ซ่งหงเย่เป็นกุนซือของหวังเจียเหยา ความตั้งใจหลักของหล่อนก็คือจะให้หวังเจียเหยางอแงไม่ยอมเลิกรา ประสบการณ์ของหล่อนถือว่าโชกโชน เข้าใจผู้ชายเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าบรรดาผู้ชายส่วนมากแล้วก็ปากแข็งแต่ใจอ่อนกับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ เป็นฝ่ายขอโทษอ้อนวอน พวกเขาก็จะยอมอ่อนลงให้อย่างรวดเร็ว
ซ่งหงเย่แสร้งทำเป็นประหลาดใจรีบเดินกลับเข้าไปในวิลล่าแล้วกล่าวกับเย่เฉิน “เย่เฉิน ดูสิเจียเหยาคุกเข่าขอโทษนายอีกแล้ว บอกว่าถ้านายไม่ยอมให้อภัยจะไม่ลุกเด็ดขาด”
“ฉันเพิ่งจะดูพยากรณ์อากาศเดี๋ยวฝนจะตกหนัก นายให้อภัยหล่อนก่อนเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวฝนตก หล่อนคุกเข่าอยู่อย่างนั้นจะทำยังไง? สามปีที่ผ่านมานายดูแลหล่อนดีขนาดนั้น กระทั่งไอหรือเป็นหวัดก็ไม่เคย คงไม่อยากจะให้หล่อนป่วยหรอกมั้ง?”
ซ่งหงเย่รู้ดีอย่างยิ่งว่าหากหวังเจียเหยาป่วย เย่เฉินจะต้องเจ็บปวดใจมากทีเดียว
ซึ่งมันก็จริงที่เขาจะเจ็บปวดใจ แต่เขาจะให้อภัยอีกฝ่ายเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้!
การทรยศเป็นปัญหาทางศีลธรรม หากให้อภัยไปแบบนี้ เช่นนั้นสิ่งที่หล่อนต้องชดใช้ให้กับความผิดครั้งนี้ก็ออกจะน้อยเกินไป!
เย่เฉินจำได้ว่าเมื่อตอนที่มา ฟ้าใสดาวเต็มฟ้าจึงคิดว่าฝนไม่น่าตกจึงกล่าวออกไปว่า
“อยากคุกเข่าก็คุกเข่าไปเถอะไป!”
พูดจบเขาก็เดินขึ้นบ้านไปอย่างไร้เยื่อใยและเดินเข้าไปในห้องนอนที่ชั้นสาม
ซ่งหงเย่เดินออกไปแล้วแสร้งทำเป็นโน้มน้าวหวังเจียเหยาแต่ก่อนจะไปกลับบอกหวังเจียเหยาว่า
“สู้ๆ นะเพื่อนสาว!”
เวลาผ่านไปราวสิบนาที เกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น เย่เฉินเดินไปข้างหน้าต่างในห้องนอนชั้นสามของตนเอง แล้วจึงเห็นว่าท้องฟ้าปลอดโปร่งที่เต็มไปด้วยแสงดาว ตอนนี้ไม่มีดาวสักดวง
แต่ท้องฟ้ากลับดำอึมครึมแทน
แปะๆ
สายฝนตกลงไม่หยุด
“วันนี้เป็นวันที่อากาศประหลาดบ้าบอที่สุดที่เคยเจอเลย”
เย่เฉินพึมพำ เขาจำได้ว่าตอนดูพยากรณ์อากาศเมื่อเช้าไม่เห็นมีรายงานเลยว่าคืนนี้ฝนจะตก
เขาคิดว่าบางทีอาจเพราะสวรรค์เห็นผู้หญิงมีชู้อย่างหวังเจียเหยาคุกเข่าอยู่กลางแจ้งถึงได้ตัดสินใจให้ฝนตกเพื่อทำโทษหญิงสาว!
สายฝนเม็ดเล็กตกกระทบลงบนเรือนผมยาวสลวยของหวังเจียเหยากระทบลงบนวงหน้ารูปไข่ที่งดงามของหล่อนบนกระโปรงราคาแพงของหล่อนด้วย
เย่เฉินยืนมองเจ้าหล่านผ่านช่องหน้าต่างบนชั้นสาม
เพราะหล่อนคุกเข่ากลางแสงไฟ ดังนั้นถึงอยู่ในความมืดแต่เขาก็มองเห็นเจ้าหล่อนได้อย่างเต็มตา
ในวินาทีนี้เย่เฉินมองอดีตภรรยาตากฝน เขาไม่รู้สึกสงสารแต่กลับมีความสุขที่ได้แก้แค้นด้วยซ้ำไป!
