บทที่ 4 หาเงิน
เช้าวันถัดมา อวี้ฮ่าวหรานเปิดตาขึ้นพร้อมกับสัมผัสได้ว่าตอนนี้ในจุดตันเถียนของเขามันมีพลังวิญญาณเข้ามาเติมเต็มบ้างแล้ว แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเพราะหลังจากบ่มเพาะไปทั้งคืนพลังวิญญาณในจุดตันเถียนมันเพิ่มขึ้นมาแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อเทียบกับการบ่มเพาะที่ดินแดนแห่งเทพ การบ่มเพาะที่โลกนั้นถือว่าย่ำแย่กว่ามาก
“ไหนลองดูสิว่าตอนนี้เนตรเทวะพอจะใช้การได้หรือยัง!”
อวี้ฮ่าวหรานโคจรพลังวิญญาณไปที่ดวงตาทันทีเพื่อดูความเปลี่ยนแปลง
หืม?
แสงสีทองเปล่งประกายที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขา จากนั้นภาพที่ดวงตาของเขาเห็นก็เริ่มเปลี่ยนไป
กำแพงที่กั้นขวางระหว่างห้องกลายเป็นโปร่งใสต่อเนตรเทวะของเขาเอง
พี่เลี้ยงหนิงในตอนนี้กำลังวุ่นอยู่ในห้องครัว ส่วนหลี่หรงก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตื่น เธอยังคงนอนอยู่บนเตียงด้วยชุดนอนผ้าซาตินบางเบาด้วยท่าทางที่ชายใดเห็นก็ต้องมีจิตใจหวั่นไหวกันบ้าง
เมื่อเห็นภาพนี้อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว และเบนสายตาไปทางห้องของลูกสาวของเขาแทน
ถวนถวนในขณะนี้ตื่นแล้วเรียบร้อย เด็กน้อยกำลังใช้นิ้วเล็กน่ารักขยี้ตาตัวเอง และพยายามจะลุกขึ้นจากเตียง
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกอบอุ่นอยู่ในใจเมื่อเห็นภาพลูกสาวตัวน้อยที่เขาเฝ้าฝันหามาเป็นหมื่นปี เขาอยากจะดูเธอต่อไปอีกแต่น่าเสียดายที่จู่ ๆ ภาพที่เขาเห็นมันก็เริ่มเบลอและต่อมาเขาก็รู้สึกปวดที่ดวงตาเป็นอย่างมาก จนท้ายที่สุดภาพที่เป็นกำแพงโปร่งแสงก็จางหายไปเหลือแค่เพียงภาพแบบเดิมที่มนุษย์ปกติควรจะเห็น
สิ่งนี้เกิดขึ้นจากการที่พลังวิญญาณในร่างกายของเขาได้ถูกใช้จนหมดแล้ว ความพยายามในการบ่มเพาะของเขาทั้งคืนมันหมดไปกับการที่เขาใช้เนตรเทวะแค่เพียง 5 วินาที
“แบบนี้มันไม่ดีแน่ ถึงแม้ว่าเคล็ดวิชาเทพมารกลืนสวรรค์จะไม่จำเป็นต้องมีแก่นแท้ดวงวิญญาณเทวะในการบ่มเพาะ แต่การบ่มเพาะที่โลกนี้มันก็ช้าเกินไป แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ที่ข้าจะสามารถพัฒนาตัวเองไปจนถึงระดับที่แข็งแกร่งพอจะช่วยภรรยาของข้าได้กันเนี่ย? ไม่ได้ ๆ ต่อจากนี้ข้าต้องหาทางอื่นแทน ข้าคงต้องหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เพื่อที่จะได้เอาไปซื้อพวกของวิเศษที่มีพลังวิญญาณสถิตอยู่ภายในที่มีอยู่ในโลกนี้ แล้วดูดซับพวกมันมาบ่มเพาะร่างกายของข้าแทน”
แต่แล้วเมื่อคิดถึงเรื่องหาเงินอวี้ฮ่าวหรานก็เริ่มปวดหัวจี๊ด
เมื่อ 3 ปีที่แล้วหลังจากที่เขาเรียนจบเขาก็แต่งงานกับหลี่เม่ยทันที เขาแทบไม่มีประสบการณ์การทำงานใด ๆ เลย แล้วยิ่งโดยเฉพาะเมื่อถวนถวนเกิดเขาก็แทบจะอยู่แต่บ้านอย่างเดียว
ส่วนตอนที่เขาอยู่ที่ดินแดนแห่งเทพเขาก็เอาแต่บ่มเพาะ ซึ่งยิ่งเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเขาก็ยิ่งไม่ต้องหาเงินเอง
แต่แล้วในระหว่างที่อวี้ฮ่าวหรานกำลังปวดหัวกับเรื่องหาเงิน จู่ ๆ ประตูห้องนอนของเขาก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา
