บทที่ 22 ทวงหนี้
“มากับผมก็แล้วกัน เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง” อวี้ฮ่าวหรานถอนหายใจ และพูดกับครูสวีที่กำลังยืนคอตก
หลังจากที่พูดจบอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้รอคำตอบของครูสวีแม้แต่น้อย เขาเดินมุ่งหน้าไปที่รถของเขาทันที เพราะเขาคิดว่าตอนนี้พี่เลี้ยงหนิงน่าจะเตรียมอาหารเอาไว้ให้ถวนถวนเรียบร้อยแล้ว เขาอยากเสร็จธุระที่นี่เร็ว ๆ เพื่อที่จะได้กลับบ้านไปกินข้าวกับลูกสาว
ทางด้านของครูสวีเมื่อเห็นว่าฝั่งตรงข้ามไม่มีทีท่าว่าจะรอเธอตอบเลย เธอก็กัดฟันและรีบวิ่งตามไป
แน่นอนว่าเมื่อขึ้นรถไปอวี้ฮ่าวหรานไม่มีทางให้ถวนถวนนั่งหลังแน่นอน เขาให้ลูกสาวของตัวเองนั่งหน้ากับเขา
ส่วนครูสวีเมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหรานที่แต่งตัวดูธรรมดา แต่กลับขับรถหรูขนาดนี้เธอก็ยิ่งประทับใจในตัวของอวี้ฮ่าวหรานมากขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่าครูสวีจะมาสอนที่โรงเรียนอนุบาลแอปเปิ้ลแดงได้ไม่นาน แต่เธอก็พอจะรู้เรื่องคร่าว ๆ ของถวนถวน ซึ่งจากที่เธอเคยได้ยินมา พ่อแม่ของถวนถวนหายไปหลายปีแล้วจากอุบัติเหตุอะไรสักอย่าง
ส่วนตัวของเธอเองนั้น พ่อแม่ของเธอก็หย่าร้างกันตั้งแต่เด็ก ดังนั้นมันจึงทำให้เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกของการขาดความอบอุ่น และทำให้เธอพยายามดูแลถวนถวนมากเป็นพิเศษ
“นี่…ข่าวลือพวกนั้นไม่ใช่ความจริงทั้งหมดงั้นเหรอ?”
ครูสวีคิดขึ้นกับตัวเองพลางมองไปที่อวี้ฮ่าวหราน ซึ่งกำลังขับรถอยู่อย่างตั้งใจ แต่มีบางครั้งที่เขาหันไปหาถวนถวน เพื่อเล่นกับลูกสาวของเขาด้วยหน้าตายิ้มแย้มเช่นกัน
“เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ?”
ในสายตาของครูสวี อวี้ฮ่าวหรานกลายเป็นคนที่ลึกลับ และน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงแต่เป็นคนรวยที่ดูติดดิน แต่ในด้านการชกต่อยเขายังเก่งกาจพอ ๆ กับพวกซูเปอร์ฮีโร่ในหนังอีกต่างหาก…
แต่แล้วด้วยระยะทางที่คอนโดของอวี้ฮ่าวหรานอยู่ใกล้กับโรงเรียนอนุบาลมากกว่าบ้านของครูสวี อวี้ฮ่าวหรานจึงขับไปส่งถวนถวนก่อนเพื่อให้ลูกสาวของเขาได้กินข้าวเป็นอันดับแรก เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวของตัวเองต้องมาทนหิวเพื่อเขาหรือใครทั้งนั้น
เมื่อขับรถไปถึงคอนโดของตัวเอง อวี้ฮ่าวหรานจอดรถและให้ครูสวีรอในรถก่อน ส่วนตัวเขานั้นขึ้นไปส่งถวนถวนที่ห้อง
“พ่อจ๋า พ่อพาครูไปกินข้าวเลยสิ ครูสวีชอบเอาอาหารอร่อย ๆ มาให้หนูกินอยู่เรื่อยเลย!”