“ทุกคนต่างก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำ! หวังเจียเหยาคุณคุกเข่าไปเถอะ ผมไม่ใจอ่อนหรอก!” เย่เฉินพึมพำกับตนเองในห้อง
แล้วฝนก็ค่อยๆ ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ลมก็เริ่มแรงขึ้นทุกที!
ฝนเม็ดใหญ่ตกกระทบร่างหวังเจียเหยาอย่างบ้าคลั่งจนหญิงสาวเปียกปอนไปทั้งตัวอย่างรวดเร็ว!
เรือนผมหล่อนเปียกโชกเรือนผมแบนแนบลู่ไปไม่เหมือนก่อน
เครื่องสำอางบนใบหน้าก็เลอะไปหมด เครื่องสำอางราคาแพงที่แต่งเป็นชั่วโมงก่อนหน้านี้หายไปไม่เหลือคราบ
ทว่า!
ถึงจะเป็นเวลาแบบนี้เวลาที่ทุกคนควรจะมีสภาพเละเทะสุดๆ ก็ตาม!
เย่เฉินพบว่าหวังเจียเหยาในตอนนี้ก็ยังคงงดงามเหมือนเดิม!
“ผู้หญิงคนนี้เป็นสาวงามในรอบพันปีจริงๆ! เปียกฝนจนมมะล่อกมะแล่กยังสวยแบบนี้!”
มิน่าที่ผ่านมาเขาถึงได้ชอบหล่อนขนาดนี้ก็หล่อนสวยมากจริงๆ
แค่คิดว่าตนเองไม่เคยได้ครอบครองหล่อน เย่เฉินก็รู้สึกเสียดาย!
พูดกันจริงๆ ตอนนี้ที่เย่เฉินหย่ากับหล่อน เขาไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร
เหมือนกับกลอนรอคอยที่ซีมู่หรงเขียน เขาไม่เคยร้องขอให้อีกฝ่ายยกทั้งชีวิตให้เขา เขาขอแค่วินาทีเดียวนั้น ขอแค่ช่วงเวลาที่รักกันอย่าลึกซึ้ง
ซึ่งส่วนที่เย่เฉินเสียดายอย่างยิ่ง!
นั่นก็คือหวังเจียเหยาไม่เคยเป็นผู้หญิงของเขามาก่อน!
เย่เฉินมองเครื่องหน้าที่แสนงดงามชวนเพ้อของหญิงสาว จู่ๆ พลันเกิดความคิดที่ชั่วร้ายขึ้นในใจ
“ควรจะทำตัวเป็นผู้ชายเจ้าชู้สักหน่อยดีไหมนะ? แกล้งทำเป็นให้อภัยหล่อนก่อนแล้วคืนนี้ชวนหล่อนค้างคืน รอจนพรุ่งนี้แล้วค่อยกลับคำเอาดีไหมนะ?”
แต่ความคิดก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น อย่างไรเสียนี่ถือเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชั่วชีวิตของเย่เฉิน
แต่เย่เฉินไม่มีทางจะทำเรื่องแบบนั้น
เขาจึงตัดใจไม่มองหล่อนอีกเลยเพื่อที่ความคิดชั่วร้ายนั้นจะไม่กลายเป็นจริง
และเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนเวลาหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ถึงฝนจะซาลงไปแต่ยังคงไม่หยุดตก
เย่เฉินเดินมาที่หน้าต่างอีกครั้งแล้วพบว่าหวังเจียเหยายังคงคุกเข่าอยู่เลย!
“เฮ้อ”
เย่เฉินถอนหายใจ บางทีเขาอาจจะควรลงไปบอกหวังเจียเหยาที่ด้านล่างว่าไม่ว่าหล่อนจะคุกเข่านานเท่าไหร่ เขาก็ไม่มีทางให้อภัยหล่อน
แต่เขากลัวว่าหวังเจียเหยาจะมาเกาะแกะเขาเหมือนเมื่อครู่
เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วรอต่ออีกสักชั่วโมงหนึ่ง
ในระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้ เย่เฉินเอาแต่มองดูอดีตภรรยา ดูว่าหล่อนแอบโกงไปพักหรือไม่
ทว่าหวังเจียเหยาคุกเข่าไม่ไหวติง!
