บทที่ 2 ภรรยาหายไป
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เอื้อมมือไปหาถวนถวน ซึ่งกำลังทำหน้าตาสับสน
“เอ๊ะ? ไม่ ไม่เอา ไม่…แง…”
จู่ ๆ เด็กน้อยก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยพร้อมกับพยายามซุกหน้าเข้าไปในอ้อมอกของพี่เลี้ยงหนิง
“ถวนถวน ไม่เป็นไร ๆ ไม่ต้องร้อง โอ๋ ๆ ป้าอยู่ตรงนี้ ๆ” พี่เลี้ยงหนิงพยายามลูบหลังของถวนถวน ปลอบให้เด็กน้อยหยุดร้องไห้
“เด็กสาวคนนี้เอาแต่เปิดอัลบั้มดูรูปพ่อกับแม่ทุกวันตลอดเวลาที่ผ่านมา 3 ปี ทำไมพอถึงเวลาเจอตัวจริง ๆ กลับร้องไห้กลัวแบบนี้กันล่ะเนี่ย?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกว่ามันเหมือนมีมีดนับพันเล่มมาแทงตรงกลางอกตรงลึกเข้าไปถึงขั้วหัวใจของเขา มันเจ็บปวดจนเขาแทบจะทรุดลงไปที่พื้น
ในตอนที่เขาจากไป ตอนนั้นถวนถวน ยังเป็นแค่เด็กแบเบาะที่ยังพูดและเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ เมื่อโตขึ้นมาเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้กลับเอาแต่นึกฝันถึงหน้าพ่อแม่ที่หายไปตลอดเวลา
ประสบการณ์แบบนี้มันคงเลวร้ายกับเด็กตัวเล็ก ๆ แบบนี้เป็นอย่างมาก
เขาผู้เป็นพ่อแท้ ๆ แทบไม่อาจจะรับตัวเองได้เลยที่เป็นต้นเหตุสร้างแผลในจิตใจให้กับลูกของเขาแบบนี้
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด 3 หมื่นปี แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่ ความทุกข์ทรมานที่เขาได้รับมันคงไม่สามารถเทียบได้กับแผลที่เกิดขึ้นในใจของลูกสาวตัวน้อยของเขาแน่นอน
ท้ายที่สุดถวนถวนก็ยังคงไม่เอ่ยคำว่า ‘พ่อ’ ออกมาเรียกอวี้ฮ่าวหราน ดังนั้นพี่เลี้ยงหนิงจึงพาเด็กสาวกลับไปที่ห้องนอนและกล่อมให้หลับไปในที่สุด
อวี้ฮ่าวหรานมองไปรอบ ๆ ห้องคอนโดซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของเขาเมื่อ 3 หมื่นปีก่อน
มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
แต่แล้วเมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ และมองตัวเองในกระจก เขาก็ต้องตกตะลึงพร้อมกับเข้าใจแล้วว่าทำไมถวนถวนถึงเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมเข้าใกล้เขา
สภาพของเขาตอนนี้มันไม่ต่างอะไรกับขอทานข้างถนนที่ไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือนเลยแม้แต่น้อย!
อวี้ฮ่าวหรานรีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าตู้เดิมและหยิบเสื้อผ้าของเขาที่ยังคงอยู่เหมือนเดิมออกมา และรีบไปอาบน้ำพร้อมกับเอากรรไกรมาตัดผมที่รกรุงรังให้ดูดีเข้ากับสมัยปัจจุบันมากขึ้น
จากนั้นในเวลาเดียวกับที่เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ และเดินออกมาจากห้องนอนเดิมที่เคยเป็นของเขากับภรรยา เสียงประตูทางเข้าก็เปิดขึ้นพร้อมกับเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ตะโกนขึ้นว่า “ถวนถวน น้ากลับมาแล้ว…”
วินาทีต่อมา หญิงสาวอายุราว 20 ต้น ๆ หน้าตาสะสวยรูปร่างผอมบางไร้ที่ติ ผิวพรรณเรียบเนียนขาวผ่องราวกับกับหยกคนหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตาของอวี้ฮ่าวหราน
เธอคนนี้เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับกระเป๋าสะพายสีดำแบรนด์หรู แต่สีหน้าของเธอนั้นดูเหนื่อยล้าราวกับว่าเพิ่งผ่านเรื่องยาก ๆ มา
“หลี่หรง?”
อวี้ฮ่าวหราน และหญิงสาวที่เพิ่งเข้าห้องมามองหน้ากันด้วยอาการตกตะลึงอยู่พักใหญ่
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ภรรยาของเขาที่เขาคิดถึงมาเป็นหมื่น ๆ ปี แต่เป็นน้องสาวของภรรยาเขาเอง และเธอชื่อหลี่หรง!