เมื่อได้ยินลูกสาวของตัวเองพูดแบบนี้อวี้ฮ่าวหรานก็ทำได้แค่รับปากอย่างขมขื่น จากนั้นเขาก็ส่งถวนถวนให้หลี่หรงพาเข้าไปกินข้าวในห้อง ส่วนตัวของเขาก็เดินกลับลงมาที่รถ
หลังจากขึ้นรถแล้วอวี้ฮ่าวหรานก็ตกลงให้ครูสวีพาเขาไปเลี้ยงข้าว ซึ่งพวกเขาก็ได้ไปที่ร้านอาหารจีนร้านหนึ่งที่ดูพอใช้ได้
เมื่อทั้งคู่เข้าไปนั่งในร้าน อวี้ฮ่าวหรานส่งเมนูให้ครูสวีและเอ่ยขึ้นว่า “ครูสวี มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณดูแลลูกผมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด”
ครูสวียิ้มและพยักหน้า จากนั้นเธอก็สั่งกับข้าวมา 2-3 อย่าง ซึ่งพอกินอิ่มสำหรับ 2 คน
ในทางกลับกัน อวี้ฮ่าวหรานกลับขมวดคิ้ว “นี่มันน้อยไปหรือเปล่า?”
จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็เรียกบริกรมาอีกรอบทันที และสั่งอาหารเพิ่มอีกสิบอย่าง ซึ่งแต่ละอย่างเป็นจานขนาดใหญ่ทั้งนั้น
บริกรขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นอวี้ฮ่าวหรานสั่งอาหารเยอะขนาดนี้ เขาทำถึงขนาดเอ่ยปากพยายามอธิบายว่าอาหารที่อวี้ฮ่าวหรานสั่งมามันอาจจะเยอะเกินไปสำหรับสองคน อวี้ฮ่าวหรานควรกินชุดแรกให้หมดก่อนแล้วสั่งเพิ่มก็ได้
แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานปฏิเสธทันที และไล่ให้บริกรไปทำอาหารมาตามที่สั่ง
“ชิ อยากอวดกับผู้หญิงล่ะสิว่าเป็นคนรวย! มากันแค่สองคนสั่งเยอะขนาดนี้จะกินหมดได้ยังไง?”
บริกรบ่นในใจเพราะเขาไม่ชอบคนที่กินเหลือทิ้งเหลือขว้าง แต่เนื่องจากอวี้ฮ่าวหรานเป็นลูกค้า ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ก่นด่าในใจเท่านั้น
“คะ คุณอวี้ อันที่จริงคุณไม่ต้องเลี้ยงฉันมากขนาดนี้ก็ได้ ฉันกินมันไม่หมดหรอก…” ครูสวีเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน เธอเข้าใจว่าอวี้ฮ่าวหรานสั่งมาเยอะแบบนี้เป็นเพราะต้องการเอาใจเธอ
ในทางกลับกันอวี้ฮ่าวหรานไม่ได้คิดแบบนั้นเลย เขาแค่คิดว่าอาหารที่เธอสั่งมามันน้อยไปจริง ๆ ต้องรู้ว่าเขามีร่างกายเทวะที่สามารถกักเก็บพลังงานได้มหาศาล ซึ่งอาหารธรรมดา ๆ ในโลกมนุษย์นั้นให้พลังงานน้อยมากหากเทียบกับร่างกายที่เหนือมนุษย์ของเขา อันที่จริงต่อให้มีอาหารทั้งโลกมาวางกองตรงหน้าเขา หากให้เวลาเขามากพอเขาก็กินมันได้เรื่อย ๆ จนหมด
“ไม่ต้องคิดมาก ผมกินพวกมันได้หมดแน่นอน” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับโดยไม่อยากจะอธิบายอะไรมาก