“หวังเจียเหยา…”
เย่เฉินรู้ว่าหวังเจียเหยาเป็นคนบอบบาง ต่างไปจากคนแข็งแกร่งอย่างฉินหงเหยียน หวังเจียเหยาไม่มีทางทนตากฝนแบบนี้ได้แน่
แล้วเวลาผ่านไปสองนาที จู่ๆ ร่างกายหวังเจียเหยาก็โอนเอนขึ้นมาจริงๆ
เกิดเสียงดังโครมแล้วหวังเจียเหยาเป็นลมล้มพับลงไปกองกับพื้น!
น่าจะเป็นไปตามสัญชาตญาณ เขารีบร้อนวิ่งลงไปด้านล่างวิ่งออกไปที่สวน
“หวังเจียเหยา! หวังเจียเหยา!”
เย่เฉินตบใบหน้าหวังเจียเหยาแล้วพยายามเรียกหล่อนให้ตื่น
แต่หวังเจียเหยากลับดูจะไม่มีสติแต่อย่างใด
เย่เฉินเคยอยู่ในสนามรบ คนแกล้งตายแกล้งเป็นลมไม่มีทางเล็ดลอดสายตาเขาไปได้
ดังนั้นในเวลานี้เย่เฉินจึงแน่ใจได้ว่าหวังเจียเหยาเป็นลมล้มไปจริงๆ
ดังนั้นเขาจึงอุ้มอดีตภรรยากับเข้าไปในวิลล่าแล้ววางหล่อนไว้บนโซฟาชั้นหนึ่ง
พูดไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เย่เฉินได้อุ้มหวังเจียเหยา
เป็นสามีภรรยากันมาสามปี ในที่สุดเย่เฉินก็ได้รับเกียรตินี้!
พอคิดถึงตรงนี้เย่เฉินก็รู้สึกแสลงใจอย่างอดไม่ได้!
“คุณชาย” เมื่อคนใช้ได้ยินเสียงจึงเดินมาจากห้องตนเอง
เย่เฉินรับผ้าขนหนูจากคนรับใช้ แล้วเช็ดน้ำฝนบนร่างกายอดีตภรรยาพร้อมกับกล่าวกับคนรับใช้
“โทรไปหา 120”
“ค่ะคุณชาย”
รถพยาบาลมาถึงอย่างรวดเร็ว แล้วหมอก็หามหวังเจียเหยาเข้าไปในรถ
ก่อนรถจะไปเย่เฉินก็กำชับพยาบาลเอาไว้ “เดี๋ยวพอเธอตื่นช่วยอย่าบอกนะครับว่าผมเป็นคนอุ้มเธอเข้าบ้าน พวกคุณบอกว่ารับเธอมาจากที่สวนบ้านผมแล้วกัน”
พยาบาลมีท่าทีงุนงงแต่ก็รับคำ “อ้อได้ค่ะ”
จากนั้นเย่เฉินก็เอาเบอร์ของคนในครอบครัวหวังเจียเหยาไปกับเจ้าหน้าที่พยาบาลผู้นี้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ โรงพยาบาลอวิ๋นโจว
หวังเจียเหยากดเรียกแท็กซี่ หล่อนได้สตินานแล้ว
แต่ซ่งหงเย่รวมไปถึงคนที่บ้านต่างก็มากันหมดแล้ว
หวังเจียเหยาไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่โดนไอหนาวก็เท่านั้นและคนที่บ้านก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นแต่อย่างใด
พวกเขาสนใจว่าหวังเจียเหยาไปหาเย่เฉินแล้วผลเป็นอย่างไรมากกว่า
ซูหลานถาม “เจียเหยาคุยกับเย่เฉินแล้วเป็นยังไงบ้าง?”
หวังเจียเหยาพูดพลางร้องไห้กระซิก “เย่เฉินเขาใจแข็งมากเลย หนูคุกเข่าตั้งสองชั่วโมง แต่เขาก็ไม่ยอมให้อภัยหนู!”
ซ่งหงเย่ปรายตามองหวังเจียเหยาแล้วถามพยาบาล “ตอนพวกคุณรับหล่อนมา หล่อนเป็นลมอยู่ในบ้านหรือในสวนน่ะ?”
พยาบาลลังเลอยู่นานเห็นหวังเจียเหยาน่าสงสารขนาดนี้ ในใจก็ไม่ใคร่จะพอใจเย่เฉินนัก
“จริงๆ เลย คนรวยทำแบบนี้ก็ได้เหรอ? คิดไม่ถึงว่าจะให้ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ต้องมาคุกเข่าขอโทษผู้ชายด้วย! ฉันไม่เชื่อฟังเขาหรอก!”