี๋ยนี่ได้การได้งานที่สุดแล้ว”
ทุกคนคิดว่าหวังซ่าวเจี๋ยจะพาตัวเย่เฉินกลับมาด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าหวังซ่าวเจี๋ยกลับลงมาจากรถคนเดียวแถมใบหน้ายังเต็มไปด้วยบาดแผล!
คุณนายหวังเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง ในตระกูลหวังรุ่นที่สามนี้มีหวังซ่าวเจี๋ยเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวหากว่าเขาเป็นอะไรขึ้นมา ตระกูลหวังก็ไม่มีทายาทแล้ว!
“คนดีของย่า ทำไมหลานถึงได้โดนซ้อมจนมีสภาพแบบนี้? ใครทำร้ายแก?” คุณนายหวังโพล่งถามอย่างร้อนใจ
หวังซ่าวเจี๋ยฟ้องทันที “คุณย่าครับ ก็สามีขยะของหวังเจียเหยาน่ะสิครับ ซ้อมผม!”
“อะไรนะ?” หวังจื้อเฉียงหัวเสีย เขาตำหนิครอบครัวหวังเจียเหยาทันที “ลูกเขยไร้ประโยชน์ของพวกนายถึงกับกล้าทำร้ายซ่าวเจี๋ยเชียวเหรอ! เรื่องนี้พวกนายต้องจัดการให้ฉัน!”
หวังจื้อเฉียงและซูหลานเองก็ลนลานเช่นกัน เย่เฉินถือเป็นเขยของพวกเขาดังนั้นเรื่องนี้พวกเขาจึงมีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย
“ลูกเขยขยะคนนี้ทำเป็นแต่หาเรื่องเดือดร้อนให้พวกเรา ฉันเจอเขาเมื่อไหร่ล่ะก็ตบปากแหกแน่!” ซูหลานกล่าวอย่างหงุดหงิด
“แจ้งตำรวจดีไหมครับ คุณย่า?” หวังซ่าวเจี๋ยเอ่ยถามคุณนายหวัง
แต่คุณนายหวังไม่ใช่คนที่ชื่นชอบจะพบเจอกับตำรวจเท่าไหร่นัก
“นี่ถือเป็นเรื่องในครอบครัว ฉันจะต้องให้เขาโดนลงโทษตามที่เขาสมควรต้องได้รับแน่นอน!”
จากนั้นคุณนายหวังจึงหันไปมองหวังจื้อเฉียงแล้วเอ่ย
“จื้อเฉียง แม่รู้ว่าแกรู้จักเพื่อนที่ทำงานใต้ดิน ให้พวกเขาสั่งสอนเศษสวะนั่นให้สาสมหน่อยแล้วเอาตัวมันกลับมาให้ฉัน!”
“ครับ!”
หวังจื้อเฉียงเห็นบาดแผลบนใบหน้าบุตรชายก็อยากจะถลกหนังเย่เฉินใจจะขาด เขารีบโทรหาเพื่อนทันที
ครึ่งชั่วโมงต่อมา บริเวณบันไดของเขตบางแห่ง
นี่คือตึกที่มีหลายชั้นแต่ไม่มีลิฟต์ เย่เฉินเพิ่งจะส่งอาหารเสร็จ เตรียมจะเดินลงจากตึก
แล้วทันใดนั้นเองมีชายร่างกำยำสองคนนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยสักสูงมากกว่า 185 เซนติเมตร น่าจะหนักประมาณ 100 กิโลกรัม!
“เย่เฉินใช่ไหม? ไปกับพวกเราหน่อย”
หนึ่งในชายที่มีรอยสักกล่าว
เย่เฉินปรายตามองสองคนนั้น แล้วรู้ได้เลยว่าสองคนนี้จะต้องเป็นคนที่ตระกูลหวังส่งมา
เย่เฉินกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้ส่งอาหารดังนั้นฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เย่เฉินเป็นคนแน่วแน่ เขาถูกแต่งตั้งเป็นประธานผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปแล้ว วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายจริงๆ ที่เขาจะได้ส่งอาหาร
งานไม่แบ่งรวยหรือจน เขาอยากจะทำงานส่งเดลิเวอรี่ของเขาให้สมบูรณ์
“พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ลงไม้ลงมือ!”
แล้วชายร่างยักษ์สองคนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงแต่ลงไม้ลงมือทันที!