เมื่อเห็นสีหน้ามั่นใจของอวี้ฮ่าวหราน ครูสวีก็ไม่พูดอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องอาหาร เธอเปลี่ยนประเด็นคุยไปเรื่องที่เธออยากรู้ทันที “คุณอวี้ คุณเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองให้ฉันฟังหน่อยจะได้ไหม? อะ…เอ่อ…ไม่ใช่ ๆ ฉันหมายถึงว่าสภาพแวดล้อมที่ถวนถวนอยู่เป็นยังไงบ้าง คือ…ฉันแค่อยากจะรู้ข้อมูลของนักเรียนเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้สอนเธอได้ดีขึ้นในอนาคต…”
หลังจากเอ่ยถามประโยคแรกไป เธอพบว่าสายตาของอวี้ฮ่าวหรานเปลี่ยนไปเป็นจ้องเธอเขม็งทันที ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ดังนั้นเธอจึงรีบอธิบายเพิ่มแล้วเปลี่ยนประเด็นคำถามอย่างรวดเร็วพร้อมกับยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน
อวี้ฮ่าวหรานจ้องผู้หญิงตรงหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาพยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยว่า “สามปีก่อนมีบางอย่างเกิดขึ้นกับผมจนทำให้ผมเพิ่งได้กลับมาบ้านเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนแม่ของถวนถวนหายตัวไปเมื่อสองปีก่อนเพราะสาเหตุบางอย่าง”
อวี้ฮ่าวหรานพูดขึ้นแค่นี้ และหยุดลงเป็นการตัดจบอย่างรวบรัดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ทำให้ครูสวีแสดงสีหน้างุนงงทันที
จบแล้ว?
แค่นี้เหรอ?
แต่เพื่อทำลายบรรยากาศที่กระอักกระอ่วน ครูสวีจึงพูดขึ้นบ้างว่า “งั้นให้ฉันเล่าเรื่องของถวนถวนที่ผ่านมาในโรงเรียนให้คุณฟังก็แล้วกัน”
ครูสวีเล่าว่าถวนถวนนั้นเป็นเด็กที่มีความคิดความอ่านมากกว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน และมีความอดทนเป็นเลิศ เธอรู้ว่าสิ่งใดควรพูดและถาม และที่สำคัญไปกว่านั้นถวนถวนมักไปอธิษฐานอยู่คนเดียวเสมอว่าขอให้พ่อแม่ของเธอกลับมาหาเธอไว ๆ
อันที่จริงเด็กที่ไม่มีพ่อแม่คอยดูแลนั้นส่วนใหญ่จะมีความคิดความอ่านที่โตกว่าเด็กทั่ว ๆ ไปในรุ่นเดียวกันอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ครูสวีเล่าให้กับอวี้ฮ่าวหรานฟังนั้นจึงเป็นอะไรที่อวี้ฮ่าวหรานพอจะเดาได้ แต่เมื่อเขาได้ยินว่าถวนถวนคิดถึงเขา และหลี่เม่ยมากแค่ไหนคิ้วของอวี้ฮ่าวหรานก็ขมวดเข้าหากันแน่นทันที
เขารู้สึกเจ็บปวดใจทุกครั้งเมื่อได้ยินเรื่องราวแบบนี้ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของเขาเอง
อย่างไรก็ตาม สีหน้าที่เจ็บปวดก็อยู่ไม่นานนักและเปลี่ยนเป็นผ่อนคลาย เพราะอวี้ฮ่าวหรานคิดได้ว่าในตอนนี้เขาได้กลับมาอยู่กับลูกสาวแล้ว
นับจากนี้เขาจะดูแลถวนถวนให้ดี และจะไม่ทำให้ลูกสาวของตัวเองต้องทุกข์ทรมานอีกแน่นอน!