ถวนถวนที่กำลังกอดตุ๊กตาหมีอยู่ในอ้อมแขนยืนมองดูอวี้ฮ่าวหรานที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยสายตาโล่งใจจากหน้าประตู
“ถวนถวนเข้ามาให้พ่อกอดทีสิ” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยของตัวเองยืนอยู่หน้าประตู อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกเหมือนว่าหัวใจตัวเองกำลังหลอมละลาย มหาจักรพรรดิเทพแห่งสวรรค์ชั้น 33 ผู้เคยผลาญชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ไปมากมายกลายเป็นแกะเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาวของตัวเอง
ในทางกลับกัน ถวนถวนกลับก้าวถอยหลังไป 2-3 ก้าว ซึ่งทำให้อวี้ฮ่าวหรานไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อ เพราะกลัวว่าลูกสาวของเขาจะยิ่งกลัวเขามากไปกว่าเดิม
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ถวนถวนก็ดูเหมือนจะรวบรวมความกล้าได้สำเร็จและเอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า “คุณพ่อ…”
อันที่จริงแล้วถวนถวนจำหน้าตาพ่อแม่ของตัวเองได้แม่นอยู่แล้ว เพราะเธอเปิดอัลบั้มดูรูปทุกวัน แต่เมื่อวานสภาพของอวี้ฮ่าวหรานตอนที่อยู่หน้าประตูมันซกมกเกินไปจนดูเหมือนขอทาน ซึ่งทำให้ถวนถวนรู้สึกหวาดกลัว
แต่หลังจากนั้นเมื่อเขาอาบน้ำเสร็จ ถวนถวนก็จำเขาได้อย่างแม่นยำ และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเด็กน้อยถึงหยุดหลี่หรงไม่ให้ทำร้ายพ่อของเธอ
ตอนนี้เด็กน้อยตระหนักได้แล้วว่าพ่อของเธอได้กลับมาแล้วจริง ๆ
เช้านี้ที่เด็กน้อยรีบตื่นมาเปิดประตูห้องนอนหลักดูก็เพราะว่าเธออยากจะยืนยันอีกครั้งว่าพ่อของเธอจะไม่หายไปไหนอีกแล้วจริง ๆ
“ลูกรักของพ่อ!” เมื่อพูดประโยคนี้จบ อวี้ฮ่าวหรานก็รู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาลุกพรวดขึ้นจากเตียง และเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปกอดถวนถวน เด็กน้อยที่เขาคิดถึงอยู่ทุกวันเป็นเวลา 3 หมื่นปี
“ลูกพ่อ จากนี้ไปพ่อขอสาบานว่าพ่อจะไม่มีวันทำให้หนูรู้สึกเสียใจอีก” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยคำสาบานออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
ผ่านไปสักพักใหญ่ เมื่อหลี่หรงตื่นขึ้นและออกมานอกห้องนอน ภาพที่เธอได้เห็นที่ห้องนั่งเล่นก็คือถวนถวนกำลังขี่คออวี้ฮ่าวหรานอย่างสนุกสนานด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแบบที่เธอไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว
ความสัมพันธ์ของพ่อลูกคู่นี้มันจะเชื่อมติดกันเร็วเกินไปไหม!
หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานและหลี่หรงก็พาถวนถวนไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยคอยมองกลับมาที่ตัวเองตลอดด้วยสายตาไม่เต็มใจที่จะจากไป อวี้ฮ่าวหรานก็แทบจะทนไม่ได้อยากยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าโรงเรียนนี้ไปจนกว่าโรงเรียนจะเลิก
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงเขาทำแบบนั้นไม่ได้ เขามีหลายสิ่งที่จำเป็นต้องทำ!
