บทที่ 17 ซื้อรถ
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จ อวี้ฮ่าวหรานก็พาถวนถวนไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลเหมือนเดิมด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
“พ่อจ๋า หนูรักพ่อที่สุดเลย!”
“พ่อก็รักถวนถวนที่สุดเหนือสิ่งอื่นใดเหมือนกัน! เอาล่ะ ลูกเข้าไปในโรงเรียนได้แล้ว ไว้เราเจอกันอีกทีตอนลูกเลิกเรียนนะ”
“งั้นหนูไปก่อนนะคะพ่อ!”
อวี้ฮ่าวหรานยืนโบกมือส่งถวนถวนจนเทพธิดาตัวน้อยหายลับตาเข้าไปในตึกเรียน เขาถึงจะเดินจากมา
ในระหว่างเดินกลับบ้านอวี้ฮ่าวหรานบ่นพึมพำในใจ
“ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่เลยแฮะ ต้องเดินไปกลับแบบนี้ ดูเหมือนว่าฉันคงต้องหารถขับซะแล้ว”
แน่นอนว่าตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานมีเงินพอจะซื้อรถได้แบบสบาย ๆ จากเงิน 2 ล้านหยวนที่เฉิงกัวอันให้มา ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่โชว์รูมรถที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที
เป๋าเฟิงคาร์ช็อป
พนักงานขายผู้หญิงกำลังมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยสายตาคาดหวัง ถึงแม้ว่าการแต่งตัวของอวี้ฮ่าวหรานจะดูธรรมดา แต่ด้วยการวางตัว และการพูดคุยที่ดูภูมิฐานมันทำให้เธอคิดว่าลูกค้าคนนี้คงไม่ได้เข้ามาที่นี่เพื่อลองรถเพียงอย่างเดียวเหมือนกับลูกค้าคนอื่น ๆ แน่
และยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานกำลังดูรถซีดานแบรนด์หรูอย่าง infiniti ด้วยความสนใจ
อวี้ฮ่าวหรานคิดว่ารถคันนี้มันใช้ได้เลย และราคามันก็พอสมเหตุสมผลอยู่ที่ 5 แสนหยวน ดังนั้นเขาจึงบอกกับพนักงานขายทันทีว่าจะซื้อคันนี้
“ได้เลยค่ะคุณอวี้ รบกวนคุณอวี้รอสักครู่นะคะ ดิฉันขอเรียกผู้จัดการมาจัดการเอกสารให้คุณก่อน”
พนักงานขายรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่คิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะตัดสินใจซื้อง่ายขนาดนี้
พนักงานขายโทรศัพท์ไปหาผู้จัดการทันที “ฮัลโหล ผู้จัดการหลิวคะ คุณช่วยมาจัดการเอกสารให้กับลูกค้าทีได้ไหมคะ ตอนนี้ลูกค้าต้องการซื้อรถแล้ว”
หลังจากวางสายไป พนักงานขายก็รีบพาอวี้ฮ่าวหรานมานั่งที่โซฟา และหารินน้ำให้เขาดื่มอย่างสุภาพ
อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกดีอยู่เหมือนกันกับการที่ได้รับการต้อนรับแบบนี้ เนื่องจากตั้งแต่เขากลับมาที่โลกมนุษย์ แทบทุกคนที่เขารู้จักล้วนแต่ปฏิบัติตัวกับเขาอย่างต่ำทรามทั้งนั้น ซึ่งมันทำให้เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญอยู่ตลอดเวลา
ไม่นานนักหลังจากที่พนักงานขายเรียกผู้จัดการมา ชายวัยกลางคนร่างอ้วนคนหนึ่งก็เดินลงมาจากชั้นสองของโชว์รูม
“ผู้จัดการหลิวคะ นี่คือลูกค้าที่ต้องการทำสัญญาซื้อรถมูลค่า 520,000 หยวน…”
ทันทีที่ผู้จัดการหลิวปรากฏตัวขึ้น พนักงานขายก็รีบเอ่ยขึ้นทันทีด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับคุณผู้ชาย ผมผู้จัดการหลิวยินดีรับใช้…”
ผู้จัดการหลิวเอ่ยแนะนำตัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งอวี้ฮ่าวหรานนั้นนั่งหันหลังให้อยู่ ทั้งสองฝ่ายจึงไม่เห็นหน้ากัน
อวี้ฮ่าวหรานขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินคำแนะนำตัวเอง
ทำไมเสียงนี้มันถึงคุ้น ๆ
จากนั้นเมื่ออวี้ฮ่าวหรานหันหลังไปมอง คิ้วของเขาก็เลิกขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเล็กน้อย “ช่างบังเอิญจริง ๆ”
“นี่แก…”
แน่นอนว่าผู้จัดการหลิวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือหลิวเทียนอี้ที่เพิ่งถูกอวี้ฮ่าวหรานอัดไปที่โรงเรียนอนุบาล
ก่อนหน้านี้หลิวเทียนอี้ยังคงแค้นไม่หายที่เขาไม่สามารถทำอะไรอวี้ฮ่าวหรานได้เลย แม้กระทั่งเขาไปขอความช่วยเหลือจากพวกนักเลง แต่นักเลงพวกนั้นกลับถูกอัดจนราบคาบ แถมพี่เปียวซึ่งเป็นหัวหน้าของพวกนักเลงยังบอกกับเขาอีกว่า อวี้ฮ่าวหรานไม่ใช่คนธรรมดา เขาไม่ควรจะไปล่วงเกินฝั่งตรงข้ามอีกเป็นครั้งที่สอง
แต่แล้วตอนนี้เขากลับต้องมาเจอกับศัตรูของตัวเองในที่ทำงานของเขา!