เมื่อสามปีที่แล้วเท่าที่อวี้ฮ่าวหรานจำความได้ หลี่หรงยังเป็นสาวน้อยซุกซนร่างอวบที่มักจะติดสอยห้อยตามภรรยาของเขาอยู่บ่อย ๆ และเธอเป็นคนคนเดียวในตระกูลหลี่นอกเหนือจากภรรยาของเขาที่ให้ความเคารพแก่เขา และยอมเรียกเขาว่าพี่เขยด้วยความเต็มใจ
เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมากที่เวลา 3 ปีมันเปลี่ยนแปลงผู้หญิงคนนี้ไปมากขนาดนี้
“อวี้ฮ่าวหราน!!” ทันทีที่หลี่หรงได้สติเธอตะโกนขึ้นเสียงดังลั่นทันที พร้อมกับจ้องไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาโกรธจัด
ต้องรู้เอาไว้ว่าถึงแม้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะไปอยู่ในดินแดนแห่งเทพมา 3 หมื่นปี แต่ปัจจุบันนี้ร่างกาย และหน้าตาของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก มันจึงทำให้ใคร ๆ ก็สามารถจำเขาได้ง่าย ๆ ทันทีเมื่อเห็นหน้า
“ที่แท้นายก็ยังไม่ตายจริง ๆ ไอ้คนเลว!” หลี่หรงยังคงตะโกนเสียงดังลั่น แต่คราวนี้เธอไม่ตะโกนเฉย ๆ แล้ว เธอวิ่งเข้ามาหาอวี้ฮ่าวหราน และเหวี่ยงกระเป๋าใบหรูเข้าไปที่หน้าของฝั่งตรงข้ามสุดแรง
ผัวะ!!
แน่นอนว่ากระเป๋าที่ถูกเหวี่ยงมาโดยมนุษย์ธรรมดาไม่มีทางที่จะทำอะไรอวี้ฮ่าวหรานได้ เขาหยุดมันด้วยมือแบบสบาย ๆ
ในทางกลับกัน หลี่หรงยิ่งโกรธมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามปัดกระเป๋าของเธอออกไปแบบหน้าตาเฉย คราวนี้เธอถอดส้นสูงของตัวเองแล้วจับมันฟาดไปที่หน้าอวี้ฮ่าวหรานอีกรอบ
“อวี้ฮ่าวหราน ไอ้สารเลว แกตกหน้าผาไปไม่ใช่หรือไง ทำไมแกถึงยังไม่ตายอีก!”
“แกรู้ไหมว่าพี่สาวของฉันหายตัวไป 2 ปีแล้วเพราะออกไปตามหาแก ทำไมแกถึงไม่ตาย ๆ ไปซะในตอนนั้น!!”
“เอาพี่สาวของฉันคืนมาไอ้คนสารเลว!!!”
เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานยังคงหลบส้นสูงของตัวเองได้อีก คราวนี้หลี่หรงไม่ใช้อาวุธใด ๆ ช่วยอีกแล้ว เธอพุ่งตัวไปหาอวี้ฮ่าวหราน และประเคนทั้งหมัดและแข้งไปยังฝ่ายตรงข้ามด้วยความเดือดดาล
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกงงงวย
เขาไม่คิดว่าการพบกันครั้งแรกหลังจากที่เขากลับมาน้องภรรยาผู้ที่เคยดีต่อเขามาก ๆ เมื่อในอดีตจะแปลงกายเป็นเสือร้ายโจมตีเขาด้วยวาจา และร่างกายแบบไม่หยุดหย่อนขนาดนี้
อวี้ฮ่าวหรานหลบหมัด และแข้งของหลี่หรงอย่างรวดเร็วโดยการเอนกายแค่เพียงเล็กน้อยไปมา
เขากลัวว่าเขาจะทำให้หลี่หรงบาดเจ็บ
ต้องรู้เอาไว้ว่าร่างกายของเขาคือร่างเทวะ ซึ่งมันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้าซะอีก หากหมัดและแข้งของหลี่หรงมากระแทกเข้าไปล่ะก็ กระดูกของทั้งมือและขาของน้องภรรยาผู้นี้ก็น่าจะหักได้อย่างไม่ยากเย็น
เมื่อได้ยินเสียงโวยวายของหลี่หรง พี่เลี้ยงหนิงก็รีบวิ่งออกมาจากห้องครัวเพื่อมาดูทันที จากนั้นเธอก็รีบเข้ามาห้ามปราม “คุณหรงใจเย็น ๆ ก่อน…”
“น้าขา…” จู่ ๆ เสียงเล็ก ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางความขัดแย้ง “ถวนถวนเฝ้าฝันถึงคุณพ่อมาตลอด คุณน้าอย่าทุบตีคุณพ่อจะได้ไหมคะ ถวนถวนกลัวคุณพ่อจะโกรธแล้วไม่มาเจอกับถวนถวนอีก…ถวนถวนไม่อยากให้คุณพ่อหายไปอีกแล้ว…”