“นายมีแผนจะทำอะไรต่อไป?” หลี่หรงเอ่ยถามขึ้นทำลายความเงียบ ท่าทีของเธอในวันนี้ดูสงบมากกว่าเมื่อคืนมาก เมื่อคืนที่ผ่านมาก่อนเธอจะผล็อยหลับไปเธอคิดอะไรได้หลายอย่างจนตอนนี้เธอเริ่มจะทำใจรับความจริงได้แล้ว
ในเมื่อพี่สาวของเธอเลือกอวี้ฮ่าวหราน เช่นนั้นมันก็ถือว่าเป็นชะตากรรมที่เธอต้องแบกรับเอาไว้ด้วย ดังนั้นการอาฆาตแค้นเขาต่อไปคงไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะไม่ว่าจะยังไงถวนถวนจำเป็นต้องมีพ่อ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือสิ่งที่เสียไปแล้วยังไงมันก็ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้
“พี่อยากจะหาเงิน” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับ “พี่ได้ยินมาว่าตอนนี้เธอเปิดบริษัทเป็นของตัวเองใช่ไหม?”
“นายอยากจะเข้ามาทำงานในบริษัทฉันงั้นเหรอ?” หลี่หรงรู้สึกประหลาดใจ “บริษัทของฉันคือบริษัทเวชภัณฑ์ยา นายมีความรู้เกี่ยวกับยาหรือไง? ในความคิดของฉันตำแหน่งที่เหมาะสมกับนายก็คงมีแค่เซลล์แมนหรือไม่ก็พนักงานทำความสะอาดเท่านั้นแหละมั้ง”
“พี่สามารถทำงานเป็นเซลล์แมนได้ ไม่ว่าจะยังไงถวนถวนก็ต้องเรียนในช่วงกลางวันอยู่แล้ว พี่สามารถใช้เวลาที่พี่ว่างไปขายยาให้บริษัทของเธอได้โดยไม่มีปัญหาจนกว่าจะถึงเวลา 4 โมงเย็นที่ถวนถวนเลิกเรียน” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับ
รายได้ของเซลล์แมนนั้นขึ้นอยู่กับค่าคอมมิชชั่น หากเขาต้องการหาเงินแบบเร็วที่สุดตำแหน่งงานนี้มันก็เหมาะสมแล้ว
“งั้นเหรอ? แต่ขอพูดตามตรงเลย ฉันไม่อยากจ้างนาย!” อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พูดประโยคปฏิเสธออกไปพักหนึ่ง หลี่หรงก็ถอนหายใจและพูดต่อว่า “เฮ้อ แต่ก็เอาเถอะ ฉันจะให้โอกาสนายก็ได้ ฉันมีสัญญาความร่วมมืออยู่ฉบับหนึ่ง หากนายไปเจรจาให้ฝั่งตรงข้ามเซ็นสัญญานี้ได้สำเร็จฉันจะรับนายเข้าทำงาน อ้อ แล้วถ้าหากนายทำสำเร็จจริง ๆ ฉันจะแบ่งค่าคอมจากสัญญานี้ให้นายด้วย 5% แต่ถ้าหากนายล้มเหลว นายก็ไปสมัครงานที่บริษัทอื่นซะ”
อันที่จริงหลี่หรงอยากจะบอกกับอวี้ฮ่าวหรานว่าจริง ๆ แล้วบริษัทของเธอตอนนี้มันใกล้จะล้มละลายเต็มแก่ สาเหตุที่บริษัทยังคงยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้มันเป็นเพราะเงินเก็บตั้งแต่เด็กของเธอล้วน ๆ มันเป็นเวลานานมากแล้วที่บริษัทของเธอขายผลิตภัณฑ์ไม่ได้เลยสักชิ้น แต่เธอไม่สามารถบอกกับอวี้ฮ่าวหรานได้ตรง ๆ เพราะมันคงทำให้เธอเสียหน้ามาก ๆ และฝั่งตรงข้ามคงคิดว่าเธอชักแม่น้ำมาปฏิเสธเขา
ดังนั้นเธอจึงยกเรื่องของสัญญาฉบับนี้ขึ้นมา ซึ่งจริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝันของเธอเท่านั้น มันเป็นสัญญาที่เธอคิดจะทำกับบริษัทใหญ่ ซึ่งโอกาสสำเร็จมันแทบจะไม่มีเลย ดังนั้นแทนที่เธอจะตัดรอนปฏิเสธอวี้ฮ่าวหรานอย่างไร้เยื่อใย เธอจึงใช้สัญญาที่เป็นไปไม่ได้นี้มาทำให้อวี้ฮ่าวหรานถอดใจถอยออกไปเอง
“ไม่มีปัญหา” อวี้ฮ่าวหรานตอบรับด้วยสีหน้ามั่นใจ
สำหรับอวี้ฮ่าวหรานการที่เขามีชีวิตอยู่มา 3 หมื่นกว่าปีแล้วนั้นมันทำให้เขามั่นใจในทุก ๆ เรื่อง ดังนั้นเขาจึงไม่กังขาเลยว่าเขาจะทำงานนี้ไม่ได้
มันก็แค่ไปคุยกับมนุษย์ธรรมดาให้ตกลงเซ็นสัญญาทางการค้าก็แค่นั้นเองจริงไหม?