…
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ อวี้ฮ่าวหรานและครูสวีก็ทานมื้อค่ำกันเสร็จเรียบร้อย
อันที่จริงหากจะพูดว่าอวี้ฮ่าวหรานเป็นคนกินอาหารคนเดียวก็ไม่ผิดนัก เพราะเขากินอาหารที่สั่งมาไปคนเดียวเกิน 9 ส่วน ซึ่งไม่ใช่ว่าครูสวีนั้นเกรงใจอะไร แต่เป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ดังนั้นเธอจึงกินแค่นิดหน่อยก็อิ่มจนกินต่อไม่ไหวแล้ว
เมื่อเห็นว่ากินกันเสร็จเรียบร้อย อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่อยากจะรั้งอยู่ข้างนอกอีกต่อไป เขาอยากจะกลับบ้านไปกล่อมลูกสาวของเขาเข้านอนมากกว่าต้องมาอยู่กับใครไม่รู้แบบนี้
“ครูสวี ให้ผมพาคุณกลับบ้านก็แล้วกัน ตอนนี้มันดึกมากแล้ว ผมอยากรีบกลับบ้านเช่นกัน”
เมื่อพูดจบอวี้ฮ่าวหรานก็สั่งบริกรคิดเงินทันที และลุกออกไปโดยที่ไม่รอให้ครูสวีตอบโต้สักคำ
“นี่คนคนนี้เป็นคนเอาแต่ใจจนไม่สนใจความเห็นของคนอื่นเลยหรือไงกัน?”
ครูสวีคิดขึ้นในใจ เธอรู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยที่อวี้ฮ่าวหรานไม่สนใจเธอเลยแบบนี้ แต่ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นเรื่องแปลกที่สิ่งนี้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกสนใจในตัวเขามากขึ้นไปอีก
เมื่อขึ้นไปบนรถครูสวีก็บอกเส้นทางอวี้ฮ่าวหรานไปเรื่อย ๆ ซึ่งเมื่อผ่านไปสักพักสองข้างทางก็เริ่มจะมีแต่บ้านเก่า ๆ เรียงรายอยู่เต็มไปหมด และท้ายที่สุดรถของอวี้ฮ่าวหรานก็จอดอยู่หน้าบ้านเล็ก ๆ 1 ชั้นเก่า ๆ หลังหนึ่ง
“คุณอวี้ ฉันขอบคุณมากจริง ๆ ที่วันนี้พาฉันไปเลี้ยงข้าว…เอ่อ…คุณอยากเข้าไปดื่มน้ำที่ด้านในบ้านก่อนไหม?” สวีรุ่ยยังไม่เปิดประตูรถออกไป เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันกลับมาถามอวี้ฮ่าวหรานด้วยสีหน้าลังเล
“ไม่เป็นไร ผมกลับเลยดีกว่า” อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับทันทีด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
แต่แล้ววินาทีต่อมาเสียงที่ดูข่มขู่ก็ดังขึ้นที่นอกรถ
“เฮ้ คนที่อยู่ข้างในรถลงมาเดี๋ยวนี้!”
“จ่ายหนี้มาได้แล้ว อย่าให้ต้องมาทวงบ่อย ๆ!”
“โอ้ มากับรถหรูซะด้วย ดูเหมือนว่าจะมีเศรษฐีเลี้ยงแล้วสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
…
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้สีหน้าของสวีรุ่ยก็เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก และเมื่อเธอมองไปนอกรถ เธอก็เห็นว่าตอนนี้ได้มีนักเลงหลายคนยืนล้อมรถของอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้หมดแล้ว แถมพวกนักเลงยังส่งสายตาท้าทายอวี้ฮ่าวหรานอีกต่างหาก
“นี่มันเรื่องอะไร?” อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยโดยที่ไม่หันไปมองพวกนักเลงเลย
สวีรุ่ยก้มหน้าลงอย่างหดหู่ และครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบว่า “คะ..คือ ก่อนหน้านี้พ่อของฉันเขาไปกู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยสูงมา…แล้ว…ตอนนี้เมื่อเขาหนีไปแล้ว…คนพวกนี้ก็เลยมาตามทวงหนี้ที่ฉัน พวกเขาต้องการให้ฉัน…ต้องการให้ฉัน…คือพวกเขาเคยขู่เอาไว้ว่าวันนี้เป็นวันเส้นตายที่ฉันต้องใช้หนี้แทนพ่อ แต่ฉันไม่คิดเหมือนกันว่าพวกเขาจะมาดักรอถึงหน้าบ้านแบบนี้….”