หลี่หรงหยุดทันทีเมื่อได้ยินเสียงนี้ เธอหันหน้าไปมองเด็กสาวด้วยสีหน้าปั้นยาก เพราะตอนนี้เด็กสาวกำลังยืนอยู่ที่ประตูห้องนอนด้วยผมเผ้ายุ่งเหยิง และดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา
หลี่หรงรีบพุ่งเข้าไปกอดถวนถวนทันทีพร้อมกับพูดปลอบว่า “มะ ไม่ต้องห่วงถวนถวน ไม่ต้องกลัว…หยุดร้องไห้นะเด็กดี โอ๋ ๆ”
หลังจากพูดจบ หลี่หรงหันกลับมาส่งสายตาอาฆาตให้กับอวี้ฮ่าวหรานอีกรอบหนึ่งก่อนที่จะพาถวนถวนกลับเข้าห้องไปนอน
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้สนใจอะไรกับท่าที และอารมณ์ของหลี่หรงแม้แต่น้อย ตอนนี้ในสมองของเขามันมีแต่ประโยคคำพูดของถวนถวนดังกึกก้องอยู่เรื่อย ๆ
เขารู้สึกทั้งยินดี และเจ็บปวดใจไปพร้อม ๆ กัน
ในที่สุดถวนถวนก็เรียกเขาว่าพ่อแล้ว!
แถมเธอยังพูดปกป้องเขาจากหลี่หรง อีก
ลูกพ่อ ลูกพ่อช่างดีที่สุด พ่อขอสาบานว่าจากนี้ไปจนตลอดกาลพ่อจะไม่มีวันทิ้งลูกและแม่ของลูกไปไหนอีก!
เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานลงไปนอนที่โซฟากลางห้องนั่งเล่น พี่เลี้ยงหนิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและพูดว่า “คุณอวี้ เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาคุณเม่ยไม่กลับมาที่นี่เลย ดังนั้นถวนถวนจึงมองว่าคุณหรงเป็นแม่ของเธอเองอีกคน”
“ช่วงเวลาที่ผ่านมามันเป็นเรื่องยากลำบากของคุณหรงเช่นกัน เธอต้องเรียนในมหาลัยไปด้วยพร้อมกับก่อตั้งบริษัทของตัวเองไปด้วย และยังต้องเลี้ยงดูถวนถวนด้วยอีกต่างหาก ทั้งหมดนี้มันทำให้คุณหรงลำบากไม่น้อยเลย…”
ในระหว่างที่พูด พี่เลี้ยงหนิงก็แสดงสีหน้าหดหู่
“พี่เลี้ยงหนิง คุณพอจะรู้ไหมว่าภรรยาของผมเดินทางไปที่ไหนก่อนจะหายตัวไป?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้น หวังว่าฝั่งตรงข้ามจะมีข้อมูลอะไรให้เขาบ้าง
“ขอโทษด้วยจริง ๆ คุณอวี้ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณเม่ยเดินทางไปที่ไหน เรื่องนี้คุณคงต้องถามคุณหรงด้วยตัวเองแล้วล่ะ” พี่เลี้ยงหนิงส่ายหัวด้วยสีหน้าจนใจ
เมื่อได้ยินเช่นนี้อวี้ฮ่าวหรานก็ขมวดคิ้ว และครุ่นคิดเงียบ ๆ คนเดียว
ภรรยาของเขาไปตามหาเขาที่ไหนกัน หลังจากที่เขาตกหน้าผาไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว?
หากภรรยาของเขาหาศพของเขาถึง 2 ปีแล้วไม่เจอจริง ๆ เธอก็ต้องกลับมาที่นี่บ้างสิ เรื่องนี้มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ดูเหมือนว่าทางเลือกที่ง่ายที่สุดของเขาในตอนนี้คือต้องถามข้อมูลจากหลี่หรงโดยตรง
อวี้ฮ่าวหรานนั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นเพื่อรอให้หลี่หรงออกมาพูดคุยกับเขาด้วยจิตใจจดจ่อ มันเป็นเวลากว่า 3 หมื่นปีแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกประหม่าถึงขนาดนี้
เมื่อผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดหลี่หรงก็ออกมาจากห้องนอนของถวนถวน
“หลี่หรง หลี่เม่ยเดินทางไปตามหาพี่ที่ไหนกันแน่?” อวี้ฮ่าวหรานรีบลุกขึ้น และเอ่ยถามทันที
สีหน้าของหลี่หรงยังคงเย็นชาไม่ต่างอะไรไปจากเดิม เธอเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับว่า “ตามเข้ามาในห้องของฉัน!”