หลี่หรงผงะเล็กน้อยกับท่าทางมั่นใจของอวี้ฮ่าวหราน แต่แล้วจากนั้นเธอก็พยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นพวกเราไปซื้อโทรศัพท์ให้นายกันก่อน ฉันจะได้ส่งไฟล์งานทั้งหมดที่เกี่ยวกับลูกค้า และผลิตภัณฑ์ของเราให้นายเห็น”
จากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็ไปแวะที่ห้างใกล้ ๆ เพื่อซื้อโทรศัพท์และเบอร์โทร
“ค่าโทรศัพท์เครื่องนี้จะหักจากเงินเดือนของนาย” หลี่หรงเอ่ยขึ้นด้วยท่าทาง ‘เจ้านาย’ และเดินจากไปเมื่อพูดจบ
อวี้ฮ่าวหรานได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายหัว ดูเหมือนว่าน้องภรรยาของเขาคนนี้คงจะโกรธเขามากจริง ๆ เขาคงจะต้องให้เวลาเธอสักหน่อย หรือไม่ก็ต้องรอจนกว่าเขาจะไปพาภรรยาของเขาเองกลับมาได้สำเร็จ เธอคงจะดีขึ้น…
จากนั้นไม่นานอวี้ฮ่าวหรานก็ได้รับไฟล์ข้อมูลทุกอย่างจากหลี่หรง
อวี้ฮ่าวหรานเปิดอ่านมันไม่นานก็จำรายละเอียดได้ครบอย่างขึ้นใจ
ผลิตภัณฑ์ของบริษัทหลี่หรงนั้นเป็นยาจีน และพวกอาหารเสริมต่าง ๆ ส่วนลูกค้าที่เธอต้องการเซ็นสัญญาด้วยก็คือบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่แห่งเมืองฮ่วยอัน เจ้าของบริษัทชื่อเฉิงกัวอัน อายุ 56 ปี และมีลักษณะนิสัยที่แปลกประหลาด เขาชอบมีอคติกับเจ้าของบริษัทอายุน้อย และเป็นคนที่เข้าถึงได้ยากมาก
“ยากมากงั้นเหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานยิ้ม และเดินทางไปตามที่อยู่บริษัทนี้ทันที
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง อวี้ฮ่าวหรานก็ได้เดินทางมาถึงบริษัทที่เป็นเป้าหมายของเขา บริษัทเวชภัณฑ์ซานฮ่วยอัน
“คุณเฉิงตอนนี้ยังมาไม่ถึงบริษัท คุณนั่งรอที่ล็อบบี้ไปก่อน” พนักงานสาวตรงประชาสัมพันธ์เอ่ยกับอวี้ฮ่าวหราน
อวี้ฮ่าวหรานดูเวลาที่นาฬิกา ตอนนี้ 9 โมงครึ่ง มันยังมีเวลาเหลืออีกเยอะกว่าโรงเรียนของถวนถวนจะเลิก เขาสามารถรอได้…
แต่แล้วหลังจากรอไป 5 ชั่วโมง และคำพูดของพนักงานก็ยังเหมือนเดิม ความอดทนของอวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงจุดสิ้นสุด
“โรงเรียนจะเลิกในอีก 1 ชั่วโมงครึ่ง!” อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกโมโหพร้อมกับเดินออกไปจากตึก จากนั้นเขาแหงนหน้ามองตึก 8 ชั้นด้วยสายตาเย็นชา
ที่ดินแดนแห่งเทพนั้นไม่มีใครสักคนที่กล้าให้เขารอแม้แต่วินาทีเดียว!
‘ฮึ่ม! ข้าไม่ยอมง่าย ๆ หรอก นี่เป็นงานแรกของข้า ข้าจะพลาดไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ข้าก็ต้องขึ้นไปดูให้เห็นหน้าสักหน่อยว่าไอ้คนที่มันปล่อยให้ข้ารอแบบนี้หน้าตามันเป็นยังไง!’