ถ้าเขาจัดการด้วยกำลังไม่ได้ ถ้างั้นอย่างน้อย ๆ เขาก็สามารถทำให้ฝั่งตรงข้ามอับอายด้วยคำพูดได้ใช่ไหม?
หลิวเทียนอี้มองอวี้ฮ่าวหรานตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาดูถูก เขายิ้มเยาะเย้ยและพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่หลงเหลือความเกรงใจแบบที่มีในตอนแรก “เหอะ คนอย่างแกเนี่ยนะจะซื้อรถมูลค่า 5 แสนหยวน? คนอย่างแกจะมีปัญญาซื้อจริง ๆ งั้นเหรอ?”
ในตอนแรกพนักงานขายรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่วันนี้เธอขายรถราคาแพงได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้เมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลิวเทียนอี้สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที
มันกลับกลายเป็นว่าทั้งสองคนรู้จักกัน แถมน่าจะมีความแค้นต่อกันอีกต่างหาก ดูเหมือนว่าการขายครั้งนี้คงพังลงแบบไม่เป็นท่าแน่นอน!
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าหลิวเทียนอี้ทำไม่ถูกที่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานแบบนี้ แต่เธอก็พูดอะไรไม่ได้เพราะตำแหน่งของเธอนั้นด้อยกว่าหลิวเทียนอี้ที่เป็นผู้จัดการ
ตอนนี้เธอหวังให้มีปาฏิหาริย์บางอย่างเกิดขึ้น เพื่อที่เธอจะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายในวันนี้
“ในฐานะที่ฉันเป็นผู้จัดการของที่นี่ และทำงานด้านขายรถมานาน ฉันมีประสบการณ์มากพอที่จะแนะนำรถที่คู่ควรกับคนฐานะอย่างแก แกสนใจไหมล่ะ?”
หลังจากพูดจบหลิวเทียนอี้ก็ผายมือไปทางโซนรถมือสองราคาถูกให้กับอวี้ฮ่าวหราน
เมื่อเห็นสีหน้าที่ยียวนของหลิวเทียนอี้ อวี้ฮ่าวหรานก็หัวเราะขบขันในการแสดงของฝั่งตรงข้าม อันที่จริงหากนี่เป็นที่ดินแดนแห่งเทพป่านนี้หลิวเทียนอี้คงกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว แต่ที่นี่มันคือโลกมนุษย์ที่มีกฎหมายยิบย่อยมากมาย และเขายังไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับรัฐบาลทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่เล่นตามน้ำไปก่อนเพื่อดูว่าไอ้หมูอ้วนนี่มันจะมาไม้ไหน
“โอ้งั้นเหรอ งั้นนำไปดูทีก็แล้วกัน” อวี้ฮ่าวหรานลุกขึ้นยืนพร้อมกับตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่า เยี่ยมเลย นู่นเลย เมื่อวานเพิ่งมีรถมือสองเข้ามาใหม่ เป็นรถครอบครัวเล็ก ๆ อายุ 18 ปี ราคามันแค่ 20,000 หยวนเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่ามันจะเก่าสักหน่อยแต่มันก็ดูเหมาะสมกับฐานะของแกที่สุดแล้ว!”
หลิวเทียนอี้ชี้ไปที่รถมือสองสภาพพอใช้ได้ด้วยสีหน้าเห็นใจ แต่คำพูดและน้ำเสียงของเขานั้นสวนทางกับหน้าตาเป็นอย่างมาก
“เอาน่าคุณอวี้ ถึงแม้ว่ามันจะดูเก่าไปนิด แต่คนอย่างคุณที่มีฐานะแค่นี้เอารถแบบนี้ไปก็ดีแล้ว ไม่งั้นถ้าคุณซื้อรถดี ๆ ไปสัก 2-3 เดือนแล้วไม่มีปัญญาผ่อนต่อแบบนั้นมันจะมีผลต่อเครดิตคุณซะเปล่า ๆ เอาเป็นว่าอย่าหาว่าผมดูถูกคุณเลยนะ คุณควรจะเลือกของที่สมฐานะของตัวเองมากกว่า อันนี้ผมแนะนำคุณจากใจเลยจริง ๆ ในฐานะคนรู้จักกัน!”