หลังจากพูดจบหลี่หรงก็เดินตรงไปที่ห้องของเธอเองซึ่งอยู่ข้าง ๆ ห้องนอนหลัก
แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานรีบเดินตามไปทันที และหลังจากที่หลี่หรงปิดประตูห้อง สายตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นอาฆาตและตะคอกว่า “อวี้ฮ่าวหราน ทำไมแกไม่ตาย ๆ ไปซะที่หน้าผาบ้านั่น!”
“3 ปีที่แล้วแกมันเป็นแค่ลูกเขยที่ตระกูลของฉันไม่ต้องการ ซึ่งพี่สาวของฉันเห็นค่าอะไรในตัวแกก็ไม่รู้ พี่สาวของฉันยอมขัดใจพ่อของฉันรวมไปถึงความเห็นของทุกคนในตระกูลมาแต่งงานกับแก!”
“แล้วตอนนี้ดูสิ่งที่แกทำเพื่อตอบแทนพี่สาวของฉันสิ!”
“นับตั้งแต่ที่แกตกลงไปที่หน้าผานั่น พี่สาวของฉันก็ออกตามหาศพแกไปทั่วอย่างดื้อรั้นและไม่ฟังใคร หลังจากนั้น 2 ปีที่แล้ว อู๋เส้าฮัวนายน้อยคนเล็กของตระกูลอู๋ที่หลงรักพี่สาวของฉันมานานก็มาที่ตระกูลหลี่ของเราเพื่อยื่นข้อเสนอให้พ่อของฉันยกพี่สาวของฉันให้มัน ซึ่งคนในตระกูลทุกคนต่างก็เห็นดีเห็นงามไปกับไอ้บ้าอู๋เส้าฮัวนั่นด้วย จากนั้นตระกูลก็กลายมาเป็นกดดันพี่สาวของฉันว่าถ้าหากพี่สาวไม่ยอมแต่งงานกับอู๋เส้าฮัวตระกูลจะทำทุกวิถีทางเพื่อพรากถวนถวนไปจากพี่สาวของฉัน!”
“เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น และด้วยความดื้อรั้นที่พี่สาวของฉันไม่ยอมเชื่อว่านายตายไปแล้ว เธอก็เลยฝากให้ฉันดูถวนถวนให้ในระหว่างที่เธอออกไปตามหานายต่อ จนท้ายที่สุดเธอก็ได้บังเอิญไปเจอกับแม่ชีคนหนึ่งที่ภูเขาลึกแห่งหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากจุดที่นายหายไป จากนั้นพี่สาวของฉันก็ไปฝึกฝนกับแม่ชีคนนั้น และเพื่อปกป้องถวนถวนเธอก็ไม่ส่งข่าวมาอีกเลยว่าเธอหายไปไหนกับแม่ชีคนนั้น แม้กระทั่งฉันพี่สาวก็ไม่บอกให้รู้ว่าเธอหายไปไหน”
“เอาล่ะอวี้ฮ่าวหราน ตอนนี้นายรู้แล้วสินะว่านายมันชั่วแค่ไหนที่สร้างความทุกข์ยากให้กับพี่สาวของฉันแบบนี้ ตอนนี้นายก็ช่วยเปิดปากออกมาได้แล้วว่าที่ผ่านมานายไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาถึงได้เพิ่งกลับมาเอาป่านนี้!!”
หลี่หรงจ้องเขม็งไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาเดือดดาล
หากไม่ใช่เพราะผู้ชายคนนี้ พี่สาวของเธอคงไม่ต้องมานั่งทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดแววตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาจนยากจะหยั่งถึง
ตระกูลหลี่ และตระกูลอู๋บังอาจมาบังคับให้ภรรยาของเขาผู้ที่เคยเป็นมหาจักรพรรดิเทพสูงสุดแต่งงานใหม่งั้นเหรอ!?
หลี่หรงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่กดดันซึ่งแผ่ออกมาจากร่างของอวี้ฮ่าวหรานอย่างชัดเจน จนเธอต้องถอยห่างเขาไปด้วยสีหน้าสับสนและหวาดกลัว
เธอไม่เข้าใจเลยว่าพี่เขยของเธอที่เคยเป็นคนที่อบอุ่นโอบอ้อมอารี และเป็นคนที่แสนดีที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา ทำไมจู่ ๆ กลับดูน่ากลัวขนาดนี้
“อู๋เส้าฮัวงั้นเหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานปิดตาลงพร้อมกับค่อย ๆ นึกเรื่องความหลังก่อนที่เขาจะไปอยู่ดินแดนแห่งเทพ