หลิวเทียนอี้เปลี่ยนสรรพนามเรียกอวี้ฮ่าวหรานให้สุภาพกว่าเดิม เพื่อทำให้ประโยคเห็นใจของเขามันยิ่งยียวนมากขึ้น
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อย ยอมรับคำพูดที่ไร้ยางอายของฝั่งตรงข้าม
“เอาล่ะในเมื่อคุณอวี้ดูพอใจกับคำแนะนำของผม ถ้างั้นเรามาเซ็นสัญญากันดีกว่า เอาเป็นผ่อนชำระใช่ไหม กี่เดือนดี? 48? 56? 68? 70? คุณอวี้เลือกมาได้เลย แต่ผมแนะนำให้คุณเลือกผ่อนนาน ๆ สักหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวถ้าคุณหมุนเงินมาผ่อนไม่ทันมันจะยิ่งเป็นเรื่องยุ่งไปกันใหญ่ คุณว่าจริงไหม?”
หลังจากพูดไปมากมายหลิวเทียนอี้ก็เริ่มหิวน้ำ เขาเดินไปที่โต๊ะและหยิบแก้วน้ำของอวี้ฮ่าวหรานขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อย เพราะตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานก็ยังคงแสดงสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ กับคำพูดของเขาเลย
แน่นอนว่าคำพูดสบประมาทลูกค้าของเขาแบบนี้มันดังไปถึงหูของพนักงานขายคนอื่น ๆ ในโชว์รูมด้วย ซึ่งทุกคนต่างก็หันมามองหน้ากันด้วยสีหน้างุนงง
ผู้จัดการหลิวเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงพูดกับลูกค้าแบบนั้น?
แล้วที่น่าแปลกไปกว่านั้นทำไมลูกค้าถึงไม่โต้ตอบอะไรเลย?
ถ้าเป็นคนปกติเมื่อโดนดูถูกขนาดนี้ต้องมีการต่อล้อต่อเถียงอย่างรุนแรงไปแล้วจริงไหม?
พนักงานหญิงคนเดิมที่ดูแลอวี้ฮ่าวหรานเมื่อครู่ เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานไม่ตอบโต้อะไรเลยเธอก็เริ่มคิดในใจอยู่เหมือนกันว่า
หรือว่าผู้ชายคนนี้จะไม่มีเงินเหมือนที่ผู้จัดการหลิวพูดจริง ๆ
ทางด้านของอวี้ฮ่าวหราน เมื่อเห็นว่าหลิวเทียนอี้น่าจะหมดมุกแล้วเขาก็เดินไปที่รถ SUV สีดำคันโตที่อยู่บนแท่นโชว์เด่นหน้าโชว์รูม
อวี้ฮ่าวหรานหันไปหาพนักงานผู้หญิงคนเดิมที่เดินตามเขามาติด ๆ ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนและถามว่า “คันนี้เท่าไหร่?”
พนักงานขายผู้หญิงรีบตอบกลับทันทีด้วยท่าทางสุภาพเหมือนเดิม “เอ่อ…นี่คือ Lexus 570 เป็นรถ SUV ตัวท็อปของที่นี่ ราคามันอยู่ที่ 1.6 ล้านหยวนค่ะ…”
เธอแนะนำอย่างมืออาชีพ ทั้ง ๆ ที่ในใจของเธอตอนนี้ไม่ค่อยคาดหวังสักเท่าไหร่ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะมีปัญญาซื้อมัน
“อืม มันดูเหมาะจริง ๆ” อันที่จริงอวี้ฮ่าวหรานรู้อยู่แล้วว่ารถคันนี้มันรุ่นอะไร และราคาประมาณเท่าไหร่ เพราะมันเคยเป็นรถในฝันของเขามาก่อน แต่ตอนนั้นเขาไม่มีปัญญาซื้อมัน ฉะนั้นเมื่อเขาเห็นมันตอนนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะซื้อมัน
“ภายในของรถคันนี้ตกแต่งด้วยหนังชั้นยอดที่สุด ส่วนกำลังขับของรถนั้นถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่อง V8 แบบ 8 สปีด…”
“ผมเอาคันนี้” อวี้ฮ่าวหรานโบกมือตัดบทพูดของพนักงานขายทันที
พนักงานขายผู้หญิงอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่แล้วเมื่อเธอได้สติเธอก็ยิ้ม และพูดขึ้นด้วยสีหน้าสุภาพ “เอ่อ…คุณอวี้ ดิฉันว่ารถคันนี้มันค่อนข้างที่จะแพงไปสักหน่อยหรือเปล่า ทั้งค่าบำรุงรักษาด้วย…”
ยังไม่ทันที่พนักงานขายจะพูดจบ เสียงของหลิวเทียนอี้ก็ลอยมาขัดขึ้นอีก “ฮ่าฮ่า คุณอวี้ รถคนนี้มันไม่เหมาะกับคุณหรอก รถนี่มันราคาตั้ง 1.6 ล้านหยวนเชียวนา คุณรู้หรือเปล่าว่าเงินจำนวนนี้มันมากแค่ไหน? ผมไม่คิดว่าคุณจะผ่อนมันไหวหรอก อย่าทำอะไรที่มันเกินตัวเลย!”